ยิ่งน่าคิดเหมือนกันว่าพี่ชายของเขาคาดเดาได้อย่างไร ว่าแฟนสาวของเขาคือใคร แน่นอนภูวพลไม่เคยเปิดปากบอกใครเรื่องนี้สักนิด จึงตั้งใจเป็นครั้งแรกด้วยความกล้าหาญแบบลูกผู้ชาย
คือต้องบอกกับบิดาและมารดาให้ทราบเสียก่อนว่าเขาจะมีแฟน
แค่นี้ล่ะเหมือนเกริ่นบอก เขาคิดว่าพี่ชายคงไม่รวดเร็วที่จะชิงบอกในเรื่องนี้ มันเรื่องของเขาเองแท้พี่ชายก็ยุ่งไม่เข้าท่า
ภูวพลไม่ค่อยพอใจพี่ชายยิ่งนัก อารมณ์เขายังปั้นปึ่งอยู่ ยิ่งพูดถึงหน้าพี่จอมภู เขาไม่อยากนึกและเอ่ยถึง
สั่นไหม? ยอมรับกับตัวเองเหมือนกัน
เมื่อกล้าเข้ามาหาบิดา และหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าสูดลมหายใจเข้าปอดสักหน่อย เพื่อเรียกกำลังที่เข้มแข็งของตนเอง ก่อนจะกระแอมในลำคอเพื่อให้รู้ว่าเขามีจุดประสงค์บางอย่าง เพื่อให้บิดารับรู้
นายภาสเงยสายตาขึ้นมองละสายตาจากหนังสือพิมพ์รอบเช้าในมือ ขาประจำก่อนเอ่ยถาม
“อ้าว เจ้าพลนี่เอง มีอะไรจะคุยกับพ่อหรือยังไงแกถึงเดินมาที่นี่” เพราะปกตินั้นนอกจากภูวพลจะตื่นสายแล้วไม่ค่อยกรายย่างมาที่โซฟารับแขกสักเท่าไร เขามักจะเลี่ยงเข้าครัวเพื่อหาอะไรดื่มทานไปตามประสา พวกอาหารเสริมยามเช้าบ้าง นมอุ่นๆที่คนใช้ทำให้เสร็จสรรพ เขายืนเอามือไขว้หลัง แต่มือก็อยู่ไม่นิ่งไม่สุขเหมือนคนหลุกหลิกเอามือถูไถ
เพราะเริ่มจะนึกถึงเรื่องพูดว่าเขาควรจะเอ่ยอย่างไรก่อนดี
“คือป๊าครับ ป๊าจะรู้สึกยังไงมั๊ยครับ ถ้าเกิดเอ้อ พลมีแฟนแล้ว” คำเอ่ยของภูวพลทำให้ผู้เป็นบิดาเงยหน้ารู้สึกแปลกใจกับคำสารภาพในวันนี้ของบุตรชายคนรอง
จึงชำเลืองสายตามองครู่หนึ่ง
“แกคิดยังไงกับเรื่องนี้ แกถามแม่ของแกแล้วหรือยัง ป๊าเคยบอกสั่งลูกไว้แล้วไม่ใช่หรือ เรียนจบทำงานมีอนาคตก่อนแล้วค่อยคิด” คำของบิดาไม่ถึงกับทำให้เขาใจฝ่อ แต่ใจก็แฟบลงเช่นกัน กึ่งความหวังนั้นมีอยู่แค่สองสามเปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่เรื่องถูกกีดกันไม่เห็นด้วยอาจจะอยู่เก้าสิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์
แบบนี้ทำให้เขาถึงกับซึมและหน้าจ๋อยคำพูดของบิดาก็คงไม่แตกต่างไปจากมารดานัก เพราะท่านทั้งสองตกลงเอาไว้เช่นนี้ ภูวพลรับทราบ
ดังนั้นเมื่อแบกหน้าไปหามารดา คำตอบก็เช่นเดิม
