8 – เจ็ดปีเหมือนไม่ได้ห่างกันเลย
เหนือหัวเอ่ยขึ้น ยังนั่งนิ่งรวบร่างอรชรไว้แนบอก การเจรจาต่อรองอยู่ในสายเลือด เขารู้ว่าจะหย่อนหรือดึงให้ตึงตรงไหน แล้วเขาจะได้ผลลัพธ์อย่างที่เขาต้องการ
ดวงหน้าหวานซึ้งก้มศีรษะลงหลุบตามองเพียงมองปากหนาตรงหน้าที่แม้อยู่ใกล้แต่ไม่ยอมขยับ หนุ่มร่างสูงรอให้เธอเป็นฝ่ายตัดสินใจว่าจะร่วมทดลองไปเขาหรือไม่
พวงแก้มเธอสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นจนร้อนจัด ตัวเขามีกลิ่นไวน์แดงรสเข้มข้น กลิ่นโคโลญจน์ราคาแพง ปะปนคละเคล้ากลิ่นบุหรี่ และไม่น่าเชื่อว่าริมฝีปากของเหนือหัวกำลังเย้ายวนใจเธอด้วยสีแดงระเรื่อจากน้ำองุ่นรสแรงดูชุ่มฉ่ำ แรงเต้นของหัวใจตรงอกแกร่งใต้ฝ่ามือเธอโหมกระหน่ำขึ้นจนเธอเองรู้สึกได้ เขาตื่นเต้นไม่แพ้เธอเช่นกัน
ใจดวงเล็กยอมรับถึงความต้องการส่วนลึกภายใน เธออยากรู้สัมผัสนุ่มของริมฝีปากหนายามบดเบียดคลึงเคล้น จะยังก่อให้เกิดประกายไฟมอดไหม้ดั่งเดิมหรือไม่ ระยะเวลายาวนานที่ห่างกันอาจทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป
ลมหายใจของเหนือหัวกระชั้นแรงเมื่อสาวในอ้อมแขนนิ่งอย่างยอมจำนน สัญญาณทางกายของสาวร่างเล็กทำให้เขารู้ว่าเธอยินยอมร่วมทดสอบจุมพิต อ้อมแขนกำยำกระหวัดรัดร่างอ้อนแอ้นกระชับขึ้นเมื่อหน้าคมเข้มโน้มลง นัยน์ตาคมกล้าหลุบมองปากกระจับเชิดรั้น หยั่งเชิงสัมผัสเพียงบางเบาก่อนแนบสนิท ขยับไหวบดเบียด
ร่างอ่อนนุ่มบนตักเริ่มผ่อนคลายวางฝ่ามือเล็กบนอกแกร่ง ขยับปลายนิ้วสัมผัสเสื้อผ้าฝ้ายพื้นเมือง
“ไม่ มันไม่เหมือนเดิม”
เสียงอ่อนนุ่มดังขึ้นข้างหูเมื่อเขาผละออก เลื่อนริมฝีปากพรมซบจูบลาดไหล่ขยับไล้ขึ้นซอกหูกระซิบถามเสียงพร่า
“ลองอีกครั้งไหม”
ดวงฤทัยขยับร่างเล็กออก จับจ้องสายตาคมกล้าแน่วแน่ เหนือหัวยังค่อยเลื่อนต่ำลงมาอีกครั้ง กระทั่งริมฝีปากหนานุ่มอุ่นร้อนทาบทับพอดี
“เปิดปากออกสิดวง รับพี่เข้าไป”
เสียงครางต่ำพร่าในลำคอขณะขยับปากแย้มความอ่อนนุ่มทรงกระจับรั้นออก บดเบียดแน่นครอบครอง ส่งลิ้นร้อนกระหวัดตวัดไหวภายใน
“อื้อ”
