บทนำ 3
ดวงฤทัยพยายามเบี่ยงตัวหลบแต่ไม่พ้น โคมขนาดย่อมในมือกำลังจะหล่นจากมือเพราะแรงกระแทก หากแต่มีมือแข็งแรงคู่หนึ่งช่วยจับประคองโคมผัดของเธอไว้ได้ทัน
“หลบมาทางนี้ดีกว่า”
เธอรีบเดินตามชายหนุ่มคนที่ช่วยประคองโคมของเธอไว้ได้ และตอนนี้เขาอุ้มโคมผัดแทนเธอพาเดินเลี่ยงออกไปด้านข้าง ดวงฤทัยรีบเร่งเท้าตามด้วยกลัวว่าโคมจะโดนขโมยจึงไม่ทันเรียกเพื่อน กระทั่งหลุดพ้นออกมาจากคลื่นมนุษย์เขาจึงได้หันกลับมา
“ขอโคมคืนด้วยค่ะ”
ดวงฤทัยรีบยื่นมือออกไปเพื่อดึงโคมกลับมาหากแต่มือแข็งแรงยังจับไว้แน่นเกิดการยื้อกันเล็กน้อย
“ไม่เห็นได้ยินคำขอบคุณสักคำเลย”
“ขอบคุณ”
เสียงหวานกระชากตอบแต่ไม่แรงมากนัก แล้วดึงโคมผัดกลับมาเป็นของตัวเองจนได้ เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่แม้ว่ากำลังยิ้มกว้างแต่ไม่ได้ทำให้ใบหน้าคมเข้มแกร่งดูอ่อนละมุนลงเลย
ดวงหน้าของคนร่างสูงคางเหลี่ยมคมเข้ม สีผิวคล้ำกว่าคนเมืองทั่วไปแม้ว่าดวงหน้าดูเป็นคนเหนือ แต่ความแปลกคงเป็นคิ้วเข้มเฉียงขึ้นและดวงตาคมกล้าบอกถึงความมุ่งมั่นและแข็งกร้าว
กายชายสูงใหญ่ตึงแน่นจากเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวกระดุมผ้าผ่าหน้าคอจีนแบบชุดถังจวง[1]ที่คนส่วนใหญ่สวมใส่กันในวันนี้ กางเกงยีนส์สีเข้ม ตากลมโตยังกวาดมองและสังเกต เขาจะดูธรรมดากว่านี้ถ้าไม่สวมนาฬิการาคาแพง
“กำลังจะเอาไปแขวนในวัดใช่ไหม”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจนเธอพวงแก้มระเรื่อแต้มสี เขินคนร่างโตเพราะมัวแต่จับจ้องมองจนลืมไปแล้วว่ากำลังจะทำอะไร ดวงฤทัยกระพริบตาถี่ขับไล่อาการฉงนที่เกิดขึ้นพลันรู้สึกถึงอันตรายบางอย่างที่แผ่รังสีออกมาจากเขา จนขยับร่างถอยไปด้านหลังสองก้าว
“ค่ะ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ”
เสียงนุ่มหวานดั่งดวงหน้าที่งามหยดย้อยเอ่ยตอบพร้อมหันตัวเตรียมเดินลับหายไป ชายร่างโตมองพลางหยักยิ้มมุมปาก แล้วพาร่างสูงใหญ่ของตัวเองเดินตามคนร่างเล็กตรงหน้า นึกข้างในใจว่านานมากแล้วที่เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกถูกดึงดูดอย่างบ้าคลั่งเพียงแค่สบตา
ดวงตาสีเข้มคมกล้ากวาดมองร่างเล็กที่พยายามซอยเท้าหนี เธออายุคงราวสิบแปดปี เด็กสาวเกินไปสำหรับเขา หากแต่ใบหน้างดงามสะกดใจจนยากจะหักห้ามตัวเอง
คิ้วโก่งดั่งคันศร รับรูปไปกับดวงตากลมโตแต่รี จมูกโด่งรั้นเล็กน้อย แก้มนวลเปล่งปลั่ง ริมฝีปากทรงกระจับเชิดงอนจนเขาต้องการลิ้มลอง
สาวร่างเล็กตรงหน้าแม้เดินเร็วแต่ยังกวาดตามอง คิ้วเข้มเริ่มขมวดเมื่อนึกได้ว่าเธออาจมีคนรักแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาคงต้องตัดใจเพราะไม่ชอบตีท้ายครัวใคร
ฝีเท้าหนักแน่นยังเดินตามสาวน้อยดั่งคนโรคจิตผิดปกติวิสัยของเขาอย่างน่าแปลกประหลาด เขาก้มมองเท้าเล็กเรียวสวมรองเท้าสานอย่างง่าย จนมองเห็นรูปเท้าขาวผ่องสวยงามและเล็บเปลือยไร้สีสันสะอาดสะอ้าน
ปึก!
