“ฉันไม่นึกเลยว่าเธอจะเป็นคนเห็นแก่เงินขนาดนี้” ลูคัสมองหน้านฤดาอย่างผิดหวังเขาแอบคิดว่าเธอจะต่างจากคนอื่นแต่พอเขาบอกจำนวนเงินหญิงสาวก็ทำตาโต
“เงินตั้งล้านนะคะใครไม่เอาก็บ้า แต่ฉันต้องทำงานทั้งเดือนเลยเหรอคะ”
“ก็ใช่น่ะสิเงินหนึ่งล้านแลกกับระยะเวลาหนึ่งเดือนที่เธอต้องมาอยู่ที่นี่ในฐานะหม่ามี้ของจัสมิน” เขาบอกถึงเงื่อนไขการทำงาน
“ฉันลดให้คุณเหลือห้าแสน”
“ไหนว่าอยากได้เงิน”
“ก็เพราะอยากได้เงินน่ะสิ แต่ฉันมีข้อแม้” ระยะเวลาหนึ่งเดือนที่เขาเสนอนั้นเธอคิดว่าตนเองไม่น่าจะทำได้ครบเวลา
“อะไรของเธออีกล่ะ”
“ฉันอยู่กับคุณและลูกได้แค่อาทิตย์เดียว”
“ทำไมอาทิตย์เดียวเธอเรียกฉันถึงห้าแสนล่ะ มันน่าจะแค่สองแสนห้านะ แต่ฉันอยากจ้างเธอหนึ่งดือน”
“ฉันสัญญาเลยว่าฉันจะทำให้ความทรงจำของลูกคุณมีแต่ความสุขระหว่างที่ฉันทำหน้าที่แม่” นฤดาพูดออกไปอย่างนั้นทั้งที่ไม่รู้หรอกว่าหน้าที่แม่ของจัสมินต้องทำอะไรบ้าง หญิงสาวต้องการเงินค่าจ้างแต่ครั้นฉันจะอยู่เต็มหนึ่งเดือนอย่างที่เขาบอกมันก็เป็นไปไม่ได้เพราะมารดาของเธอไปทำธุระต่างจังหวัดแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น
“ฉันขอเหตุผลหน่อยว่าทำไมเธอถึงจะอยู่กับจัสมินได้แค่อาทิตย์เดียว”
“ก็ถ้าฉันต้องมาอยู่ที่บ้านคุณแล้วฉันจะบอกแม่ฉันยังไง”
“แล้วหนึ่งอาทิตย์เธอจะบอกยังไง” ลูคัสถามกลับเพราะเขาคิดด่าหญิงสาวทำแบบนี้เพราะกำลังโก่งค่าตัว
“ตอนนี้แม่ฉันไปต่างจังหวัดฉันก็เลยคิดว่าน่าจะมาอยู่กับคุณได้”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ”
“คุณก็หาคนใหม่มารับหน้าที่แม่สิ”
“เธอนี่พูดอะไรคิดถึงจิตใจของเด็กบ้างไหมจัสมินไม่เคยมีเจอแม่มาก่อนเลยและตอนนี้จัสมินก็คิดว่าเธอแม่ของเขาแล้วจะให้ฉันหาผู้หญิงคนอื่นมาเป็นแม่ของจัสมินอีกตลกเกินไปแล้ว”
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงถ้าแม่ฉันกลับมาจะให้ฉันบอกแม่ว่ายังไง”
“ก็บอกไปตามตรงสิไม่เห็นจะยาก”
“สำหรับคุณมันไม่ยากหรอกแต่สำหรับฉันมันยากมากนะเรื่องแบบนี้มันยากที่จะเข้าใจ”
“ถ้างั้นผมเพิ่มให้คุณอีกเป็นสองล้านแลกกับระยะเวลาหนึ่งเดือนที่คุณจะมาดูแลจัสมินในฐานะแม่ของเธอ”
“หนึ่งเดือนสองล้านเหรอคะ”
