“ปะ...อื้อ...” ข้อมือถูกกดขึงไว้กับเตียง ริมฝีปากบางสวยถูกประกบจูบไร้ความนุ่มนวล น้ำตาหยดน้อยเริ่มไหลเอ่อลงหางตาในขณะที่พยายามดิ้นหนี ไม่ใช่เขาเลย คนที่กำลังทำไม่ดีกับเธอตอนนี้เหมือนไม่ใช่คนที่เธอรักเลยสักนิด ระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งปีกว่าที่ไม่เจอกันเขาเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้เชียวหรือ
“ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ...” ดวงตาคมจ้องมองดวงตาคู่สวยอย่างไม่คิดสงสาร เขายังคงบดจูบคนที่นอนดิ้นสะอึกสะอื้นอย่างมูมมาม ยิ่งนึกถึงภาพที่เขาเห็นเธอมีผู้ชายมาตามตอแยและมาส่งถึงหอพักเขาก็ยิ่งรู้สึกโกรธ โกรธที่เธอเคยมาล้อเล่นกับความรู้สึกของเขาทำให้เขาเจ็บใจอยู่จนถึงทุกวันนี้
“ปล่อยริตานะ ฮือ ฮือ ฮือ” มีโอกาสขอร้องเสียงสะอื้นเมื่อคนตัวโตผละจากการจูบ
“ทำไมกับคนอื่นถึงปล่อยตัวกับมันได้ ทำไมถึงยอมคบกับพวกมันได้” เสียงแข็งพ่นออกมาด้วยความขุ่นเคือง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าที่ผ่านมามีผู้ชายมายุ่งกับหญิงสาวเยอะแค่ไหนแม้ว่าตัวของเขาจะไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทยก็เถอะ
“ริตาไม่ได้คบกับใครทั้งนั้น” หากความจริงมันจะทำให้เขาหยุดการกระทำนี้ได้เธอก็ขอให้เขายอมฟังสิ่งที่เธอพูด เพราะเธอไม่อยากให้เขากลายเป็นคนไม่ดีในสายตาเธอเลย
“ไม่คบแล้วให้พวกมันมาตามติด ให้พวกมันมาส่งถึงหน้าหอทำไม”
“พี่ภูรู้ได้ยังไงคะว่ามีคนมายุ่งกับริตา” ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาตามดูเธออย่างนั้นหรือ
“รู้ได้ยังไงมันก็เรื่องของผม”
“หยุดทำแบบนี้เถอะนะคะพี่ภู เชื่อริตาเถอะ ริตาไม่อยากจำพี่ภูในภาพที่ไม่ดีนะคะ”
“หึ่... มาไม้ไหนอีก จะเล่นกับความรู้สึกผมอีกหรือไง” เกลียดน้ำเสียงออดอ้อนแบบนี้ของเธอเหลือเกิน ยิ่งฟังมันก็ยิ่งทำให้ภาพวันวานเก่าๆ กลับคืนมา ในภาพนั้นมีแต่เสียงหัวเราะของความสุขแล้วมันก็เป็นภาพที่ทำให้เขาเจ็ปวดในเวลาเดียวกัน
“หลังจากเลิกกับพี่ภูริตาก็ไม่เคยคบกับใคร รู้แบบนี้ก็เลิกทำสิ่งที่ดูถูกตัวริตาซะที”
“อ๋อ ยังทำตัวเป็นสาวบริสุทธิ์ให้ผู้ชายเห็นค่าอย่างงั้นสิ เป็นแบบนี้ก็ดีผมจะได้เป็นคนแรกที่ได้ตัวคุณ หลังจากนี้ก็จะได้ไม่ต้องทำตัวเป็นสาวเวอร์จิ้นโปรยเสน่ห์กับใครอีก”
