หน้าหลัก / โรแมนติก / เผลอใจรักเมียคนเดิม / ตอนที่ 4 คำขอสุดท้ายของภรรยา

แชร์

ตอนที่ 4 คำขอสุดท้ายของภรรยา

ผู้เขียน: ณัฐพรพราว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-11-28 21:09:31

“พี่รู้ แต่เอิร์นจะเป็นน้องสาวของพี่เสมอ” คำว่าน้องสาวฝั่งลึกเข้าไปในทุกโสตประสาทของอารีรัตน์ เธอไม่อยากยอมรับความจริง แต่ก็ต้องยอมเพราะต่อให้เธอจะร้องไห้จนน้ำตาออกมาเป็นสายเลือดก็คงไม่สามารถเปลี่ยนใจของเขาได้

“โอเคค่ะ” อารีรัตน์หลับตาลง คิดถึงภาพวันวานที่เธอกับเขาได้มีความสุขร่วมกันมาตลอด 4 ปี รอยยิ้มของเขา ใบหน้าของเขาวันที่รู้ว่าเธอกำลังท้อง คำพูดที่แสนอบอุ่นและกอดจากความรัก แม้ในตอนนั้นอาจจะไม่ใช่ความรักในความหมายเดียวกันกับของเธอ แต่นั่นคือกอดที่มาจากรักและเธอจะขอจำไว้แบบนั้นตลอดไป

“เอิร์นจะทำตามความต้องการของพี่โอบ”

หมดแล้วคำว่าครอบครัวที่เธอใฝ่ฝันให้มันเป็นแบบนี้ไปจนแก่ หมดแล้วสถานะภรรยาของอินทัช หมดแล้วความสุขที่เธอจะได้อยู่กับเขาและอยู่กันพร้อมหน้าสามคนพ่อแม่ลูก พรุ่งนี้ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม

“แต่เอิร์นมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะขอพี่โอบ” เมื่อเขาอยากได้อิสรภาพและชีวิตของเขาคืน เธอก็จะยอมคืนให้แม้ในหัวใจจะคัดค้านไม่ต้องการทำแบบนั้นแต่มีเรื่องเดียวที่เธอคงยอมให้อินทัชไม่ได้

“ว่ามาสิ” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ เขากำลังมีความสุขที่จะได้ชีวิตของตัวเองคืนและเขาไม่แม้แต่จะปกปิดมันไว้สักนิด อย่างน้อยก็ควรจะแสร้งทำเป็นเฉย ๆ หรือไม่ต้องดีใจจนออกนอกหน้าให้เธอเห็นก็ได้ รอยยิ้มกว้างของเขาไม่ต่างอะไรกับใบมีดคม ๆ ที่เฉือนบนหัวใจของเธอเลย

“อันนาต้องอยู่กับเอิร์น”

“เรื่องนี้พี่คงให้ไม่ได้เอิร์น” เขาเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ แต่เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวเขาคงปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ ห่วงอารีรัตน์ไหมก็อาจจะมีบ้างแต่อินทิชห่วงอันนามากกว่า

“พี่มีงานมีเงินที่จะเลี้ยงลูกได้ไม่ลำบาก แต่เอิร์นไม่มีอะไรเลยแล้วจะเลี้ยงลูกให้สบายได้ยังไง” เขาไม่ได้จะดูถูกอารีรัตน์ ที่พูดก็เอาความจริงมาพูดทั้งนั้น

ตลอดเวลาที่เธออยู่กับเขาในฐานะภรรยา อินทัชต้องการให้เธอเป็นแม่บ้านอยู่บ้านเลี้ยงลูกดูแลสามีก็พอ เขาไม่ให้เธอทำงานเพราะเงินที่เขามีและธุรกิจของเขาสามารถเลี้ยงลูกและเมียได้สบาย ๆ แต่พอมาตอนนี้เขาก็พึ่งคิดได้ว่า ตัวเองคิดผิดที่ไม่ปล่อยให้อารีรัตน์ทำงานบ้าง เมื่อถึงคราวต้องแยกทางกันกลายเป็นเขาที่ทำให้เธอลำบากเสียเอง

“เอิร์นมีค่ะ และเอิร์นมั่นใจว่าสามารถเลี้ยงลูกได้”

“ยังไงเอิร์น อย่าบอกนะว่าจะพาอันนาไปอยู่ที่อังกฤษ” เห็นความมั่นใจภายใต้ดวงตาที่บอบช้ำแล้วอินทัชอดที่จะถามออกไปไม่ได้ ว่าเธอเอาอะไรมามั่นใจที่จะหาเงินมาเลี้ยงอันนาได้ด้วยตัวเอง