ร่างเล็กชะงักกึกถูกกระแทกจากทางด้านหลัง เมื่อเธอหยุดเท้าลงเพราะฝูงชนนักท่องเที่ยวด้านหน้า ทำให้คนร่างโตฉวยโอกาสโอบมือสีเข้มคว้าเอวเล็กไว้ได้ทัน
“อุ๊ย! เอามือออกไปนะ!”
เสียงหวานตะวาดแว้ดเบี่ยงกายออกทันทีเมื่อรู้สึกถึงมือร้อนข้างเอว ใช้สายตากลมโตจดจ้องดุดัน ขมวดคิ้วโก่งจนมุ่น หากแต่คนร่างสูงกลับยิ้มกว้างเพราะสาวตรงหน้ามองไปคล้ายลูกแมวกำลังขู่ฟ่อพองขนเสียมากกว่า
“ไม่ขอบคุณผู้มีพระคุณเลยสักคำ แล้วยังเสียงดังใส่อีก”
ดวงฤทัยถลึงตาคนหน้าเข้ม ยิ้มกว้างยังปรากฎบนใบหน้าทำให้เขาดูเปล่งประกายกว่าคราแรกอย่างน่าประหลาด และแม้ว่าไม่ได้หล่อจัดแต่องค์โดยรวมประกอบกันหน้าชายแท้อย่างเขากลับกลายเป็นน่าเกรงขามและกริ่งเกรง
“ฉันจะขอบคุณเฉพาะคนที่ช่วยฉันอย่างจริงใจ แต่คุณไม่! คุณเดินตามฉันมา”
“เดินตาม! โฮะ โฮะ นี่คุณคนสวยสำคัญตนผิดไปหรือเปล่า ถนนตรงนี้ก็ถนนสาธารณะ ดูสิมีแต่นักท่องเที่ยวทั้งนั้น ผมเองก็เป็นนักท่องเที่ยว”
ดวงฤทัยอ้าปากค้างก่อนตากวางเบิกกว้างแปลกใจที่คนตรงหน้าเถียงตอบกลับมาด้วยเสียงทุ้มพร่าและทำให้เธอกรุ่นโกรธเพิ่มมากขึ้น ดวงหน้าหวานงามค่อยสาดสีแดงระเรื่อทีละน้อยจนแดงซ่าน ยิ่งทำให้ชายหนุ่มร่างสูงเผลอใจจับจ้องมองด้วยใจระทึกอย่างน่าประหลาด
ร่างคนตัวเล็กรีบหันตัวกลับและคราวนี้จ้ำเท้าเร็วขึ้นจนเกือบถี่หนีลนลาน ใจคิดแต่รีบสลัดให้หลุดจากพ่อหนุ่มร่างโต ยิ่งตอนนี้เย็นมากแล้ว ทั้งต้นหน้าหนาวแบบนี้ท้องฟ้ามักมืดเร็วกว่าปกติ เผลอไม่นานปรากฎว่าแสงไฟตามท้องถนนและโคมที่ห้อยตามบ้าน ต้นไม้ก็พลันสว่างไสว
ดวงฤทัยมองแต่ทางด้านหน้าขณะซอยเท้า ใจพุ่งตรงทางเข้าวัด โดยไม่สนใจว่าคนข้างหลังยังตามมาหรือไม่ แล้วลอบถอนหายใจเมื่อมองเห็นแก้วนภายืนรออยู่ภายในวัดตรงจุดแขวนโคมของวัด
“หายไปไหนมา”
เสียงหวานใสของแก้วนภาขึ้นเอ่ยด้วยความเป็นห่วง
“คนเยอะเลยทำให้เดินช้า เราแขวนโคมเลยไหม”
“ไม่รอพี่กานต์หน่อยเหรอ เดี๋ยวเขาจะน้อยใจ”
