ลูคัสโอนเงินค่าจ้างครึ่งหนึ่งให้กับนฤดาส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งเขาจะจ่ายให้เธอหลังจากทำงานครบหนึ่งเดือน
“รออยู่ตรงนี้ก่อนเดี๋ยวคนของฉันจะเอาชุดมาให้เปลี่ยน”
“แล้วคุณจะไปไหนคะ”
“ฉันก็จะเปลี่ยนชุดสิ หรือเธอจะให้ฉันนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัว ฉันเห็นนะว่าเธอแอบมองกล้ามท้องฉันอยู่”
"ฉันจะแอบมองทำไม ทำอย่างกับตัวเองหุ่นดีนัก”
“แต่เมื่อคืนเธอไม่ได้พูดแบบนี้นะ ฉันจำได้เธอชมว่าฉันหุ่นดีกล้ามน่าจับ”
“ที่ฉันพูดเพราะฉันเมา แต่มันก็แปลกนะปกติฉันก็เคยกินเหล้าแต่ก็ไม่เคยมีอาการเหมือนเมื่อคืน หรือคุณวางยาฉัน”
“ฉันจะทำแบบนั้นทำไม แล้วเครื่องดื่มที่ฉันสั่งให้เธอฉันก็เป็นคนกินเอง”
“หรือว่าแก้วนั้น” นฤดาคิดถึงเครื่องดื่มที่ว่างอยู่บนโต๊ะของปรเมศวร์
“นึกออกแล้วเหรอว่าไปกินที่ไหนมา”
“นึกออกแล้ว น่าจะเป็นแก้วที่อยู่บนโต๊ะของแฟนฉัน ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าแฟนเก่ามากกว่าเพราะฉันบอกเลิกเขาไปแล้ว” เสียงพูดเบาลงอย่างเห็นได้ชัด
“เธอบอกเลิกเขาตอนเมาหรือเปล่า แล้วถ้ามาทำงานกับฉันแบบนี้เขาจะไม่ว่าใช่ไหม” ลูคัสรีบชวนคุยเรื่องอื่นเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะนึกออกว่าตนเองนั้นไปดื่มอะไรที่ไหนมาบ้าง
“ฉันเมาก็จริงแต่ฉันก็พอมีสติ” นฤดาจำเรื่องราวระหว่างตนเองกับปรเมศวร์ได้ทุกอย่าง
“ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของเธอหรอกนะ ขอแค่เขาอย่ามาทำให้เสียเรื่องก็พอ”
พูดจบเขาก็กลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนและกลับออกมาอีกครั้งด้วยเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินกับกางเกงผ้าสีเดียวกัน
ลูคัสออกจากห้องนอนไปแล้วนฤดาก็โทรศัพท์ไปคุยกับนุ่นและบอกเรื่องที่ตนเองเลิกกับปรเมศวร์
“เลิกได้ก็ดีเหมือนกันนะ นุ่นว่าสวยๆ อย่างหวานหาแฟนใหม่ได้ไม่ยาก เจ้านายของคุณเฉินก็น่าสนใจดีนะ ท่าทางเขาก็ชอบหวานอยู่นะ”
“เจ้านายคุณเฉินเหรอ หวานไม่เห็นรู้จัก”
“ก็คนที่หวานคุยด้วยแล้วให้เขาไปส่งที่บ้านไงล่ะ ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นเจ้านายคุณเฉิน ยายปลาบอกว่าเขารวยมากมีธุรกิจตั้งหลายที่ทั้งในเมืองไทย ฮ่องกงแล้วก็ที่สิงคโปร์เขาเป็นมาเฟียด้วยนะนุ่นว่าเท่ห์สุดๆ ไปเลย”
“เขาเป็นมาเฟียเหรอ”
“หวานไม่รู้เหรอ”
“ไม่รู้เลยหวานกับเขาไม่ค่อยคุยกันเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่”
