Share

บทนำ 1/2

last update Last Updated: 2025-10-05 21:56:50

หากเป็นอย่างที่คิดจริงนั่นก็หมายความว่า นางกำลังงานเข้า!!!

ขณะกำลังจมอยู่กับความคิดเรื่องของฉีอ๋อง เสียงของบิดาก็ช่วยดึงสติของมู่ซูซินกลับมาเมื่อชุนกงกงอ่านราชโองการจบ

“ซินเอ๋อร์ รีบขอบพระทัยฝ่าบาทเร็วเข้า” ก่อนหันไปยิ้มแห้งให้ชุนกงกง “ลูกสาวข้าคงตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรน่ะขอรับ ขอชุนกงกงโปรดอย่าได้ถือสา”

มู่ซูซินเงยหน้าขึ้นมากะพริบตาปริบๆ ดวงตากลมโตใสซื่อสั่นระริกดูไร้พิษภัย ทว่าความคิดในหัวของนางเวลานี้…

‘เฮอะ! ขอบพระทัยกับผีน่ะสิ นี่เท่ากับส่งข้าไปตายชัดๆฮ่องเต้สุนัขเอ้ย! ขอให้เจ้าเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ขอให้เป็นริดสีดวง ขอให้พบเจอเจ้หงส์แล้วถอนตัวไม่ขึ้น ขอให้…ฉอดๆๆๆ!”

หลังจากก่นด่าสาปแช่งฮ่องเต้ฮุ่ยจงจนพอใจนางจึงขยับมาด้านหน้า กล่าวขอบพระทัยฮ่องเต้ตามธรรมเนียมปฏิบัติ รับม้วนผ้าสีทองมาถือด้วยมือสั่นเทาราวจับต้องของร้อน

คราวนี้ชุนกงกงมองนางด้วยสายตาเวทนา ท่าทางขลาดเขลาแบบนี้จะทนฉีอ๋องผู้น่ากลัวราวมารร้ายได้สักกี่วัน โชคชะตาช่างโหดร้ายกับนางเสียจริง

ทันทีที่ขบวนของชุนกงกงก้าวขาออกไปจากจวนเจ้าเมือง ท่าทางขลาดเขลาของมู่ซูซินแปรเปลี่ยนเป็นสุขุมเยือกเย็น เอ่ยปากขอให้มารดาเดินไปส่งนางที่เรือน เพราะมีเรื่องสำคัญต้องหารือ

เมื่อประตูปิดลงสาวใช้ผู้ภักดีทั้งสองยืนคุมเชิงหน้าห้องไม่ให้ใครเข้าใกล้ มู่ซูซินเข้าเรื่องสำคัญทันที

“ท่านแม่ คนอย่างฉีอ๋องไม่มีวันยอมให้สมรสพระราชทานเกิดขึ้นเป็นแน่ ลูกพูดเช่นนี้ท่านคงเข้าใจความหมายนะเจ้าคะ“

หยางหย่าถิง มารดาของมู่ซูซินหน้าถอดสี เลือดในกายเย็นเยียบขึ้นมากะทันหัน หากการคาดเดานี้ถูกต้อง นั่นก็หมายความว่าบุตรสาวของนางกำลังตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง

“แม่ไม่ยอมให้เกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าเด็ดขาด ว่าแต่เจ้ามีแผนรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร” ถึงแม้จะวิตกเรื่องของบุตรสาวจนแทบเข่าทรุด ทว่าหยางซื่อ* กลับมิได้แสดงอาการหวาดกลัวหรือหวั่นวิตกจนเกินเหตุ นางมั่นใจว่าบุตรสาวต้องหาทางหนีทีไล่ได้อย่างแน่นอน

“แผนรับมือที่ลูกเตรียมไว้คือ…” มู่ซูซินสวมกอดมารดากระซิบบอกแผนการที่คิดไว้

“ได้ แม่จะรีบให้คนไปจัดการ ว่าแต่เจ้าจะออกเดินทางไปหาท่านตาพรุ่งนี้เลยหรือ”

“เจ้าค่ะท่านแม่ เรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้จะประวิงเวลาไม่ได้ ทางนั้นคงไม่ยอมปล่อยให้ลูกมีชีวิตอยู่ไปจนถึงวันอภิเษกแน่”

ฉายาทรราชของฉีอ๋องเป็นบทพิสูจน์อย่างดีหากเจ้าตัวไม่ชั่วร้ายพอ มีหรือที่คนจะกล้าเรียกเขาแบบนั้น นางมั่นใจเต็มสิบส่วนว่าบุรุษผู้มีอำนาจล้นหลามอยู่ในมือ สามารถปิดแผ่นฟ้าด้วยมือเดียวผู้นี้ ไม่มีทางที่จะยอมให้ฮ่องเต้ บังคับให้เขาแต่งงานกับสตรีที่มิอาจสนับสนุน หรือเพิ่มพูนฐานอำนาจให้เขาได้สำเร็จหนทางเดียวที่ยุติสมรสพระราชทานได้นี้ นั่นคือว่าที่เจ้าสาวต้องไม่มีชีวิตอยู่ก่อนถึงวันอภิเษก

