หน้าหลัก / โรแมนติก / เผลอใจรักเมียคนเดิม / ตอนที่ 7 ชีวิตที่ต้องเดินต่อไป

แชร์

ตอนที่ 7 ชีวิตที่ต้องเดินต่อไป

ผู้เขียน: ณัฐพรพราว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-03 10:56:23

“พรุ่งนี้เอิร์นเข้าไปเริ่มงานได้เลยนะ มินบอกพนักงานในคาเฟ่ไว้แล้วว่าเอิร์นจะเข้าไปเป็นผู้จัดการร้าน มีอะไรสงสัยหรือติดปัญหาอะไรก็ถามทุกคนในร้านได้เลย น้อง ๆ นิสัยดีทุกคนเพราะมินคัดมาเองกับมือ”

มินตราพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่อารีรัตน์จะเข้ามาเป็นผู้จัดการคาเฟ่ให้เธอ คาเฟ่ของมินตราเป็นร้านกาแฟขนาดกลาง ไม่เล็กมากแต่ก็ไม่ใหญ่โตจนเกินไป เธอพึ่งเริ่มเปิดมาได้หกเดือนเท่านั้นยังจัดว่าเป็นมือใหม่ แม้จะยังมือใหม่ก็ถือว่าเป็นร้านคาเฟ่ที่พึ่งเปิดแต่มีลูกค้าประจำหนาแน่น

“ขอบคุณมาก ๆ เลยนะมิน ถ้าเอิร์นไม่มีมินก็ไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงต่อดี”

อารีรัตน์พูดจากใจจริงและรู้สึกขอบคุณเพื่อนรักคนนี้มาก ๆ มินตราจะเป็นเพื่อนคนแรกที่เข้ามาช่วยเหลือเธอในเวลาที่ทุกข์ใจเสมอ อิงค์น้องของอินทัชก็ด้วยแต่ว่าตอนนี้อิงค์ทำงานอยู่ที่อเมริกาไทม์โซนต่างกันทำให้ไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่ แต่มินตราจะอยู่ใกล้เธอมากกว่าและอาจจะเพราะว่าเราเป็นคุณแม่เหมือนกัน เวลามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็มักจะเข้าใจกันได้ในทันทีโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

“ตอนนี้เอิร์นทำใจให้สบายนะไม่ต้องคิดอะไรมาก หรือถ้ามีเรื่องอะไรที่กลุ้มใจก็ปรึกษามินได้ อาจจะช่วยไม่ได้มากแต่มินจะเป็นเพื่อนที่พร้อมรับฟังเอิร์นเสมอ ส่วนเรื่องงานก็ทำกับมินไปก่อน เอาไว้เอิร์นสบายใจขึ้นแล้วคิดออกว่าอยากทำอะไรตอนนั้นก็ค่อยขยับขยายก็ได้”

มินตราดีใจที่อารีรัตน์ตอบตกลงมาช่วยงานเธอเพราะในคาเฟ่จะขายแยมผลไม้ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทั้งสองคนร่วมหุ้มกันสร้างขึ้นมา

แยมผลไม้ตัวมัม ชื่อง่าย ๆ เพื่อที่ลูกค้าจะได้อ่านไม่ยากและจำชื่อแยมผลไม้ของพวกเธอทั้งสองคนได้ง่ายด้วย จุดเริ่มต้นเกิดจากอารีรัตน์ที่อยากทำอะไรเป็นของตัวเองโดยไม่ต้องคอยรับเงินจากสามีอย่างเดียว ทำให้เธอเอ่ยชวนมินตรามาร่วมหุ้นทำธุรกิจด้วยกัน

และที่มาสรุปจบที่แยมผลไม้ก็เพราะเด็กน้อยทั้งสองชอบกินแยมส้มมาก เป็นความชอบที่อันนาและตังเมชอบเหมือนกัน แต่ก็กินได้ทุกแยมขอแค่ให้เป็นแยมก็พอ ด้วยความชอบของลูก เธอจึงเลือกทำแยมโดยที่แยมของตัวมัมจะต้องมีรสชาติอร่อยสะอาดและปลอดภัย ที่สำคัญคือความหวานที่หวานไม่มากแต่ต้องไม่ทำให้รสชาติแย่ เด็กกินได้ผู้ใหญ่กินดี

