/ รักโบราณ / เพียงนางที่ข้าจะรัก / บทที่ 1 ดีใจจนไข้ขึ้นสูง ตอนต้น

공유

บทที่ 1 ดีใจจนไข้ขึ้นสูง ตอนต้น

last update 최신 업데이트: 2025-10-05 21:57:17

มู่ซูซินเดินลงบันไดทางลับ มือข้างหนึ่งถือตะเกียง ลี่มี่เดินนวยนาดนำหน้าทาสอย่างคุ้นเส้นทาง

หยางซื่อสร้างทางลับแห่งนี้ขึ้นเมื่อห้าปีก่อน เพื่อมอบเป็นของขวัญวันเกิดให้บุตรสาวตามคำขอ

ภายนอกหยางซื่ออาจดูเป็นสตรีเรียบร้อย ใช้ชีวิตเรียบง่ายตามประสาฮูหยินเจ้าเมืองห่างไกล แต่ความจริงนางร่ำรวยมาก กิจการร้านขายสมุนไพรและเครื่องประดับทางภาคเหนือ มีถึงเจ็ดส่วนซึ่งเป็นของตระกูลหยาง

การขุดอุโมงค์ระยะทางกว่าสองลี้* หมดเงินทองไปหลายหมื่นตำลึง ไม่สะเทือนแม้ขนเส้นเดียวของวัวเก้าตัว*

ผ่านไปครู่หนึ่งมู่ซูซินจึงมาโผล่ที่ห้องทำงานของเถ้าแก่เนี้ยในโรงน้ำชาอันเซียง โรงน้ำชาชื่อดังของแคว้นต้าเฟิ่ง มีสาขากระจายอยู่ทั้งแปดทิศของแคว้น สาขาแรกตั้งอยู่ที่ เมืองชิงหลิน เมืองที่ท่านตาของมู่ซูซินอาศัยอยู่

หญิงวัยกลางคนท่าทางเข้มงวดหากแววตาบ่งบอกว่าเป็นคนใจดี กล่าวทักทายผู้มาใหม่ด้วยความเคารพรัก

“คุณหนู ฮูหยินส่งคนมาแจ้งบ่าวเรียบร้อย ท่านออกเดินทางได้ทันทีตามที่ต้องการเจ้าค่ะ”

“ขอบคุณป้ากุ้ยมากเจ้าค่ะ” มู่ซูซินทักทายป้ากุ้ยอย่างคุ้นเคย หญิงวัยกลางคนผู้นี้เป็นคนเก่าแก่ของหยางหย่าถิง ได้รับหน้าที่ให้มาดูแลโรงน้ำชาแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน

ทั้งคู่สนทนากันอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าได้เวลา มู่ซูซินจึงเปลี่ยนมาแต่งกายเป็นบุรุษ สวมหน้ากากปกปิดใบหน้าช่วงบน เดินออกไปขึ้นรถม้าขนาดกลางไร้สัญลักษณ์พร้อมองครักษ์ฝีมือดีของตระกูลหยาง เส้นทางที่มุ่งไปคือเมืองชิงหลิน

ช่วงสายของวันเดียวกัน

จวนเจ้าเมืองตงเฉิงกำลังเกิดความวุ่นวาย มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า คุณหนูใหญ่มู่ซูซินปลาบปลื้มดีใจที่จะได้แต่งเป็นชายาเอกฉีอ๋องจนไข้ขึ้นสูง ผื่นแดงขึ้นทั้งตัว อาการคล้ายคนเป็นหัด กำลังนอนรักษาตัว โดยมีมารดาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

สายสืบของฉีอ๋องที่เพิ่งมาถึงเมืองตงเฉิง รีบส่งรายงานความเคลื่อนไหวของว่าที่พระชายา กลับไปด้วยพิราบสื่อสาร

หานเย่ องครักษ์คนสนิท แกะกระบอกใส่จดหมายจากขานก มามอบให้นายเหนือหัว

“รายงานจากเมืองตงเฉิงพะย่ะค่ะ”