“ไม่นะคะ” แคว้ก “อ๊าย” เดรสตัวจิ๋วรวมไปถึงเกาะอกถูกกระชากจนขาดวิ่น ไม่นานนักพิมริตาก็เหลือตัวเปล่าล่อนจ้อนด้วยฝีมือภูตะวัน
“หยุดได้ไหม” ถามด้วยเสียงสั่นเครือเมื่อไม่เหลือแรงดิ้นหนี เธอเบือนหน้าหนีเมื่อเขากำลังถอดเสื้อผ้า ทำไมล่ะในเมื่อเขารู้ว่าเธอไม่เคยคบกับใครทำไมยังกระทำป่าเถื่อนกับเธอทั้งที่เธอขอร้องแล้วว่าอยากจะจำแต่ภาพดีๆ ของเขาเท่านั้น ทำไมเขาต้องใจร้ายกับเธอด้วย
“อ๊าย...” พิมริตากรีดร้องจนเสียงหลงเมื่อความใหญ่โตของภูตะวันลุกล้ำเข้ามาในกลางกายของเธอ มือเรียวกำจิกกันแน่นน้ำตาเริ่มพรั่งพรูทะลักออกมาราวหยาดฝนเพราะความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวเหมือนใจจะขาดเสียให้ได้
“อืม...” ภูตะวันหลับตากัดฟันจนกรามขึ้นเป็นสันรู้สึกปวดหนึบเมื่อตัวตนเข้าลุกล้ำในตัวของพิมริตาได้เพียงครึ่งเดียว เขารีบกอดรัดหญิงสาวเอาไว้เมื่อรู้สึกว่าเธอกำลังจะดิ้นหนีอีกรอบ
สีหน้าของพิมริตาเริ่มเหยเกขึ้นในเวลาที่คนตัวโตเริ่มใช้แรงบดเบียดตัวตนเข้าไปในตัวของเธอ “อื้อ...” เสียงกรีดร้องถูกกลืนลงไปในลำคอชายหนุ่ม
“อื้อ...ฮือ ฮือ ฮือ” ภูตะวันใช้บดสะโพกส่งตัวตนเข้าไปในกลางกายหญิงสาวจนมิดในเวลาอันรวดเร็วโดยที่ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกเจ็บปวดแค่ไหน ไม่ปล่อยให้เธอได้ส่งเสียงกรีดร้องสะอึกสะอื้นให้กวนใจอีก
ทุกครั้งที่ภูตะวันกระแทกกระทั้นลงบนร่างเล็กหยาดเลือดก็ซ่านกระเซ็นจนเปรอะเลอะเทอะหน้าขาของเขารวมไปถึงผ้าปูเตียง ยิ่งเห็นเช่นนั้นเขาก็ยิ่งภูมิใจที่ได้เป็นผู้ชายคนแรกของเธอ มันจะได้คุ้มค่ากับการชดใช้ความรู้สึกดีๆ ที่เขามีให้เธอในตอนคบกัน
และเขาจะถือว่าความบริสุทธิ์ของเธอเป็นของรางวัลปลอบใจในวันที่เธอมาบอกเลิกทำให้เขาต้องเจ็บปวดทั้งที่วาดฝันอนาคตด้วยกันเอาไว้เสียสวยหรู ความเจ็บปวดที่เขาจะมอบให้เธอไม่มีแค่นี้แน่ คนอย่างภูตะวันรักมากก็แค้นมาก เขาจะทำให้เธอเข็ดจนไม่กล้าให้ความหวังและล้อเล่นกับความรู้สึกกับผู้ชายคนไหนอีกเลย
“พอได้แล้ว...” เสียงแหบพร่าอ่อนแรงปนสะอื้นเอ่ยขอร้องคนตัวโต ตอนนี้เธอเจ็บปวดไปทั้งกายทั้งใจร้องให้จนจะไม่มีน้ำตา
“ไม่ คุณจะได้รู้ว่าไม่ควรไปล้อเล่นกับความรู้สึกของใครเค้าอีก” ก่ายกระซิบข้างใบหูขาวเสียงแข็งในขณะที่มือหนายังบดขยำอยู่กับทรวงอกอิ่ม ทั้งสะโพกแกร่งก็ยังคงกระแทกส่งตัวตนเข้าออกในตัวหญิงสาวไม่หยุด