“ใช่สิหนึ่งเดือนสองล้านฉันจะโอนให้ทันถ้าเธอตกลง”
“แล้วทุกอย่างจบเลยใช่ไหมคะ”
“ใช่สิทุกอย่างจะจบลงภายในหนึ่งเดือน”
“ฉันขอถามหน่อยค่ะ ทำไมต้องหนึ่งเดือนคะ” เพราะรายได้ดีแบบนี้นฤดาก็อยากให้เขาจ้างไปเรื่อยๆ
“เพราะจัสมินจะมาอยู่ที่นี่แค่เดือนเดียว”
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
“เธอถามทำไม”
“ก็คุณจะให้ฉันทำหน้าที่แม่ของลูกคุณฉันก็อยากรู้ข้อมูลบ้างฉันจะได้เตรียมคำพูดถูกเผื่อลูกของคุณจะถาม”
พอนฤดาพูดแบบนี้เขาก็เริ่มคิดถึงอนาคตหลังจากหนึ่งเดือนลูคัสกลัวว่าลูกสาวจะไม่ยอมกลับไปอยู่กับปู่และย่าที่สิงคโปร์
“ระหว่างนี้เธออย่าพูดเรื่องระยะเวลาที่จะอยู่กับจัสมิน”
“ฉันจะไม่พูดก็แต่ถ้าเธอถามล่ะคะ”
“จัสมินมีกำหนดอยู่เมืองไทยแค่หนึ่งเดือนจากนั้นเธอจะกลับไปอยู่สิงคโปร์” เขาตอบไปโดนไม่รู้เลยว่าถ้าครบหนึ่งเดือนแล้วลูกสาวจะกลับไปหรือเปล่า
“ค่ะ”
“บางทีฉันอาจจ้างเธอเพิ่มถ้าจัสมินกลับมาที่นี่และอยากเจอเธออีกหรือวันไหนจัสมินอยากจะคุยกับเธอฉันก็จะจ้างเธอเป็นครั้งๆ ไป”
“ยังไงคะ”
“ถ้านัดมาเจอฉันจะให้เธอครั้งละแสนแต่ถ้าวิดีโอคอลหาฉันจะให้เธอครั้งละหมื่นตกลงไหม”
“แล้วถ้าลูกสาวคุณโทรหาฉันทุกวันล่ะ”
“ฉันก็จะจ่ายคุณตามนั้นแหละ ตกลงเธอจะรับงานนี้ใช่ไหม”
“รับสิงานดีเงินดีแบบนี้มีหรือคนอย่างฉันจะไม่รับ” เมื่อคิดถึงจำนวนเงินที่จะเพิ่มขึ้นในบัญชีนฤดาก็ยินดีรับงานด้วยความเต็มใจ
แต่ปัญหามันติดอยู่ที่ว่าหญิงสาวจะบอกมารดายังไงเรื่องที่จะมาทำงานที่บ้านของเขาเพราะถ้ามารดาถามถึงสาเหตุที่ทำให้ลูกสาวของลูคัสเข้าใจผิดเธอจะบอกได้ยังไงว่าตนเองออกไปเที่ยวและเมาจนไร้สติถึงขั้นมากับผู้ชายแปลกหน้า
“คุณลูคัสคะฉันขอร้องคุณอย่างหนึ่งได้ไหม” น้ำเสียงฟังดูอ่อนลงเพราะกลัวว่าเขาจะไม่ทำตามที่เธอขอร้องและเงินจำนวนมากจะหายไปในพริบตา
“อะไรล่ะ ลองว่ามาสิ” ลูคัสมองออกว่าตอนนี้ตนเองกำลังถือไพ่เหนือกว่าจึงถามด้วยเสียงที่วางอำนาจ
“เรื่องที่เราเจอกัน”
“มีปัญหาอะไร เราเจอกันในผับ”
“คือฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราเจอกันที่ไหนและเกิดอะไรขึ้นระหว่างฉันกับคุณ เราไม่บอกคนอื่นได้ไหม”
“ได้สิไม่มีปัญหา”
“แต่...”