“โอ้ รวดเร็วป่านนั้นเชียว? มิใช่ว่าอาเต๋อเพิ่งไปถึงวันนี้หรอกรึ” เจ้าของเสียงเป็นบุรุษรูปงามท่าทางคล้ายบัณฑิตคงแก่เรียน กลิ่นอายสุขุมลุ่มลึก ในมือถือจอกชาหยก เหยียดหลังขึ้นจากหมอนอิงอย่างเกียจคร้าน

“อาเต๋อเพิ่งไปถึงเช้านี้จริงๆ ขอรับท่านกุนซือ” หานเย่ตอบคำถามก่อนขยับไปยืนหน้าห้องตามเดิม

เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคายทว่าเย็นชาไม่น่าเข้าใกล้ กำลังอ่านข้อความในจดหมายที่ส่งมาถึง มุมปากของเขากระตุกยิกๆไม่หยุด

“เรียนท่านอ๋อง คุณหนูมู่ซูซินปลาบปลื้มดีใจที่จะได้แต่งกับพระองค์จนไข้ขึ้นสูงพะย่ะค่ะ!”

หลังเฟิ่งเสวียนจีวางจดหมายลง ซ่งเฉินซี ถือวิสาสะ เดินไปหยิบขึ้นมาอ่านก่อนหลุดหัวเราะ “ปลาบปลื้มดีใจจนไข้ขึ้นสูง ข้าชักอยากไม่ให้นางตายสมใจท่านแล้วสิ อยากเห็นหน้านางมากกว่า ฮ่าๆๆ”

คนฟังตวัดสายดุดันมองสหายรักควบคุมตำแหน่งกุนซือส่วนตัว “หัวเราะพอรึยัง แล้วอย่ามาคิดเกลี้ยกล่อมให้ข้าเปลี่ยนใจเสียให้ยาก”

“ในเมื่อท่านอ๋องไม่อยากแต่งกับนาง ไยไม่ทรงปฏิเสธฝ่าบาทไปเสียตั้งแต่วันนั้นเล่าพะย่ะค่ะ ทำแบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับฝ่ายหญิง มู่ซูซินไม่ได้ทำสิ่งใดผิด นางเองก็เป็นเหยื่อทางการเมืองเหมือนกัน ท่านอ๋องจะทรงฆ่าแกงนางเช่นนี้ ไม่โหดร้ายและไร้เหตุผลไปหน่อยหรือ” ในน้ำเสียงของซ่งเฉินซีเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจฝ่ายหญิงอย่างไม่ปิดยัง ฉีอ๋องทำไม่ถูกจริงๆ

“เพราะข้าเป็นลูกที่ดี จึงไม่อยากขัดพระทัยเสด็จพ่อ” รับสั่งกลับมาด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยน “และอีกอย่าง…”

วรกายสูงสง่าลุกขึ้นจากหลังโต๊ะทรงงาน ก้าวมาตบบ่าสหายพร้อมเอ่ยประโยคที่ทำให้คนฟังถึงกับอึ้ง

“นอกจากฉายาแม่ทัพมาร ข้ายังถูกขนานนามว่าอะไรอีก”

“…” ซ่งเฉินซี “ทะ…ทรราชพะย่ะค่ะ”

คำตอบจากปากสหายเรียกรอยยิ้มร้ายของเฟิ่งเสวียนจี เขาไม่จำเป็นต้องอธิบายเหตุผลใดๆเพิ่ม จากนั้นก็เดินออกไปจากห้องทรงอักษร

“แล้วนั่นจะทรงไปไหนหรือพะย่ะค่ะ” เสียงของซ่งเฉินซีดังตามหลัง จู่ๆอีกฝ่ายก็เดินออกไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้ ทำเขาอดสงสัยไม่ได้ ทว่าผู้ที่ช่วยตอบคำถามกลับเป็น หานจิ้ง องครักษ์ผู้เงียบงัน ที่ปกติแทบจะไม่ปริปากให้ได้ยินเสียง

“ท่านอ๋องทรงมีนัดดื่มชากับคุณหนูฉู่ขอรับท่านกุนซือ”

“…” ซ่งเฉินซี ให้มันได้อย่างนี้สิ! ท่านอ๋องกำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่