ได้ยินเช่นนั้นพิมริตาได้แต่หลับตาและฝืนทนต่อความเจ็บปวดที่ได้รับ ในเมื่อห้ามการกระทำของเขาไม่ได้ก็ภาวนาให้ผ่านเวลาเลวร้ายนี้ไปโดยเร็ว
ภูตะวันยืนสวมเสื้อผ้าอยู่ข้างเตียงนอนใหญ่ สายตาของเขามองจ้องคนที่นอนสลบเหมือดอยู่บนเตียงที่เต็มไปด้วยหยดเลือดไม่วางตา ใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยก็มีแก่ใจทำตัวเป็นคนใจดีดึงผ้าห่มปิดร่างกายเปลือยเปล่าให้เจ้าของบ้านก่อนจะวางเช็กไว้ที่หัวเตียงของหญิงสาวและเดินสบายอารมณ์ออกไปจากบ้านหลังเล็กในเวลาที่ฟ้ามืด
ครืน ครืน ซ่า ซ่า...
เสียงฝนที่กำลังกระหน่ำบวกกับฟ้าที่ร้องดังกระตุ้นให้คนที่หลับไม่รู้เรื่องตื่นลืมตาขึ้น
“อะ โอ้ย” สีหน้าเหยเกรู้สึกระบมไปทั้งตั้วขณะชันตัวลุกขึ้นนั่ง
“อะ อื้อ...” ต้องหน้าเสียและล้มตัวนอนลงอีกครั้งเมื่อลุกขึ้นนั่งแล้วความเจ็บจากกึ่งกลางกายแล่นปราบไปทั่วตัว
“ฮึก ฮื่อ ฮือ ฮือ ฮือ...” นอนกอดผ้านวมผืนหนาสะอึกสะอื้นอยู่ในความมืด ความเจ็บปวดในกายว่ามากแล้วความเจ็บปวดที่ใจยิ่งมากกว่าที่รู้ว่าภูตะวันไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว
“ทำไม ฮือ ฮือ ฮือ...” ความโกรธความผิดหวังผสมปนเปกันไปหมด หากโลกนี้สามารถย้อนเวลากลับไปได้เธอก็อยากจะย้อนกลับไปยังตอนที่สอบชิงทุนเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งนั้น จะได้ไม่ต้องเจอกับสายตาผู้คนที่ดูถูกดูแคลนแบ่งชนชั้น รวมถึงไปรักคนที่ไม่คู่ควรด้วย...
สองหนุ่มสาวในชุดนอนนั่งมองหน้ากันครู่หนึ่งแล้ว วันนี้แปลกไปกว่าทุกวันเพราะเจ้าตัวกลมได้ถูกแสงเดือนพาไปนอนด้วย เพราะอยากให้หลานทั้งสองได้มีเวลาสวีทกันได้เต็มที่หลังจากจดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อยแล้ว“พอไม่มียัยหนูอยู่ในห้องด้วยมันก็แปลกๆ นะครับ”(ใช่ค่ะ หนูดีกลัวยัยหนูกวนคุณยายจังเลยค่ะ)“ผมว่าคุณยายผมรับมือได้ครับ อีกอย่างคุณยายน่าจะหลับฝันดีกว่าทุกคืนด้วย”(หนูดีว่าจะถามถึงคุณนิคค่ะ วันนี้ทำไมไม่เห็นคุณนิคเลยคะ) เธออยากจะขอบคุณโดมินิคที่คืนผ้าเช็ดหน้ามาให้เธอ แล้วก็ถือโอกาสขอโทษเขาด้วยที่เคยทำกิริยาไม่ดีใส่ แต่วันนี้กลับไม่เจอหน้ากันเสียอย่างนั้น“ไปตามหาหัวใจครับ”(คะ?)