เมื่อรู้คำตอบ ทำให้เดินหน้าซึมกลับเข้าไปในห้อง กักขังตัวเองอยู่ในนั้น เหมือนกับว่าประท้วงทุกคน ที่ไม่เห็นความสำคัญของคนมีความรัก
หากวันนี้สายมากแล้ว จอมภูเพิ่งตื่นนอนและเขารีบอาบน้ำใช้เวลาอีกยี่สิบนาทีหนุ่มหล่อ เนี้ยบหรูในเสื้อกางเกงชุดทันสมัยเข้ากับยุคก็โผล่กายลงมาที่ข้างล่าง
เขาแทบจะลืมว่า พูดอะไรไปกับน้องชาย ไปบ้าง เป็นเพราะความคะนองปาก
แต่เจตนาของจอมภูต้องการให้เป็นอย่างนั้น และคิดว่าคนที่มีฐานะต่ำต้อยกว่า โดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้น คิดว่าเมื่อเห็นฝ่ายชายมั่งมีทรัพย์ตระกูล จะมองส่วนใดล่ะถ้าไม่มองส่วนนี้เช่นหญิงสาวที่น้องชายกำลังคั่วอยู่
และเรียกมันว่าความรัก ฮึ จอมภูเข้าใจดีโธ่เอ๋ย ไอ้น้องชายนายมันชั่วโมงบินน้อยกว่าฉันเพราะจอมภูเคยผ่านความรักมาแล้วหลายรูปแบบ และสิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดมากที่สุด คือผู้หญิงที่ชื่อ อาภาพิไล ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เคยลืมชื่อนี้ มันฝังอยู่ทุกส่วนของร่างกาย
เมื่อนึกแล้วรู้สึกเจ็บ จนชาไปหมด ในเรื่องที่หล่อนสอนสั่งเขาเรื่องความรัก หล่อนผละไปจากเขา และไปหาชายหนุ่มที่เพอร์เฟกต์ทั้งฐานะชื่อเสียงในสังคมในตระกูลภูฐาบริรักษ์นั่น
และเขาเก็บซ่อนความรู้สึกเหล่านี้ ลึกลงไว้ใต้บึ้งใจของตนเองมากที่สุด คนในครอบครัวไม่มีใครระแคะระคายเลยเพียงนิดที่ใจของเขาจู่นั้นก็ดิบเถื่อนขึ้นมาโดยเฉพาะผู้หญิง
นี่ก็คือต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมด ภูวพลเป็นน้องชาย
เขารักมันมาก และความรักแบบเขานั้น น้องชายสัมผัสมันไม่ถึงหรอก และนี่เองคือความรักที่เขาจะบอกมัน และให้มันจึงไม่อยากให้น้องชายคิดว่าเขาหวังดีต่อน้อง เพราะโตๆกันแล้ว สอนเตือนอะไรคงไม่ได้ แต่ถ้ามันทำใจตัวเองมากเกินไป
เหมือนเขาในวัยหนุ่มที่คุกรุ่นด้วยไฟรัก แต่แล้วมันก็แหลกสลายลงอย่างเงียบๆ แต่รุนแรงในอกของเขา
จอมภูทรมานอย่างแสนสาหัสแต่ไม่เคยบอกใคร เขาจึงให้ความเจ็บช้ำพิษรักกัดกร่อนใจ และมันกระหน่ำซ้ำเขาจนแทบเอาชีวิตไม่รอด คนที่ตั้งหวังในความรักและเมื่อผิดหวังมามันเป็นเช่นนั้นเอง
ทุกสิ่งทุกอย่างจึงอัดสุมเข้าไปในใจจนพอกแน่น และเขาทำไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งที่ตนเองเจ็บเจียนตาย