แต่แล้วก็มานึกออกว่าครอบครัวของอารีรัตน์หรือก็คือพ่อตาแม่ยายของเขา ตอนนี้ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ท่านทั้งสองเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ อยู่ที่นั่น เป็นร้านเล็ก ๆ แต่สร้างรายได้ให้สองตายายอย่างมหาศาล เดิมทีครอบครัวของอารีรัตน์ก็มีฐานะอยู่แล้ว พอมาคิดไปคิดมาเขาไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงปัจจัยในการดำรงชีพของเธอ

แต่ก็นั่นแหละ เขาเป็นห่วงลูกมากที่สุดและต่อให้อารีรัตน์มีพื้นฐานครอบครัวของเธอที่ดี แต่เธอยังเป็นคนดื้อที่ชอบพึ่งพาตัวเองมากกว่าเงินของพ่อแม่ และอินทัชมั่นใจว่าหลังจากนี้อารีรัตน์ก็จะไม่ขอเงินใคร เขารู้จักนิสัยของเธอดีถึงได้ห่วงอยู่นี่ไง เธอจะไม่ขอเงินพ่อแม่ตัวเองและจะไม่ขอเงินเขาด้วยแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงลูก

“ไม่ใช่ค่ะ เอิร์นยังอยากอยู่ที่ประเทศไทย”

เพราะที่นี่มีเขาอยู่ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอจะไม่พาอันนาย้ายไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ หากในอนาคตลูกสาวต้องการไปเรียนที่นั่นอารีรัตน์จะพิจารณาดูอีกครั้งแต่ตอนนี้อันนายังเด็ก เธออยากให้ลูกเรียนที่ประเทศไทยก่อนเอาไว้โตกว่านี้แล้วค่อยมาคิดถึงเรื่องย้ายไปเรียนที่อังกฤษอีกทีและอีกอย่างอันนายังต้องการพ่อ

“แล้วเอิร์นจะทำงานอะไร จะสมัครเข้ามาเป็นพนักงานในโรงงานของพี่เหรอ เหอะ พี่ไม่รับหรอกนะ”

ใจร้ายใจดำเสียจริง อารีรัตน์คิดอยู่ในใจเธอน้อยใจและเสียใจมากที่ได้ยินคำตัดเยื่อใยจากเขา นอกจากเขาจะไม่รักษาน้ำใจเธอแล้วเขายังใจร้ายไม่คิดช่วยเหลือเธออีก ใช่สิพอหมดใจอะไร ๆ ก็ไม่สำคัญและเธอไม่ควรจะคาดหวังอะไรจากเขาทั้งนั้น

“แยมผลไม้ค่ะ เอิร์นร่วมหุ้นกับมินเมื่อปีที่แล้ว”

“ทำไมพี่ไม่รู้เรื่องนี้” ชักจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้วสิ อยู่บ้านเดียวกันแท้ ๆ แต่เธอไม่คิดจะบอกเขาเลยสักนิดว่าแอบไปทำธุรกิจร่วมกับเพื่อนมา แย่มาก

“เอิร์นกลัวพี่โอบจะไม่อนุญาตให้เอิร์นทำค่ะ”

“แต่กล้าที่จะทำโดยไม่ปรึกษาพี่สักนิด นี่เอิร์นไม่เห็นพี่เป็นผัวเลยใช่ไหม”

“ตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นแล้วนี่คะ”

“...!”

อินทัชถึงกับอ้าปากค้างเพราะอึ้งที่ถูกย้อนกลับมาแบบนี้ อารีรัตน์กล้าย้อนเขาทั้งที่ตัวเองก็ร้องห่มร้องไห้ตัวสั่นเป็นลูกนกตกน้ำ สรุปเธอเสียใจจริง ๆ หรือเปล่าเนี่ยที่ถูกเขาบอกเลิก

“ถือว่าเอิร์นขอเป็นครั้งสุดท้ายนะคะ ขอให้อันนาอยู่กับเอิร์น ถ้าไม่มีลูกอยู่ด้วยเอิร์นก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง”

หัวใจส่วนหนึ่งของเธอคืออินทัชและต่อไปจะไม่มีอีกแล้วเพราะเจ้าของใจดวงนั้นไม่เต็มใจที่จะอยู่กับเธอ แต่ถ้าเขาจะเอาลูกออกไปจากชีวิตของเธอด้วยอารีรัตน์มั่นใจว่าเธอไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อไปได้แน่ ๆ ลูกคือทุกสิ่งของเธอ เป็นทั้งชีวิตและลมหายใจ

