เขากลับมาอีกครั้งหลังจากผ่านไปเจ็ดปี ทวงสิ่งที่เขาต้องการและไม่เคยได้ครอบครอง สาววัยสิบแปดในตอนนั้นกลายเป็นแม่เลี้ยงหม้ายสาวเมืองเหนือ เบ่งบาน สะพรั่ง เธอพร้อมจะรับมือกับเขา หนุ่มลูกคร่ึงรัฐฉานหรือไม่ ดวงฤทัย อินราชา ลูกสาวภรรยาคนที่สองของคุ้มเวียงอิน เลือกแต่งงานกับพ่อเลี้ยงเมืองเหนือแก่คราวพ่อ เพื่อหนีให้พ้นเงื้อมมือบ้านใหญ่ และเป็นหม้ายตั้งแต่ยังสาว เหนือหัว เมืองวงศ์สิงห์ ชายหนุ่มผู้มีสายเลือดของคุ้มเจ้ายิ่งเมือง หนุ่มลูกครึ่งไทย รัฐฉาน กลับมาอีกครั้งพร้อมซื้อคุ้มเจ้าจอมอินด้วยยราคาสูงลิบลับ เธอจะทำเช่นไรในเมื่อคุ้มแห่งนี้คือที่ที่เธอเกิดและอยู่มาแต่เด็ก ความผูกพันต่อบ้านหลังนี้ในทุกตารางนิ้ว การต่อรองจึงเริ่มต้นขึ้น ในเมื่อเหนือหัวยังต้องการครอบครองหญิงสาวที่หลอกลวงเขาด้วยคำหวานแต่ไปแต่งงานกับคนอื่น
View Moreบทนำ
ความเนียนนุ่มของผืนผ้าซาตินสีเทาคงเทียบไม่ได้เลยกับความนุ่มเนียนของหญิงสาวที่อยู่ใต้ร่าง มือใหญ่สีคล้ำวนเวียนลูบไล้ไปทั่วร่างอย่างไม่รู้เบื่อ ทั้งพรมจูบไปตามลาดไหล่สู่ร่องแผ่นหลังบอบบาง แวะชิมตรงเอวคอดเว้าก่อนเลยลงสะโพกผาย
เสียงครางพึมพำของคนร่างเล็กกว่ากระเส่าเร่าร้อนจนกายชายลุกโชน เหนือหัวยังคงบรรจงสำรวจกายสาวอันงดงามนวลลออ
เขาค่อยสุมไฟรักเพลิงปรารถนาทีละน้อยจนกระทั่งโหมแรง จึงเคลื่อนกายขึ้นด้านบนกอดก่ายร่างบางด้านหลัง ให้อกแกร่งสัมผัสความอ่อนนุ่มที่แสนอ่อนไหวจนสาวใต้ร่างร้องลั่น
เสียงทุ้มเอ่ยเว้าวอนอ่อนหวาน แต่ด้านล่างกลับตรงข้ามเมื่อแรงปรารถนาพุ่งทะยานจนยากควบคุม เขาควบขับ กระหน่ำร่างเล็กไม่ผ่อนปรน กายสาวที่เขากอดไว้แน่นสั่นสะท้าน
เหงื่อของทั้งคู่ผลุดทั่วร่างท่ามกลางอากาศเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศ ร้อนวูบวาบช่องท้อง อาการใกล้สุขสมกำลังเกิดขึ้น เหนือหัวกดร่างเธอแน่นครางต่ำในลำคอ ชีพจรเต้นรัวหน้าแกร่งแดงก่ำ
“ดวง!”
เฮือก!!
ดวงหน้าคมเข้มอย่างหนุ่มลูกเสี้ยวไทใหญ่ลืมตาขึ้นเบิกกว้าง ผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงใหญ่หนานุ่มในโรงแรมแห่งใหม่ที่เขาเพิ่งเทคโอเวอร์มาจากชนชั้นสูงของเมืองนี้
ฝัน!!