เขาไม่รู้ว่าทำถูกหรือผิด แต่เมื่อรู้ว่าเรียนผูกแล้วต้องเรียนแก้ เป็นเพราะหัวใจของเขาใฝ่คะนอง และคะนึงหาความรักโดยไม่รู้ว่า ในสนามนี้มันมีการต่อสู้ และคนที่เขารัก หล่อนเลือกปันใจ ให้คนอื่น
มันก็แค่นี้เองความรัก ทำให้เขาอกเดาะผิดหวัง แต่เป็นความผิดหวังที่ร้าวรานใจก่อความพยาบาทโดยเฉพาะผู้หญิง ยิ่งสาวและสวยมาจากฐานะชั้นล่าง เขาชิงชัง รังเกียจอย่างสุด
นี่เองถึงทำให้เขาอยากจะหาเรื่องจองล้างและกีดกัน ความรักของน้องชาย เขาไม่ได้มองถึงความจริง แต่มองย้อนไปที่ตัวเองเคยเจอ เขาคิดว่าผู้หญิงประเภทนี้ไม่มีรักแท้ จึงไม่แปลกเจอหน้าผู้หญิงสาวสวยคนนั้น เขาจึงแค้นเคืองไปถึงอดีตรัก
หล่อนมีความสวย และสวยต่างแบบไปจากอาภาพิไล ผู้หญิงที่สอนให้เขารู้จักความรัก แล้วหล่อนสลัดตัดทิ้งอย่างไม่ไยดี
แต่ลึกๆผู้หญิงใหม่ที่เขาเพิ่งได้พบเจอ แค่เพราะหล่อนคิดมาเกาะแกะน้องชายของเขาเพื่อหวังเป็นน้องสะใภ้
อารมณ์ที่ไม่พอใจหญิงสาวสวยมาก่อนเรื่องนี้ทำให้เขาค้านสุดฤทธิ์ แต่ลึกๆไปแล้วผู้หญิงคนนี้สวยแบบทระนง
ขนาดที่จอมภูครุ่นคิดมองแล้วยังสะแยะยิ้มบ่นตามหลังว่า สวยแต่ทำตัวเย่อหยิ่งจองหอง
มันเหมือนกับว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการท้าทายเขาด้วย และไม่รู้สิว่า ทำไมจอมภูต้องคิดอย่างนี้
เพราะสวยนี่เอง เป็นเพราะจอมภูยังอ้อยอิ่ง ใช้เวลาขบคิดเรื่องราวในอดีตของตนเองมากเกินไป
จนคุณภวานันท์ผู้มารดาเองก็แปลกใจที่บุตรชายไม่ได้รีบร้อนที่จะไปทำงานเหมือนทุกวัน
แต่เห็นร่างสูงของบุตรชายยืนครุ่นคิดมือเกาะที่ขอบหน้าต่างมองออกไปนอกหน้าต่างกับยามสายที่สดใสไปหมด
คุณภวานันท์ก็ยังคิดว่า เช้านี้อากาศดีไปอีกวัน
“แม่คิดว่าจอมจะออกไปทำงานเสียแล้ว คิดอะไรอยู่หรือเปล่าลูก เห็นยืนคิดเหม่อตั้งนาน”
เมื่อเห็นมารดาสังเกตกริยาและอิริยาบถของเขา
ก็อึ้งไปเล็กน้อย ไฟร้อนในอารมณ์ที่เขาไม่เคยบอกกับมารดาและทุกคนว่า อดีตความรักทำให้เขาเจ็บปวดเหลือแสนเพียงใด แม้กาลเวลาผ่านไปนานแล้วก็ตาม
เขาประคองมณีรัชดาเป็นความผูกพันลึกซึ้งยามอยู่ห่างไกลบ้าน มณีรัชดาคิดถึงพ่อแม่คิดถึงกรุงเทพ แต่แน่นอนละภาวะของหล่อนคือคนมีครรภ์อดฟุ้งซ่านไม่ได้และจอมภูพยายามทำดีกับหล่อนสารพัดทุกอย่าง ที่เขาแสนจะเอาใจ จนมณีรัชดายากที่จะปฏิเสธได้ หล่อนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หากจอมภูถึงกับเสียสละทุกอย่าง