“นะคะพี่โอบ เอิร์นขอแค่เรื่องเดียวแล้วเอิร์นจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับชีวิตของพี่โอบอีกเลย” อินทัชนิ่งฟังและใช้ความคิด ใจหนึ่งเขาไม่อยากให้ลูกสาวต้องอยู่กับอารีรัตน์แต่อีกใจหนึ่งก็สงสาร ถึงยังไงเธอก็เป็นแม่ที่อุ้มท้องลูกของเขามาถึงเก้าเดือนและเลี้ยงลูกด้วยตัวเองมาตลอด ในแต่ละวันอารีรัตน์ใช้เวลาอยู่กับอันนามากกว่าเขาที่เป็นพ่อเสียอีก

ถ้าหากเขาพาลูกออกมาจากชีวิตของเธอก็คงเป็นเรื่องที่ใจร้ายมากเกินไป และถ้าไม่มองเรื่องเงินที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน อินทัชก็ต้องยอมรับว่าอารีรัตน์เป็นแม่ที่ดีมาก ๆ คนหนึ่งดีกว่าให้เขาเลี้ยงคนเดียวด้วยซ้ำ

“ก็ได้ พี่จะยอมให้อันนาไปอยู่กับเอิร์น” การตัดสินใจของอินทัชเขาไม่ได้คิดเพียงชั่ววูบ แต่เขาคิดอย่างดีแล้วและคิดว่าไม่ว่าอันนาจะอยู่กับใครลูกจะไม่ขาดพ่อและแม่ ถึงเราสองคนจะจบความสัมพันธ์แบบสามีและภรรยากันแล้วแต่หน้าที่พ่อและแม่จะคงอยู่ตลอดไป หน้าที่ที่จะไม่มีวันละทิ้งได้และความสุขของลูกต้องมาก่อนเสมอ

“แต่มีข้อแม้”

“ข้อแม้อะไรคะ?”

“ภายในหนึ่งปี ถ้าพี่เห็นว่าเอิร์นติดปัญหาเรื่องเงินพี่จะพาอันนามาอยู่กับพี่ทันทีและพี่จะไม่ใจดีให้ลูกไปอยู่กับเอิร์นอีก” ระยะเวลาหนึ่งปีก็เพียงพอแล้วที่เขาจะได้เห็นว่าอารีรัตน์มีความสามารถพอที่จะเลี้ยงลูกของเขาได้สุขสบายหรือไม่

“พี่จะให้เงินเอิร์นเพิ่มขึ้นจากที่ให้ปกติทุกเดือน แต่เป็นเงินที่พี่จะให้เอิร์นเอาไว้เลี้ยงลูก”

เขาไม่ได้เป็นพ่อใจร้ายที่จะตัดแม่แล้วตัดลูกด้วย ในเมื่อเธออยากเลี้ยงลูกด้วยตัวเองอินทัชก็ต้องมั่นใจว่าลูกของเขาจะไม่ลำบากจนเกินไป

“ขอบคุณค่ะพี่โอบ”

อารีรัตน์ยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณเขาในฐานะสามีที่กำลังจะกลายเป็นอดีตสามีของเธอ ขอบคุณสำหรับทุกช่วงเวลาที่ผ่านมาที่เราได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ขอบคุณที่เขาได้มอบของขวัญล้ำค่าที่สุดในชีวิตของเธอและขอบคุณที่เขายังใจดีกับเธออยู่บ้างที่ไม่พรากลูกไป

จบแล้วคำว่าภรรยาของผู้ชายที่ชื่ออินทัช วันพรุ่งนี้เธอจะกลายเป็นเพียงคนอื่นของเขาแต่เราจะยังผูกติดกันไว้ด้วยคำว่าพ่อและแม่ ต่อให้มันจะยากที่เธอต้องปรับตัวปรับใจ ต่อให้ใจจะเจ็บสาหัสสักแค่ไหน อารีรัตน์จะหอบเอาหัวใจพัง ๆ ของเธอไป เธอรักเขาเอง เจ็บเองก็ต้องรักษาหัวใจของตัวเองให้ได้ แผลนี้เดี๋ยวก็คงดีขึ้นเอง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เผลอใจรักเมียคนเดิม   ตอนที่ 10 อย่าหาว่าใจร้าย