มือแกร่งเสยผมออกจากกรอบหน้า กวาดตามองรอบห้องที่แสงสว่างกำลังเริ่มรำไร เขาฝันถึงเธออีกแล้ว ก้มศีรษะลงมองกายชายที่ลุกโชนดันผ้าห่มจนโป่งพองอย่างไม่อาจทำอะไรได้ จึงล้มตัวนอนต่อแต่ตาคมยังเบิกโพรงมองเพดานของห้องชุดบนชั้นบนสุดของโรงแรม
เขามาถึงเมืองนี้ได้เกือบปี และจัดการซื้อโรงแรมสามแห่งในคราวเดียวอย่างคนมือเติบ จนผู้คนทั่วไปคาดว่าเขาคงเป็นเศรษฐีหน้าโง่คนหนึ่ง แต่เขาตั้งใจอย่างยิ่งที่จะทำมันให้โฉ่งฉ่าง ยิ่งเขาดังมากเท่าไรยิ่งดี
ดวงฤทัย! ภาพร่างบางที่เขาได้เพียงจินตนาการ แต่ในไม่ช้านี้เขาจะทำให้มันกลายเป็นความจริง
เจ็ดปีก่อน
ยามเย็นวันเพ็ญเดือนยี่ของชาวเราเมืองเหนือ ประเพณีเก่าแก่ที่อนุรักษ์กันมาช้านานตั้งแต่สมัยอาณาจักรหริภุญชัย ว่ากันว่าหากใครได้บูชาประทีปโคมไฟในวันเดือนยี่เป็งจะได้ผลอานิสงฆ์ผิวพรรณงดงาม เป็นที่รักแก่เทวดา ไม่มีโรคภัยเบียดเบียนและได้ไปเกิดบนสรวงสวรรค์ ทั้งเพื่อบูชารอยพระพุทธบาทริมฝั่งแม่น้ำเมืองนาคราชบาดาล
เมื่อเกิดมาในชาตินี้จะได้เป็นพญาใหญ่โตในแผ่นดิน ผิวพรรณงดงามดั่งพระจันทร์วันเพ็ญ มีฤทธิ์ปราบได้ทวีปทั้งสี่ เป็นที่เกรงขาม มีปัญญาหลักแหลม มีทรัพย์สมบัติ ช้าง ม้า วัว ควาย ข้าคน และได้เกิดบนสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า[1]
ประเพณีที่ถือปฏิบัติ มีการจัดแต่งเครื่องสักการบูชาใส่กระทง จุดธูปเทียนและนำไปปล่อยลงในน้ำ เกิดเป็นเงาขึ้นวับ ๆ แวม ๆ มองเสมือนแสงพะเนียงไฟผีโขมด หรือ ผีป่าที่ออกหากินในเวลากลางคืน ชาวล้านนาจึงเรียกว่า ลอยโขมด
สาวร่างเล็กไม่สูงมากนักแต่ไม่เตี้ยสมส่วนผิวพรรณขาวใสดั่งคนภาคเหนือ เพียงแต่ผิวพรรณมีน้ำมีนวลและใสกระจ่างผิดไปจากสาวทั่วไป นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่กลางชานบ้านเรือนไทยล้านนา ตรงพื้นยกเป็นทางยาวผ่านหน้าห้องต่าง ๆ ของตัวบ้าน เกล้าผมยาวขึ้นมวยไว้บนศีรษะเป็นจุกยีเล็กน้อยแบบสาววัยรุ่นสมัยใหม่ ปล่อยลูกผมลงมาระใบหน้า ปลายจมูกชื้นเหงื่อจากการออกแรง
ในมือเล็กมีโคมยี่เป็งแบบโคมผัด[2] กำลังขึ้นรูปไว้หลายอันโดยเธอหมายมั่นตั้งใจว่าจะแขวนไว้ที่บ้านสองอันและนำไปแขวนไว้ที่วัดคืนนี้อีกหนึ่งอัน
“จบแล้วเหรอคะคุณยาย ดวงกำลังฟังเพลิน ๆ เลย”
หญิงชราวัยใกล้แปดสิบสวมผ้านุ่งซิ่นสีเข้มเสื้อผ้าฝ้ายคอกลมสีอ่อนหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงหวานใสของหลานสาว ในมือเหี่ยวย่นยังวุ่นกับการประดิษฐ์โคมแอว[3]สีขาว ซึ่งค่อนข้างใช้เวลานานและต้องเป็นผู้ที่ชำนาญเท่านั้นจึงทำได้
“หลานยังอยากจะฟังอะไรอีก นี่เล่าให้ฟังทุกปีไม่เบื่อบ้างหรือไง”