“ก็เห็นหายไปด้วยกันนึกว่าจะรู้จักมากขึ้นเสียอีก”
“ไม่หรอก เราแทบไม่รู้จักเขาเลย” นฤดาไม่รู้เรื่องไรเกี่ยวกับเขาเลยนอกจากเขาชื่อลูคัสและมีลูกสาวชื่อจัสมิน
“แล้วเมื่อคืนเขาไปส่งถึงบ้านไหม”
“อือ ถึงบ้าน” เธอตอบว่าถึงบ้านแต่ไม่ได้หมายถึงบ้านของตนเอง
“เรื่องเลิกกับพี่กายหวานจะบอกเพื่อนคนอื่นเองหรือจะให้นุ่นบอกให้ล่ะ”
“หวานให้นุ่มบอกให้หน่อยได้ไหม พอดีหวานปวดหัวว่าจะนอนต่ออีกนิด”
“อยู่คนเดียวได้หรือเปล่า วันนี้นุ่นว่างให้นุ่นไปอยู่เป็นเพื่อนดีไหม” นุ่นหรือนีรชาเป็นครูสอนอนุบาลและตอนนี้ก็อยู่ในช่วงที่โรงเรียนปิดเทอม
“ไม่เป็นไร หวานว่านอนพักสักตื่นก็คงดีขึ้น”
“ถ้าไม่ไหวแล้วอยากไปหาหมอก็โทรบอกนุ่นนะ”
“ได้จ้ะ ขอบใจมาก”
วางสายได้ไม่นานเสียงเคาะประตูห้องก็ดังนฤดารีบเดินไปเปิดเพราะเดาว่าน่าจะเป็นคนของลูคัสที่บอกจะเอาชุดมาให้
“หนูจะเอาชุดไปแขวนไว้ให้นะคะ ส่วนชุดที่จะไปเที่ยวทะเล เดี๋ยวหนูจะจัดใส่กระเป๋าให้ค่ะ” สาวใช้พูดจบก็เดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัวที่เชื่อมระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำ
“ส่วนนี่เป็นพวกของใช้ส่วนตัวค่ะ หนูจะวางไว้ที่หน้ากระจกนะคุณเลือกหยิบใช้ได้เลย หนูไม่รู้ว่าปกติคุณใช้แบบไหนก็เลยเลือกตามที่คนขายแนะนำค่ะ
“ขอบคุณค่ะ” นฤดามองข้าวของที่สาวใช้ถือเข้าไปในห้องอย่างงงๆ พอพวกเธอเดินออกไปแล้วหญิงสาวก็สำรวจของทั้งหมดอีกครั้ง ของแต่ละอย่างเป็นยี่ห้อที่ขายตามห้ามสรรพสินค้าซึ่งเธอเคยเห็นแค่ไม่เคยคิดจะซื้อเพราะมันแพงเกินกว่าเธอจะเอื้อมถึง
นอกจากเครื่องสำอางแล้วยังมีเสื้อผ้าอีกหลายชุดเธอซึ่งแต่ละตัวก็ติดเย็บอย่างประณีตเธอไม่รู้ว่าเขาไปหาของเหล่านี้มาจากไหนภายในเวลาไม่นานและที่แปลกใจมากไปอีกก็คือชุดชั้นในที่ขนาดมันพอดีกับไซส์ของเธอเหลือเกิน
นฤดารีบอาบน้ำและเลือกสวมเดรสสีครีมแขนกุดตัวยาวซึ่งดูน่าจะเรียบร้อยเหมาะสมกับการทำหน้าที่มารดาของเด็กหญิงที่ชื่อจัสมิน เธอแต่งหน้าอ่อนๆ ด้วยเครื่องสำอางที่คนของลูคัสเตรียมให้พอทุกอย่างเรียบร้อยก็ค่อยๆ เปิดประตูห้องออกมาช้าๆ
“เสร็จแล้วใช่ไหมคะ” สาวใช้สองคนที่เอาของเข้าไปให้เมื่อครู่ถามขึ้น
“ค่ะ ฉันต้องไปไหนต่อคะ”
“ตามมาทางนี้ก่อนค่ะคุณต้องไปเจอคุณท่านก่อนจะไปเจอคุณหนูจัสมินค่ะ”
นฤดาเดินตามทั้งสองคนมายังอีกฝั่งหนึ่งของบ้านซึ่งอยู่คนละฝั่งกับห้องนอนที่ออกมา