“ไม่ต้องก็ได้มั้งแก้ว คนเยอะมาก ถ้าค่ำกว่านี้คนจะยิ่งเยอะ”
แก้วนภาพยักหน้ารับรีบพากันเดินไปยังโคนต้นไม้ที่ทางวัดทำขึ้นสำหรับแขวนโคม โคมของแก้วนภาเป็นแบบง่ายสมัยใหม่ ใช้ต่อถ่านไฟฉายเพียงเปิดก็ติดและแขวนอย่างง่ายดาย ส่วนของดวงฤทัยยังต้องใช้เวลาในการจุดประทีปด้านใน
หน้าหวานก้ม ๆ เงย ๆ อยู่เป็นครู่และค่อยเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อไฟจุดติด ขณะกำลังยกแขวนพลันมีมือแข็งแรงมาจากด้านหลังประกบยกขึ้นพร้อมเธอ ไอร้อนจากอกแกร่งด้านหลังแผ่กระจายปกคลุมเธอไว้จนอุ่น เธอเห็นเพียงมือสีเข้มบนมือเรียวเล็กที่ทาบลงมาแน่น
ดวงฤทัยเม้มปากแน่นขุ่นเคืองพลางนึกต่อว่าตัวเองในใจที่ประหม่า เธอควรเอะใจแต่แรกแล้วว่าผู้ชายคนนี้เป็นพวกดื้อรั้นตื้อไม่เลิก
ศอกเล็กมนกระทุ้งไปด้านหลังทันทีหวังให้แรงแหลมข้อศอกกระทบแผ่นอก แต่แรงของหญิงร่างเล็กกว่ามากเช่นเธอทำอะไรชายร่างโตไม่ได้นอกจากมีเสียงปึกเล็กน้อยเท่านั้น
แรงกระเพื่อมจากแผงอกด้านหลังจากการหัวเราะในลำคอยิ่งทำให้ดวงฤทัยกรุ่นโกรธ ไม่ทันได้หันกลับไปปรากฎว่าเขาช่วยเธอแขวนโคมเรียบร้อยแล้ว และถอยฉากตัวเองออกไปเสียก่อนทันที สายตาคมกล้ายังจ้องเธอไม่วางตา มุมปากยักยิ้ม
“ใครน่ะ”
เสียงแก้วนภากระซิบถาม ดวงฤทัยกลับตอบเสียงดังขึ้นหวังให้คนร่างโตได้ยินเต็มสองหู
“คนบ้า!!”
แก้วนภาเผลอมองใบหน้าแกร่งแล้วพลันพวงแก้มแดงซ่าน แม้ว่าไม่หล่อแต่เสน่ห์ทางเพศของเขาแผ่รัศมีรอบตัวจนแม้แต่เธอยังว้าวุ่น หันมองเพื่อนรักดวงฤทัยที่ยังหน้าบึ้ง ตั้งท่าเดินหนีแต่ชายคนนั้นยื่นมือออกมากั้นไว้
“ผมชื่อเหนือหัว เรียกพี่ว่าพี่เหนือก็ได้ เพราะพี่คงแก่กว่าน้องมากพอดู”
ดวงฤทัยนิ่วหน้ามือท่อนแขนกำยำแล้วชะงักเท้า หันกลับทั้งตัวหรี่ดวงตากลมโตลงอย่างเอาเรื่อง ลักษณะท่าทางแปลกประหลาดจนแก้วนภาแปลกใจ
“เหอะ! ลุง อย่างลุงนี่ไม่เรียกว่าแก่กว่าเฉย ๆ นะ น่าจะใกล้ลงโลงแล้วมั้ง!”
“ดวง!! ทำไมพูดกับเขาอย่างนั้น”
แก้วนภาร้องตกใจรีบลอบมองคนโดนด่า แต่ชายคนนั้นทำเพียงยิ้มกว้างก้มมองสาวร่างเล็กดวงหน้าหยิ่งทะนงปากจัด ดวงตาคมกล้าจับจ้องปากรูปกระจับสีชมพูจนแก้วนภาหวั่นใจค่อยเอื้อมมือออกมาเพื่อดึงเพื่อน แต่เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาเสียก่อน
“อายุยี่สิบเก้าคงไม่ถึงขนาดใกล้ลงโลงหรอกเด็กน้อย ผิดที่น้องดวงต่างหากที่โตไม่ทัน”
“ใครอนุญาตให้เรียกชื่อไม่ทราบ!”
แก้วนภาคว้าหมับแขนเพื่อนแล้วรีบเขย่าเพื่อปรามอารมณ์ พลางลอบมองหน้าคนรูปหล่อที่ยังยิ้มพราวอารมณ์ดี
“ไหน ๆ ตอนนี้เราก็รู้จักชื่อกันแล้ว พี่ว่าวันนี้ก็เป็นวันยี่เป็ง ทำไมเราไม่ไปลอยกระทงด้วยกัน”
“ฉันรอคนอื่นอยู่!”
ดวงฤทัยหรี่ตาลงหาเรื่องกระชากเสียงตอบ พลันคิดได้ว่านี่พวกเธอกำลังยืนโต้เถียงกับเขาอยู่กลางลานวัดจึงรีบดึงมือเพื่อนเดินหนีไปท้ายวัดที่จัดไว้สำหรับลอยกระทง
“แก้วโทรหาพี่กานต์เถอะ ตานั่นยังตามมาอยู่เลย”
ดวงฤทัยกระซิบบอกเพื่อน หางตายังเห็นร่างสูงเดินตามจึงเริ่มหวั่นกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว แก้วนภาเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้จึงหยิบโทรศัพท์ออกมารีบโทรออกแต่ไม่มีคนรับสาย
“สงสัยพี่กานต์คงไม่ได้ยินเสียงน่ะดวง เดี๋ยวเราฝากข้อความไว้”
สองสาวยังเดินไม่พักวนเวียนไม่กล้าหยุด จึงตัดสินใจส่งข้อความไปหาพี่ชายแทน ดวงฤทัยหยุดลงตรงแผงขายเครื่องประดับหางตาชำเลืองมองคนชื่อเหนือวนเวียนไม่ห่างเช่นกัน
“อันนี้สิน้องดวง สวยเหมาะกับน้องดวงมาก”
มือเล็กชะงักเพื่อเผลอเลือกต่างหูฉับพลันเงาของอีกคนแทรกเข้ามา เขายื่นต่างหูแบบติดหูรูปดาวให้ ดวงฤทัยชำเลืองมองพบว่ามันเป็นคู่ที่เธอเองกำลังจะหยิบขึ้นมาเช่นกัน
“ไม่ต้องยุ่ง!”