“ไม่เลยค่ะ ดวงชอบฟัง สนุกดี”
ยายเฟื่อนวางโคมแอวที่เสร็จแล้วลงอีกอัน พยักหน้าให้เด็กในเรือนมาเอาไปแขวนตามที่ต่าง ๆ รอบบ้านหลากสีสดใส ซึ่งได้ทำแขวนไว้มาแล้วเกือบอาทิตย์ แต่ที่ทำเพิ่มก็เพราะหลานสาวดวงฤทัย ต้องการถือไปวัดในคืนนี้
“แล้วนี่นัดใครไปด้วย เป็นสาวเป็นแส้ไปคนเดียวมันอันตราย”
หญิงสูงวัยว่าพลางขยับหยิบขันน้ำเย็นขึ้นดื่ม ตายังมองมือเล็กเรียวของหลานสาวที่บรรจงวาดกระต่ายบนโคมสองตัวด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
ปีนี้หลานสาวอายุสิบแปดปี กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีสุดท้าย นึกไปถึงช่วงวัยเด็ก หลานสาวคนนี้มักป่วยบ่อยเสียจนต้องขาดเรียนบ่อยครั้งและต้องหยุดเรียนไปถึงหนึ่งปี ทำให้มีเพื่อนน้อยทั้งกลายเป็นว่าหลานสาวอายุเกินแก่กว่าเพื่อนร่วมห้อง แต่ที่ยังคบอยู่วิ่งเล่นกันมาก็เห็นจะมีแต่แก้วนภาซึ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยไปก่อนหน้าแล้วหนึ่งปี
“ไปกับแก้วค่ะคุณยาย นี่เสร็จแล้ว สวยไหมคะ คุณยายดูออกไหมว่าตัวอะไร”
รอยยิ้มกว้างสดใสส่งให้ดวงหน้าเล็กขาวนวลกระจ่างขึ้นและงดงามจับตาจนคนเป็นยายเองห่วงว่า ความสวยงามของหลานสาวคนนี้จะนำภัยมาถึงตัว
ดวงฤทัยยื่นโคมผัดกว้างราวห้าสิบเซนมิเมตรหุ้มด้วยกระดาษสาสีขาวยกขึ้นสูงเหนือศีรษะ ใช้มือเรียวหมุนตัวโคมไปมาให้ยายเฟื่อนดูและมองอย่างคาดหวังจากคนแก่ จนคุณยายเองยิ้มกว้างออกมารอบดวงตามีแต่รอยย่น เลยแสร้งพูดไปว่า
“ดูออกอะไรกัน ยึก ๆ ยือ ๆ โอ๊ย! ใครจะไปดูออก”
“โธ่! คุณยายก็กระต่ายไงคะ เนี่ยกระต่ายสองตัวที่อยู่บนดวงจันทร์ แล้วเวลาเราจุดไฟตรงกลาง พอโคมมันหมุนก็ดูเหมือนว่ามันกำลังวิ่งเล่นกันอย่างมีความสุข”
“เอา ๆ ล่ะ แล้วบอกแม่เราแล้วหรือว่าจะไปจะมากี่โมงกี่ยาม”
ดวงฤทัยยิ้มหวานส่งผลให้ดวงหน้าเรียวหวานหยด ดวงตากลมโตหยีลงเมื่อรอยยิ้มส่งไปถึงดวงตา แก้มเปล่งปลั่งมีเลือดฝาด ริมฝีปากชมพูระเรื่อได้รูปทรงกระจับ
หลานสาวคนสวยของเรือนนี้ช่างเป็นแม่หญิงเมืองเหนือที่งามหาตัวจับยาก แม่และยายจึงบังคับให้เวลาออกไปนอกบ้านต้องมีเด็กรับใช้คอยประกบตามไปด้วยเพื่อป้องกันอันตราย
“แก้วจะเป็นคนมารับค่ะ งั้นดวงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ”
ดวงฤทัยวางโคมลงตรงที่เธอนั่งแล้วค่อยลุกขึ้นอย่างเรียบร้อย จากการอบรมสั่งสอนกิริยามารยาทมาอย่างดีจากผู้เป็นแม่และคุณยาย
[1] ประเพณีล้านนา lannainfo.library.cmu.ac.th
[2] เป็นโคมลักษณะพิเศษแบบหมุนได้ ผัดในภาษาเหนือหมายถึงหมุน
