Share

บทที่ 1/2

last update Last Updated: 2025-10-05 21:57:28

สายสืบหนุ่มรีบกลับมายังที่พัก เร่งเขียนจดหมายทันที พิราบสื่อสารตัวเดิมเริ่มมองหน้าเจ้านายด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนัก ทำนองว่า…จะขยันส่งจดหมายอะไรกันนักหนา มันบินไปกลับระหว่างเมืองหลวงกับเมืองตงเฉิงจนปีกจะหักอยู่แล้วเนี่ย! เสร็จงานเมื่อไหร่มันจะลาพักร้อน!

ทันทีที่นกพิราบหน้าเดิม บินมาเกาะคอนหน้าห้องทรงอักษร ซ่งเฉินซีรีบปรี่ไปแย่งจดหมายมาจากมือของหานเย่ ก่อนที่องครักษ์หนุ่มจะนำไปมอบให้เจ้านายของตน

และเมื่ออ่านข้อความในจดหมายจบ กุนซือหนุ่มถึงขั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เฮ้อ ข้าล่ะเห็นใจในชะตากรรมของคุณหนูมู่จริงๆ ดูท่าว่าท่านอ๋องคงจะเป็นดาวพิฆาตของนางโดยกำเนิด เพราะตั้งแต่รู้ว่าต้องแต่งกับท่านอ๋อง นางก็ล้มหมอนนอนเสื่อเป็นว่าเล่น กระหม่อมว่าทรงไม่ต้องลงมือสังหารนางแล้วล่ะพะย่ะค่ะ เห็นทีนางกำลังจะป่วยตายด้วยตนเอง”

“นางเป็นอะไรไปอีกคราวนี้”

“ทรงอ่านดูเอาเองเถิด” มือขาวของซ่งเฉินซีวางจดหมายลงบนโต๊ะทรงงานเจ้าของตำหนัก

หลังได้อ่านข้อความเฟิ่งเสวียนจีคิ้วกระตุก เกิดความลังเลขึ้นมาในจิตใจอย่างที่ไม่เคยเป็นก่อน

‘หรือข้าควรช่วยสงเคราะห์ให้นางตายเร็วขึ้นดี จะได้ไม่ต้องทรมานจากอาการเจ็บป่วย’

อาจเป็นเพราะเขาคิดดังไปหน่อย เลยหลุดแสดงออกทางสายตา ซ่งเฉินซีสังเกตเห็นเข้าพอดี เลยใช้พัดในมือฟาดกับโต๊ะทรงงานที่ทำจากไม้หนานมู่ล้ำค่าเสียงดังพร้อมกล่าวตักเตือน

“ท่านอ๋อง! ไม่ใช่ว่าทรงกำลังคิดจะช่วยสงเคราะห์นางให้ตายเร็วขึ้นหรอกนะพะย่ะค่ะ หากคิดเช่นนั้นอยู่จริงๆ ก็โปรดห้ามความคิดนี้เสีย มิเช่นนั้นกระหม่อมจะนำความไปบอกไทเฮาให้ทรงกลับมาจัดการพระองค์” นี่ไม่ใช่คำขู่แต่เป็นการเตือนสติด้วยความหวังดี

ในแผ่นดินนี้มีเจียงไทเฮาเพียงผู้เดียวที่สามารถกำราบเฟิ่งเสวียนจีอยู่หมัด ด้วยว่าพระนางเป็นผู้เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็ก เจ้าตัวถึงเกรงใจและเคารพรักเสด็จย่าของตน มากกว่าฮ่องเต้หรือฟ่านซูเฟยผู้เป็นน้า

ทว่าเจียงไทเฮาเดินทางไปถือศีลอยู่ที่อารามหลวงได้สามปีแล้ว เฟิ่งเสวียนจีจึงไม่มีใครคอยปรามนับตั้งแต่นั้น

ฮัดชิ้ว! เจียงไทเฮาที่กำลังสวดมนต์ทำสมาธิจามออกมาเสียงดัง

คนที่ถูกเข้าใจว่ากำลังป่วยหนักจนซูบผอมเหลือแต่กระดูก เวลานี้กำลังนั่งรถม้าเดินทางเข้าเมืองหลวง หากมิใช่ในฐานะคุณหนูใหญ่มู่ แต่เป็นร่างสองของนาง ‘นายน้อยแห่งหอเหว่ยตี้’