เสียงเขียวขุ่นลอดไรฟันแต่หน้าคมเข้มยังยิ้มกว้างส่งต่างหูยัดใส่มือบาง
“รับไปเถอะ พี่ต้องไปแล้ว ตอนนี้เลยเวลานัดมามากแล้ว ถ้าพี่อยากติดต่อน้องดวงพี่ต้องทำยังไง”
ดวงฤทัยกำลังอ้าปากโต้ปฏิเสธ แต่เพื่อนรักแก้วนภาที่หูผึ่งลอบฟังทั้งสองมาได้สักพักจึงพูดแทรกแทนเพื่อนขึ้นทันที
“คุ้มเจ้าจอมอิน ถ้าคุณรู้จักนะ”
“แก้ว!!! บอกเขาทำไม”
คนร่างสูงใบหน้านิ่งงันไปครู่ก่อนพยักหน้ารับ ครานี้รอยยิ้มมุมปากหายไปแล้ว จากนั้นเขาก็พาร่างสูงใหญ่กว่าชายทั่วไปเดินหายลับตาพร้อมฝูงชนมากมายภายในวัด
“อะไรกัน แค่นี้ก็ใจเสาะสะแล้วดวง”
“แก้วไปบอกผู้ชายคนนั้นทำไม”
“อ้าว! ไม่ดีเหรอ ถ้าโผล่มาจะให้เลี้ยงข้าวสะให้เข็ด”
เสียงใสของเพื่อนดูร่าเริงผิดไปจากดวงฤทัยที่ใจคอไม่ดีแม้แต่น้อย เพียงมองหน้าแกร่งคมกล้า ดูรู้ได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้ใจเสาะอย่างที่แก้วนภาคิด เขาต้องกลับมาอย่างแน่นอน
มือเล็กยังกำต่างหูรูปดาวก่อนแบมือออกจ้องเพชรปลอมที่ล้อแสงไฟสีส้มของแผงแม่ค้า จนสะท้อนเข้ามาในดวงตาแล้วยื่นมือออกไปคืน
“ป้อจายนั่นจ่ายหื้อแล้วเจ้า”
“ไม่เป็นไรหรอกดวง ฉันว่าสวยดีเก็บไว้ใส่เล่น ๆ คงไม่ได้เจอกันอีก เราไปลอยกระทงกันเถอะ พี่กานต์ตอบข้อความมาแล้วว่ารออยู่ท้ายวัด”
ดวงฤทัยพยักหน้ารับ แล้วเอาต่างหูใส่กระเป๋าถือใบเล็กไว้เอี้ยวหน้ากลับมองทางด้านหลังตรงที่ร่างสูงลับสายตาจากไป ใจยังนึกสังหรณ์ว่าคงได้เจอกันอีก
[1] ชุดเสื้อคอจีน
บทพิเศษสามเดือน เมื่อเจ็ดปีที่แล้วตุบ ตุบ!ดวงฤทัยสะดุ้งลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงก้อนหินปามาโดนผนังห้องนอนด้านหน้าเรือนทรงไทยล้านนาร่างเล็กสะลืมสะลือลงจากเตียงควานมือเพราะความมืด เปิดหน้าต่างห้องนอน ชะโงกหน้าออกไปแต่ยังไม่เห็นใครได้ยินแต่เสียงเรียกทุ้มต่ำแผ่วเบา“ดวง ดวง”ดวงฤทัยขมวดคิ้ว เธอจำได้ว่าเสียงนี้เป็นเสียงของใคร เพราะตั้งแต่วันนั้นที่เขาเดินลับหายไปท่ามกลางผู้คนในงานยี่เป็ง แต่กลับโผล่เข้ามาในชีวิตแทบทุกวันแอ๊ดดด!!ดวงฤทัยพยายามเปิดประตูให้เบาที่สุด ย่องปลายเท้าผ่านชานเรือน โชคดีเธอได้นอนห้องหน้าสุดทำให้ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนของคุณแม่และคุณยาย จากนั้นดวงฤทัยก็พาร่างอันบอบบางลงบันไดบ้านเดินไปยังประตูเล็กข้างรั้ว“มาทำไม มันดึกแล้ว!!”