ตอนนี้ผลิตภัณฑ์หลักคือแยมผลไม้รวมและแยมส้มและรสชาติอื่น ๆ ที่จะตามมาแต่รออารีรัตน์คิดสูตรที่สมบูรณ์ก่อนเมื่อเธอมั่นใจว่าได้รสชาติที่ต้องการแล้ว เธอจะส่งไปให้โรงงานเริ่มผลิตต่อทันที

“ขอบคุณนะมิน” อารีรัตน์ขยับเข้าไปกอดเพื่อนรักของเธอเพื่อเป็นการขอบคุณอีกครั้ง

“มินก็ขอบคุณเอิร์นเหมือนกันนะ ตังเมคาเฟ่คงต้องฝากไว้ที่มือของเอิร์นแล้วละ”

“งื้อ ไม่ต้องห่วง เอิร์นจะบริหารคาเฟ่ให้มินอย่างสุดความสามารถและขอให้ธุรกิจสวนกุหลาบของมินเจริญรุ่งเรือง เฮง ๆ ปัง ๆ เลยนะจ๊ะ”

เพื่อนเธอทั้งสวยทั้งขยันทำธุรกิจ อารีรัตน์เห็นมินตราเป็นแบบอย่างที่ดีเธอจึงอยากหาอะไรทำเองบ้าง เราสองคนอาภัพรักทั้งคู่แต่มินตรายังมีความสุขได้ และมินยังเป็นคุณแม่คนเก่งที่เลี้ยงลูกคนเดียวโดยไม่มีสามีมาช่วย แถมธุรกิจก็ไปได้สวยอีก เมื่อเห็นเพื่อนสาวเข้มแข็งได้ขนาดนี้ แม้จะเศร้าใจเรื่องสามีแต่ก็ยังมีความสุขกับสิ่งรอบตัวได้ อารีรัตน์ก็จะต้องทำได้บ้าง เธอจะเลี้ยงอันนาด้วยสองแขนและสองขากับหนึ่งสมองของตัวเอง

“สาธุเลยจ้า มินน้อมรับพรค่ะ” มินตราพนมมือยกขึ้นเหนือหัวก่อนจะทำหน้าทะเล้นใส่

ตอนนี้เธอยอมทำอะไรก็ได้เพื่อได้เห็นรอยยิ้มสวยๆ ของอารีรัตน์ เพื่อนของเธอเป็นคนที่ดีมาก มองโลกในแง่ดีเสมอและคิดถึงความสุขของคนอื่นก่อนตัวเอง แต่ตอนนี้เพื่อนคนดีของเธอกำลังเจอความทุกข์ แถมเป็นทุกข์ที่เจ้าตัวเท่านั้นจะช่วยตัวเองได้ มินตราเคยผ่านช่วงเวลาที่ยากแบบนี้มาแล้วเธอถึงได้เข้าใจอารีรัตน์เป็นอย่างดี และภาวนาขอให้เพื่อนของเธอเดินออกจากความทุกข์ครั้งนี้ได้ในเร็ววัน

“ตังเมขา เราต้องกลับบ้านกันแล้วค่ะลูก” เรียกชื่อลูกสาวได้ไม่นาน ตังเมก็เดินจับมือออกมาพร้อมอันนาในมือมีห่อขนมติดมาด้วย สงสัยจะเป็นอันนาที่พาเพื่อนรื้อกระเป๋าหาขนมออกมากินกันระหว่างที่แม่ ๆ กำลังนั่งคุยกันนอกบ้าน มือถือขนมส่วนแก้มและปากเลอะช็อกโกแลตเต็มไปหมด ไม่รู้ว่ากินหรือเอามาทาหน้าเล่นกันแน่ เฮ้อ

“สวัสดีค่ะน้าเอิร์น บ๊ายบายนะอันนา”

“บ๊ายบายตังเม พรุ่งนี้อันนาจะไปหานะ” พูดไปแล้วถึงค่อยเงยหน้ามองผู้เป็นแม่อย่างขออนุญาต ยิ้มแฉ่งเป็นการออดอ้อนให้คุณแม่ตามใจ