บางทีทิฐิมันเหมือนกับน้ำกรดราดรดดวงใจตัวเองเหมือนกัน หล่อนครุ่นคิด แต่ถึงกระนั้น หล่อนก็ควรที่จะให้บทเรียนอันแสนจะเจ็บปวดให้เขาด้วยเหมือนกันจนกระทั่งมณีรัชดาคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเป็นลูกสาวในอีกสามวันต่อมา ประเทศที่หล่อนอาศัยอยู่ณบัดนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว หนาวเหน็บจัดพร้อมด้วยหิมะโปรยปราย จอมภูพยายามใช้การกระทำของเขามากกว่าคำพูด ให้มันราดรดในดวงใจของหล่อนถึงความซื่อสัตย์และภักดีตลอดกาล เพื่อทดแทนสิ่งที่ผิดพลาด ณเสี้ยวหนึ่งของหัวใจหล่อนรับทราบแล้วว่า เขาเป็นคนที่ดีมากพอ แต่ในด้านเลวร้ายนั่นล่ะ ซาตานดีๆนี่เอง หล่อนจะไม่พยายามคิดในเมื่อความดีของเขาก็ราดรดลงไปในหัวใจของหล่อน ให้ความอบอุ่นดูแลลูกสาว ในฐานะของพ่อเกินที่มณีรัชดาจะท้วงหรือปราม เขาทำไปด้วยความสุจริตใจหล่อนรับรู้ตลอดเวลาที่มีเข
จนกระทั่งมณีรัชดาคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเป็นลูกสาวในอีกสามวันต่อมา ประเทศที่หล่อนอาศัยอยู่ณบัดนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว หนาวเหน็บจัดพร้อมด้วยหิมะโปรยปราย จอมภูพยายามใช้การกระทำของเขามากกว่าคำพูด ให้มันราดรดในดวงใจของหล่อนถึงความซื่อสัตย์และภักดีตลอดกาล เพื่อทดแทนสิ่งที่ผิดพลาด ณเสี้ยวหนึ่งของหัวใจหล่อนรับทราบแล้วว่า เขาเป็นคนที่ดีมากพอ แต่ในด้านเลวร้ายนั่นล่ะ ซาตานดีๆนี่เอง หล่อนจะไม่พยายามคิด เมื่อเขาชี้แจงว่า “ผมมาจากเมืองไทยที่อยู่ทราบจากคุณรังสินัย” เมื่อเอ่ยอ้างถึงหลานชายของหล่อน ทำให้คุณนันทนิจรับทราบ “ผมมีปัญหาบางอย่างที่ต้องปรับใจกับณี” เขาเอ่ย ทำให้คุณนันทนิจเข้าใจทันที “มณีรัชดา” หล่อนอุทาน “ใช่ครับ ผมเป็นสามี เธอหนีจากผมมา” “หนีหรือคะ” “ผมขออนุญาตได้ไหม”เขาเอ่ยหลังจากที่ชี้แจง ไม่มีการบอกกล่าวมาล่วงหน้าเพื่อตรวจดูความผิดพลาด คุณนันทนิจขอตัวโทร.ทางไกลไปเมืองไทยเพื่อถามหลานชาย ได้รับคำตอบแบบเดียวกันคือ ยืนยันถึงความเป็นสามีของลูกจ้างสาว “ดิฉันไม่ทราบหรอกนะคะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลานชายต้องการพึ่งพา ให้พา