    “เออเอิร์น เรื่องโรงเรียนมินถามผอ.ของโรงเรียนแล้วนะ เขาบอกว่ายังเปิดรับนักเรียนอยู่ พรุ่งนี้ไม่ก็มะรืนนี้เอิร์นพาอันนาไปสมัครเรียนได้เลยนะจ๊ะ” มินตราพูดด้วยความตื่นเต้นพร้อมส่งเบอร์โทรศัพท์ของโรงเรียนอนุบาลให้อารีรัตน์ ‘โรงเรียนอนุบาลเติมฝัน...ผอ.ปณิธาน’“ดีจัง เอิร์นขอบใจมินมากเลยนะที่เป็นธุระเรื่องนี้ให้ อันนาต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่จะได้เรียนโรงเรียนเดียวกันกับตังเม”คนเป็นแม่ที่มีลูกเกิดใกล้ ๆ กันก็พากันตื่นเต้นที่จะต้องหาโรงเรียนให้ลูกสาว ทางด้านอารีรัตน์จะตื่นเต้นและค่อนข้างเครียดเรื่องโรงเรียนมากหน่อยเพราะเดิมทีวางแผนไว้จะให้อันนาเรียนโรงเรียนนานาชาติใกล้บ้านนั่นคือความคิดก่อนหน้าที่อินทัชจะขอเลิกกับเธอ ตอนนี้แผนทุกอย่างต้องถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดและยอมรับเลยว่าเรื่องหาที่เรียนให้ลูกทำเอาอารีรัตน์นอนหลับไม่สนิทมาหลายคืน และเธอยังมีความโชคดีอยู่บ้างที่มีเพื่อนดีหากไม่ได้มินตราเป็นธุระเรื่องโรงเรียนให้อารีรัตน์ก็ยังคิดไม่ตกว่าจะไปหาโรงเรียนที่เชื่อถือได้จากที่ไหน“โรงเรียนอนุบาลเติมฝันเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กเล็กที่มินคิดว่าที่ดีสุดในย่านนี้แล้ว เรื่องความปลอดภัยและคุณภาพของบุคลากรในโรง

  • เผลอใจรักเมียคนเดิม   ตอนที่ 9 ดีพอ ไม่มีอยู่จริง

    “แล้วดีพอในความหมายของมึงคือแบบไหนวะ แบบไหนที่เรียกว่าดี”“แบบกูไง” ตอบแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดแล้วก็ยกแก้วเหล้าที่บีบเกือบร้าวขึ้นมาดื่มต่อ“เหรอ ฮ่า ๆ โทษทีนะที่กูขำ” ชัชชัยอดขำพรวดออกมาไม่ได้ จะพูดว่าไงดีละ เขาคิดว่าเพื่อนของเขากำลังเยินยอตัวเองมากเกินไปหน่อย“ขำอะไรของมึงวะ นี่กูพูดจริง ๆ นะ ไม่มีใครดีสำหรับเอิร์นได้เท่ากูอีกแล้ว” ตั้งแต่เด็กก็ไม่เห็นจะมีผู้ชายคนไหนที่ดูจะเป็นคนดีในสายตาของอินทัช เพราะเหตุนี้ไงเขาถึงยอมเสียสละตัวเองมาแต่งงานกับอารีรัตน์“ถ้ามึงดีนักแล้วขอเลิกกับเขาทำไมวะ”“เอ้า ก็กูไม่ได้รักเอิร์นไงมึง คนขอเลิกมันก็จะมีกี่เหตุผลกันวะ แล้วกูก็บอกเอิร์นดี ๆ กูไม่ได้นอกใจหรือทำเรื่องเลว ๆ แล้วถึงมาขอเลิกเว้ย”“เออครับ มึงมันคนดี ประเสริฐจนยากจะหาชายใดมาเทียบได้ แล้วมึงได้ถามเขาไหม”“ถามอะไรวะ”“มึงเคลมว่าตัวเองเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับน้องเอิร์น แล้วมึงได้ถามเขาไหมว่าในสายตาของเอิร์นมึงดีขนาดนั้นหรือเปล่า กูว่านะตอนนี้น้องเอิร์นคงมองว่ามึงเหี้ย...”“เฮ้ย ไอ้ชัช มึงหลอกด่ากูเหรอ”ไอ้เพื่อนเวร คนกำลังเคลิ้มและหลงใหลไปกับความดีในความคิดของตัวเองอยู่ แต่ไอ้นี่มันมาพูดซะความดี