ห้าวันต่อมา เฟิ่งเสวียนจีก็ได้รับจดหมายรายงานความเคลื่อนไหวภายในจวนเจ้าเมืองตงเฉิงจากอาเต๋อ

“เรียนท่านอ๋อง เนื่องจากคุณหนูใหญ่ไข้ไม่ลงเสียที วันนี้ท่านเจ้าเมืองมู่เทียนเลยจ้างนักพรตมาปัดป้องสิ่งอัปมงคลภายในจวนขอรับ”

“…” เฟิ่งเสวียนจี เก็บทุกรายละเอียดจริงๆ

สองวันถัดมา

“เรียนท่านอ๋อง วันนี้คุณหนูใหญ่อาการไข้ดีขึ้น ออกมานั่งรับแดดยามเช้า นางสวมผ้าคาดปิดหน้าไว้ขอรับ เกรงว่าผื่นหัดคงยังไม่ยุบ”

อาเต๋อยังคงส่งรายงานความเคลื่อนไหวของเป้าหมายมาเป็นระยะ กระทั่งเข้าวันที่สิบ

ในช่วงสาย

เสียงโก่งคออาเจียนดังขึ้นในเรือนไฉอวี้ของมู่ซูซิน ความโกลาหลอลหม่านพลันบังเกิดขึ้นในจวนเจ้าเมืองตงเฉิงอีกรอบ หมอประจำจวนถูกตามตัวมารักษาอาหารเป็นพิษของคุณหนูใหญ่อย่างเร่งด่วน

ฮูหยินผู้เฒ่ากับหยางซื่อพากันส่งเสียงร่ำไห้ ให้กับความโชคร้ายของมู่ซูซินอยู่หน้าเรือนไฉอวี้จนดังไปทั่วบริเวณ ประหนึ่งต้องการประกาศให้โลกรู้

“โฮ ซินเอ๋อร์ของย่า ผีซ้ำด้ำพลอยจริงๆ พอใกล้จะหายจากอาการหัดก็มาอาหารเป็นพิษต่อ แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะฟื้นตัวกัน จนป่านนี้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวก็ยังไม่ได้ปัก…”

“โถ ลูกแม่ เจ้าช่างโชคร้ายเสียจริงๆ เจ็บป่วยจนซีดเซียวแบบนี้ แม่เห็นแล้วปวดใจยิ่งนัก โฮ”

“ฮือ พี่ใหญ่ เสี่ยวเหยียนสงสารท่านเหลือเกินขอรับ ผ่ายผอมจนเหลือแต่กระดูกแล้ว” เสี่ยวเหยียนน้อยช่วยสำทับท่านย่าและมารดาของตน เด็กชายใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบหัวหอมในมือมารดา มาป้ายตาจนน้ำตาไหลรินไปสาย สภาพที่เห็นน่าเวทนาจับใจ อาเต๋อที่แอบอยู่บนต้นไม้ข้างกำแพงถึงกับน้ำตาซึม