“พรุ่งนี้ก็ได้เจอกันอยู่ดีค่ะน้องอัน” เพราะพรุ่งนี้เธอต้องเข้าไปทำงานที่ตังเมคาเฟ่ ยังไงก็ต้องได้เจอมินตราและลูกสาวก่อนอยู่แล้วเพราะเพื่อนรักของเธอต้องแวะเข้ามาแนะนำเธอกับพนักงานคนอื่น ๆ และสอนงานผู้จัดการร้านให้เธอก่อนถึงจะไปดูสวนกุหลาบต่อได้

“เย้ ๆ น้องอันจะได้เล่นกับตังเมอีก”

“สวัสดีค่ะน้ามิน พรุ่งนี้รอน้องอันก่อนนะ” เจ้าตัวแสบกลัวจะไม่ได้เจอหน้าเพื่อนจึงรีบบอกคุณแม่ของตังเมเอาไว้ก่อน อารีรัตน์ต้องส่ายหน้าเบา ๆ ให้กับความแสบซนของลูกสาว เด็กเห่อเพื่อนจริง ๆ เลยคนนี้ ทำเหมือนตัวเองไม่เคยมีเพื่อนทั้งที่ก็มีเพื่อนในหมู่บ้านเต็มไปหมด

คงเป็นเพราะรู้ตัวว่าจะไม่ได้เจอเพื่อนเก่าอีกแล้วแน่ ๆ อันนาถึงได้ดีใจมากที่มีตังเมเป็นเพื่อนของเธอที่นี่ คนเป็นแม่คิดแล้วอดรู้สึกผิดต่อลูกไม่ได้ อารีรัตน์โทษตัวเองที่อ่อนแอมากเกินไป เธอพ่ายแพ้ให้กับความเสียใจและเลือกที่จะเอาความสบายใจของตัวเองมาก่อนโดยไม่ถามความต้องการของลูก

“อันนา” ย่อตัวลงไปนั่งให้ความสูงอยู่ในระดับเดียวกันกับลูกสาว ยกมือขึ้นเช็ดคราบขนมที่เลอะไปทั่วแก้มแดง ๆ เหมือนลูกแอปเปิ้ลก่อนจะจับมือน้อย ๆ มากุมเอาไว้แล้วระบายยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ลูกสาว

“ขา คุณแม่”

“ถ้าปะป๊ามาหาเราทุกวันไม่ได้เพราะติดงาน อันนาจะโกรธปะป๊าไหมคะ” ไม่รู้ว่าเป็นคำถามที่ยากเกินไปสำหรับเด็กสามขวบหรือเปล่าแต่อารีรัตน์ก็เลือกที่จะถามเพราะเธออยากรู้ว่าลูกจะตอบอย่างไร

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เผลอใจรักเมียคนเดิม   ตอนที่ 10 อย่าหาว่าใจร้าย

    “เออเอิร์น เรื่องโรงเรียนมินถามผอ.ของโรงเรียนแล้วนะ เขาบอกว่ายังเปิดรับนักเรียนอยู่ พรุ่งนี้ไม่ก็มะรืนนี้เอิร์นพาอันนาไปสมัครเรียนได้เลยนะจ๊ะ” มินตราพูดด้วยความตื่นเต้นพร้อมส่งเบอร์โทรศัพท์ของโรงเรียนอนุบาลให้อารีรัตน์ ‘โรงเรียนอนุบาลเติมฝัน...ผอ.ปณิธาน’“ดีจัง เอิร์นขอบใจมินมากเลยนะที่เป็นธุระเรื่องนี้ให้ อันนาต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่จะได้เรียนโรงเรียนเดียวกันกับตังเม”คนเป็นแม่ที่มีลูกเกิดใกล้ ๆ กันก็พากันตื่นเต้นที่จะต้องหาโรงเรียนให้ลูกสาว ทางด้านอารีรัตน์จะตื่นเต้นและค่อนข้างเครียดเรื่องโรงเรียนมากหน่อยเพราะเดิมทีวางแผนไว้จะให้อันนาเรียนโรงเรียนนานาชาติใกล้บ้านนั่นคือความคิดก่อนหน้าที่อินทัชจะขอเลิกกับเธอ ตอนนี้แผนทุกอย่างต้องถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดและยอมรับเลยว่าเรื่องหาที่เรียนให้ลูกทำเอาอารีรัตน์นอนหลับไม่สนิทมาหลายคืน และเธอยังมีความโชคดีอยู่บ้างที่มีเพื่อนดีหากไม่ได้มินตราเป็นธุระเรื่องโรงเรียนให้อารีรัตน์ก็ยังคิดไม่ตกว่าจะไปหาโรงเรียนที่เชื่อถือได้จากที่ไหน“โรงเรียนอนุบาลเติมฝันเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กเล็กที่มินคิดว่าที่ดีสุดในย่านนี้แล้ว เรื่องความปลอดภัยและคุณภาพของบุคลากรในโรง