“ตามที่ผมบอกนั่นแหละครับ เราเลิกพูดถึงคนอื่นกันดีกว่า ผมมีอะไรจะให้คุณด้วย” พูดจบก็เดินเข้ามานั่งคุกเข่าตรงหน้าชนิตราที่นั่งห้อยขาอยู่ที่เตียงนอนใหญ่หญิงสาวนั่งตัวเกร็งเมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังนั่งคุกเข่าโชว์แหวนเพชรเม็ดโตตรงหน้า เขากำลังจะขออะไรจากเธอเป็นการแลกเปลี่ยนกับแหวนวงนี้หรือเปล่า“ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ผมสามารถเข้าไปอยู่ในหัวใจของคุณได้หรือยัง แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าในสายตาของคุณผมสามารถเป็นสามีที่ดีได้ไหม แต่ผมอยากจะบอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูทำเซบาสเตียนหลุดภวังค์จึงลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู“คุณยาย” มองหน้าหญิงชราหน้าตาตื่น ไม่นึกว่ายายของเขาจะเข้ามาหาในเวลานี้“ยายนอนไม่หลับ เลยจะมาดูหนูนาเสียหน่อยว่านอนรึยัง”“หลับไปได้สักพักแล้วครับ”“อ้าวเหรอ” แม้จะผิดหวังแต่อย่างน้อยเธอได้ดูหน้าของเหลนก่อนกลับไปนอนก็ยังดี คิดได้ดังนั้นก็ก้าวเข้าไปในห้องนอนตรงไปยังเปลสีหวานแล้วไปชื่นชมเจ้าตัวกลมที่หลับปุ๋ยน่ารักน่าชังราวกับตุ๊กตาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู“เหมือนไม่มีผิด”น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมาแผ่วเบาทำเซบาสเตียนหันไปมองหน้าคนเป็นยายแววตาฉงน “เหมือนใครครับ”“เหมือนแม่แกน่ะสิ”เซบาสเตียนตกใจรวมไปถึงชนิตราด้วยอีกคน เพราะคิดมาตลอดว่ายัยหนูธารมิกาละม้ายคล้ายแค่คนเป็นพ่อกับลุงที่เป็นฝาแฝดของพ่อเท่านั้น“ตอนเด็กๆ แม่ผมหน้าตาแบบนี้เลยเหรอครับ” เขาจำได้ว่าเคยเห็นรูปของแม่แค่ช่วงที่แม่ของเขาเข้าวัยประถมแล้วเท่านั้น“ใช่” วินาทีที่เงยหน้าตอบหลานชาย พลันสายตาก็ไปเห็นผ้าห่มพร้อมหมอนบนโซฟา หลังจากนั้นคิ้วของหญิงชราก็เริ่มขมวดเข้าหากัน“อ่อแล้ว...นี่แยกกันนอนเหรอ?”“เปล่าครับ คือ... ผมกับหนูดีก็นอนบนเตียง
(เข้าใจแล้วค่ะ แล้วจะแก้ปัญหายังไงคะ)“เราเออออตามที่ท่านคิดไปก่อนได้ไหมครับ ท่านน่าจะอยู่ที่นี่ไม่กี่วัน อีกอย่างคุณยายจะได้สบายใจด้วยที่เห็นเราได้ลงเอยกันด้วยดีแล้ว”ชนิตราเงียบและครุ่นคิดเรื่องการแก้ปัญหาเงียบๆ ในเมื่อแสงเดือนเข้าใจว่าเธอกับเซบาสเตียนลงเอยกันด้วยดีแล้ว หากเธอไปบอกความจริงว่าตอนนี้ยังตกลงกันเรื่องสถานะความสัมพันธ์ของเธอและชายหนุ่มไม่ได้ก็คงจะทำให้แสงเดือนต้องมาเครียดกับเรื่องของพวกเธออีก(เอาอย่างงั้นก็ได้ค่ะ) สุดท้ายก็ตกลงที่จะทำตามที่ชายหนุ่มเสนอ หากแสงเดือนอยู่ที่นี่ไม่กี่วันการที่จะทำให้ผู้ใหญ่คนนึงสบายใจมันก็คงไม่ยากอะไรนัก“ดีครับ” เซบาสเตียนอมยิ้มกรุ้มกริ่มทั้งมองหญิงสาวที่กำลังเตรียมน้ำไปเสริฟให้ทุกคนที่ห้องนั่งเล่นด้วยสายตามีเลศนัย จะว่าไปการที่คุณยายของเขาเข้าใจผิดก็เป็นการดีเหมือนกัน เขาจะใช้จังหวะที่ได้อยู่ใกล้ชิดชนิตราตลอดเวลานี้นี่แหละ เพื่อทำคะแนนกับเธอ“นี่แม่พิม ได้ไปหาฤกษ์แต่งให้หนูดีกับตาเซบหรือยังล่ะ หรือเอาฤกษ์สะดวกเลยดีไหม แต่งซะวันนี้พรุ่งนี้เลยเป็นไง”พิรมนหน้าเจื่อนเพราะเธอยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ชนิตราและเซบาสเตียนจะสามารถลงเอยกันได้จริงๆ เม
เช้าวันใหม่เซบาสเตียนเริ่มทำหน้าที่พ่อที่ดีอย่างที่สัญญาเอาไว้กับชนิตราอย่างเต็มที่ เมื่อถึงเวลาที่ลูกสาวตัวกลมต้องดื่มนมเขาก็เลือกที่จะยื่นแก้วหัดดื่มแสนน่ารักให้กับเธอ เด็กหญิงทำหน้าฉงนแต่มือน้อยก็ยังรับของที่คนเป็นพ่อส่งให้ พร้อมกับเอื้อมมือหมายจะคว้าขวดนมตรงหน้า“ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องใช้ขวดนมแล้วนะครับ หนูนาจะต้องใช้แก้วดื่มนมแทน เอาขวดนมมาให้คุณพ่อครับ” เซบาสเตียนยื่นมือขอขวดนมจากลูกสาว“ไม่เยา” เจ้าก้อนกลมส่ายหัวจนแก้มสั่น“หนูนาโตแล้ว เด็กที่โตแล้วเค้าไม่ใช้ขวดนมกัน เค้าใช้แก้ว แก้วสวยกว่าขวดนมครับ” เซบาสเตียนชี้ไปที่ตัวการ์ตูนม้าน่ารักสีชมพู ทั้งมองแก้วนั้นด้วยสายตาชื่นชม“หยอ?” เด็กหญิงวัยเกือบสองขวบเริ่มก้มมองทั้งแก้วหัดดื่มและขวดนมในมือ เมื่อชั่งใจครู่หนึ่งก็เริ่มส่งขวดนมคืนให้คนเป็นพ่อ“ใช่ครับ พ่อเอาไปทิ้งแล้วนะครับ”“ทิ้งเยยค่า เยาแก้วฉวย” เด็กหญิงตอบเสียงใสหน้าระรื่น พร้อมหันมาสนใจแก้วในมือโดยที่ไม่คิดจะหันกลับไปมองขวดนมอีกเลย หลังจากนั้นเซบาสเตียนจึงเริ่มสอนให้ลูกสาวของเขาได้หัดดื่มนมในแก้ว และมันก็ไม่ได้ยากอะไรนักสำหรับคุณพ่อมือใหม่อย่างเขา เพราะเคยเห็นลูกสาวตัวเองดื่มน้ำ