“เขาให้แม่มาไกล่เกลี่ยหรือไงคะ”มณีรัชดาเอ่ยโดยไม่ยอมเอ่ยชื่อเขา นางรัชนีถอนใจ กับลูกสาวที่เริ่มจะทิฐิขึ้นมา“นี่แม่นะนี่แม่ของแก จะดีจะชั่วยังไงก็ยอมรับว่าแกเป็นลูก” มณีรัชดากำลังทำใจอย่างหนัก การที่มารดามาที่นี่เหมือนท่านบุกเข้ามาหาหล่อนที่คอนโดไม่เคยมีใครทราบมาก่อน และเขาคนเดียวเท่านั้นที่พามา มันเป็นเรื่อง ที่ตัดสินใจลำบากทั้งเรื่องส่วนตัวเหตุผลอีกทั้งความรัก รวมทั้งความเจ็บแค้นที่ผสมผสานกันและความผิดของเขาเกิดขึ้นมานาน และสะสมสั่งเอาไว้พอกพูนจนมันเต็มไปด้วยอัตราของความแค้นที่เหมือนไฟเผาผลาญจู่ๆหล่อน จะมาอภัยให้เขาง่ายๆในสิ่งที่เขาทำกับหล่อนอย่างเจ็บปวด “แม่ไปถามผู้ชายคนที่เขาบอกที่อยู่ของหนูสิคะว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง” มณีรัชดากลับตอบไปอย่างนั้นทำให้รัชนีเงียบ และเริ่มเข้าใจถึงสภาพจิตใจของบุตรสาว “ถึงอย่างไรแม่ก็ไม่อยากให้แก หนีแม่ไปอีก อย่าไปเลยนะลูก เมืองนงเมืองนอก แม่ห่วง ไปดูหมอเขาทักไว้ว่า ลูกไม่ควรเดินทางออกไปต่างประเทศ อย่าขึ้นเครื่องบิน” มณีรัชดาตกใจอย่างมากที่สุดกับคำกล่าวของมารดาไม่เคยทราบด้วยว่า ท่านจะเอาดวงของหล่อนไปให้ห
ความจริงที่ว่าคือเขารักมณีรัชดาอย่างมาก ต้องการครองคู่ อยู่กับหล่อนตลอดไปในเส้นทางอนาคต ทำให้จอมภูต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของมารดาคลายลงจากคำพูดที่น้องชายเอ่ยออกมาพร้อมแฟนสาวช่วยสนับสนุนในรักครั้งนี้ของเขา อีกทั้งช่วยแก้ต่าง ให้กับมณีรัชดา ภรรยาของเขาให้พ้นผิดด้วย เพราะภรรยาของเขานั้น หล่อนไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนกำลังกล่าวหาสักนิด หล่อนสะอาดและบริสุทธิ์เสมอ อย่างที่เขาเองก็นึกไม่ถึงเช่นกัน ในอดีตเขาเคยร่ำร้อง ที่จะเดียดฉันท์ โกรธอาฆาตแค้นหล่อนที่กลายเป็นนางแม่มดเจ้าเสน่ห์เพื่อหลอกล่อให้น้องชายของเขามาตกหลุมรักเพราะหวังในความสุขสบาย เพราะภูวพลมีฐานะร่ำรวยเป็นทายาท ของนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย นี่คือความโง่เขลาอย่างมากที่สุดที่เขาได้ทำมา จนจอมภูอยากเขกหัวของตัวเอง ย้อนหลังกลับไปสองร้อยกว่าครั้งถึงจะสาสม กับความผิด และความโง่ของเขาด้วยซ้ำ เวลาเนิ่นนานที่เขามีอคติต่อหล่อน กลายเป็นคนที่โง่บรมโง่ เหลือเกิน ยอมรับว่าเขาหูตามืดมัวเพราะรักและห่วงน้องชาย คนเดียวที่กลัวจะตกเป็นเหยื่อและเป็นคำสั่งของมารดา ที่ท่านต้องการจะกีดกันทั้