[3] โคมที่ทำต่อกันจำนวนตั้งแต่สองลูกขึ้นไป ตามรูปแบบโคมรังมดส้ม
บทพิเศษสามเดือน เมื่อเจ็ดปีที่แล้วตุบ ตุบ!ดวงฤทัยสะดุ้งลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงก้อนหินปามาโดนผนังห้องนอนด้านหน้าเรือนทรงไทยล้านนาร่างเล็กสะลืมสะลือลงจากเตียงควานมือเพราะความมืด เปิดหน้าต่างห้องนอน ชะโงกหน้าออกไปแต่ยังไม่เห็นใครได้ยินแต่เสียงเรียกทุ้มต่ำแผ่วเบา“ดวง ดวง”ดวงฤทัยขมวดคิ้ว เธอจำได้ว่าเสียงนี้เป็นเสียงของใคร เพราะตั้งแต่วันนั้นที่เขาเดินลับหายไปท่ามกลางผู้คนในงานยี่เป็ง แต่กลับโผล่เข้ามาในชีวิตแทบทุกวันแอ๊ดดด!!ดวงฤทัยพยายามเปิดประตูให้เบาที่สุด ย่องปลายเท้าผ่านชานเรือน โชคดีเธอได้นอนห้องหน้าสุดทำให้ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนของคุณแม่และคุณยาย จากนั้นดวงฤทัยก็พาร่างอันบอบบางลงบันไดบ้านเดินไปยังประตูเล็กข้างรั้ว“มาทำไม มันดึกแล้ว!!”“เอาขนมมาให้”“แขวนไว้นั้นแหล่ะ แล้วก็กลับไปได้แล้ว”“เดี๋ยวก่อนสิ ขอเห็นหน้าก่อนไม่ได้เหรอ”ดวงฤทัยมองซ้ายมองขวา ดูลาดเลาก่อนแอ้มประตูรั้วยื่นมือออกไปเพื่อรับขนม แต่คนร่างสูงกลับจับข้อมือเธอไว้ดึงเธอออกไปนอกรั้วดันไปยังมุมมืดด้านข้างใช้มือยันรั้วไว้“พี่แค่อยากขอดูหน้าน้องดวง หลับไปหรือยัง”“ถ้าหลับจะได้ยินเสียงหรือไง เห็นหน้าก็กลับไปได้แล
38 – ดาวเหนือคอยนำทาง จบบริบูรณ์ ncคราวนี้ดวงฤทัยลุกขึ้นนั่งข้างกายของเหนือหัว ก้มมองดวงตาของชายแกร่งที่ปิดสนิทไม่ยอมมองเธอ“คุณนฤเบศร์ฉีกสัญญาไปทิ้งแล้วค่ะ”“แล้วยังไง? แม้ว่าไม่มีสัญญา ดวงจะยอมเล่าเรื่องนี้ให้พี่ฟังไหม ไม่เลย พี่ไม่ได้อยู่ในแผนการ อยู่ในความคิดของดวงด้วยซ้ำ!”“พี่เหนือ!”มือเล็กวางบนแผ่นอกใต้ผ้าห่ม เธอวางไว้ตรงอกข้างซ้ายตรงที่หัวใจของเหนือหัวกำลังเต้นแรง“ที่ดวงไม่บอกพี่ เพราะว่าดวงไม่อยากให้พี่เหนือมองดวงว่าเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงิน ทั้งที่ดวงเองก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ดวงต้องการหลักประกันมั่นคงให้กับตัวเอง ดวงต้องการบ้านคุ้มหัวที่ปกป้องแม่และยายไปตลอดชีวิต แต่ดวงยอมทิ้งทุกอย่างแล้ว ที่ดวงไปบ้านคุณนฤเบศร์วันนั้นก็เพราะว่าดวงต้องการยกเลิกสัญญา ดวงยอมทิ้งทุกอย่าง ไม่เอาบ้าน ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ขอแค่ได้อยู่กับพี่เหนือ”“แน่ล่ะ ก็เพราะพี่รวยใช่ไหม”“พี่เหนือ! พี่คิดว่าดวงรักพี่เหนือเพราะเงินเหรอคะ พี่คิดว่าดวง ดวงทิ้งของพวกนั้นเพราะต้องการเงินทองของพี่ใช่ไหม? ไม่เลย ดวงไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ดวงไม่ยอมให้คุณนฤเบศร์หรือเจ้ายิ่งบอกพี่เหนือก็เพราะว่า ถ้าพี่เหนือรู้ พี่เหนือต้อง
