Home / รักโบราณ / เพียงนางที่ข้าจะรัก / บทที่ 1 ดีใจจนไข้ขึ้นสูง ตอนปลาย

Share

บทที่ 1 ดีใจจนไข้ขึ้นสูง ตอนปลาย

last update Huling Na-update: 2025-10-05 21:57:28

สายสืบหนุ่มรีบกลับมายังที่พัก เร่งเขียนจดหมายทันที พิราบสื่อสารตัวเดิมเริ่มมองหน้าเจ้านายด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนัก ทำนองว่า…จะขยันส่งจดหมายอะไรกันนักหนา มันบินไปกลับระหว่างเมืองหลวงกับเมืองตงเฉิงจนปีกจะหักอยู่แล้วเนี่ย! เสร็จงานเมื่อไหร่มันจะลาพักร้อน!

ทันทีที่นกพิราบหน้าเดิม บินมาเกาะคอนหน้าห้องทรงอักษร ซ่งเฉินซีรีบปรี่ไปแย่งจดหมายมาจากมือของหานเย่ ก่อนที่องครักษ์หนุ่มจะนำไปมอบให้เจ้านายของตน

และเมื่ออ่านข้อความในจดหมายจบ กุนซือหนุ่มถึงขั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เฮ้อ ข้าล่ะเห็นใจในชะตากรรมของคุณหนูมู่จริงๆ ดูท่าว่าท่านอ๋องคงจะเป็นดาวพิฆาตของนางโดยกำเนิด เพราะตั้งแต่รู้ว่าต้องแต่งกับท่านอ๋อง นางก็ล้มหมอนนอนเสื่อเป็นว่าเล่น กระหม่อมว่าทรงไม่ต้องลงมือสังหารนางแล้วล่ะพะย่ะค่ะ เห็นทีนางกำลังจะป่วยตายด้วยตนเอง”

“นางเป็นอะไรไปอีกคราวนี้”

“ทรงอ่านดูเอาเองเถิด” มือขาวของซ่งเฉินซีวางจดหมายลงบนโต๊ะทรงงานเจ้าของตำหนัก

หลังได้อ่านข้อความเฟิ่งเสวียนจีคิ้วกระตุก เกิดความลังเลขึ้นมาในจิตใจอย่างที่ไม่เคยเป็นก่อน

‘หรือข้าควรช่วยสงเคราะห์ให้นางตายเร็วขึ้นดี จะได้ไม่ต้องทรมานจากอาการเจ็บป่วย’

อาจเป็นเพราะเขาคิดดังไปหน่อย เลยหลุดแสดงออกทางสายตา ซ่งเฉินซีสังเกตเห็นเข้าพอดี เลยใช้พัดในมือฟาดกับโต๊ะทรงงานที่ทำจากไม้หนานมู่ล้ำค่าเสียงดังพร้อมกล่าวตักเตือน

“ท่านอ๋อง! ไม่ใช่ว่าทรงกำลังคิดจะช่วยสงเคราะห์นางให้ตายเร็วขึ้นหรอกนะพะย่ะค่ะ หากคิดเช่นนั้นอยู่จริงๆ ก็โปรดห้ามความคิดนี้เสีย มิเช่นนั้นกระหม่อมจะนำความไปบอกไทเฮาให้ทรงกลับมาจัดการพระองค์” นี่ไม่ใช่คำขู่แต่เป็นการเตือนสติด้วยความหวังดี

ในแผ่นดินนี้มีเจียงไทเฮาเพียงผู้เดียวที่สามารถกำราบเฟิ่งเสวียนจีอยู่หมัด ด้วยว่าพระนางเป็นผู้เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็ก เจ้าตัวถึงเกรงใจและเคารพรักเสด็จย่าของตน มากกว่าฮ่องเต้หรือฟ่านซูเฟยผู้เป็นน้า

ทว่าเจียงไทเฮาเดินทางไปถือศีลอยู่ที่อารามหลวงได้สามปีแล้ว เฟิ่งเสวียนจีจึงไม่มีใครคอยปรามนับตั้งแต่นั้น