  • เผลอใจรักเมียคนเดิม   ตอนที่ 9 ดีพอ ไม่มีอยู่จริง

    “แล้วดีพอในความหมายของมึงคือแบบไหนวะ แบบไหนที่เรียกว่าดี”“แบบกูไง” ตอบแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดแล้วก็ยกแก้วเหล้าที่บีบเกือบร้าวขึ้นมาดื่มต่อ“เหรอ ฮ่า ๆ โทษทีนะที่กูขำ” ชัชชัยอดขำพรวดออกมาไม่ได้ จะพูดว่าไงดีละ เขาคิดว่าเพื่อนของเขากำลังเยินยอตัวเองมากเกินไปหน่อย“ขำอะไรของมึงวะ นี่กูพูดจริง ๆ นะ ไม่มีใครดีสำหรับเอิร์นได้เท่ากูอีกแล้ว” ตั้งแต่เด็กก็ไม่เห็นจะมีผู้ชายคนไหนที่ดูจะเป็นคนดีในสายตาของอินทัช เพราะเหตุนี้ไงเขาถึงยอมเสียสละตัวเองมาแต่งงานกับอารีรัตน์“ถ้ามึงดีนักแล้วขอเลิกกับเขาทำไมวะ”“เอ้า ก็กูไม่ได้รักเอิร์นไงมึง คนขอเลิกมันก็จะมีกี่เหตุผลกันวะ แล้วกูก็บอกเอิร์นดี ๆ กูไม่ได้นอกใจหรือทำเรื่องเลว ๆ แล้วถึงมาขอเลิกเว้ย”“เออครับ มึงมันคนดี ประเสริฐจนยากจะหาชายใดมาเทียบได้ แล้วมึงได้ถามเขาไหม”“ถามอะไรวะ”“มึงเคลมว่าตัวเองเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับน้องเอิร์น แล้วมึงได้ถามเขาไหมว่าในสายตาของเอิร์นมึงดีขนาดนั้นหรือเปล่า กูว่านะตอนนี้น้องเอิร์นคงมองว่ามึงเหี้ย...”“เฮ้ย ไอ้ชัช มึงหลอกด่ากูเหรอ”ไอ้เพื่อนเวร คนกำลังเคลิ้มและหลงใหลไปกับความดีในความคิดของตัวเองอยู่ แต่ไอ้นี่มันมาพูดซะความดี