วันทั้งวันเซบาสเตียนง่วนอยู่กับการตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยงลูก เขาพยายามเรียนรู้ทุกอย่างจากชนิตราเรื่องการเลี้ยงลูกอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการชงนม การเลือกอาหารให้ลูก การล้างขวดนมรวมไปถึงช่วยอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและกล่อมนอน ยอมรับว่าเหนื่อยและต้องละเอียดอ่อนกับทุกอย่างมากๆ แต่ทุกช่วงเวลาที่เขาได้อยู่ใกล้ชิดชนิตราได้ช่วยกันเลี้ยงลูกกับเธอมันเป็นเวลาที่เขามีความสุขมากวันนี้กว่าชนิตราจะกล่อมลูกให้นอนได้ก็เลยเวลานอนไปร่วมครึ่งชั่วโมง เพราะวันนี้ยัยหนูค่อนข้างติดเล่นเป็นพิเศษ เพราะมีเซบาสเตียนอยู่ด้วยตลอดเวลาวางเจ้าก้อนกลมในชุดนอนสีชมพูลงเปลได้เซบาสเตียนก็ยืนกอดอกอมยิ้ม เอ็นดูลูกสาวของเขาเหลือเกินที่พื้นที่เปลแทบจะไม่พอให้พลิกตัวแล้ว“อีกหน่อยคงต้องเปลี่ยนเปลแล้วใช่ไหม” เขาเงยหน้ามามองชนิตราที่เพิ่งห่มผ้าห่มให้ลูก(หนูดีว่าจะไม่ให้ลูกนอนเปลแล้ว แต่จะเปลี่ยนให้ลูกนอนเตียงแทน แล้วก็จะให้เลิกใช้ขวดนมด้วยค่ะ จะเปลี่ยนเป็นแก้วดื่ม)“แล้วผมต้องช่วยอะไรไหม หรือว่าต้องสอนอะไรลูกเป็นพิเศษ”(ช่วยสอนให้เค้าใช้แก้วดื่มนมเป็นก็พอค่ะ แล้วถ้าคุณเซบสอนภาษาลูกได้ก็เป็นเรื่องดีค่ะ)“ผมจะทำให้เต็มที่ ฝันดีนะคร
“ครับ” เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปดั่งใจเอริคก็เดินคอตกออกจากห้องทำงานของเจ้านายสาวไป เขาก็น่าจะรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้มีอะไรเทียบเคียงอลิซได้สักอย่าง แล้วเธออยากจะหันมามองหัวใจของเขาได้อย่างไรอลิซก้มหน้าหลับตาแล้วถอนหายใจเบาๆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกอะไรกับเอริค เธอรู้สึกดีมากจริงๆ ที่มีชายหนุ่มคอยดูแลใกล้ชิด แต่เธอก็อยากจะให้มันอยู่ในระยะห่างแบบนี้ตลอดไป เพราะเธอกลัวว่าวันหนึ่งหากเธอเป็นคู่รักกับผู้ชายที่อายุน้อยกว่าหลายปี เธอจะต้องมานั่งเสียใจเพราะความรักอีก เธอแค่ปกป้องความรู้สึกตัวเองและไม่ได้ตัดสินใจอะไรผิดไปใช่ไหมพิรมนนั่งปลอบและอยู่เป็นเพื่อนชนิตราพักใหญ่ เมื่อเห็นว่าชนิตราพร้อมที่จะพูดคุยกับเธอแล้ว เธอก็เริ่มตะล่อมที่จะคุยเรื่องของเซบาสเตียน“รู้ใช่ไหมว่าตอนนี้ทุกคนรู้เรื่องของเรากับเซบแล้ว”ชนิตราพยักหน้า (หนูดีรู้แล้วค่ะว่าวันนั้นคุณเซบก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องแบบนั้น แต่ตอนนี้หนูดียังไม่พร้อมที่จะคุยอะไรกับเค้าจริงๆ ค่ะคุณแม่) เธอไม่อยากจะรื้อฟื้นเรื่องราวที่แสนเจ็บปวดในตอนนี้จริงๆ“แม่เข้าใจหนูดีทุกอย่าง แต่ตอนนี้แม่อยากรู้ว่าถ้าเซบจะขอทำหน้าที่พ่อให้หนูนา หนูดีจะว่ายังไง”(