ฮัดชิ้ว! เจียงไทเฮาที่กำลังสวดมนต์ทำสมาธิจามออกมาเสียงดัง

คนที่ถูกเข้าใจว่ากำลังป่วยหนักจนซูบผอมเหลือแต่กระดูก เวลานี้กำลังนั่งรถม้าเดินทางเข้าเมืองหลวง หากมิใช่ในฐานะคุณหนูใหญ่มู่ แต่เป็นร่างสองของนาง ‘นายน้อยแห่งหอเหว่ยตี้’

หอการค้าทรงอิทธิพล ทำหน้าที่จัดหาม้าศึก ยาสำหรับใช้ระหว่างออกรบให้กับกองทัพ รวมถึงใบชาและสมุนไพรชั้นยอดส่งมาขายยังเมืองหลวงและแคว้นพันธมิตร

สินค้าสำคัญที่สร้างชื่อให้หอเหว่ยตี้ จนขึ้นมามีอิทธิพลในแคว้นต้าเฟิ่งคือยาห้ามเลือด ยารักษาบาดแผลฉกรรจ์ และยารักษาโรคร้ายแรงหรือรักษายากอีกหลายชนิด

ส่วนยารักษาโรคทั่วไป หอเหว่ยตี้ไม่ปรุงออกมาขาย เพราะไม่ต้องการแย่งลูกค้าของหอโอสถอื่นๆ นับเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดจนไม่มีใครกล้าออกมาตำหนิ

เพราะจนถึงบัดนี้ ยังไม่มีหอโอสถหรือหมอเก่งๆคนใด สามารถปรุงยาซึ่งมีประสิทธิภาพในการรักษายอดเยี่ยมเท่ากับยาของหอเหว่ยตี้

หอเหว่ยตี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อนทางตอนเหนือของแคว้น ไม่มีใครเคยพบนายใหญ่ของหอมาก่อน มีเพียง นายน้อยเหว่ยซิน ผู้เป็นตัวแทน คอยทำหน้าที่ติดต่อเจรจาการค้าตามเมืองต่างๆ

ในระยะเวลาเพียงสองปีหลังก่อตั้ง หอเหว่ยตี้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในวาณิชหลวงของต้าเฟิ่ง เพราะได้อาชาศึกชั้นยอดและยาที่จำเป็นสำหรับกองทัพ รวมถึงเสบียงจำนวนมากที่หอเหว่ยตี้ขายให้ในราคาต้นทุน

และยังมีบางส่วนที่นายน้อยเหว่ยซิน ช่วยบริจาคเพื่อเป็นการช่วยเหลือแคว้น กองทัพของแคว้นต้าเฟิ่งตามแนวชายแดนจึงแข็งแกร่งขึ้นมากในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปี

บรรดาขุนนางในราชสำนัก หรือแม้แต่ฮ่องเต้เอง ยังต้องไว้หน้าหอเหว่ยตี้อยู่ถึงสามส่วน

แต่ถึงกระนั้น หอเหว่ยตี้ก็ไม่เคยทำตัวสูงส่งหรือใช้อำนาจบาตรใหญ่ ให้เป็นที่ระคายพระเนตรพระกรรณของฮ่องเต้ ทุกสามหรือสี่เดือน นายน้อยเหว่ยซินจะเดินทางมาหลวง เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของหอโอสถเหว่ยตี้และโรงน้ำชาอันเซียง รวมถึงช่วยตรวจสุขภาพพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ม้าศึกของกองทัพในค่ายทหาร ซึ่งมีฉีอ๋องเป็นผู้ควบคุมดูแล

แม้แต่อาชาเหงื่อโลหิตสุดที่รักทั้งสองของเฟิ่งเสวียนจี ก็เป็นนายน้อยของหอเหว่ยตี้นี่แหละที่หามาให้เขา นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มู่ซูซิน พอจะคาดเดาความคิดชั่วร้ายของเฟิ่งเสวียนจีออก เป็นเพราะทั้งคู่เคยพบปะหารือเรื่องงาน หรือแม้กระทั่งเดินหมากกันอยู่หลายหน

รถม้าขนาดกลางดูแข็งแรงและภูมิฐาน เทียมอาชาตัวใหญ่ถึงสองตัวในการลากจูง ข้างตัวรถมีตราสัญลักษณ์ของหอเหว่ยตี้ แล่นผ่านประตูเมืองหลวงหลังได้รับการตรวจสอบตามระเบียบ