“ทำไม?ผมถามคุณไม่ตอบล่ะว่าไปอยู่ที่ไหนและผมไม่ยอมให้คุณไปอยู่ที่ไหนอีกแล้วนะต้องอยู่กับผมตลอดไปจะต้องช่วยเลี้ยงลูกของเรา ให้เจริญเติบโตเป็นคนดี” “ฉันไปพักอยู่กับเพื่อนรุ่นที่ ที่เขาใจดีมากค่ะ เขาเป็นพี่ชายที่ฉันเคารพรักและมีบุญคุณเสมอมา” “แล้วเขาเป็นใครล่ะ” “เขาชื่อ คุณรังสินัยค่ะ” “คราวหลัง ถ้าผมได้เจอเขาแล้วนั้นผมจะขอบคุณเขาอย่างมากที่ช่วยดูแล เมียผมกับลูกผมให้ปลอดภัย” คราวนี้มณีรัชดาหันมามองเขาสายตาของหล่อนเงยขึ้น “คุณไม่ตะขิดตะขวงหรือยังไงคะที่ฉันไปอยู่อย่างนั้น” “คงไม่หรอก ผมรู้ว่า ผมนั้นทำผิดอะไร” จอมภูตอบเสียงนุ่มอย่างรู้ดีว่า เขาทำผิดอะไร “แล้ว ขอให้ผมได้ไถ่โทษความผิดครั้งนี้ด้วยการขอคุณแต่งงานได้ไหม ผมจะไม่รีรอเลยนะณีและต้องการให้เรื่องนี้เร็วที่สุด” มณีรัชดาถึงกับอึ้งที่เขาพูดเช่นนี้ยิ้มอย่างอายและเขิน “เอ้อ ค่ะ” “ผมดีใจที่คุณเข้าใจผมและเข้าใจความรู้สึกของเรา คงไม่โกรธใช่ไหม กับเรื่องที่ผ่านมา เอ้อที่ผมล่วงเกินคุณ ใครล่ะจะอดใจได้ ก็คุณสวยขนาดนั้น” จอมภูกระซิบพร่ำที่ริมกกหูของ
จอมภูจึงขับรถมุ่งตรงไปที่บ้านเช่าของเธอที่เคยอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับบิดามารดา และเขาเคยมาแล้วหนหนึ่งแต่ว่าไม่พบกับมณีรัชดาซึ่งบิดาและมารดาของเธอก็ไม่สามารถให้คำตอบเขาได้เช่นกัน เขามั่นใจว่ามณีรัชดาต้องอยู่ เพราะว่าเขารู้สึกไม่สบายใจเลยที่ทำแบบนี้กับหล่อน แม้แต่คาดคิดก็ตามและมณีรัชดาก็เช่นกัน เขาคิดว่าหล่อนคงจะเป็นเหมือนเขา ที่เป็นอย่างนี้เพราะเขาแน่ใจอย่างนั้นว่าเขารักหล่อนมาก มันไม่ใช่เรื่องที่หลอกลวง หรืออยากจะแก้แค้นหล่อน ความรักที่บริสุทธิ์นั้น ยากที่จะบอกได้ ซึ่งขับรถมุ่งตรงมาที่บางแค ก็ด้วยความหวัง ขณะเดียวกันนั้นมณีรัชดาลงจากรถแท็กซี่แล้วเดินเข้าไปในบ้าน ทำให้นางรัชนีกับนายมิ่งผู้เป็นบิดาต่างมองด้วยความตกใจและดีใจเช่นกันเมื่อได้มองเห็นชัดเจนว่า ลูกสาวตั้งท้อง จึงเป็นคำตอบที่ทราบดีว่าที่ลูกสาวหายไปจากบ้านเป็นเพราะสาเหตุนี้ นางรัชนีปรามผู้เป็นสามีและทั้งคู่ปรึกษากันว่าจะไม่ซักถามมณีรัชดาที่เพิ่งมาถึง เพราะกลัวว่าลูกสาวจะเตลิดไปไกลอีกนางรัชนีกับไพจิตรจึงพยายามพูดดีๆ “กลับมาแล้วเหรอเข้าไปพักผ่อนข้างในก่อนเถอะลูก มีอ