  • เผลอใจรักเมียคนเดิม   ตอนที่ 8 อิสระที่รอคอย

    “อืม...” เด็กน้อยทำหน้าครุ่นคิด เอียงคอไปด้วยขณะที่กำลังใช้ความคิดทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำถามและหาคำตอบเพื่อตอบคุณแม่ของเธอ“ปะป๊าทำงาน งานยุ่งมาก”เป็นเรื่องที่อันนาคุ้นชินมาตั้งแต่เธอเริ่ม ๆ จำความได้ เวลาทั้งวันเธอจะอยู่กับคุณแม่มากกว่าเพราะรู้ว่าที่ปะป๊าต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้าและกลับเข้ามาตอนค่ำ ๆ ก็เพราะออกไปทำงานและถ้าวันไหนปะป๊าของอันนากลับช้ากว่าปกติคุณแม่ก็จะบอกว่าปะป๊างานยุ่งมากทำให้กลับบ้านช้า และอันนาจะได้เจอหน้าปะป๊าในเช้าวันถัดไป ปะป๊าจะคอยที่โต๊ะทานข้าวเพื่อรอป้อนมื้อเช้าให้เธอเสมอ“น้องอันไม่โกรธค่ะ เพราะปะป๊าทำงานหนักเพื่อดูแลน้องอันกับคุณแม่” คำตอบของอันนาทำให้อารีรัตน์ต้องอมยิ้มและรู้สึกเบาใจที่ลูกสาวเข้าใจว่าปะป๊าทำงานหนักก็เพื่อลูกคนนี้และดีใจมากที่อันนาจะไม่โกรธปะป๊า“วันนี้ปะป๊าก็งานยุ่งเหรอคะคุณแม่” เปลี่ยนมาเอียงคออีกข้างแล้วถามคุณแม่กลับไปบ้าง สีของท้องฟ้าทำให้อันนารู้ว่าเวลานี้จะเป็นเวลาที่เธอต้องได้เจอหน้าปะป๊าแล้วแต่ก็ยังไม่เจอ ทำให้เด็กน้อยเข้าใจไปเองว่าที่ปะป๊ายังไม่กลับมาก็เพราะปะป๊างานยุ่ง“จ้ะ” อารีรัตน์เลือกที่จะตอบเออออไปในทางที่ลูกสาวของเธอกำลังเข

  • เผลอใจรักเมียคนเดิม   ตอนที่ 7 ชีวิตที่ต้องเดินต่อไป

    “พรุ่งนี้เอิร์นเข้าไปเริ่มงานได้เลยนะ มินบอกพนักงานในคาเฟ่ไว้แล้วว่าเอิร์นจะเข้าไปเป็นผู้จัดการร้าน มีอะไรสงสัยหรือติดปัญหาอะไรก็ถามทุกคนในร้านได้เลย น้อง ๆ นิสัยดีทุกคนเพราะมินคัดมาเองกับมือ”มินตราพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่อารีรัตน์จะเข้ามาเป็นผู้จัดการคาเฟ่ให้เธอ คาเฟ่ของมินตราเป็นร้านกาแฟขนาดกลาง ไม่เล็กมากแต่ก็ไม่ใหญ่โตจนเกินไป เธอพึ่งเริ่มเปิดมาได้หกเดือนเท่านั้นยังจัดว่าเป็นมือใหม่ แม้จะยังมือใหม่ก็ถือว่าเป็นร้านคาเฟ่ที่พึ่งเปิดแต่มีลูกค้าประจำหนาแน่น“ขอบคุณมาก ๆ เลยนะมิน ถ้าเอิร์นไม่มีมินก็ไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงต่อดี”อารีรัตน์พูดจากใจจริงและรู้สึกขอบคุณเพื่อนรักคนนี้มาก ๆ มินตราจะเป็นเพื่อนคนแรกที่เข้ามาช่วยเหลือเธอในเวลาที่ทุกข์ใจเสมอ อิงค์น้องของอินทัชก็ด้วยแต่ว่าตอนนี้อิงค์ทำงานอยู่ที่อเมริกาไทม์โซนต่างกันทำให้ไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่ แต่มินตราจะอยู่ใกล้เธอมากกว่าและอาจจะเพราะว่าเราเป็นคุณแม่เหมือนกัน เวลามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็มักจะเข้าใจกันได้ในทันทีโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา“ตอนนี้เอิร์นทำใจให้สบายนะไม่ต้องคิดอะไรมาก หรือถ้ามีเรื่องอะไร