ข่าวการมาถึงของนายน้อยแห่งหอเหว่ยตี้ ถูกรายงานไปยังวังหลวงและตำหนักเว่ยจงในเวลาต่อมา

“นายน้อยเหว่ยมาถึงแล้วอย่างนั้นรึ” เฟิ่งเสวียนจีเงยหน้าจากงานที่ทำ เอื้อมหยิบสมุดพับสำหรับเขียนเทียบเชิญ หลังจากเขียนบางอย่างลงไปเสร็จเรียบร้อย ก็มอบให้หานเย่นำไปส่งยังจวนเหว่ยตี้ทันที

ซ่งเฉินซีเหลือบมองสหายด้วยสายตาลุ่มลึก ยากนักที่นะเห็นเฟิ่งเสวียนจีกระตือรือร้นส่งเทียบเชิญ เพื่อขอพบใครสักคนโดยไม่ต้องไตร่ตรองเยี่ยงนี้

“หากมิใช่เพราะกระหม่อมรู้จักท่านอ๋องมาตั้งแต่เยาว์ กระหม่อมอาจเข้าใจผิดและคิดว่า…ทรงเป็นพวกตัดแขนเสื้อ เพราะดูจากท่าทางดีอกดีใจจนปิดไม่มิด เมื่อรู้ว่านายน้อยเหว่ยซินมาถึงเมืองหลวงแล้ว” กุนซือหนุ่มเอ่ยเย้าสหายสูงศักดิ์อย่างไม่กลัวตาย เนื่องจากสังเกตเห็นแววตาวาวโรจน์ด้วยความยินดีอย่างหาได้ยากของเฟิ่งเสวียนจี

”ดูเหมือนว่าท่านกุนซือคงไม่อยากมีลิ้นไว้ใช้แล้วกระมัง ให้ข้าช่วยสงเคราะห์ลากลิ้นของเจ้าออกมาตัดทิ้งดีหรือไม่ หรือข้าควรแจ้งท่านอัครมหาเสนาบดีซ่ง ว่าบุตรชายของเขาเอ่ยวาจาล่วงเกินอ๋องอย่างข้าดี”

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายผุดขึ้นบนดวงพักตร์หล่อเหลา หลังจากเห็นสหายหน้าถอดสีเมื่อเขาเอ่ยถึง อัครมหาเสนาบดีซ่งเถียนเวย ผู้มีฉายาพยัคฆ์เหล็กแห่งท้องพระโรง! ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดเสียยิ่งกว่าราชครู

“หากจะทรงฟ้องท่านพ่อของกระหม่อม เช่นนั้นทรงลากกระหม่อมไปประหารเสียยังดีกว่า” คนปากดีก่อนหน้านี้หูลู่คอตก ทำหน้าเหมือนตนถูกรังแก เดินไปคุกเข่าเกาะขาเฟิ่งเสวียนจีด้วยสายตาออดอ้อนขอความเมตตา

“เฮอะ! ไม่ต้องมาเสแสร้ง” เฟิ่งเสวียนจีสะบัดสหายออกจากขาด้วยความหมั่นไส้

จวนเหว่ยตี้

มู่ซูซินรับเทียบเชิญของฉีอ๋องมาเปิดอ่านอย่างคุ้นเคย

‘เชิญไปรับมื้อกลางวันที่ตำหนักในวันมะรืนเพื่อหารือธุระสำคัญ ชิ!’ รอยยิ้มหยันพลันปรากฏในแววตาภายใต้หน้ากากสีเงิน