37 - คนร่างเล็กเขาง้อแล้วนะ“หนูดวง”ดวงฤทัยสะดุ้งหันกลับไปยังจันทร์มาลา เธอไม่ได้ยินเสียงเดินของหญิงวัยกลางคนเนื่องจากคิดเรื่องของเหนือหัว“คะ?”“ตั้งโต๊ะเถอะ เย็นมากแล้ว เหนือจะได้ทานยา”“ค่ะ”สองหญิงหนึ่งคนสาวหนึ่งคนแก่กว่า จัดจานใส่ถาดกว้างทยอยยกมากลางลานใกล้ระเบียงแล้ววางบนพื้นบ้านของเหนือหัวยังคงนั่งทานกับพื้นซึ่งในหมู่บ้านแห่งนี้เองก็ยังคงทำแบบนี้ ยกเว้นบางบ้านที่นั่งทานโต๊ะทานอาหารอาหารของไทใหญ่ก็คล้ายกับของทางภาคเหนือจึงทำให้ดวงฤทัยเองทานได้คล่องปาก“แล้วนี่ทำไมเหนือถึงบาดเจ็บมาล่ะลูก”ในที่สุดจันทร์มาลาก็เอ่ยถามอย่างที่ใจของดวงฤทัยเองอยากรู้เช่นกัน เธอเอี้ยวหน้าไปมองพลันสบตาของเหนือหัวที่มองมาทางเธอพอดี จึงรีบหลบก้มมองจานข้าวของตัวเอง ตักข้าวเข้าปากนิ่งเงียบ“ไปตรวจงานอยู่หลายวัน พอใกล้ ๆ วันกลับเจอพวกชนกลุ่มน้อยครับ ปะทะนิดหน่อย แต่ผมก็ไม่เป็นอะไรมาก หมอผ่าเอากระสุนออกไปแล้ว”“แล้วทางนั่นลูกยังจะไปอีกเหรอ”“ก็ต้องไปครับ นั่นมันธุรกิจเรา แต่อาจจะน้อยลง ให้หุ้นส่วนที่เป็นทหารช่วยดูแล”“แล้วเราจะไว้ใจได้ยังไง คนพวกนี้ใช่ย่อย”ดวงฤทัยแม้ว่าจะก้มหน้าทานข้าวแต่หูเธอคอยฟังเสียงท
36 - สำหรับเขาต้องมากกว่า ไม่มีน้อยกว่าเหนือหัวชะโงกตัวไปยังหลังรถแต่แสงทัดปัดมือของชายหนุ่มไว้ก่อนแล้วคว้ากระเป๋าของเหนือหัวมาไว้เอง“ยังไม่รู้ ไว้หลังสงกรานต์ว่ากันอีกที”แสงทัดเดินนำยกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นไปบนเรือนยกใต้ถุนไม่สูงมากนักแบบไทใหญ่ อากาศในหน้านี้ไม่ร้อนมากนักเพราะอยู่ภูเขา ทำให้มีสายลมพัดมาตลอดเวลาบอดี้การ์ดเดินขึ้นเรือนกำลังเดินตรงไปยังห้องนอนของเหนือหัว พลันเหลือบเห็นร่างเล็กของคน ๆ หนึ่งที่เพื่อนของเขาถวิลหามาตลอด ทำให้เท้าใหญ่หยุดนิ่งตาเบิกกว้างหันกลับไปมองเพื่อนที่กำลังก้าวเท้าขึ้นบันไดเรือนมาพอดี“ไอ้เหนือ!”เหนือหัวเงยหน้าขึ้นมองแสงทัดที่ทำหน้าเหมือนเห็นผี คิ้วเข้มขมวดนิ่งไม่เอ่ยตอบอะไรยังก้าวขึ้นเรือนตามปกติ“มากันแล้ว”เสียงมารดาเอ่ยลอยมาจากชานเรือนแม้ว่าเขายังไม่ทันขึ้นไปชั้นบน จวบจนกระทั่งร่างสูงสาวเท้าไปบนขั้นสุดท้ายก้มศีรษะลงเพื่อให้พ้นชายหลังคาทรงเตี้ยเพื่อมุดเข้าไปในเรือน เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งจึงเห็นแม่เลี้ยงสาวแห่งสินธุเจริญพาณิชยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง หน้าเข้มกระด้างลงทันที“ไอ้ทัด มึงรอก่อน พาแม่เลี้ยงกลับไปด้วย”“ไอ้เหนือ!!”“เหนือ!!”เสียงแสงทัดและจั