หอการค้าทรงอิทธิพล ทำหน้าที่จัดหาม้าศึก ยาสำหรับใช้ระหว่างออกรบให้กับกองทัพ รวมถึงใบชาและสมุนไพรชั้นยอดส่งมาขายยังเมืองหลวงและแคว้นพันธมิตร

สินค้าสำคัญที่สร้างชื่อให้หอเหว่ยตี้ จนขึ้นมามีอิทธิพลในแคว้นต้าเฟิ่งคือยาห้ามเลือด ยารักษาบาดแผลฉกรรจ์ และยารักษาโรคร้ายแรงหรือรักษายากอีกหลายชนิด

ส่วนยารักษาโรคทั่วไป หอเหว่ยตี้ไม่ปรุงออกมาขาย เพราะไม่ต้องการแย่งลูกค้าของหอโอสถอื่นๆ นับเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดจนไม่มีใครกล้าออกมาตำหนิ

เพราะจนถึงบัดนี้ ยังไม่มีหอโอสถหรือหมอเก่งๆคนใด สามารถปรุงยาซึ่งมีประสิทธิภาพในการรักษายอดเยี่ยมเท่ากับยาของหอเหว่ยตี้

หอเหว่ยตี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อนทางตอนเหนือของแคว้น ไม่มีใครเคยพบนายใหญ่ของหอมาก่อน มีเพียง นายน้อยเหว่ยซิน ผู้เป็นตัวแทน คอยทำหน้าที่ติดต่อเจรจาการค้าตามเมืองต่างๆ

ในระยะเวลาเพียงสองปีหลังก่อตั้ง หอเหว่ยตี้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในวาณิชหลวงของต้าเฟิ่ง เพราะได้อาชาศึกชั้นยอดและยาที่จำเป็นสำหรับกองทัพ รวมถึงเสบียงจำนวนมากที่หอเหว่ยตี้ขายให้ในราคาต้นทุน

และยังมีบางส่วนที่นายน้อยเหว่ยซิน ช่วยบริจาคเพื่อเป็นการช่วยเหลือแคว้น กองทัพของแคว้นต้าเฟิ่งตามแนวชายแดนจึงแข็งแกร่งขึ้นมากในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปี

บรรดาขุนนางในราชสำนัก หรือแม้แต่ฮ่องเต้เอง ยังต้องไว้หน้าหอเหว่ยตี้อยู่ถึงสามส่วน

แต่ถึงกระนั้น หอเหว่ยตี้ก็ไม่เคยทำตัวสูงส่งหรือใช้อำนาจบาตรใหญ่ ให้เป็นที่ระคายพระเนตรพระกรรณของฮ่องเต้ ทุกสามหรือสี่เดือน นายน้อยเหว่ยซินจะเดินทางมาหลวง เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของหอโอสถเหว่ยตี้และโรงน้ำชาอันเซียง รวมถึงช่วยตรวจสุขภาพพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ม้าศึกของกองทัพในค่ายทหาร ซึ่งมีฉีอ๋องเป็นผู้ควบคุมดูแล

แม้แต่อาชาเหงื่อโลหิตสุดที่รักทั้งสองของเฟิ่งเสวียนจี ก็เป็นนายน้อยของหอเหว่ยตี้นี่แหละที่หามาให้เขา นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มู่ซูซิน พอจะคาดเดาความคิดชั่วร้ายของเฟิ่งเสวียนจีออก เป็นเพราะทั้งคู่เคยพบปะหารือเรื่องงาน หรือแม้กระทั่งเดินหมากกันอยู่หลายหน

รถม้าขนาดกลางดูแข็งแรงและภูมิฐาน เทียมอาชาตัวใหญ่ถึงสองตัวในการลากจูง ข้างตัวรถมีตราสัญลักษณ์ของหอเหว่ยตี้ แล่นผ่านประตูเมืองหลวงหลังได้รับการตรวจสอบตามระเบียบ

ข่าวการมาถึงของนายน้อยแห่งหอเหว่ยตี้ ถูกรายงานไปยังวังหลวงและตำหนักเว่ยจงในเวลาต่อมา