“เอาขนมมาให้”“แขวนไว้นั้นแหล่ะ แล้วก็กลับไปได้แล้ว”“เดี๋ยวก่อนสิ ขอเห็นหน้าก่อนไม่ได้เหรอ”ดวงฤทัยมองซ้ายมองขวา ดูลาดเลาก่อนแอ้มประตูรั้วยื่นมือออกไปเพื่อรับขนม แต่คนร่างสูงกลับจับข้อมือเธอไว้ดึงเธอออกไปนอกรั้วดันไปยังมุมมืดด้านข้างใช้มือยันรั้วไว้“พี่แค่อยากขอดูหน้าน้องดวง หลับไปหรือยัง”“ถ้าหลับจะได้ยินเสียงหรือไง เห็นหน้าก็กลับไปได้แล
38 – ดาวเหนือคอยนำทาง จบบริบูรณ์ ncคราวนี้ดวงฤทัยลุกขึ้นนั่งข้างกายของเหนือหัว ก้มมองดวงตาของชายแกร่งที่ปิดสนิทไม่ยอมมองเธอ“คุณนฤเบศร์ฉีกสัญญาไปทิ้งแล้วค่ะ”“แล้วยังไง? แม้ว่าไม่มีสัญญา ดวงจะยอมเล่าเรื่องนี้ให้พี่ฟังไหม ไม่เลย พี่ไม่ได้อยู่ในแผนการ อยู่ในความคิดของดวงด้วยซ้ำ!”“พี่เหนือ!”มือเล็กวางบนแผ่นอกใต้ผ้าห่ม เธอวางไว้ตรงอกข้างซ้ายตรงที่หัวใจของเหนือหัวกำลังเต้นแรง“ที่ดวงไม่บอกพี่ เพราะว่าดวงไม่อยากให้พี่เหนือมองดวงว่าเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงิน ทั้งที่ดวงเองก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ดวงต้องการหลักประกันมั่นคงให้กับตัวเอง ดวงต้องการบ้านคุ้มหัวที่ปกป้องแม่และยายไปตลอดชีวิต แต่ดวงยอมทิ้งทุกอย่างแล้ว ที่ดวงไปบ้านคุณนฤเบศร์วันนั้นก็เพราะว่าดวงต้องการยกเลิกสัญญา ดวงยอมทิ้งทุกอย่าง ไม่เอาบ้าน ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ขอแค่ได้อยู่กับพี่เหนือ”“แน่ล่ะ ก็เพราะพี่รวยใช่ไหม”“พี่เหนือ! พี่คิดว่าดวงรักพี่เหนือเพราะเงินเหรอคะ พี่คิดว่าดวง ดวงทิ้งของพวกนั้นเพราะต้องการเงินทองของพี่ใช่ไหม? ไม่เลย ดวงไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ดวงไม่ยอมให้คุณนฤเบศร์หรือเจ้ายิ่งบอกพี่เหนือก็เพราะว่า ถ้าพี่เหนือรู้ พี่เหนือต้อง
37 - คนร่างเล็กเขาง้อแล้วนะ“หนูดวง”ดวงฤทัยสะดุ้งหันกลับไปยังจันทร์มาลา เธอไม่ได้ยินเสียงเดินของหญิงวัยกลางคนเนื่องจากคิดเรื่องของเหนือหัว“คะ?”