  • เผลอใจรักเมียคนเดิม   ตอนที่ 6 แค่ความทรงจำ

    “เอิร์นมาช้ามากเลยใช่ไหม ขอโทษนะมิน” ทำหน้ารู้สึกผิดและก็ยอมรับผิดจริง ๆ เพราะเธอมาช้ามาก พอมาเห็นเพื่อนสาวอุ้มลูกน้อยวัยเดียวกันกับอันนารอเธออยู่ก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก“คิดมากน่า ไม่ได้ช้าขนาดนั้น”“ตังเม สวัสดีน้าเอิร์นค่ะคนเก่ง” มินตรายกมือขึ้นจัดผมหน้าม้าให้ลูกสาววัย 3 ขวบของเธอขณะบอกให้สวัสดีคุณน้าเอิร์นไปด้วยตังเมเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของมินตราที่เกิดจากเธอและไตร สามีที่ลืมเลือนเธอไปแล้ว มีเพียงทะเบียนสมรสเท่านั้นที่เป็นสิ่งยืนยันว่าเธอมีสามีอยู่ ส่วนเจ้าตัวนั้นจะรู้หรือเปล่าว่าลูกและเมียอยู่ที่นี่“สวัสดีค่ะน้าเอิร์น” สองมือป้อม ๆ ยกขึ้นมาพนมแล้วก้มศีรษะไหว้เพื่อนของแม่มิน ตังเมมีเก้อเขินอยู่บ้างเพราะไม่ค่อยได้เจอน้าเอิร์นบ่อยเท่าไหร่ ถึงจะเขินจนม้วนแต่ก็ยังไหว้สวยสมกับที่มินตราเคร่งเรื่องมารยาทกับลูกสาวของตัวเองเธอฝึกและอบรมตังเมเป็นอย่างดี“น่ารักจังเลยลูก ตังเม” ขอจิ้มแก้มหลานสาวสักทีให้หายหมั่นเขี้ยวแล้วจึงแนะนำเด็กอีกคนให้รู้จักกัน“อันนาไหว้น้ามินด้วยนะลูก”“เมื่อวานก็ไหว้แล้วค่ะคุณแม่ วันนี้ต้องไหว้อีกเหรอคะ” ถ้าไม่ขี้สงสัยคงไม่ใช่อันนา และคำถามซื่อ ๆ ของเธอก็ทำเอา

  • เผลอใจรักเมียคนเดิม   ตอนที่ 5 บ้านหลังใหม่กับความหวังใหม่

    “ทำไมปะป๊าถึงไปกับเราไม่ได้เหรอคะคุณแม่” เสียงของเด็กน้อยเอ่ยถามด้วยความสงสัยขณะที่เธอนั่งอยู่ในคาร์ซีทของตัวเองและมองกระเป๋าเสื้อผ้ากับข้าวของเครื่องใช้ที่เต็มรถไปหมด“ปะป๊าต้องทำงานใหญ่ค่ะน้องอัน ก็เลยมาอยู่กับเราไม่ได้” อารีรัตน์ตอบคำถามของลูกสาวในขณะที่เธอกำลังขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านหลังใหม่ที่เธอจะใช้บ้านหลังนั้นเป็นบ้านที่จะเลี้ยงดูอันนา บ้านชานเมืองที่ใกล้จากบ้านหลังเดิมที่เคยเป็นเรือนหอของเธอ“แล้วปะป๊าจะมานอนกับเราไหมคะคุณแม่” เด็กน้อยช่างสงสัย คิดอะไรออกมาก็ถามหมดแม้จะยังไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อและแม่ของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว“แน่นอนค่ะ ถ้าปะป๊างานไม่ยุ่งปะป๊าจะมานอนกับเราค่ะ” น้ำเสียงของคนเป็นแม่ยังคงปกติเหมือนทุกครั้งที่อันนาได้ยิน แต่หนูน้อยอันนาจะไม่รู้เลยว่าภายใต้น้ำเสียงที่ยังสดใสของคุณแม่นั้นได้ซ่อนความเจ็บปวดที่บีบรัดก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายจนมันแตกซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่แม่ก็คือแม่แม้จะเจ็บเจียนตายขนาดไหนก็ต้องเข้มแข็งเพื่อลูกเสมอ“น้องอันคิดถึงปะป๊า” ไม่มีวันไหนที่อันนาจะไม่ได้หอมแก้มปะป๊าก่อนนอน และวันนี้เธอก็ยังคิดว่าปะป๊าจะต้องตามไปหาเธอที่บ้านหลังใหม่และเล่านิทานให้เธอฟั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status