“นายน้อยเหว่ยมาถึงแล้วอย่างนั้นรึ” เฟิ่งเสวียนจีเงยหน้าจากงานที่ทำ เอื้อมหยิบสมุดพับสำหรับเขียนเทียบเชิญ หลังจากเขียนบางอย่างลงไปเสร็จเรียบร้อย ก็มอบให้หานเย่นำไปส่งยังจวนเหว่ยตี้ทันที

ซ่งเฉินซีเหลือบมองสหายด้วยสายตาลุ่มลึก ยากนักที่นะเห็นเฟิ่งเสวียนจีกระตือรือร้นส่งเทียบเชิญ เพื่อขอพบใครสักคนโดยไม่ต้องไตร่ตรองเยี่ยงนี้

“หากมิใช่เพราะกระหม่อมรู้จักท่านอ๋องมาตั้งแต่เยาว์ กระหม่อมอาจเข้าใจผิดและคิดว่า…ทรงเป็นพวกตัดแขนเสื้อ เพราะดูจากท่าทางดีอกดีใจจนปิดไม่มิด เมื่อรู้ว่านายน้อยเหว่ยซินมาถึงเมืองหลวงแล้ว” กุนซือหนุ่มเอ่ยเย้าสหายสูงศักดิ์อย่างไม่กลัวตาย เนื่องจากสังเกตเห็นแววตาวาวโรจน์ด้วยความยินดีอย่างหาได้ยากของเฟิ่งเสวียนจี

”ดูเหมือนว่าท่านกุนซือคงไม่อยากมีลิ้นไว้ใช้แล้วกระมัง ให้ข้าช่วยสงเคราะห์ลากลิ้นของเจ้าออกมาตัดทิ้งดีหรือไม่ หรือข้าควรแจ้งท่านอัครมหาเสนาบดีซ่ง ว่าบุตรชายของเขาเอ่ยวาจาล่วงเกินอ๋องอย่างข้าดี”

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายผุดขึ้นบนดวงพักตร์หล่อเหลา หลังจากเห็นสหายหน้าถอดสีเมื่อเขาเอ่ยถึง อัครมหาเสนาบดีซ่งเถียนเวย ผู้มีฉายาพยัคฆ์เหล็กแห่งท้องพระโรง! ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดเสียยิ่งกว่าราชครู

“หากจะทรงฟ้องท่านพ่อของกระหม่อม เช่นนั้นทรงลากกระหม่อมไปประหารเสียยังดีกว่า” คนปากดีก่อนหน้านี้หูลู่คอตก ทำหน้าเหมือนตนถูกรังแก เดินไปคุกเข่าเกาะขาเฟิ่งเสวียนจีด้วยสายตาออดอ้อนขอความเมตตา

“เฮอะ! ไม่ต้องมาเสแสร้ง” เฟิ่งเสวียนจีสะบัดสหายออกจากขาด้วยความหมั่นไส้

จวนเหว่ยตี้

มู่ซูซินรับเทียบเชิญของฉีอ๋องมาเปิดอ่านอย่างคุ้นเคย

‘เชิญไปรับมื้อกลางวันที่ตำหนักในวันมะรืนเพื่อหารือธุระสำคัญ ชิ!’ รอยยิ้มหยันพลันปรากฏในแววตาภายใต้หน้ากากสีเงิน