“ตั้งโต๊ะเถอะ เย็นมากแล้ว เหนือจะได้ทานยา”“ค่ะ”สองหญิงหนึ่งคนสาวหนึ่งคนแก่กว่า จัดจานใส่ถาดกว้างทยอยยกมากลางลานใกล้ระเบียงแล้ววางบนพื้นบ้านของเหนือหัวยังคงนั่งทานกับพื้นซึ่งในหมู่บ้านแห่งนี้เองก็ยังคงทำแบบนี้ ยกเว้นบางบ้านที่นั่งทานโต๊ะทานอาหารอาหารของไทใหญ่ก็คล้ายกับของทางภาคเหนือจึงทำให้ดวงฤทัยเองทานได้คล่องปาก“แล้วนี่ทำไมเหนือถึงบาดเจ็บมาล่ะลูก”ในที่สุดจันทร์มาลาก็เอ่ยถามอย่างที่ใจของดวงฤทัยเองอยากรู้เช่นกัน เธอเอี้ยวหน้าไปมองพลันสบตาของเหนือหัวที่มองมาทางเธอพอดี จึงรีบหลบก้มมองจานข้าวของตัวเอง ตักข้าวเข้าปากนิ่งเงียบ“ไปตรวจงานอยู่หลายวัน พอใกล้ ๆ วันกลับเจอพวกชนกลุ่มน้อยครับ ปะทะนิดหน่อย แต่ผมก็ไม่เป็นอะไรมาก หมอผ่าเอากระสุนออกไปแล้ว”“แล้วทางนั่นลูกยังจะไปอีกเหรอ”“ก็ต้องไปครับ นั่นมันธุรกิจเรา แต่อาจจะน้อยลง ให้หุ้นส่วนที่เป็นทหารช่วยดูแล”“แล้วเราจะไว้ใจได้ยังไง คนพวกนี้ใช่ย่อย”ดวงฤทัยแม้ว่าจะก้มหน้าทานข้าวแต่หูเธอคอยฟังเสียงท
36 - สำหรับเขาต้องมากกว่า ไม่มีน้อยกว่าเหนือหัวชะโงกตัวไปยังหลังรถแต่แสงทัดปัดมือของชายหนุ่มไว้ก่อนแล้วคว้ากระเป๋าของเหนือหัวมาไว้เอง“ยังไม่รู้ ไว้หลังสงกรานต์ว่ากันอีกที”แสงทัดเดินนำยกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นไปบนเรือนยกใต้ถุนไม่สูงมากนักแบบไทใหญ่ อากาศในหน้านี้ไม่ร้อนมากนักเพราะอยู่ภูเขา ทำให้มีสายลมพัดมาตลอดเวลาบอดี้การ์ดเดินขึ้นเรือนกำลังเดินตรงไปยังห้องนอนของเหนือหัว พลันเหลือบเห็นร่างเล็กของคน ๆ หนึ่งที่เพื่อนของเขาถวิลหามาตลอด ทำให้เท้าใหญ่หยุดนิ่งตาเบิกกว้างหันกลับไปมองเพื่อนที่กำลังก้าวเท้าขึ้นบันไดเรือนมาพอดี“ไอ้เหนือ!”เหนือหัวเงยหน้าขึ้นมองแสงทัดที่ทำหน้าเหมือนเห็นผี คิ้วเข้มขมวดนิ่งไม่เอ่ยตอบอะไรยังก้าวขึ้นเรือนตามปกติ“มากันแล้ว”เสียงมารดาเอ่ยลอยมาจากชานเรือนแม้ว่าเขายังไม่ทันขึ้นไปชั้นบน จวบจนกระทั่งร่างสูงสาวเท้าไปบนขั้นสุดท้ายก้มศีรษะลงเพื่อให้พ้นชายหลังคาทรงเตี้ยเพื่อมุดเข้าไปในเรือน เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งจึงเห็นแม่เลี้ยงสาวแห่งสินธุเจริญพาณิชยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง หน้าเข้มกระด้างลงทันที“ไอ้ทัด มึงรอก่อน พาแม่เลี้ยงกลับไปด้วย”“ไอ้เหนือ!!”“เหนือ!!”เสียงแสงทัดและจั