กระแสไฟธารพิศวาสที่แรกเริ่มคล้ายมอดดับลงพลันเจิดจ้าเริงร้อน ลำกายอรชรชุดไทยล้านนาถูกรั้งจนแอ่นหยัด เหนือหัวบดจุมพิตหนักหน่วงดุดันหิวกระหาย เลื่อนมือใหญ่กุมท้ายทอยเล็กตรึงแน่น ให้เธอรับแรงกระแทกอารมณ์ปรารถนา
ร่างแกร่งร้อนตามติดบดเบียดลูบไล้ทั่วกายสาวนุ่มนวล ลมหายใจหอบกระชั้นขณะเลื่อนฝ่ามือล้วงเข้าใต้ผ้ารัดอกแต่คนในอ้อมกอดยังพอมีสติคว้าจับไว้เสียก่อน ส่งเสียงประท้วงอยู่ในปาก คนร่างโตจึงทำเพียงทาบมือลงบนผ้าเหนือเนินทรวง คลึงแผ่วเบาพลางเร่งสำรวจโพรงปากหวานล้ำ
เมื่อทุกอย่างดำเนินไปใกล้หลุดการควบคุม หน้าคมเข้มจึงผละออกเลื่อนซบหน้าลงไหล่นุ่มพรมจูบหอบหายใจสะท้าน กายชายใต้ล่างเล่นงานเข้าอย่างจัง
“มันดียิ่งกว่าที่จำได้”
ดวงฤทัยยังซบดวงหน้าอ่อนหวานงดงามพวงแก้มแดงซ่านบนบ่าแกร่ง มืออ้อมโอบเขาไว้จิกแน่น สะกดกลั้นอารมณ์หวามไหวที่ซัดมาเป็นระลอกอย่างไม่น่าเชื่อ เอ่ยขึ้นด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบา
“ถึงจูบมันจะดี แต่เราต้องหยุดลงแค่นี้”
“ทำไมเราต้องหยุด พี่อยากได้ดวงมานานแล้ว และดวงเองก็เช่นกัน เราห้ามความรู้สึกที่มีต่อกันไม่ได้ แค่ยืนใกล้กันพี่ก็หักห้ามใจไม่ได้แล้ว”
“หยุดจูบได้แล้วพ่อเลี้ยง!”
มือเล็กรีบยันตัวออกเมื่อปากอุ่นร้อนของคนร่างโตกำลังไถลลงเกือบถึงเนินทรวง อีกมือดึงผมหลังท้ายทอยเขาไว้ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นปากหนาเต็มไปด้วยสีแดง จึงเผลอยกมือแตะปากตัวเอง
“ไม่เป็นไรหรอกคนดี จูบกันก็มีเลอะบ้างธรรมดา เดี๋ยวดวงต้องล้างหน้าอยู่ดี”
“บ้าเหรอพ่อเลี้ยง ฉันไม่ได้ห่วงว่ามันจะเลอะหน้า แต่ฉันอาย”
“อายอะไรกัน อีกหน่อยถ้ายิ่งกว่านี้จะทำยังไง”
ฉับพลันสติเพิ่งกลับมารีบเอี้ยวตัวมองนอกรถแล้วค่อยผ่อนลมหายใจเมื่อสังเกตว่ารถติดฟิลม์
นี่เธอเลอะเลือนขนาดนี้เลย
เมื่อสติเริ่มมาครบดวงฤทัยรีบพาร่างเล็กของตัวเองลงจากตักกว้างแล้วขยับเสื้อผ้าสำรวจความเรียบร้อย
ก๊อก ก๊อก
เหนือหัวยกมือเคาะกระจกให้สัญญาณแสงทัดเพื่อปลดล็อค นั่งมองคนร่างเล็กรีบเคลื่อนกายหนีห่างจึงคว้าข้อมือเธอไว้ก่อน
“เดี๋ยว!! พรุ่งนี้พี่จะมาหาช่วงเช้า มีธุระจะคุยด้วย”
ปัง!!