“เชิญด้านในค่ะ” สาวใช้ผายมือให้เธอเดินเข้าไปในห้องขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหราและด้านในมีคนรออยู่ก่อนแล้วสามคน
หนึ่งในนั้นคือลูคัสส่วนอีกสองคนน่าจะเป็นบิดามารดาของเขา เธอยกมือไว้และยิ้มเมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองคนรับไว้ทำให้ความกลัวลดลงไปบ้าง
“นั่งก่อนสิหนู”
“บนเก้าอี้” ลูคัสรีบบอกเมื่อเห็นว่านฤดากำลังจะนั่งลงบนพื้น
“ค่ะ”
“นี่พ่อแม่ของฉัน”
“สวัสดีค่ะ” พอเขาแนะนำหญิงสาวก็ยกมือไหว้อีกครั้ง
“ลูคัสเล่าเรื่องที่หนูจัสมินเข้าใจผิดให้แม่ฟังแล้วนะ แม่ต้องขอโทษด้วยที่ปล่อยให้จัสมินเข้าไปในห้องนอนแต่เช้า”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะท่าน หนูผิดเองที่ตามเขามาที่นี่”
“ถ้าหนูจะมาทำหน้าที่แม่ของจัสมินหนูก็ควรเรียกคุณย่าของเธอว่าแม่และเรียกคุณตาของเธอว่าพ่อนะ”
“ค่ะ”
“แม่รู้ว่าสิ่งที่ลูคัสบอกให้หนูทำนั้นมันเข้าใจยากและดูไม่สมเหตุสมผลแต่พวกเราทุกคนรักจัสมินและไม่อยากทำร้ายจิตใจของเธอ”
“ท่านคะ เอ่อแม่คะเรื่องแม่ของจัสมินทำไมถึงไม่บอกความจริงไปเลยล่ะคะ”
“เราเคยบอกแล้วว่าแม่ไปอยู่สวรรค์ตอนนั้นจัสมินก็ยังไม่เข้าใจว่าสวรรค์คืออะไรพวกเราพยายามจะค่อยๆ บอกเธอให้รู้ไปทีละนิดแต่ก็มีคนไม่หวังดีบอกจัสมินว่าแม่ของเธอตายไปแล้วและไม่มีทางที่เธอจะได้เจอกับแม่ของเธออีก ตอนนั้นจัสมินร้องไห้อย่างหนักเธอกรีดร้องจนสลบ” คุณมะลิวัลย์เล่าเรื่องหลานสาวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“แล้วจากนั้นล่ะคะ” นฤดาถามด้วยความสนใจ
“พอตื่นมาอีกครั้งก็กลายเป็นเด็กที่ไม่ร่าเริงพวกเราพาเธอไปพบคุณหมอจิตวิทยาเด็กและเข้ารับการบำบัดอยู่นานกว่าจะกลับมามีรอยยิ้มที่สดใสอีกครั้ง พอจัสมินถามถึงแม่อีกครั้งพวกเราจึงไม่พูดถึงการไปสวรรค์ เราย้ายเธอไปอยู่ที่สิงคโปร์และเลือกที่จะโกหกเธอว่าแม่ของเธอไปทำงาน”
“แต่วันหนึ่งจัสมินต้องรู้ความจริงนะคะ”
“ใช่ วันหนึ่งเธอต้องรู้แต่พวกเราอยากให้จัสมินโตกว่านี้อีกนิด เราไม่อยากให้จัสมินกลับไปเศร้าอย่างเดิมอีก”
“แล้วทำไมคุณลูคัสถึงไม่หาแฟนใหม่ล่ะคะแล้วก็เธอสวมรอยเป็นแม่มาไปเลยล่ะคะ”