*******************

*ลี้ : เท่ากับ 500 เมตร

*ขนเส้นเดียวของวัวเก้าตัว : เปรียบได้ในสุภาษิตไทยว่า ขนหน้าแข้งไม่ร่วง

이 책을.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~4

    เย่เฟิงคล้ายเห็นแสงสว่างที่ปลายทาง รีบพยักหน้ารับด้วยความมั่นใจ ผู้ช่วยแม่ครัวจึงคลายมือออก ปล่อยให้ชายหนุ่มเริ่มนวดแป้งด้วยตนเอง ในขณะที่มือก็กำลังนวดแป้ง ในหัวก็จินตนาการไปว่า ตนกำลังนวดต้นขานุ่มๆของลี่เจินไปด้วย และอาจเป็นเพราะตั้งใจมากไปนิดเลยเผลอคิดดังไปหน่อย ”ขาของเจ้าช่างนุ่มนวลเหลือเกินเจินเอ๋อร์“ ”…“ ทั้งแม่ครัวและผู้ช่วยคิ้วกระตุกยิกๆ พ่อหนุ่มองครักษ์กำลังสิ่งใดอยู่กันแน่!!! จากแป้งสีขาวนวลเวลานี้กลายเป็นก้อนแป้งสีชมพูเข้ม เพราะชายหนุ่มใส่ผงกุหลาบหนักมือไปนิด แต่ไม่เป็นไรแม่ครัวบอกกับเขาอย่างนั้น คราวหน้าค่อยลดปริมาณลง ถึงตอนนี้ แป้งพร้อม ไส้พร้อม ในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนการห่อก่อนกดใส่พิมพ์ขนม ผู้ช่วยแสดงวิธีนวดแป้งทั้งสองสีให้กลายเป็นก้อนเดียว รวมไปถึงวิธีแผ่แป้งและห่อไส้ ก่อนนำไปกดใส่พิมพ์ขนมบัวหิมะ “น่ากินมากเลยขอรับ” เอ่ยชื่นชมจบก็ลงมือทำเองบ้าง เพียงแต่… “ทำไมมันยากเย็นอย่างนี้เนี่ย! ทำไมข้าห่อแล้วแป้งถึงแตกไส้ทะลัก ไม่เห็นเรียบเนียนเหมือนของท่านป้าเลย” “…” ผู้ช่วยแม่ครัว ข้าควรเวทนาคนหรือสงสารขนมดีเนี่ย “แรกก็เป็นแบบนี้แหละ ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็ชำนาญขึ้

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~3

    ไม่ใช่เพียงแค่หานจิ้งที่เดินหน้าเกี้ยวพานลี่อิ่งอย่างเปิดเผย แม้แต่องครักษ์เงาขั้นหนึ่งอย่างเย่เฟิง ก็ขอฉีอ๋องย้ายตำแหน่งงานมาเป็นองครักษ์ขั้นหนึ่งของพระชายามู่ซูซินแทน เหตุผลหลักคือเขาทำงานให้พระชายาจนคุ้นเคยไปแล้ว ส่วนเหตุผลรองคือหัวใจของเขาเฝ้าติดตามลี่เจินไปแล้วนั่นเอง เรียกกลับมาเท่าไหร่หัวใจเจ้ากรรมก็ไม่ยอมเชื่อฟัง เย่เฟิงเลยตั้งปณิธานว่า เขาจะไม่ยอมแพ้องครักษ์รุ่นน้องอย่างหานจิ้งเด็ดขาด ชีวิตนี้เขาต้องได้แต่งลี่เจินเป็นภรรยาผูกผม! หากทำไม่ได้ก่อนอายุสามสิบ เย่เฟิงจะไปออกบวชมันให้มันรู้แล้วรู้รอด! ครัวหลักของตำหนักเว่ยจง แม่ครัวฝ่ายขนมหวานมุมปากกระตุกยิกๆ ขณะยืนมององครักษ์ของพระชายากวนแป้งทำขนมบัวหิมะกุหลาบ “เอ่อ ท่านองครักษ์เจ้าคะ กวนแป้งไม่ต้องออกแรงขนาดนั้นก็ได้เจ้าค่ะ ค่อยๆทำไป ท่านเล่นกวนแรงและเร็วแบบนี้ แป้งมันก็กระเด็นออกจากกระทะหมดสิเจ้าคะ แล้วจะเหลือให้กินไหมเนี่ย! โอย ข้าจะเป็นลม” พูดจบก็ยกยาดมขึ้นมาสูดเข้าปอดดัง ฟื้ด... บรรดาสาวใช้ในโรงครัวยกมือป้องปากหัวเราะคิกคักด้วยความเอ็นดูในตัวเย่เฟิง คาดไม่ถึงว่าองครักษ์หน้าเข้มผู้นี้ จะยอมลงทุนมาเรียน