ดวงฤทัยสลัดข้อมือแล้วลนลานลงจากรถกระแทกประตูรถปิดใส่หน้า เร่งฝีท้าเข้าเรือนขึ้นบันไดราวกับวิ่งหนีเสือร้ายผลุบเข้าห้องนอนเก่าของตัวเองแล้วนั่งลงเพื่อสงบสติอารมณ์
แว่วเสียงประตูรั้วเลื่อนปิดและเสียงเครื่องยนต์ที่แล่นห่างออกไป ใจเต้นโครมคราม ยกมือขึ้นทาบพวงแก้มกุมไว้ด้วยมือสองข้างบรรเทาอาการผิวหน้าเห่อร้อน
ภาพในอดีตวัยเยาว์ เธอให้เขายืนแค่ข้างรั้วไม่ยอมให้เข้าบ้าน คนร่างโตไม่เคยย่อท้อ แม้ว่าได้คุยแค่ไม่กี่นาทีเขาก็ยอม ขโมยจูบสองสามครั้งแต่ทำใจสาวเต้นรัว
ดวงตาหวานซึ้งมองกระจกโบราณแล้วนึกขึ้นได้ พาร่างเล็กขยับลงนั่งพื้น เปิดลิ้นชักหยิบซองพลาสติกที่เธอเก็บต่างหูรูปดาวไว้อย่างดี
ดวงฤทัยเทออกลงอุ้งมือ เพชรปลอมยังส่องประกายเพราะการเก็บรักษา เธอยกขึ้นทาบกับหูของตัวเองก่อนผงะออกเมื่อมองตัวเองในกระจก มือแตะปากที่เลอะเป็นคราบ แถมยังเปื้อนเป็นรอยแดงลามลงทั่วคอหัวไหล่
พ่อเลี้ยงเหนือหัว อย่าหวังเลยว่าจะเจอฉันอีก
ความเงียบภายในรถหรูขณะขับผ่านถนนประดับประดาตกแต่งด้วยโคมแบบต่าง ๆ หลากสี เหนือหัวนั่งนิ่ง นัยน์ตาสีนิลเพ่งสมาธิออกภายนอกพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองที่ประทุขึ้น
สัมผัสจากกายสาวเพียงชั่วครู่ จูบเร่าร้อนเร่งด่วนยังทำเขาสะเทือนไปทั้งร่าง หากถึงวันจริงยามร่วมรักเขาคงดั่งได้ขึ้นสวรรค์ ดวงตาคมหลับลงสูดลมหายใจเข้ายาวจากกายแกร่งลุกชัน
“พ่อเลี้ยงจะให้ตามเด็กมาไหม”
เสียงแสงทัดเอ่ยถาม บอดี้การ์ดรู้ใจยามมองกระจกหลังเห็นเจ้านายหนุ่มหลับตาแน่น ท่าทางไม่ค่อยดีเอาเสียเลย เขารู้ว่าอาการแบบนี้มันต้องได้ระบายออก ยิ่งคนอย่างพ่อเลี้ยงแทบไม่เคยต้องอดกลั้น
“ไม่ต้อง”
“แล้วพ่อเลี้ยงจะอยู่ในสภาพนี้อย่างนั้นเหรอ? หรือว่า...จะทำด้วยมือตัวเอง”
เหนือหัวลืมตาขึ้นฉับพลันใช้ฝ่าเท้ากระแทกไปยังเบาะคนขับด้านหน้าจนแสงทัดหัวเราะลั่น เจ้านายหนุ่มไม่ถือสาบอดี้การ์ด เพราะตัวแสงทัดเปรียบไปแล้วเป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่น้อง
“ไอ้เหนือ ฉันขอพูดอะไรหน่อย ตอนแรกฉันไม่เคยเจอแม่เลี้ยงดวงฤทัยมาก่อน เลยคิดว่าคงง่ายหน่อยเพราะแกมันหล่ออยู่แล้วแถมรวย”
เหนือหัวขยับตัวอีกครั้งเพื่อลดอาการอึดอัด หูยังตั้งใจฟังคนข้างหน้า