******************

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~4

    เย่เฟิงคล้ายเห็นแสงสว่างที่ปลายทาง รีบพยักหน้ารับด้วยความมั่นใจ ผู้ช่วยแม่ครัวจึงคลายมือออก ปล่อยให้ชายหนุ่มเริ่มนวดแป้งด้วยตนเอง ในขณะที่มือก็กำลังนวดแป้ง ในหัวก็จินตนาการไปว่า ตนกำลังนวดต้นขานุ่มๆของลี่เจินไปด้วย และอาจเป็นเพราะตั้งใจมากไปนิดเลยเผลอคิดดังไปหน่อย ”ขาของเจ้าช่างนุ่มนวลเหลือเกินเจินเอ๋อร์“ ”…“ ทั้งแม่ครัวและผู้ช่วยคิ้วกระตุกยิกๆ พ่อหนุ่มองครักษ์กำลังสิ่งใดอยู่กันแน่!!! จากแป้งสีขาวนวลเวลานี้กลายเป็นก้อนแป้งสีชมพูเข้ม เพราะชายหนุ่มใส่ผงกุหลาบหนักมือไปนิด แต่ไม่เป็นไรแม่ครัวบอกกับเขาอย่างนั้น คราวหน้าค่อยลดปริมาณลง ถึงตอนนี้ แป้งพร้อม ไส้พร้อม ในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนการห่อก่อนกดใส่พิมพ์ขนม ผู้ช่วยแสดงวิธีนวดแป้งทั้งสองสีให้กลายเป็นก้อนเดียว รวมไปถึงวิธีแผ่แป้งและห่อไส้ ก่อนนำไปกดใส่พิมพ์ขนมบัวหิมะ “น่ากินมากเลยขอรับ” เอ่ยชื่นชมจบก็ลงมือทำเองบ้าง เพียงแต่… “ทำไมมันยากเย็นอย่างนี้เนี่ย! ทำไมข้าห่อแล้วแป้งถึงแตกไส้ทะลัก ไม่เห็นเรียบเนียนเหมือนของท่านป้าเลย” “…” ผู้ช่วยแม่ครัว ข้าควรเวทนาคนหรือสงสารขนมดีเนี่ย “แรกก็เป็นแบบนี้แหละ ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็ชำนาญขึ้

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~3

    ไม่ใช่เพียงแค่หานจิ้งที่เดินหน้าเกี้ยวพานลี่อิ่งอย่างเปิดเผย แม้แต่องครักษ์เงาขั้นหนึ่งอย่างเย่เฟิง ก็ขอฉีอ๋องย้ายตำแหน่งงานมาเป็นองครักษ์ขั้นหนึ่งของพระชายามู่ซูซินแทน เหตุผลหลักคือเขาทำงานให้พระชายาจนคุ้นเคยไปแล้ว ส่วนเหตุผลรองคือหัวใจของเขาเฝ้าติดตามลี่เจินไปแล้วนั่นเอง เรียกกลับมาเท่าไหร่หัวใจเจ้ากรรมก็ไม่ยอมเชื่อฟัง เย่เฟิงเลยตั้งปณิธานว่า เขาจะไม่ยอมแพ้องครักษ์รุ่นน้องอย่างหานจิ้งเด็ดขาด ชีวิตนี้เขาต้องได้แต่งลี่เจินเป็นภรรยาผูกผม! หากทำไม่ได้ก่อนอายุสามสิบ เย่เฟิงจะไปออกบวชมันให้มันรู้แล้วรู้รอด! ครัวหลักของตำหนักเว่ยจง แม่ครัวฝ่ายขนมหวานมุมปากกระตุกยิกๆ ขณะยืนมององครักษ์ของพระชายากวนแป้งทำขนมบัวหิมะกุหลาบ “เอ่อ ท่านองครักษ์เจ้าคะ กวนแป้งไม่ต้องออกแรงขนาดนั้นก็ได้เจ้าค่ะ ค่อยๆทำไป ท่านเล่นกวนแรงและเร็วแบบนี้ แป้งมันก็กระเด็นออกจากกระทะหมดสิเจ้าคะ แล้วจะเหลือให้กินไหมเนี่ย! โอย ข้าจะเป็นลม” พูดจบก็ยกยาดมขึ้นมาสูดเข้าปอดดัง ฟื้ด... บรรดาสาวใช้ในโรงครัวยกมือป้องปากหัวเราะคิกคักด้วยความเอ็นดูในตัวเย่เฟิง คาดไม่ถึงว่าองครักษ์หน้าเข้มผู้นี้ จะยอมลงทุนมาเรียน