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~2

    กร๊ากกกก เสียงหลุดขำของหานเย่ลอยมาตามลม องครักษ์หนุ่มนึกภาพยวนยางบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นที่สหายรักนั่งปักมาทั้งคืน ซึ่งมองอย่างไรก็เหมือนลูกเจี๊ยบหัวโตผิดขนาดสองตัวหันหน้าแยกเขี้ยวใส่กัน หานจิ้งสูดหายใจยาวอยากตามไปบีบคอสหายรักใจแทบขาด แต่พอนึกถึงภาพปักบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเขาก็มิอาจถือโทษที่หานเย่หลุดขำออกมา เหวินกงกงพอมีฝีมือด้านการเย็บปักถักร้อยอยู่บ้าง เดินมาขอดูผ้าเช็ดหน้าผืนดังกล่าว พอได้เห็นสภาพก็ถึงกับหน้ากระตุก ไม่เพียงแค่ลายปักจะอดสู แต่การมีหยดเลือดติดเป็นหย่อมๆนี่มันคืออะไร?! โอย ขันทีอย่างเขาหมดคำจะกล่าว ”เดี๋ยวตอนบ่ายเจ้าไปหาข้าที่เรือน ข้าจะช่วยแนะนำวิธีปักผ้าที่เริ่มจากลายง่ายๆไปก่อน ว่าแต่ลายนี้คือ เอ่อ เจ้าปักลายอะไรรึอาจิ้ง” เขามองไม่ออกจริงๆ “ลายยวนยางขอรับท่านกงกง” หานจิ้งตอบกลับมาเสียงอ่อย “…” เหวินกงกง เวรกรรมที่แท้คือยวนยางหรอกรึ ทีแรกนึกว่าปีศาจลูกเจี๊ยบ เหวินกงกงรู้สึกผิดขึ้นมาจับจิตที่มองลายบนผ้าเช็ดหน้าผิดไปมาก เลยยกมือตบบ่าหานจิ้งเบาๆเป็นการปลอบใจ ‘ข้าขอโทษนะอาจิ้งที่เข้าใจผิด’ หลังกินข้าวกลางวันเสร็จเรียบร้อย หานจิ้งก็ตามไปที่เรือนขอ

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~1

    ตำหนักเว่ยจง หลังผ่านเหตุการณ์สำคัญเรื่องกบฏเยี่ยนอ๋องมาได้ เจ้าของตำหนักก็เลิกปิดกั้นความรู้สึกตัวเองและหันมาสนทนากับคนรอบตัวมากขึ้น กระทั่งเอ่ยปากถามไถ่ความเป็นอยู่ของบ่าวไพร่ในตำหนักด้วยตนเอง ทั้งที่เมื่อก่อนฉีอ๋องไม่เคยสนใจเรื่องบ่าวไพร่ในตำหนักเลยสักนิด ปล่อยให้เหวินกงกงดูแลจัดการธุระในส่วนนี้แทน จนเมื่อพระชายามู่ซูซินถามสามีว่า เขาทราบหรือไม่ว่าบ่าวไพร่ในตำหนักมีกี่คน “…” เฟิ่งเสวียนจี นั่นสินะเขาไม่เคยนับจริงๆด้วย หลายวันต่อมา บ่าวไพร่ของแต่ละเรือนแต่ละฝ่าย ได้ถูกเรียกมาพบเพื่อแนะนำตัวกับฉีอ๋องอย่างเป็นทางการ เจ้าของตำหนักถึงประจักษ์ว่า เขามีบ่าวไพร่ทั้งหมดเกือบร้อยชีวิตทำงานอยู่ในตำหนักเว่ยจง!! ทั้งที่จำนวนคนก็มากขนาดนี้ แต่เหตุไฉนตำหนักของเขาถึงได้ดูวังเวงนัก ไม่เข้าใจเลยจริงๆ นั่นเป็นเพราะเจ้าตัวลืมไปว่า ตำหนักของตนกว้างใหญ่ขนาดไหน อันที่จริงสมควรมีบ่าวไพร่มากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่เพราะเหวินกงกงรู้ใจนายเหนือหัว เรื่องที่ไม่ชอบให้มีคนวุ่นวายในตำหนักมากจนเกินไป ถึงได้จ้างบ่าวไพร่ในจำนวนเท่าที่จำเป็น ไม่ได้จ้างไว้ประดับบารมีเหมือนเชื้อพระวงศ์ตำหนักอื่นๆ ที่ค