ลูคัสมองใบหน้าสวยที่แดงซ่านอย่างหลงใหล ปลายนิ้วร้ายเริ่มขยับปลุกเร้าร่างกายของคนรักอย่างเต็มที่ ขาเรียวสั่นระริกมือเล็กโอบรอบลำคอเขาไว้แน่น ใบหน้าสวยซุกอยู่กับแผงอกแกร่ง เมื่อรู้สึกถึงแรงตอดบนปลายนิ้ว ชายหนุ่มก็ใช้มืออีกข้างจับปลายคางของนฤดาขึ้นเขาอยากเห็นหน้าคนรักในเวลาที่เธอไปถึงสวรรค์“หวานจ๋าอย่าหลับตาสิที่รัก พี่อยากให้หวานมองหน้าพี่ พี่ชอบเวลาที่เห็นหวานเสร็จ มันเซ็กซี่และน่าเอาที่สุด”คำพูดหื่นห่ามกระตุ้นไฟในกายของหญิงสาวให้ลึกโชนทุกครั้งที่อยู่กันตามลำพังเขามักจะคำพูดแบบนี้และเธอก็ชอบที่จะได้ฟัง“ดีไหม ชอบไหม”“พี่คีธขา หวาน อื้อ....ใกล้แล้ว อีกนิดพี่คีธ...อ้ายยย....”นฤดากรีดร้องเสียงยาวเมื่อสัมผัสร้อนของคนรักส่งเธอไปยังปลายทางสีรุ้ง ลูคัสมองใบหน้าสวยยามสุขสมแล้วตนเองก็ปวดหนึบไปทั้งแก่นกาย ชายหนุ่มพลิกตัวแล้วดันให้นฤดานอนลงบนที่นอนด้วยความอ่อนโยน จมูกโด่งเริ่มซุกไซร้ฝากรอยรักลงบนซอกคอหอมกรุ่นอย่างหิวกระหาย นฤดาไม่เคยทำให้ความต้องการของเขาลดน้อยลงสักครั้งยิ่งได้อยู่ใกล้ได้กลิ่นกายหอมเขาก็พร้อมที่จะกระโจนเข้าหาเธออย่างห้ามไม่อยู่ที่ผ่านมาลูคัสไม่เคยรู้สึกต้องการผู้หญิงคนไหนมา
จัสมินกลับไปอยู่สิงคโปร์ได้หลายวันแล้ว ช่วงนี้นฤดาเลยเหงาอยู่ที่บ้านคนเดียว ช่วงกลางวันลูคัสจะออกไปทำงานพอตกเย็นก็กลับมาทานข้าวด้วยกันก่อนจะออกไปตรวจงานที่ผับอีกครั้งและกลับเข้ามาเกือบจะตีสองนฤดารู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปจากเดิมมาก เขาทำงานหนักขึ้นและมีเวลาให้เธอน้อยลง ถ้าหากชายหนุ่มยังเป็นแบบนี้อีกต่อไปเรื่องที่เธอจะคบกับเขาต่อก็คงจะคิดหนักเสียงรถที่เข้ามาจอดในเวลาห้าทุ่มทำให้นฤดาที่กำลังจะสสมชุดนอนรีบหยิบเสื้อคลุมมาใส่เพราะคิดว่าลูคัสน่าจะลืมของเหมือนทุกครั้งที่เขาออกไปแล้วกลับมาก่อนเวลาเพราะลืมเอกสารหรือบางครั้งก็ลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องทำงาน พอเธอเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเขานั่งอยู่บนเตียง“ลืมของเหรอคะ เอาวางไว้ตรงไหนเดี๋ยวหวานช่วยหาให้ค่ะ” เธอกำลังจะเดินออกไปห้องทำงานแต่เขาก็คว้าเอวบางไว้แล้วก็จับให้หญิงสาวมานั่งอยู่บนหน้าตักของตนเอง“จับไว้แบบนี้แล้วหวานจะไปช่วยหาของได้ยังไงล่ะคะ”“วันนี้พี่ไม่ได้ลืมของ” สรรพนามที่มาเฟียหนุ่มเรียกแทนตัวเองเปลี่ยนนับตั้งแต่เธอบอกว่าจะให้โอกาสเขา“แล้วกลับมาทำไมคะ หรือว่างานเสร็จแล้ว”“งานเสร็จแล้วครับ แต่คนยังไม่เสร็จ” ลูคัสมองหญิงสาวด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