35 – รัฐฉานปีใหม่ของชาวรัฐฉานปกติจัดขึ้นในวันขึ้นหนึ่งคำเดือนอ้ายของทุกปี ซึ่งมักจะเป็นช่วงงต้นเดือนธันวาคม ทำให้ในวันปีใหม่สากลของที่นี่เงียบเหงา ไม่ได้จัดงานเหมือนที่อื่นมีเพียงตามสถานที่สำคัญร้านค้าที่ทำสัญลักษณ์ว่าป้ายสวัสดีปีใหม่บางร้านค้าเท่านั้นร่างสูงยืนนิ่งตรงชานเรือนไม้ยกพื้นสูงบนเขาดอยเย่ว[1] ดอยสูงคดเคี้ยวเข้าลำบากถิ่นเดิมของมารดา บ้านทรงธรรมดาแบบไทใหญ่เพียงแต่หลังใหญ่กว่าทุกหลังในหมู่บ้านบอกสถานะทั้งทางสังคมและฐานะเงินทองใบหน้าเข้มไม่ได้พันผ้าโผกหัวนุ่งโสร่งเหมือนกับผู้ชายคนอื่นพื้นถิ่น เขาสวมกางเกงผ้าฝ้ายสีเข้มม่อฮ่อมและเสื้อผ้าฝ้ายสีอ่อนคอจีนผ่ายาวลงมาติดกระดุมทำจากรังผ้าฝ้ายสีเดียวกันจันทร์มาลา มารดาของเหนือหัวเองเฝ้าสังเกตลูกชายมาสักระยะแล้วนับจากกลับมาบ้านในคราวนี้ร่วมสองเดือน แม้ว่าเหนือหัวยังคงพูดคุยด้วยปกติแต่สีหน้าลูกชายดั่งมีเรื่องกลุ้มใจ บางครั้งเธอได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาขณะที่เขาเผลอยามอยู่คนเดียวแสงทัดเองเมื่อกลับมายังหมู่บ้านแห่งนี้เขาเองก็กลับบ้าน ไม่ได้มาอยู่ดูแลเหมือนดั่งอยู่เมืองไทย ทำให้จันทร์มาลาไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปถามใครดี ได้แต่เฝ้ามองลูกชายคนเ
34 – รู้ความจริงร่างเล็กนั่งรอแทบไม่ติดที่นั่งเมื่อนฤเบศร์เดินเข้ามาในห้องรับแขกของบ้าน และพลันยืนขึ้นทันทีอย่างร้อนใจเมื่อเห็นเขา โดยไม่ต้องพูดนฤเบศร์ก็รู้ว่าเธอมาเพื่อสิ่งใดในบ่ายวันนี้“พ่อเลี้ยง”“นั่งก่อนสิ ค่อย ๆ พูด”มือเล็กกุมไว้ขยุกขยิกห้ามตัวเองไม่ได้ ร้อนใจต้องการพูดเรื่องที่ตนเองตัดสินใจโดยเด็ดขาดแล้ว แต่ถูกขัดจังหวะด้วยเด็กรับใช้ในบ้านกำลังนำน้ำดื่มมาต้อนรับเธอนั่งนิ่งรอจนกระทั่งเด็กคนนั้นออกจากห้องไปจึงได้เริ่มเปิดปาก“ดวงตัดสินใจแล้ว”“ผมรู้ว่าที่คุณดวงมาวันนี้ก็คงเลือกมาแล้ว คุณเลือกเหนือหัวใช่ไหม”ดวงฤทัยพยักหน้ารับทันทีไม่รอช้า“ใช่ ดวงตัดสินใจแล้วว่าจะขอละเมิดสัญญาที่ทำไว้ ไม่มีสิ่งใดแทนที่พี่เหนือได้ ดวงไม่ต้องการบ้านหรือฟาร์ม”“ดื่มน้ำก่อนสิ”นฤเบศร์เอ่ยแนะนำเมื่อเสียงของดวงฤทัยทั้งแหบแห้งและฟังเหนื่อยล้า นั่นคงเพราะเธอคงร้องไห้มาทั้งคืน ร่างเล็กหยุดไปชั่งครู่แล้วทำตามที่เขาบอก“ดวงรู้หรือเปล่าว่าในสัญญานอกจากจะสูญเสียทุกอย่างแล้ว ยังต้องชดใช้เงินสินสอดกลับคืนอีกด้วย”ดวงฤทัยหน้าซีดเผือดวางแก้วลงมือสั่นเล็กน้อยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ“ดวงจำได้ดี และสินสอดที่คุณพ่