35 – รัฐฉานปีใหม่ของชาวรัฐฉานปกติจัดขึ้นในวันขึ้นหนึ่งคำเดือนอ้ายของทุกปี ซึ่งมักจะเป็นช่วงงต้นเดือนธันวาคม ทำให้ในวันปีใหม่สากลของที่นี่เงียบเหงา ไม่ได้จัดงานเหมือนที่อื่นมีเพียงตามสถานที่สำคัญร้านค้าที่ทำสัญลักษณ์ว่าป้ายสวัสดีปีใหม่บางร้านค้าเท่านั้นร่างสูงยืนนิ่งตรงชานเรือนไม้ยกพื้นสูงบนเขาดอยเย่ว[1] ดอยสูงคดเคี้ยวเข้าลำบากถิ่นเดิมของมารดา บ้านทรงธรรมดาแบบไทใหญ่เพียงแต่หลังใหญ่กว่าทุกหลังในหมู่บ้านบอกสถานะทั้งทางสังคมและฐานะเงินทองใบหน้าเข้มไม่ได้พันผ้าโผกหัวนุ่งโสร่งเหมือนกับผู้ชายคนอื่นพื้นถิ่น เขาสวมกางเกงผ้าฝ้ายสีเข้มม่อฮ่อมและเสื้อผ้าฝ้ายสีอ่อนคอจีนผ่ายาวลงมาติดกระดุมทำจากรังผ้าฝ้ายสีเดียวกันจันทร์มาลา มารดาของเหนือหัวเองเฝ้าสังเกตลูกชายมาสักระยะแล้วนับจากกลับมาบ้านในคราวนี้ร่วมสองเดือน แม้ว่าเหนือหัวยังคงพูดคุยด้วยปกติแต่สีหน้าลูกชายดั่งมีเรื่องกลุ้มใจ บางครั้งเธอได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาขณะที่เขาเผลอยามอยู่คนเดียวแสงทัดเองเมื่อกลับมายังหมู่บ้านแห่งนี้เขาเองก็กลับบ้าน ไม่ได้มาอยู่ดูแลเหมือนดั่งอยู่เมืองไทย ทำให้จันทร์มาลาไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปถามใครดี ได้แต่เฝ้ามองลูกชายคนเ
34 – รู้ความจริงร่างเล็กนั่งรอแทบไม่ติดที่นั่งเมื่อนฤเบศร์เดินเข้ามาในห้องรับแขกของบ้าน และพลันยืนขึ้นทันทีอย่างร้อนใจเมื่อเห็นเขา โดยไม่ต้องพูดนฤเบศร์ก็รู้ว่าเธอมาเพื่อสิ่งใดในบ่ายวันนี้“พ่อเลี้ยง”“นั่งก่อนสิ ค่อย ๆ พูด”มือเล็กกุมไว้ขยุกขยิกห้ามตัวเองไม่ได้ ร้อนใจต้องการพูดเรื่องที่ตนเองตัดสินใจโดยเด็ดขาดแล้ว แต่ถูกขัดจังหวะด้วยเด็กรับใช้ในบ้านกำลังนำน้ำดื่มมาต้อนรับเธอนั่งนิ่งรอจนกระทั่งเด็กคนนั้นออกจากห้องไปจึงได้เริ่มเปิดปาก“ดวงตัดสินใจแล้ว”“ผมรู้ว่าที่คุณดวงมาวันนี้ก็คงเลือกมาแล้ว คุณเลือกเหนือหัวใช่ไหม”ดวงฤทัยพยักหน้ารับทันทีไม่รอช้า“ใช่ ดวงตัดสินใจแล้วว่าจะขอละเมิดสัญญาที่ทำไว้ ไม่มีสิ่งใดแทนที่พี่เหนือได้ ดวงไม่ต้องการบ้านหรือฟาร์ม”“ดื่มน้ำก่อนสิ”นฤเบศร์เอ่ยแนะนำเมื่อเสียงของดวงฤทัยทั้งแหบแห้งและฟังเหนื่อยล้า นั่นคงเพราะเธอคงร้องไห้มาทั้งคืน ร่างเล็กหยุดไปชั่งครู่แล้วทำตามที่เขาบอก“ดวงรู้หรือเปล่าว่าในสัญญานอกจากจะสูญเสียทุกอย่างแล้ว ยังต้องชดใช้เงินสินสอดกลับคืนอีกด้วย”ดวงฤทัยหน้าซีดเผือดวางแก้วลงมือสั่นเล็กน้อยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ“ดวงจำได้ดี และสินสอดที่คุณพ่
Comments