“แต่พอเจอตัวจริง บอกตรงว่ะ นายคงหืดขึ้นคอหน่อย แม่เลี้ยงดูไว้ตัวและสูงส่งเกินไป”
“ไม่หรอกแสงทัด ฉันรู้ว่าเธอเป็นยังไง ที่เห็นก็แค่เปลือกเท่านั้น”
“แล้วนี่จะกลับไปนอนโรงแรมหรือนอนบ้าน”
บ้านที่แสงทัดเอ่ยถึงคือบ้านหลังใหญ่ห่างออกจากตัวเมืองราวสิบกว่ากิโลเมตร เรือนไทยโบราณ ไกลหูไกลตาคนเมืองนี้
“โรงแรม พรุ่งนี้ยังต้องมาหาแม่เลี้ยงจะได้ไม่ต้องออกแต่เช้า”
“แกจะไปหาทำไม ในเมื่อแม่เลี้ยงต้องเป็นคนมาหาแกเองอยู่แล้ว”
“หมายความว่ายังไง”
“อริสราส่งข้อความมา แม่เลี้ยงนัดคุยเรื่องขอฟาร์มหม่อนไหมสินธุเข้ามาอยู่ในเส้นทางท่องเที่ยวโปรเจคที่เราทำอยู่”
เหนือหัวผ่อนร่างลงพิงพนักเบาะรถตามเดิม ยิ้มในหน้า หนูกำลังจะมาให้เขาจับถึงที่
“สั่งอริสราให้ส่งเวลานัดหมายของดวงฤทัยมาให้ฉันด้วย อีกเรื่อง พรุ่งนี้เช้าสั่งดอกไม้ช่อใหญ่ไปที่คุ้มเจ้าจอมอิน”
“ขนาดนั้นเลยเหรอเพื่อน ฮ่า ฮ่า”
“เออ ขอดอกคาร์เนชั่นสีชมพู”
เหนือหัวยิ้มกริ่มหยิบกระดาษอเนกประสงค์ในรถขึ้นเช็ดปากคราบลิปสติกสีแดงกำมะหยี่ กลิ่นหอมละมุนปนกลิ่นเหงื่อของกายสาวยังกรุ่นอยู่ในจมูก ภาวนาในใจว่าขอให้ตัวเองผ่านพ้นอาการนี้ได้ตลอดรอดฝั่ง
บทพิเศษสามเดือน เมื่อเจ็ดปีที่แล้วตุบ ตุบ!ดวงฤทัยสะดุ้งลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงก้อนหินปามาโดนผนังห้องนอนด้านหน้าเรือนทรงไทยล้านนาร่างเล็กสะลืมสะลือลงจากเตียงควานมือเพราะความมืด เปิดหน้าต่างห้องนอน ชะโงกหน้าออกไปแต่ยังไม่เห็นใครได้ยินแต่เสียงเรียกทุ้มต่ำแผ่วเบา“ดวง ดวง”ดวงฤทัยขมวดคิ้ว เธอจำได้ว่าเสียงนี้เป็นเสียงของใคร เพราะตั้งแต่วันนั้นที่เขาเดินลับหายไปท่ามกลางผู้คนในงานยี่เป็ง แต่กลับโผล่เข้ามาในชีวิตแทบทุกวันแอ๊ดดด!!ดวงฤทัยพยายามเปิดประตูให้เบาที่สุด ย่องปลายเท้าผ่านชานเรือน โชคดีเธอได้นอนห้องหน้าสุดทำให้ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนของคุณแม่และคุณยาย จากนั้นดวงฤทัยก็พาร่างอันบอบบางลงบันไดบ้านเดินไปยังประตูเล็กข้างรั้ว“มาทำไม มันดึกแล้ว!!”“เอาขนมมาให้”“แขวนไว้นั้นแหล่ะ แล้วก็กลับไปได้แล้ว”“เดี๋ยวก่อนสิ ขอเห็นหน้าก่อนไม่ได้เหรอ”ดวงฤทัยมองซ้ายมองขวา ดูลาดเลาก่อนแอ้มประตูรั้วยื่นมือออกไปเพื่อรับขนม แต่คนร่างสูงกลับจับข้อมือเธอไว้ดึงเธอออกไปนอกรั้วดันไปยังมุมมืดด้านข้างใช้มือยันรั้วไว้“พี่แค่อยากขอดูหน้าน้องดวง หลับไปหรือยัง”“ถ้าหลับจะได้ยินเสียงหรือไง เห็นหน้าก็กลับไปได้แล