เหลือเวลาอีกไม่กี่วันจัสมินก็ต้องเดินทางกลับสิงคโปร์แล้ววันนี้เด็กน้อยเลยขอมานอนค้างกับคุณยายประภาพรที่บ้าน ซึ่งลูคัสให้ลูกน้องมาต่อเติมห้องนอนและติดเครื่องปรับอากาศให้ถึงสองห้องสำหรับประภาพรห้องหนึ่งและเอาอีกห้องหนึ่งสำหรับนฤดาที่วันนี้พาจัสมินมาค้างที่นี่ด้วย“คุณยายขาคืนนี้จะจัสมินขอนอนกับคุณยายได้ไหมคะ แดดดี๊บอกว่าห้องคุณยายไม่ร้อนแล้ว”“ได้สิ เดี๋ยวยายจะเล่านิทานให้หนูฟังก่อนนอนดีไหมคะ”“แต่จัสมินลืมเอาหนังสือนิทานมาจากบ้านค่ะ” เพราะมัวแต่ตื่นเต้นว่าจะมาทานขนมชั้นเธอเลยลืมหยิบหนังสือนิทานมาด้วย ซึ่งปกติเวลาไปค้างที่ไหนจัสมินจะเลือกหนังสือนิทานเล่มที่อยากฟังใส่กระเป๋าเป้เล็กๆ ของเธอเอง“นิทานของยายเป็นนิทานพื้นบ้านค่ะจัสมิน ไม่ต้องใช้หนังสือ”“นิทานพื้นบ้านคืออะไรคะหม่ามี้”“ก็เป็นนิทานของคนที่เล่าสืบต่อกันมา ตอนเด็กๆ คุณยายจะเล่าให้หม่ามี้ฟังตลอดเลย”“แล้วนิทานพื้นบ้านสนุกไหมคะ”“สนุกสิหม่ามี้ว่าหนูจะต้องชอบมากๆ แน่เลย”“เราไปกันเลยไหมคะคุณยายจัสมินอยากฟังนิทานแล้ว”“จัสมินไปรอในห้องคุณยายก่อนนะคะ เดี๋ยวยายตามไปค่ะ”เมื่อจัสมินเข้าไปในห้องแล้วประภาพรก็ช่วยลูกสาวปิดหน้าต่างและประต
“ฉันอาจจะเก่งในเรื่องการทำงานแต่เรื่องความรู้สึกแบบนี้มันเข้าใจยาก”“งั้นหวานขอถามว่าทำไมเมื่อกี้คุณถึงไปแสดงตัวต่อหน้าพี่กายและเพื่อนหวานแบบนั้น”“เพราะฉันไม่อยากให้ใครมายุ่งกับคนฉัน ฉันกลัวเธอจะใจอ่อนแล้วกลับไปคบกับเขา ฉันยอมไม่ได้หรอกนะ ฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าไม่มีเธออยู่ข้างๆ ฉันกับจัสมินจะเป็นยังไง” ลูคัสบอกความรู้สึกของตนเองให้หญิงสาวฟังอย่างไม่มีปิดบัง เขากลัวว่าผู้หญิงจิตใจดีแบบนฤดาจะยอมให้อภัยผู้ชายคนนั้น“คุณอาจจะต้องการหวานตอนนี้เพราะจัสมินอยู่เมืองไทยก็ได้นะคะ หวานอยากรู้ว่าถ้าครบหนึ่งเดือนแล้วจัสมิและครอบครัวคุณไม่อยู่ที่นี่ความรู้สึกที่คุณมีให้หวานยังเหมือนเดิมหรือเปล่า”“ไม่ว่าจัสมินจะอยู่ที่นี่หรือเปล่าแต่ฉันก็ต้องการให้เธออยู่ใกล้ๆ เหมือนเดิม นะหวานนะขอโอกาสฉันหน่อย หรือที่เธอไม่อยากเป็นครอบครัวเพราะฉันอายุมากใช่ไหม” เขาพูดด้วยความน้อยใจ“ไม่ใช่เรื่องอายุหรอกค่ะ หวานแค่อยากมั่นใจกว่านี่อีกสักนิด”“ฉันต้องทำยังไงบ้างเธอถึงจะมั่นใจ ให้พ่อแม่ของฉันไปคุยกับแม่ของเธอดีไหม”“ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ค่ะ หวานจะลองให้โอกาสคุณดูก็ได้”“จริงนะ”“ค่ะ”“ฉันดีใจที่เธอยอมเปิดใจ แต่ฉั