  • เผลอใจรักเมียคนเดิม   ตอนที่ 8 อิสระที่รอคอย

    “อืม...” เด็กน้อยทำหน้าครุ่นคิด เอียงคอไปด้วยขณะที่กำลังใช้ความคิดทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำถามและหาคำตอบเพื่อตอบคุณแม่ของเธอ“ปะป๊าทำงาน งานยุ่งมาก”เป็นเรื่องที่อันนาคุ้นชินมาตั้งแต่เธอเริ่ม ๆ จำความได้ เวลาทั้งวันเธอจะอยู่กับคุณแม่มากกว่าเพราะรู้ว่าที่ปะป๊าต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้าและกลับเข้ามาตอนค่ำ ๆ ก็เพราะออกไปทำงานและถ้าวันไหนปะป๊าของอันนากลับช้ากว่าปกติคุณแม่ก็จะบอกว่าปะป๊างานยุ่งมากทำให้กลับบ้านช้า และอันนาจะได้เจอหน้าปะป๊าในเช้าวันถัดไป ปะป๊าจะคอยที่โต๊ะทานข้าวเพื่อรอป้อนมื้อเช้าให้เธอเสมอ“น้องอันไม่โกรธค่ะ เพราะปะป๊าทำงานหนักเพื่อดูแลน้องอันกับคุณแม่” คำตอบของอันนาทำให้อารีรัตน์ต้องอมยิ้มและรู้สึกเบาใจที่ลูกสาวเข้าใจว่าปะป๊าทำงานหนักก็เพื่อลูกคนนี้และดีใจมากที่อันนาจะไม่โกรธปะป๊า“วันนี้ปะป๊าก็งานยุ่งเหรอคะคุณแม่” เปลี่ยนมาเอียงคออีกข้างแล้วถามคุณแม่กลับไปบ้าง สีของท้องฟ้าทำให้อันนารู้ว่าเวลานี้จะเป็นเวลาที่เธอต้องได้เจอหน้าปะป๊าแล้วแต่ก็ยังไม่เจอ ทำให้เด็กน้อยเข้าใจไปเองว่าที่ปะป๊ายังไม่กลับมาก็เพราะปะป๊างานยุ่ง“จ้ะ” อารีรัตน์เลือกที่จะตอบเออออไปในทางที่ลูกสาวของเธอกำลังเข

  • เผลอใจรักเมียคนเดิม   ตอนที่ 7 ชีวิตที่ต้องเดินต่อไป

    “พรุ่งนี้เอิร์นเข้าไปเริ่มงานได้เลยนะ มินบอกพนักงานในคาเฟ่ไว้แล้วว่าเอิร์นจะเข้าไปเป็นผู้จัดการร้าน มีอะไรสงสัยหรือติดปัญหาอะไรก็ถามทุกคนในร้านได้เลย น้อง ๆ นิสัยดีทุกคนเพราะมินคัดมาเองกับมือ”มินตราพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่อารีรัตน์จะเข้ามาเป็นผู้จัดการคาเฟ่ให้เธอ คาเฟ่ของมินตราเป็นร้านกาแฟขนาดกลาง ไม่เล็กมากแต่ก็ไม่ใหญ่โตจนเกินไป เธอพึ่งเริ่มเปิดมาได้หกเดือนเท่านั้นยังจัดว่าเป็นมือใหม่ แม้จะยังมือใหม่ก็ถือว่าเป็นร้านคาเฟ่ที่พึ่งเปิดแต่มีลูกค้าประจำหนาแน่น“ขอบคุณมาก ๆ เลยนะมิน ถ้าเอิร์นไม่มีมินก็ไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงต่อดี”อารีรัตน์พูดจากใจจริงและรู้สึกขอบคุณเพื่อนรักคนนี้มาก ๆ มินตราจะเป็นเพื่อนคนแรกที่เข้ามาช่วยเหลือเธอในเวลาที่ทุกข์ใจเสมอ อิงค์น้องของอินทัชก็ด้วยแต่ว่าตอนนี้อิงค์ทำงานอยู่ที่อเมริกาไทม์โซนต่างกันทำให้ไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่ แต่มินตราจะอยู่ใกล้เธอมากกว่าและอาจจะเพราะว่าเราเป็นคุณแม่เหมือนกัน เวลามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็มักจะเข้าใจกันได้ในทันทีโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา“ตอนนี้เอิร์นทำใจให้สบายนะไม่ต้องคิดอะไรมาก หรือถ้ามีเรื่องอะไร