******************

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 12/2

    ในระหว่างที่มู่ซูซินเดินไปคอกม้า บ่าวรับใช้ก็กำลังยกฟูกที่นำมาจากเรือนอู่ถง เข้าไปเปลี่ยนในห้องนอนของฉีอ๋องอย่างระมัดระวัง ตามคำสั่งของเหวินกงกง เจ้าของตำหนักเองก็เพิ่งหารือกับกุนซือของตนเสร็จ ทั้งสองเดินไปยังเรือนของเฟิ่งเสวียนจี เพื่อรับมื้อกลางวันที่นั่น ได้ทันเห็นเหวินกงกงยืนคุมบ่าวชาย กำลังย้ายฟูกออกมาจากเรือนของตนพอดี วรกายสูงเดินแยกจากสหาย ตรงเข้าไปถามไถ่ด้วยความฉงน “เหวินกงกง ท่านกำลังทำอะไร ยกฟูกออกมาจากเรือนนอนของข้าทำไม” ครั้นได้ยินเสียงของนายเหนือหัว เหวินกงกงรีบหมุนตัวกลับมา จีบปากจีบคอรายงานด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เรียนท่านอ๋อง พระชายาขอให้กระหม่อม นำฟูกที่เรือนอู่ถงมาเปลี่ยนให้ท่านอ๋องพะย่ะค่ะ จะได้ทรงนอนหลับสบายยามค่ำคืน ไม่ต้องลำบากเสด็จไปอาศัยนอนที่เรือนอู่ถง” เฟิ่งเสวียนจีนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก คาดไม่ถึงว่ามู่ซูซินจะกล้าสั่งให้เหวินกงกงยกฟูกมาเปลี่ยนให้เขา พรืดด ซ่งเฉินซีได้ยินคำบอกเล่าของเหวินกงกงก็หลุดขำ ชี้พัดจีบในมือชี้ไปที่เฟิ่งเสวียนจีพร้อมทำหน้าตาล้อเลียน “กระหม่อมเพิ่งรู้ว่าที่แท้ท่านอ๋องเป็นคนนอนยาก ฮ่าๆๆ กระหม่อมชักอยากพบหน้าพระชายามู่ขึ้นมาเสียแล้ว

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 12/1 ไม่เอาปลาแล้วเจ้าจะเอาอะไร

    มู่ซูซินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อรู้ว่าลี่มี่ยังปลอดภัยดีไม่ได้ถูกเฟิ่งเสวียนจีจัดการอย่างที่เคยขู่นางไว้ เพียงแต่ข้องใจว่าไฉนลี่มี่ถึงได้ยอมให้คนตัวโต แอบมานอนบนเตียงแทนที่มันได้อย่างง่ายดาย ดวงตาคู่สวยมองมายังร่างแกร่งที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ นอนยิ้มกริ่มหน้าตาสดใสประหนึ่งได้นอนหลับสนิทแปดชั่วโมงขั้นต่ำ “ชายารักมองสามีจริงจังแบบนี้ กำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่รึเปล่า” พูดจบก็ขยับนอนตะแคงพิงแขน สาบเสื้อนอนเจ้ากรรมแหวกออกจนเห็นแผ่นอกแกร่งกับหน้าท้องเป็นลอนขาวจั๊วะยั่วยวนสายตาคนมองแต่เช้า “…” มู่ซูซิน เรียกแทนตัวเองว่าสามีด้วย กรี๊ดดด อารมณ์ไหนแต่เช้าเนี่ย ตามไม่ทันโว้ย!! พร้อมกับลอบกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ “ท่านอ๋อง เหตุใดถึงมานอนที่นี่ได้เพคะ ทรงเมาแล้วเดินละเมอมาหรือ” รีบเอาข้อเรื่องเมาขึ้นมาดักคอ นางอยากรู้นักว่าเขาจะแก้ตัวยังไง “ฟูกที่เรือนนี้นอนสบายกว่าฟูกที่เรือนของเปิ่นหวาง” ง่ายๆได้ใจความ แต่ทำคนฟังหน้าเหวอไปอีกรอบ รับสั่งจบก็ลุกออกจากเตียงเพื่อไปล้างหน้าล้างตา ปล่อยให้มู่ซูซินนั่งอ้าปากค้างมองตามแผ่นหลังกว้างตาแป๋ว พูดอะไรไม่ออกไปโดยปริยาย พฤติกรรมของมนุษย์ทั้งสองสร้างความขบ