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ ความฝันบอกเหตุ ตอนปลาย

    เมืองตงเฉิง จวนเจ้าเมือง เรือนไฉอวี้ ค่ำคืนเดียวกันกับที่ฉีอ๋องฝันถึงงูขาวตัวหอม หญิงสาวรูปร่างหน้าตางดงามราวปีศาจจิ้งจอกจำแลง วางตำราสมุนไพรในมือลงก่อนขยับตัวไปดับตะเกียงข้างหัวเตียงเพื่อเข้านอน “ราตรีสวัสดิ์ลี่มี่ ขอให้นอนหลับฝันดีนะ” เสียงหวานบอกแมวสาวตัวอวบในอ้อมกอดจูบเหม่งมันไปหนึ่งที จากนั้นจึงหลับตาลง เมี้ยว… “ฝันดีซินเอ๋อร์ “ ลี่มี่แลบลิ้นเลียแก้มใสของนางทาสไปหนึ่งทีเพื่อเป็นการแสดงความรัก ผ่านไปไม่นานจังหวะหายใจของมู่ซูซินก็สม่ำเสมอ แสดงถึงว่านางเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ลี่มี่ลืมตาโพลงในความมืด ขยับตัวออกจากอ้อมกอดของหญิงสาว เดินไปนั่งบนกรอบหน้าต่างเงยหน้ามองดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ “หิวจัง อยากกินขนมไหว้พระจันทร์ไส้คัสตาร์ดไข่เค็ม พรุ่งนี้ขอให้ซินเอ๋อร์ทำให้กินดีกว่า” ในขณะที่ลี่มี่กำลังนึกถึงขนมไหว้พระจันทร์อยู่นั้น มู่ซูซินก็กำลังเข้าสู่ห้วงฝันอันแปลกประหลาด นางกำลังยืนอยู่กลางทุ่งลาเวนเดอร์ขนาดใหญ่ เหมือนที่เคยไปเที่ยวมาเมื่อชาติที่แล้ว บนท้องฟ้าสีครามสดใส ก้อนเมฆสีขาวปุกปุยรูปร่างมองไปแล้วเหมือนหัวใจดวงเล็กๆ ลอยเต็มท้องฟ้า แสงแดดอบอุ่นอาบไล้ผิวขาวเนียนละออของนาง มู่

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ ความฝันบอกเหตุ ตอนต้น

    แดนเหนือ ค่ายพยัคฆ์อหังการ ในที่สุดการต่อสู้อันยาวนานระหว่างแคว้นต้าเฟิ่ง กับชนเผ่านอกด่านทั้งหมดของแดนเหนือได้สิ้นสุดลง ความเสียหายที่ทั้งสองฝ่ายต้องเผชิญ หนักหนาสาหัสไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทว่าผู้ที่กำชัยชนะในสงครามใหญ่ครั้งนี้คือแคว้นต้าเฟิ่ง ซึ่งมีฉีอ๋อง เฟิ่งเสวียนจีเป็นผู้นำทัพ หลังเสร็จศึกได้ครึ่งเดือน ในขณะที่ฉีอ๋องกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ในกระโจมบัญชาการ ของค่ายพยัคฆ์อหังการในคืนพระจันทร์เต็มดวง จู่ๆ บรรยากาศโดยรอบพลันหยุดนิ่ง เฟิ่งเสวียนจีคล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นฉุดกระชากอย่างแรง จากที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงในยามค่ำคืน บัดนี้ตัวเขายืนอยู่กลางทุ่งสมุนไพรกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าสีครามสะอาดสดใส มีปุยเมฆสีขาวลอยอยู่ประปราย แสงแดดสีทองอบอุ่นโลมไล้ผิวกาย กลิ่นหอมเย็นสดชื่นเฉพาะตัวของสมุนไพร ช่วยให้ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เรือนกายสูงหันมองไปรอบๆ สายตาก็ประสบเข้ากับต้นอู๋ถงต้นใหญ่ บริเวณใต้ต้นมีแคร่ไม้ไผ่ตั้งอยู่ ร่างสูงตัดสินใจเดินไปที่นั่นหย่อนตัวลงบนแคร่ ตั้งใจว่าจะนอนเล่นที่นี่สักพักเพื่อซึมซับความรู้สึกอันแสนจะรื่นรมย์นี้ เขาใช้แขนของตนแทนหมอน

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status