38 – ดาวเหนือคอยนำทาง จบบริบูรณ์ ncคราวนี้ดวงฤทัยลุกขึ้นนั่งข้างกายของเหนือหัว ก้มมองดวงตาของชายแกร่งที่ปิดสนิทไม่ยอมมองเธอ“คุณนฤเบศร์ฉีกสัญญาไปทิ้งแล้วค่ะ”“แล้วยังไง? แม้ว่าไม่มีสัญญา ดวงจะยอมเล่าเรื่องนี้ให้พี่ฟังไหม ไม่เลย พี่ไม่ได้อยู่ในแผนการ อยู่ในความคิดของดวงด้วยซ้ำ!”“พี่เหนือ!”มือเล็กวางบนแผ่นอกใต้ผ้าห่ม เธอวางไว้ตรงอกข้างซ้ายตรงที่หัวใจของเหนือหัวกำลังเต้นแรง“ที่ดวงไม่บอกพี่ เพราะว่าดวงไม่อยากให้พี่เหนือมองดวงว่าเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงิน ทั้งที่ดวงเองก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ดวงต้องการหลักประกันมั่นคงให้กับตัวเอง ดวงต้องการบ้านคุ้มหัวที่ปกป้องแม่และยายไปตลอดชีวิต แต่ดวงยอมทิ้งทุกอย่างแล้ว ที่ดวงไปบ้านคุณนฤเบศร์วันนั้นก็เพราะว่าดวงต้องการยกเลิกสัญญา ดวงยอมทิ้งทุกอย่าง ไม่เอาบ้าน ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ขอแค่ได้อยู่กับพี่เหนือ”“แน่ล่ะ ก็เพราะพี่รวยใช่ไหม”“พี่เหนือ! พี่คิดว่าดวงรักพี่เหนือเพราะเงินเหรอคะ พี่คิดว่าดวง ดวงทิ้งของพวกนั้นเพราะต้องการเงินทองของพี่ใช่ไหม? ไม่เลย ดวงไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ดวงไม่ยอมให้คุณนฤเบศร์หรือเจ้ายิ่งบอกพี่เหนือก็เพราะว่า ถ้าพี่เหนือรู้ พี่เหนือต้อง
37 - คนร่างเล็กเขาง้อแล้วนะ“หนูดวง”ดวงฤทัยสะดุ้งหันกลับไปยังจันทร์มาลา เธอไม่ได้ยินเสียงเดินของหญิงวัยกลางคนเนื่องจากคิดเรื่องของเหนือหัว“คะ?”“ตั้งโต๊ะเถอะ เย็นมากแล้ว เหนือจะได้ทานยา”“ค่ะ”สองหญิงหนึ่งคนสาวหนึ่งคนแก่กว่า จัดจานใส่ถาดกว้างทยอยยกมากลางลานใกล้ระเบียงแล้ววางบนพื้นบ้านของเหนือหัวยังคงนั่งทานกับพื้นซึ่งในหมู่บ้านแห่งนี้เองก็ยังคงทำแบบนี้ ยกเว้นบางบ้านที่นั่งทานโต๊ะทานอาหารอาหารของไทใหญ่ก็คล้ายกับของทางภาคเหนือจึงทำให้ดวงฤทัยเองทานได้คล่องปาก“แล้วนี่ทำไมเหนือถึงบาดเจ็บมาล่ะลูก”ในที่สุดจันทร์มาลาก็เอ่ยถามอย่างที่ใจของดวงฤทัยเองอยากรู้เช่นกัน