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 11/2

    
 แผนการมาดักรอพบฉีอ๋องในวันนี้นับว่าไม่สูญเปล่า นอกจากฝ่ายชายจะยอมให้นางอาศัยรถม้า เขายังทิ้งพระชายาที่เพิ่งอภิเษกได้เพียงไม่กี่วันให้กลับตำหนักเว่ยจงไปคนเดียว แล้วเลือกมากินมื้อเย็นกับนางที่นี่แทน ฉู่ฟางอิ๋งรู้สึกราวกับตนเป็นผู้ชนะ “คุณหนูฉู่อิ่มแล้วหรือ เปิ่นหวางเห็นเจ้ากินไปเพียงไม่กี่คำเท่านั้น ไม่กินอีกสักหน่อยเล่า เจ้าดูเหมือนซูบผอมไปนะ” เขาพูดไปตามที่เห็นเมื่อเดือนก่อนนางยังดูมีเนื้อหนังมากกว่านี้ ภายในใจของฉู่ฟางอิ๋งลิงโลด แผนอดข้าวอดน้ำมาระยะหนึ่ง จนทำให้ร่างกายซูบผอมลงเหมือนคนตรอมใจถือว่าไม่เหนื่อยเปล่า ฉีอ๋องสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้จริงๆ “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงห่วงใย อิงเอ๋อร์อิ่มแล้วเพคะ คงเป็นเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยอยากอาหารเท่าใดนัก” “เจ้าซูบผอมแบบนี้ใต้เท้าฉู่ไม่เป็นห่วงแย่หรือ” ฉู่ฟางอิ๋งเม้มปาก สีหน้าเผยถึงความน้อยใจยามนึกถึงบิดา “ช่วงนี้ท่านพ่อถ้าไม่อยู่ที่ทำงาน ก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้องหนังสือหลังกลับมาจากในวัง กระทั่งข้าวปลาก็ไม่ออกมากิน พ่อบ้านต้องยกไปให้ที่นั่น มีบางวันที่ออกไปกับพี่ใหญ่จนมืดค่ำถึงกลับจวน อิ๋งเอ๋อร์กับท่านแม่แทบจะไม่ได้เห็นหน้า

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 11/1 ลี่มี่เกลียดคนจำพวกนี้น่ะคุณหนูฉู่

    นอกจากรับสั่งถามมู่ซูซินเสียงลอดไรฟัน เฟิ่งเสวียนจียังเผลอปล่อยไอสังหารออกมาบางส่วน ทำหญิงสาวบอบบาง ผู้มีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเป็นช่วงเวลาอย่างฉู่ฟางอิ๋งแทบหายใจไม่ออก ใบหน้างามเริ่มซีดเป็นไก่ต้มยกมือกุมหน้าอกคล้ายจะเป็นลม พระชายาฉีอ๋องผู้ใจกว้างดั่งมหาสมุทร รีบฉวยโอกาสเบี่ยงเบนความสนใจของสามีอารมณ์แปรปรวนอย่างแนบเนียน “ตายแล้ว คุณหนูฉู่ ทำไมหน้าซีดขนาดนี้ล่ะ ท่านหน้ามืดอีกแล้วหรือ หานเย่! บอกให้สาวใช้ของคุณหนูฉู่เข้ามาด้านในหน่อย คุณหนูฉู่ตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอท่านอ๋องจนลมจับแน่ะ” “…” เฟิ่งเสวียนจี 0_0! ฉู่ฟางอิ๋ง หลังจากจิกกัดคู่สร้างคู่สมไปคนละคำ มู่ซูซินรีบกุลีกุจอหยิบยาดมสมุนไพรขึ้นมาจ่อจมูกตนเอง สูดกลิ่นเสียงดัง ฟื้ดดดด ไม่ส่งให้ฉู่ฟางอิ๋งทันที “ข้าดมให้ดูก่อนว่าไม่มีพิษ เพื่อความบริสุทธิ์ใจ” เกิดมีคนตั้งใจใส่ร้ายว่าถูกพิษจากยาดมของนาง จะได้มีคำแก้ต่างรวมทั้งพยานตัวโตข้างๆมายืนยัน เสี่ยวจู สาวใช้ของฉู่ฟางอิ๋งก้าวเข้ามาด้านในรถม้าพอดี มู่ซูซินจึงส่งยาดมให้ “เอาให้คุณหนูของเจ้าดม อาการหน้ามืดจะได้ดีขึ้น” สาวใช้กล่าวขอบคุณพระชายาฉีอ๋อง รีบนั่งลงจ่อยาดมให้เจ้านายด้วยความเป็นห่ว