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~2

    กร๊ากกกก เสียงหลุดขำของหานเย่ลอยมาตามลม องครักษ์หนุ่มนึกภาพยวนยางบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นที่สหายรักนั่งปักมาทั้งคืน ซึ่งมองอย่างไรก็เหมือนลูกเจี๊ยบหัวโตผิดขนาดสองตัวหันหน้าแยกเขี้ยวใส่กัน หานจิ้งสูดหายใจยาวอยากตามไปบีบคอสหายรักใจแทบขาด แต่พอนึกถึงภาพปักบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเขาก็มิอาจถือโทษที่หานเย่หลุดขำออกมา เหวินกงกงพอมีฝีมือด้านการเย็บปักถักร้อยอยู่บ้าง เดินมาขอดูผ้าเช็ดหน้าผืนดังกล่าว พอได้เห็นสภาพก็ถึงกับหน้ากระตุก ไม่เพียงแค่ลายปักจะอดสู แต่การมีหยดเลือดติดเป็นหย่อมๆนี่มันคืออะไร?! โอย ขันทีอย่างเขาหมดคำจะกล่าว ”เดี๋ยวตอนบ่ายเจ้าไปหาข้าที่เรือน ข้าจะช่วยแนะนำวิธีปักผ้าที่เริ่มจากลายง่ายๆไปก่อน ว่าแต่ลายนี้คือ เอ่อ เจ้าปักลายอะไรรึอาจิ้ง” เขามองไม่ออกจริงๆ “ลายยวนยางขอรับท่านกงกง” หานจิ้งตอบกลับมาเสียงอ่อย “…” เหวินกงกง เวรกรรมที่แท้คือยวนยางหรอกรึ ทีแรกนึกว่าปีศาจลูกเจี๊ยบ เหวินกงกงรู้สึกผิดขึ้นมาจับจิตที่มองลายบนผ้าเช็ดหน้าผิดไปมาก เลยยกมือตบบ่าหานจิ้งเบาๆเป็นการปลอบใจ ‘ข้าขอโทษนะอาจิ้งที่เข้าใจผิด’ หลังกินข้าวกลางวันเสร็จเรียบร้อย หานจิ้งก็ตามไปที่เรือนขอ

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~1

    ตำหนักเว่ยจง หลังผ่านเหตุการณ์สำคัญเรื่องกบฏเยี่ยนอ๋องมาได้ เจ้าของตำหนักก็เลิกปิดกั้นความรู้สึกตัวเองและหันมาสนทนากับคนรอบตัวมากขึ้น กระทั่งเอ่ยปากถามไถ่ความเป็นอยู่ของบ่าวไพร่ในตำหนักด้วยตนเอง ทั้งที่เมื่อก่อนฉีอ๋องไม่เคยสนใจเรื่องบ่าวไพร่ในตำหนักเลยสักนิด ปล่อยให้เหวินกงกงดูแลจัดการธุระในส่วนนี้แทน จนเมื่อพระชายามู่ซูซินถามสามีว่า เขาทราบหรือไม่ว่าบ่าวไพร่ในตำหนักมีกี่คน “…” เฟิ่งเสวียนจี นั่นสินะเขาไม่เคยนับจริงๆด้วย หลายวันต่อมา บ่าวไพร่ของแต่ละเรือนแต่ละฝ่าย ได้ถูกเรียกมาพบเพื่อแนะนำตัวกับฉีอ๋องอย่างเป็นทางการ เจ้าของตำหนักถึงประจักษ์ว่า เขามีบ่าวไพร่ทั้งหมดเกือบร้อยชีวิตทำงานอยู่ในตำหนักเว่ยจง!! ทั้งที่จำนวนคนก็มากขนาดนี้ แต่เหตุไฉนตำหนักของเขาถึงได้ดูวังเวงนัก ไม่เข้าใจเลยจริงๆ นั่นเป็นเพราะเจ้าตัวลืมไปว่า ตำหนักของตนกว้างใหญ่ขนาดไหน อันที่จริงสมควรมีบ่าวไพร่มากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่เพราะเหวินกงกงรู้ใจนายเหนือหัว เรื่องที่ไม่ชอบให้มีคนวุ่นวายในตำหนักมากจนเกินไป ถึงได้จ้างบ่าวไพร่ในจำนวนเท่าที่จำเป็น ไม่ได้จ้างไว้ประดับบารมีเหมือนเชื้อพระวงศ์ตำหนักอื่นๆ ที่ค