  • เผลอใจรักเมียคนเดิม   ตอนที่ 6 แค่ความทรงจำ

    “เอิร์นมาช้ามากเลยใช่ไหม ขอโทษนะมิน” ทำหน้ารู้สึกผิดและก็ยอมรับผิดจริง ๆ เพราะเธอมาช้ามาก พอมาเห็นเพื่อนสาวอุ้มลูกน้อยวัยเดียวกันกับอันนารอเธออยู่ก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก“คิดมากน่า ไม่ได้ช้าขนาดนั้น”“ตังเม สวัสดีน้าเอิร์นค่ะคนเก่ง” มินตรายกมือขึ้นจัดผมหน้าม้าให้ลูกสาววัย 3 ขวบของเธอขณะบอกให้สวัสดีคุณน้าเอิร์นไปด้วยตังเมเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของมินตราที่เกิดจากเธอและไตร สามีที่ลืมเลือนเธอไปแล้ว มีเพียงทะเบียนสมรสเท่านั้นที่เป็นสิ่งยืนยันว่าเธอมีสามีอยู่ ส่วนเจ้าตัวนั้นจะรู้หรือเปล่าว่าลูกและเมียอยู่ที่นี่“สวัสดีค่ะน้าเอิร์น” สองมือป้อม ๆ ยกขึ้นมาพนมแล้วก้มศีรษะไหว้เพื่อนของแม่มิน ตังเมมีเก้อเขินอยู่บ้างเพราะไม่ค่อยได้เจอน้าเอิร์นบ่อยเท่าไหร่ ถึงจะเขินจนม้วนแต่ก็ยังไหว้สวยสมกับที่มินตราเคร่งเรื่องมารยาทกับลูกสาวของตัวเองเธอฝึกและอบรมตังเมเป็นอย่างดี“น่ารักจังเลยลูก ตังเม” ขอจิ้มแก้มหลานสาวสักทีให้หายหมั่นเขี้ยวแล้วจึงแนะนำเด็กอีกคนให้รู้จักกัน“อันนาไหว้น้ามินด้วยนะลูก”“เมื่อวานก็ไหว้แล้วค่ะคุณแม่ วันนี้ต้องไหว้อีกเหรอคะ” ถ้าไม่ขี้สงสัยคงไม่ใช่อันนา และคำถามซื่อ ๆ ของเธอก็ทำเอา

  • เผลอใจรักเมียคนเดิม   ตอนที่ 5 บ้านหลังใหม่กับความหวังใหม่

    “ทำไมปะป๊าถึงไปกับเราไม่ได้เหรอคะคุณแม่” เสียงของเด็กน้อยเอ่ยถามด้วยความสงสัยขณะที่เธอนั่งอยู่ในคาร์ซีทของตัวเองและมองกระเป๋าเสื้อผ้ากับข้าวของเครื่องใช้ที่เต็มรถไปหมด“ปะป๊าต้องทำงานใหญ่ค่ะน้องอัน ก็เลยมาอยู่กับเราไม่ได้” อารีรัตน์ตอบคำถามของลูกสาวในขณะที่เธอกำลังขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านหลังใหม่ที่เธอจะใช้บ้านหลังนั้นเป็นบ้านที่จะเลี้ยงดูอันนา บ้านชานเมืองที่ใกล้จากบ้านหลังเดิมที่เคยเป็นเรือนหอของเธอ“แล้วปะป๊าจะมานอนกับเราไหมคะคุณแม่” เด็กน้อยช่างสงสัย คิดอะไรออกมาก็ถามหมดแม้จะยังไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อและแม่ของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว“แน่นอนค่ะ ถ้าปะป๊างานไม่ยุ่งปะป๊าจะมานอนกับเราค่ะ” น้ำเสียงของคนเป็นแม่ยังคงปกติเหมือนทุกครั้งที่อันนาได้ยิน แต่หนูน้อยอันนาจะไม่รู้เลยว่าภายใต้น้ำเสียงที่ยังสดใสของคุณแม่นั้นได้ซ่อนความเจ็บปวดที่บีบรัดก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายจนมันแตกซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่แม่ก็คือแม่แม้จะเจ็บเจียนตายขนาดไหนก็ต้องเข้มแข็งเพื่อลูกเสมอ“น้องอันคิดถึงปะป๊า” ไม่มีวันไหนที่อันนาจะไม่ได้หอมแก้มปะป๊าก่อนนอน และวันนี้เธอก็ยังคิดว่าปะป๊าจะต้องตามไปหาเธอที่บ้านหลังใหม่และเล่านิทานให้เธอฟั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status