เมื่อถึงเวลาผับปิดลูคัสก็เดินมาบอกกับเพื่อนของนฤดาว่าเขาจะเป็นคนไปส่งเธอที่บ้านเอง หลังจากบอกลาเพื่อนๆ เสร็จแล้วนฤดาก็เดินตามลูคัสมาที่รถทันทีที่ประตูรถปิดลงหญิงสาวก็หันมามองหน้าลูคัสอย่างเอาเรื่อง“คุณไปพูดกับเพื่อนหวานแบบนั้นได้ยังไงคะ หวานบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่อยากให้คนอื่นรู้ ทีนี้เขาก็เข้าใจผิดกันหมดสิว่าเรากำลังคบกัน”“ถ้าฉันไม่พูดไอ้แฟนเก่าของคุณมันจะไปจากคุณไหมล่ะ”“นี่หวานต้องขอบคุณคุณใช่ไหมคะ”“มันก็ควรเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าล่ะ”“หวานจะขอบคุณก็ได้ที่คุณทำให้พี่กายไปจากหวานจริงๆ แล้วเรื่องที่เราคบกันล่ะ”“ก็ไม่ต้องทำอะไร”“คุณรู้ไหมว่าเพื่อนหวานต่างก็อยากรู้เรื่องของเรามาก”“แล้วเธอบอกเพื่อนยังไงล่ะ”“หวานบอกแค่ว่าเราเพิ่งเริ่มคุยกัน”“ทำไมไม่บอกความจริงเขาไปล่ะ”“ความจริงที่ว่าหวานเป็นเมียคุณเพื่อเงินน่ะเหรอคะ”“ฉันหมายถึงความจริงที่ว่าตอนนี้เรากำลังคบกันอยู่ไง”“เราไม่ได้คบกันนะคะลูคัส คุณจ้างหวานให้อยู่กับคุณต่างหาก”“เธอไม่คิดอะไรกับฉันเลยเหรอ ที่อยู่กับฉันเพราะเงินเหรอหวาน”“มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น เพราะระหว่างเรามันคือการได้ผลประโยชน์ร่วมกัน”“ฉันไม่เชื่อหรอก”“ไม่เชื่ออะ
“คุณเฉินเขาน่ารักดีนะ” มีนาเอ่ยชมคนรักของเพื่อนที่ยกเค้กมาอวยพรวันเกิดให้กับปลาเมื่อครู่“นั่นสิน่าอิจฉาปลาจัง เมื่อไหร่ฟ้าจะมีแฟนกับเขาบ้างนะ”“ก็ฟ้าเลือกมากเอง มีคนมาจีบเยอะแยะแต่ไม่ยอมใจอ่อนกับใครสักคน” นุ่นแกล้งว่า“ก็ยังไม่มีใครที่ถูกใจ ฟ้าไม่อยากเสียเวลาคบคนที่ไม่ใช่”“หวานเห็นด้วยกับฟ้านะ จะคบใครต้องดูดีๆ จะได้ไม่โดนหลอกเหมือนหวาน”“พูดเรื่องนี้มาก็ดีเลย ปลาอยากจะถามว่าตอนนี้หวานกับพี่กายยังติดต่อกันอยู่ไหม”“ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วล่ะ”“นุ่นดีใจด้วยนะที่หวานตัดใจจากผู้ชายคนนั้นได้ แสดงว่าตอนนี้หวานก็โสดน่ะสิ”“อือ” นฤดาตอบไปแบบนั้นเพราะรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของตนกับลูคัสเป็นแค่ลูกจ้างกับนายจ้าง“แต่มีนาว่าหวานโสดไม่นานหรอกดูผู้ชายคนนั้นสิจ้องหวานตลอดเลย” มีนาบอกเพื่อนให้มองไปยังโต๊ะด้านในสุด“เอ๊ะ นั่นเจ้านายคุณเฉินนี่ คนที่ไปส่งหวานที่บ้านไงละ” ปลาจำหน้าของเจ้านายคนรักได้ดีกว่าใครก็พูดขึ้นนฤดาหันไปมองตามเพื่อนบอกแล้วก็ทำเป็นไม่สนใจเพราะก่อนออกมาจากบ้านเธอบอกเขาไปแล้วว่าห้ามเข้ามาทักทายหรือแสดงตัวเพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่เธอยอมเป็นของเขาเพื่อแลกกับเงิน“ดูเหมือนเขาสนใจหว