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 10/2

    ทุกคนในห้องหันขวับมองเฟิ่งเสวียนจีเป็นตาเดียว แม้แต่ลี่มี่ที่กำลังปล่อยให้หยางซื่อเกาพุงยังรีบลุกขึ้นมาจ้องชายหนุ่มด้วยอีกตัว มู่ซูซินเอียงหน้ามองเขาตาค้าง เพียงแค่ระยะเวลาสองสามวันฉีอ๋องทำนางตกตะลึง ประหลาดใจ แปลกใจ สติหลุดและอีกหลากหลายอารมณ์ไปไม่รู้จักกี่ครั้งแล้ว “ทรงถามความคิดเห็นของหม่อมฉัน?” ตำหนักก็ของเขาจะมาถามความเห็นนางทำไม “อืม มู่เหยียนเป็นน้องชายของพระชายา เปิ่นหวางจึงให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจ” คนฟังแทบไม่เชื่อหูตนเอง ฉีอ๋องเพิ่งบอกว่าให้นางเป็นคนตัดสินใจ จริงดิ! อารมณ์สามีให้เกียรติภรรยาว่างั้น แต่ไม่ดีกว่า บุรุษตรงหน้ายิ่งหาความแน่นอนทางอารมณ์ไม่ได้ ขอกลับไปทำข้อตกลงกับเขาให้เรียบร้อยก่อน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของน้องชาย ตรองได้ดังนั้นมู่ซูซินจึงหันไปพูดกับมู่เหยียนแทน “เสี่ยวเหยียน พี่ใหญ่ขอกลับไปหารือกับท่านอ๋องก่อนนะ ได้คำตอบอย่างไรพี่ใหญ่จะส่งคนมาบอก” มู่เหยียนเป็นเด็กฉลาดรู้ความ เขาไม่งอแงเอาแต่ใจ หากพี่สาวขอหารือกับพี่เขยก่อนเขาก็ไม่มีปัญหา ผ่านไปพักหนึ่งเฟิ่งเสวียนจีจึงชวนชายากลับ มู่ซูซินร่ำลาครอบครัว รับลี่มี่มาจากอ้อมแขนของมู่เหยียน ที่เพิ่งก

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 10/1 ทรงถามความคิดเห็นของหม่อมฉัน?

    ลี่มี่ได้ยินเสียงในความคิดของเฟิ่งเสวียนจี มันเงยหน้าจ้องตามู่ซูซินคล้ายสื่อสารบางอย่าง หญิงสาวหน้าตาเลิ่กลั่ก ก้มกระซิบกับแมวของตน “เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือลี่มี่” เมี้ยว ลี่มี่ส่งเสียงหวานตอบรับ พร้อมหรี่ตามองนางทาสของมันด้วยสายตาจับผิด และนี่คือความลับอีกหนึ่งเรื่องของมู่ซูซิน ลี่มี่หาใช่แมวปกติ แต่เป็นแมวพิเศษที่ยมทูตมอบให้นางตอนอายุครบสิบปี หลังมื้อกลางวันที่จวนตระกูลมู่ พ่อตากับลูกเขยสูงศักดิ์ก็พากันไปเดินหมาก ร่วมกับการเสวนาเรื่องอาชากันอย่างถูกคอ ปล่อยให้มู่ซูซินได้ใช้เวลากับคนที่เหลือในครอบครัว องครักษ์สองหานลอบพยักหน้าให้กันอย่างโล่งอก ในชีวิตของฉีอ๋องนอกจากอาชาและการทำศึก…หมากล้อม อาหารและสุรารสเลิศ คือสิ่งที่ทรงโปรดปราน นับว่าคนตระกูลมู่มาถูกทางเลยทีเดียว ภายในเรือนส่วนตัวของหยางซื่อ เมื่อประตูของเรือนปิดลง ลี่อิ่ง ลี่เจิน รวมถึงองครักษ์ตระกูลหยาง หรือพูดให้ถูกว่าองครักษ์ของหอเหว่ยตี้ได้เข้าประจำที่ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเข้าใกล้เรือน ขณะที่นายใหญ่และนายน้อยของหอเหว่ยตี้กำลังหารือเรื่องสำคัญ “ซินเอ๋อร์ เรื่องที่ลูกสงสัย คนของเราสืบมาได้ว่า พ่อลูกตระกูลฉู่แอบติด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status