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าจะไม่บอกใครแล้วเธอจะมีข้อแม้อะไรอีก”
“ถ้าฉันรับงานนี้แล้วแม่ฉันถามว่าเราเจอกันได้ยังไงฉันไม่รู้จะตอบแม่ว่ายังไง”
“ฉันจ้างเธอแล้วยังจะต้องคิดคำแก้ตัวให้เธออีกเหรอ”
“นะคุณช่วยฉันคิดหน่อยสิ”
“ตอนนี้เธอทำงานอะไร”
“ฉันทำงานที่ฝ่ายบัญชีในโรงพยาบาลค่ะ”
“ก็บอกไปสิว่าเธอเจอฉันที่นั่นแล้วฉันก็อยากได้พี่เลี้ยงเด็กง่ายๆ แค่นี้เอง”
“นั่นสิทำไมฉันถึงคิดไม่ออกนะ”
“ฉันช่วยคิดคำโกหกให้แล้วเธอตกลงรับงานแล้วใช่ไหมจะได้เริ่มงาน”
“ฉันต้องทำงานวันนี้เลยเหรอ”
“แน่สิ วันนี้เธอต้องทำงานแล้วคืนนี้เธอก็ต้องมานอนที่นี่”
“เอ่อฉันขอกลับไปเตรียมเสื้อผ้าก่อนได้ไหมคะ”
“เดี๋ยวฉันให้คนจัดการให้ รออยู่ในห้องนี้ก่อนเดี๋ยวเขาจะเอาชุดใหม่มาให้เธอเปลี่ยน และเราต้องพาจัสมินไปเที่ยวทะเล”
“ทะเลเหรอคะ”
“ใช่สิ มีปัญหาอะไร”
“คุณจะไปหลายวันไหมคะ คือฉันได้หยุดแค่วันนี้วันเดียว”
“อย่างน้อยก็สามวัน”
“แล้วงานของฉัน”
“บอกชื่อโรงพยาบาลมาเดี๋ยวฉันจัดการเรื่องวันหยุดของเธอเอง”
“ฉันเพิ่งทำงานได้ไม่กี่เดือนถ้าลางานนานๆ เขาคงไล่ออก”
“เงินเดือนเธอทั้งปีจะเท่าเงินเดือนที่ฉันจ้างเธอหนึ่งเดือนไหม”
นฤดาคำนวณตัวเลขในหัวอย่างรวดเร็ว เงินมากขนาดนั้นเธอต้องทำงานอีกหลายปีกว่าจะได้
“ถึงเงินเดือนของฉันจะน้อยแต่ฉันก็ภูมิใจในงานของฉัน”
“แปลว่าไม่รับงาน”
“รับสิใครไม่รับก็โง่เต็มทีแล้ว”
ลูคัสมองใบหน้าสวยที่แดงซ่านอย่างหลงใหล ปลายนิ้วร้ายเริ่มขยับปลุกเร้าร่างกายของคนรักอย่างเต็มที่ ขาเรียวสั่นระริกมือเล็กโอบรอบลำคอเขาไว้แน่น ใบหน้าสวยซุกอยู่กับแผงอกแกร่ง เมื่อรู้สึกถึงแรงตอดบนปลายนิ้ว ชายหนุ่มก็ใช้มืออีกข้างจับปลายคางของนฤดาขึ้นเขาอยากเห็นหน้าคนรักในเวลาที่เธอไปถึงสวรรค์“หวานจ๋าอย่าหลับตาสิที่รัก พี่อยากให้หวานมองหน้าพี่ พี่ชอบเวลาที่เห็นหวานเสร็จ มันเซ็กซี่และน่าเอาที่สุด”คำพูดหื่นห่ามกระตุ้นไฟในกายของหญิงสาวให้ลึกโชนทุกครั้งที่อยู่กันตามลำพังเขามักจะคำพูดแบบนี้และเธอก็ชอบที่จะได้ฟัง“ดีไหม ชอบไหม”“พี่คีธขา หวาน อื้อ....ใกล้แล้ว อีกนิดพี่คีธ...อ้ายยย....”