เธอเอี้ยวหน้าไปมองพลันสบตาของเหนือหัวที่มองมาทางเธอพอดี จึงรีบหลบก้มมองจานข้าวของตัวเอง ตักข้าวเข้าปากนิ่งเงียบ“ไปตรวจงานอยู่หลายวัน พอใกล้ ๆ วันกลับเจอพวกชนกลุ่มน้อยครับ ปะทะนิดหน่อย แต่ผมก็ไม่เป็นอะไรมาก หมอผ่าเอากระสุนออกไปแล้ว”“แล้วทางนั่นลูกยังจะไปอีกเหรอ”“ก็ต้องไปครับ นั่นมันธุรกิจเรา แต่อาจจะน้อยลง ให้หุ้นส่วนที่เป็นทหารช่วยดูแล”“แล้วเราจะไว้ใจได้ยังไง คนพวกนี้ใช่ย่อย”ดวงฤทัยแม้ว่าจะก้มหน้าทานข้าวแต่หูเธอคอยฟังเสียงท
36 - สำหรับเขาต้องมากกว่า ไม่มีน้อยกว่าเหนือหัวชะโงกตัวไปยังหลังรถแต่แสงทัดปัดมือของชายหนุ่มไว้ก่อนแล้วคว้ากระเป๋าของเหนือหัวมาไว้เอง“ยังไม่รู้ ไว้หลังสงกรานต์ว่ากันอีกที”แสงทัดเดินนำยกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นไปบนเรือนยกใต้ถุนไม่สูงมากนักแบบไทใหญ่ อากาศในหน้านี้ไม่ร้อนมากนักเพราะอยู่ภูเขา ทำให้มีสายลมพัดมาตลอดเวลาบอดี้การ์ดเดินขึ้นเรือนกำลังเดินตรงไปยังห้องนอนของเหนือหัว พลันเหลือบเห็นร่างเล็กของคน ๆ หนึ่งที่เพื่อนของเขาถวิลหามาตลอด ทำให้เท้าใหญ่หยุดนิ่งตาเบิกกว้างหันกลับไปมองเพื่อนที่กำลังก้าวเท้าขึ้นบันไดเรือนมาพอดี“ไอ้เหนือ!”เหนือหัวเงยหน้าขึ้นมองแสงทัดที่ทำหน้าเหมือนเห็นผี คิ้วเข้มขมวดนิ่งไม่เอ่ยตอบอะไรยังก้าวขึ้นเรือนตามปกติ“มากันแล้ว”เสียงมารดาเอ่ยลอยมาจากชานเรือนแม้ว่าเขายังไม่ทันขึ้นไปชั้นบน จวบจนกระทั่งร่างสูงสาวเท้าไปบนขั้นสุดท้ายก้มศีรษะลงเพื่อให้พ้นชายหลังคาทรงเตี้ยเพื่อมุดเข้าไปในเรือน เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งจึงเห็นแม่เลี้ยงสาวแห่งสินธุเจริญพาณิชยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง หน้าเข้มกระด้างลงทันที“ไอ้ทัด มึงรอก่อน พาแม่เลี้ยงกลับไปด้วย”“ไอ้เหนือ!!”“เหนือ!!”เสียงแสงทัดและจั