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ ความฝันบอกเหตุ ตอนปลาย

    เมืองตงเฉิง จวนเจ้าเมือง เรือนไฉอวี้ ค่ำคืนเดียวกันกับที่ฉีอ๋องฝันถึงงูขาวตัวหอม หญิงสาวรูปร่างหน้าตางดงามราวปีศาจจิ้งจอกจำแลง วางตำราสมุนไพรในมือลงก่อนขยับตัวไปดับตะเกียงข้างหัวเตียงเพื่อเข้านอน “ราตรีสวัสดิ์ลี่มี่ ขอให้นอนหลับฝันดีนะ” เสียงหวานบอกแมวสาวตัวอวบในอ้อมกอดจูบเหม่งมันไปหนึ่งที จากนั้นจึงหลับตาลง เมี้ยว… “ฝันดีซินเอ๋อร์ “ ลี่มี่แลบลิ้นเลียแก้มใสของนางทาสไปหนึ่งทีเพื่อเป็นการแสดงความรัก ผ่านไปไม่นานจังหวะหายใจของมู่ซูซินก็สม่ำเสมอ แสดงถึงว่านางเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ลี่มี่ลืมตาโพลงในความมืด ขยับตัวออกจากอ้อมกอดของหญิงสาว เดินไปนั่งบนกรอบหน้าต่างเงยหน้ามองดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ “หิวจัง อยากกินขนมไหว้พระจันทร์ไส้คัสตาร์ดไข่เค็ม พรุ่งนี้ขอให้ซินเอ๋อร์ทำให้กินดีกว่า” ในขณะที่ลี่มี่กำลังนึกถึงขนมไหว้พระจันทร์อยู่นั้น มู่ซูซินก็กำลังเข้าสู่ห้วงฝันอันแปลกประหลาด นางกำลังยืนอยู่กลางทุ่งลาเวนเดอร์ขนาดใหญ่ เหมือนที่เคยไปเที่ยวมาเมื่อชาติที่แล้ว บนท้องฟ้าสีครามสดใส ก้อนเมฆสีขาวปุกปุยรูปร่างมองไปแล้วเหมือนหัวใจดวงเล็กๆ ลอยเต็มท้องฟ้า แสงแดดอบอุ่นอาบไล้ผิวขาวเนียนละออของนาง มู่

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ ความฝันบอกเหตุ ตอนต้น

    แดนเหนือ ค่ายพยัคฆ์อหังการ ในที่สุดการต่อสู้อันยาวนานระหว่างแคว้นต้าเฟิ่ง กับชนเผ่านอกด่านทั้งหมดของแดนเหนือได้สิ้นสุดลง ความเสียหายที่ทั้งสองฝ่ายต้องเผชิญ หนักหนาสาหัสไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทว่าผู้ที่กำชัยชนะในสงครามใหญ่ครั้งนี้คือแคว้นต้าเฟิ่ง ซึ่งมีฉีอ๋อง เฟิ่งเสวียนจีเป็นผู้นำทัพ หลังเสร็จศึกได้ครึ่งเดือน ในขณะที่ฉีอ๋องกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ในกระโจมบัญชาการ ของค่ายพยัคฆ์อหังการในคืนพระจันทร์เต็มดวง จู่ๆ บรรยากาศโดยรอบพลันหยุดนิ่ง เฟิ่งเสวียนจีคล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นฉุดกระชากอย่างแรง จากที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงในยามค่ำคืน บัดนี้ตัวเขายืนอยู่กลางทุ่งสมุนไพรกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าสีครามสะอาดสดใส มีปุยเมฆสีขาวลอยอยู่ประปราย แสงแดดสีทองอบอุ่นโลมไล้ผิวกาย กลิ่นหอมเย็นสดชื่นเฉพาะตัวของสมุนไพร ช่วยให้ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เรือนกายสูงหันมองไปรอบๆ สายตาก็ประสบเข้ากับต้นอู๋ถงต้นใหญ่ บริเวณใต้ต้นมีแคร่ไม้ไผ่ตั้งอยู่ ร่างสูงตัดสินใจเดินไปที่นั่นหย่อนตัวลงบนแคร่ ตั้งใจว่าจะนอนเล่นที่นี่สักพักเพื่อซึมซับความรู้สึกอันแสนจะรื่นรมย์นี้ เขาใช้แขนของตนแทนหมอน

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status