นฤดากรีดร้องเสียงยาวเมื่อสัมผัสร้อนของคนรักส่งเธอไปยังปลายทางสีรุ้ง ลูคัสมองใบหน้าสวยยามสุขสมแล้วตนเองก็ปวดหนึบไปทั้งแก่นกาย ชายหนุ่มพลิกตัวแล้วดันให้นฤดานอนลงบนที่นอนด้วยความอ่อนโยน จมูกโด่งเริ่มซุกไซร้ฝากรอยรักลงบนซอกคอหอมกรุ่นอย่างหิวกระหาย นฤดาไม่เคยทำให้ความต้องการของเขาลดน้อยลงสักครั้งยิ่งได้อยู่ใกล้ได้กลิ่นกายหอมเขาก็พร้อมที่จะกระโจนเข้าหาเธออย่างห้ามไม่อยู่ที่ผ่านมาลูคัสไม่เคยรู้สึกต้องการผู้หญิงคนไหนมา
จัสมินกลับไปอยู่สิงคโปร์ได้หลายวันแล้ว ช่วงนี้นฤดาเลยเหงาอยู่ที่บ้านคนเดียว ช่วงกลางวันลูคัสจะออกไปทำงานพอตกเย็นก็กลับมาทานข้าวด้วยกันก่อนจะออกไปตรวจงานที่ผับอีกครั้งและกลับเข้ามาเกือบจะตีสองนฤดารู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปจากเดิมมาก เขาทำงานหนักขึ้นและมีเวลาให้เธอน้อยลง ถ้าหากชายหนุ่มยังเป็นแบบนี้อีกต่อไปเรื่องที่เธอจะคบกับเขาต่อก็คงจะคิดหนักเสียงรถที่เข้ามาจอดในเวลาห้าทุ่มทำให้นฤดาที่กำลังจะสสมชุดนอนรีบหยิบเสื้อคลุมมาใส่เพราะคิดว่าลูคัสน่าจะลืมของเหมือนทุกครั้งที่เขาออกไปแล้วกลับมาก่อนเวลาเพราะลืมเอกสารหรือบางครั้งก็ลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องทำงาน พอเธอเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเขานั่งอยู่บนเตียง“ลืมของเหรอคะ เอาวางไว้ตรงไหนเดี๋ยวหวานช่วยหาให้ค่ะ” เธอกำลังจะเดินออกไปห้องทำงานแต่เขาก็คว้าเอวบางไว้แล้วก็จับให้หญิงสาวมานั่งอยู่บนหน้าตักของตนเอง“จับไว้แบบนี้แล้วหวานจะไปช่วยหาของได้ยังไงล่ะคะ”“วันนี้พี่ไม่ได้ลืมของ” สรรพนามที่มาเฟียหนุ่มเรียกแทนตัวเองเปลี่ยนนับตั้งแต่เธอบอกว่าจะให้โอกาสเขา“แล้วกลับมาทำไมคะ หรือว่างานเสร็จแล้ว”“งานเสร็จแล้วครับ แต่คนยังไม่เสร็จ” ลูคัสมองหญิงสาวด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
เหลือเวลาอีกไม่กี่วันจัสมินก็ต้องเดินทางกลับสิงคโปร์แล้ววันนี้เด็กน้อยเลยขอมานอนค้างกับคุณยายประภาพรที่บ้าน ซึ่งลูคัสให้ลูกน้องมาต่อเติมห้องนอนและติดเครื่องปรับอากาศให้ถึงสองห้องสำหรับประภาพรห้องหนึ่งและเอาอีกห้องหนึ่งสำหรับนฤดาที่วันนี้พาจัสมินมาค้างที่นี่ด้วย“คุณยายขาคืนนี้จะจัสมินขอนอนกับคุณยายได้ไหมคะ แดดดี๊บอกว่าห้องคุณยายไม่ร้อนแล้ว”“ได้สิ เดี๋ยวยายจะเล่านิทานให้หนูฟังก่อนนอนดีไหมคะ”“แต่จัสมินลืมเอาหนังสือนิทานมาจากบ้านค่ะ” เพราะมัวแต่ตื่นเต้นว่าจะมาทานขนมชั้นเธอเลยลืมหยิบหนังสือนิทานมาด้วย