35 – รัฐฉานปีใหม่ของชาวรัฐฉานปกติจัดขึ้นในวันขึ้นหนึ่งคำเดือนอ้ายของทุกปี ซึ่งมักจะเป็นช่วงงต้นเดือนธันวาคม ทำให้ในวันปีใหม่สากลของที่นี่เงียบเหงา ไม่ได้จัดงานเหมือนที่อื่นมีเพียงตามสถานที่สำคัญร้านค้าที่ทำสัญลักษณ์ว่าป้ายสวัสดีปีใหม่บางร้านค้าเท่านั้นร่างสูงยืนนิ่งตรงชานเรือนไม้ยกพื้นสูงบนเขาดอยเย่ว[1] ดอยสูงคดเคี้ยวเข้าลำบากถิ่นเดิมของมารดา บ้านทรงธรรมดาแบบไทใหญ่เพียงแต่หลังใหญ่กว่าทุกหลังในหมู่บ้านบอกสถานะทั้งทางสังคมและฐานะเงินทองใบหน้าเข้มไม่ได้พันผ้าโผกหัวนุ่งโสร่งเหมือนกับผู้ชายคนอื่นพื้นถิ่น เขาสวมกางเกงผ้าฝ้ายสีเข้มม่อฮ่อมและเสื้อผ้าฝ้ายสีอ่อนคอจีนผ่ายาวลงมาติดกระดุมทำจากรังผ้าฝ้ายสีเดียวกันจันทร์มาลา มารดาของเหนือหัวเองเฝ้าสังเกตลูกชายมาสักระยะแล้วนับจากกลับมาบ้านในคราวนี้ร่วมสองเดือน แม้ว่าเหนือหัวยังคงพูดคุยด้วยปกติแต่สีหน้าลูกชายดั่งมีเรื่องกลุ้มใจ บางครั้งเธอได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาขณะที่เขาเผลอยามอยู่คนเดียวแสงทัดเองเมื่อกลับมายังหมู่บ้านแห่งนี้เขาเองก็กลับบ้าน ไม่ได้มาอยู่ดูแลเหมือนดั่งอยู่เมืองไทย ทำให้จันทร์มาลาไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปถามใครดี ได้แต่เฝ้ามองลูกชายคนเ
34 – รู้ความจริงร่างเล็กนั่งรอแทบไม่ติดที่นั่งเมื่อนฤเบศร์เดินเข้ามาในห้องรับแขกของบ้าน และพลันยืนขึ้นทันทีอย่างร้อนใจเมื่อเห็นเขา โดยไม่ต้องพูดนฤเบศร์ก็รู้ว่าเธอมาเพื่อสิ่งใดในบ่ายวันนี้“พ่อเลี้ยง”“นั่งก่อนสิ ค่อย ๆ พูด”มือเล็กกุมไว้ขยุกขยิกห้ามตัวเองไม่ได้ ร้อนใจต้องการพูดเรื่องที่ตนเองตัดสินใจโดยเด็ดขาดแล้ว แต่ถูกขัดจังหวะด้วยเด็กรับใช้ในบ้านกำลังนำน้ำดื่มมาต้อนรับเธอนั่งนิ่งรอจนกระทั่งเด็กคนนั้นออกจากห้องไปจึงได้เริ่มเปิดปาก“ดวงตัดสินใจแล้ว”“ผมรู้ว่าที่คุณดวงมาวันนี้ก็คงเลือกมาแล้ว คุณเลือกเหนือหัวใช่ไหม”ดวงฤทัยพยักหน้ารับทันทีไม่รอช้า“ใช่ ดวงตัดสินใจแล้วว่าจะขอละเมิดสัญญาที่ทำไว้ ไม่มีสิ่งใดแทนที่พี่เหนือได้ ดวงไม่ต้องการบ้านหรือฟาร์ม”“ดื่มน้ำก่อนสิ”นฤเบศร์เอ่ยแนะนำเมื่อเสียงของดวงฤทัยทั้งแหบแห้งและฟังเหนื่อยล้า นั่นคงเพราะเธอคงร้องไห้มาทั้งคืน ร่างเล็กหยุดไปชั่งครู่แล้วทำตามที่เขาบอก“ดวงรู้หรือเปล่าว่าในสัญญานอกจากจะสูญเสียทุกอย่างแล้ว ยังต้องชดใช้เงินสินสอดกลับคืนอีกด้วย”ดวงฤทัยหน้าซีดเผือดวางแก้วลงมือสั่นเล็กน้อยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ“ดวงจำได้ดี และสินสอดที่คุณพ่