ซึ่งปกติเวลาไปค้างที่ไหนจัสมินจะเลือกหนังสือนิทานเล่มที่อยากฟังใส่กระเป๋าเป้เล็กๆ ของเธอเอง“นิทานของยายเป็นนิทานพื้นบ้านค่ะจัสมิน ไม่ต้องใช้หนังสือ”“นิทานพื้นบ้านคืออะไรคะหม่ามี้”“ก็เป็นนิทานของคนที่เล่าสืบต่อกันมา ตอนเด็กๆ คุณยายจะเล่าให้หม่ามี้ฟังตลอดเลย”“แล้วนิทานพื้นบ้านสนุกไหมคะ”“สนุกสิหม่ามี้ว่าหนูจะต้องชอบมากๆ แน่เลย”“เราไปกันเลยไหมคะคุณยายจัสมินอยากฟังนิทานแล้ว”“จัสมินไปรอในห้องคุณยายก่อนนะคะ เดี๋ยวยายตามไปค่ะ”เมื่อจัสมินเข้าไปในห้องแล้วประภาพรก็ช่วยลูกสาวปิดหน้าต่างและประต
“ฉันอาจจะเก่งในเรื่องการทำงานแต่เรื่องความรู้สึกแบบนี้มันเข้าใจยาก”“งั้นหวานขอถามว่าทำไมเมื่อกี้คุณถึงไปแสดงตัวต่อหน้าพี่กายและเพื่อนหวานแบบนั้น”“เพราะฉันไม่อยากให้ใครมายุ่งกับคนฉัน ฉันกลัวเธอจะใจอ่อนแล้วกลับไปคบกับเขา ฉันยอมไม่ได้หรอกนะ ฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าไม่มีเธออยู่ข้างๆ ฉันกับจัสมินจะเป็นยังไง” ลูคัสบอกความรู้สึกของตนเองให้หญิงสาวฟังอย่างไม่มีปิดบัง เขากลัวว่าผู้หญิงจิตใจดีแบบนฤดาจะยอมให้อภัยผู้ชายคนนั้น“คุณอาจจะต้องการหวานตอนนี้เพราะจัสมินอยู่เมืองไทยก็ได้นะคะ หวานอยากรู้ว่าถ้าครบหนึ่งเดือนแล้วจัสมิและครอบครัวคุณไม่อยู่ที่นี่ความรู้สึกที่คุณมีให้หวานยังเหมือนเดิมหรือเปล่า”“ไม่ว่าจัสมินจะอยู่ที่นี่หรือเปล่าแต่ฉันก็ต้องการให้เธออยู่ใกล้ๆ เหมือนเดิม นะหวานนะขอโอกาสฉันหน่อย หรือที่เธอไม่อยากเป็นครอบครัวเพราะฉันอายุมากใช่ไหม” เขาพูดด้วยความน้อยใจ“ไม่ใช่เรื่องอายุหรอกค่ะ หวานแค่อยากมั่นใจกว่านี่อีกสักนิด”“ฉันต้องทำยังไงบ้างเธอถึงจะมั่นใจ ให้พ่อแม่ของฉันไปคุยกับแม่ของเธอดีไหม”“ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ค่ะ หวานจะลองให้โอกาสคุณดูก็ได้”“จริงนะ”“ค่ะ”“ฉันดีใจที่เธอยอมเปิดใจ แต่ฉั
เมื่อถึงเวลาผับปิดลูคัสก็เดินมาบอกกับเพื่อนของนฤดาว่าเขาจะเป็นคนไปส่งเธอที่บ้านเอง หลังจากบอกลาเพื่อนๆ เสร็จแล้วนฤดาก็เดินตามลูคัสมาที่รถทันทีที่ประตูรถปิดลงหญิงสาวก็หันมามองหน้าลูคัสอย่างเอาเรื่อง“คุณไปพูดกับเพื่อนหวานแบบนั้นได้ยังไงคะ หวานบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่อยากให้คนอื่นรู้ ทีนี้เขาก็เข้าใจผิดกันหมดสิว่าเรากำลังคบกัน”“ถ้าฉันไม่พูดไอ้แฟนเก่าของคุณมันจะไปจากคุณไหมล่ะ”“นี่หวานต้องขอบคุณคุณใช่ไหมคะ”“มันก็ควรเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าล่ะ”“หวานจะขอบคุณก็ได้ที่คุณทำให้พี่กายไปจากหวานจริงๆ แล้วเรื่องที่เราคบกันล่ะ”“ก็ไม่ต้องทำอะไร”“คุณรู้ไหมว่าเพื่อนหวานต่างก็อยากรู้เรื่องของเรามาก”“แล้วเธอบอกเพื่อนยังไงล่ะ”“หวานบอกแค่ว่าเราเพิ่งเริ่มคุยกัน”“ทำไมไม่บอกความจริงเขาไปล่ะ”“ความจริงที่ว่าหวานเป็นเมียคุณเพื่อเงินน่ะเหรอคะ”“ฉันหมายถึงความจริงที่ว่าตอนนี้เรากำลังคบกันอยู่ไง”“เราไม่ได้คบกันนะคะลูคัส คุณจ้างหวานให้อยู่กับคุณต่างหาก”“เธอไม่คิดอะไรกับฉันเลยเหรอ ที่อยู่กับฉันเพราะเงินเหรอหวาน”“มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น เพราะระหว่างเรามันคือการได้ผลประโยชน์ร่วมกัน”“ฉันไม่เชื่อหรอก”“ไม่เชื่ออะ
“คุณเฉินเขาน่ารักดีนะ” มีนาเอ่ยชมคนรักของเพื่อนที่ยกเค้กมาอวยพรวันเกิดให้กับปลาเมื่อครู่“นั่นสิน่าอิจฉาปลาจัง เมื่อไหร่ฟ้าจะมีแฟนกับเขาบ้างนะ”“ก็ฟ้าเลือกมากเอง มีคนมาจีบเยอะแยะแต่ไม่ยอมใจอ่อนกับใครสักคน” นุ่นแกล้งว่า“ก็ยังไม่มีใครที่ถูกใจ ฟ้าไม่อยากเสียเวลาคบคนที่ไม่ใช่”“หวานเห็นด้วยกับฟ้านะ จะคบใครต้องดูดีๆ จะได้ไม่โดนหลอกเหมือนหวาน”“พูดเรื่องนี้มาก็ดีเลย ปลาอยากจะถามว่าตอนนี้หวานกับพี่กายยังติดต่อกันอยู่ไหม”“ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วล่ะ”“นุ่นดีใจด้วยนะที่หวานตัดใจจากผู้ชายคนนั้นได้ แสดงว่าตอนนี้หวานก็โสดน่ะสิ”“อือ” นฤดาตอบไปแบบนั้นเพราะรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของตนกับลูคัสเป็นแค่ลูกจ้างกับนายจ้าง“แต่มีนาว่าหวานโสดไม่นานหรอกดูผู้ชายคนนั้นสิจ้องหวานตลอดเลย” มีนาบอกเพื่อนให้มองไปยังโต๊ะด้านในสุด“เอ๊ะ นั่นเจ้านายคุณเฉินนี่ คนที่ไปส่งหวานที่บ้านไงละ” ปลาจำหน้าของเจ้านายคนรักได้ดีกว่าใครก็พูดขึ้นนฤดาหันไปมองตามเพื่อนบอกแล้วก็ทำเป็นไม่สนใจเพราะก่อนออกมาจากบ้านเธอบอกเขาไปแล้วว่าห้ามเข้ามาทักทายหรือแสดงตัวเพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่เธอยอมเป็นของเขาเพื่อแลกกับเงิน“ดูเหมือนเขาสนใจหว