แต่เผอิญว่า…ว่าที่เจ้าสาวอย่างนางดันเป็นคนรักตัวกลัวอย่างถึงที่สุดเสียด้วยสิ นางอุตส่าห์ได้โอกาสมาเกิดใหม่ทั้งทีมีหรือจะยอมตายง่ายๆโดยไร้เหตุผลเหมือนชาติที่แล้ว พอนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรมู่ซูซินอารมณ์ขึ้นทุกที

เรื่องมีอยู่ว่า…

สิบแปดปีก่อน มู่ซูซินหรือ ลิลลี่ สาวไทยเชื้อสายจีนสิ้นใจคาคอนโด ขณะกำลังสะสางงานชิ้นสุดท้ายให้เสร็จก่อนลาพักร้อนตามที่เจ้านายอนุมัติ

แต่ใครจะเชื่อว่าสาเหตุการเสียชีวิตของเธอที่แท้จริง เกิดขึ้นเพราะยมทูตมือใหม่ดันทำงานผิดพลาด ไปคว้าวิญญาณมาผิดดวง! คนที่สมควรสิ้นใจในวันนั้นคือคุณยาย ลิลลี่ วัยแปดสิบที่พักอยู่ชั้นล่างนู่น ไม่ใช่เธอ! และกว่าจะรู้ว่าตนทำงานผิดพลาดร่างของลิลลี่ก็ถูกเผาไปแล้ว

เวรกรรมจริงๆ! ไม่รู้จะหาคำใดมากล่าว…

ลิลลี่ผู้หมดบุญก่อนเวลา เลยถูกส่งมาเกิดใหม่เป็นทารกพร้อมความทรงจำและความสามารถทุกอย่างที่มีจากชาติที่แล้ว

ไม่เพียงเท่านั้นยมทูตมือใหม่ยังมอบความสามารถที่จำเป็น สำหรับใช้ในการเอาตัวรอดของภพนี้ให้เธอจนครบ รวมถึงน้ำวิเศษซึ่งไม่มีวันหมดให้อีกหนึ่งขวด

ยมทูตคนเดิมนำมามอบให้เมื่อเธอมีอายุครบห้าปี เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ตนทำงานผิดพลาด

อันที่จริงนางอยากได้มิติ แต่ยมทูตมือใหม่ไม่มีให้ เพราะผู้ที่จะสามารถเนรมิตมิติให้กับนางได้นั้น เผอิญว่าลาพักร้อนพอดิบพอดี กว่าจะกลับมาทำงานก็อีกยาว

มู่ซูซินหรือลิลลี่ในเวลานั้นหมดคำจะกล่าว จำต้องยอมรับน้ำวิเศษที่สามารถรักษาโรคและถอนพิษได้ครอบจักรวาล ไว้แทนกระเช้ากราบขออภัยจากยมทูตมือใหม่โดยปริยาย

กลับมาที่เวลาปัจจุบัน

หลังมื้อเย็น มู่ซูซินบอกกล่าวสมาชิกครอบครัวที่เหลือ เรื่องที่ตนจะเดินทางไปหาท่านตาที่ไร่สมุนไพรในเมืองชิงหลิน ทุกคนพยักหน้ารับอย่างรู้กัน

“เสี่ยวเหยียน ระหว่างที่พี่ใหญ่ไม่อยู่อย่าลืมศึกษาตำราที่ให้ไว้อย่างเคร่งครัด ทักษะการต่อสู้หรือขี่ม้าอย่าหย่อนยาน เข้าใจหรือไม่”

“พี่ใหญ่ไว้ใจข้าได้ เสี่ยวเหยียนคนนี้จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างเด็ดขาด!” เด็กชายยืดอกรับคำพี่สาวเป็นมั่นเหมาะ เขาต้องขยันและผ่านการทดสอบให้จงได้! ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำมิฉะนั้นมารดาคงหวดเขาก้นลาย!

“ดีมาก” เอ่ยชมน้องชายเสร็จ ก็หันไปอุ้มแมวสุดที่รักจากสาวใช้มาวางบนตัก

“ลี่มี่ได้ยินแล้วนะ พวกเราต้องออกไปผจญภัยกันสักเล็กน้อย ดีใจรึเปล่า”

เมี้ยววว ลี่มี่ตอบรับเสียงหวานตั้งตารอที่จะได้ออกไปเที่ยว

เช้าวันรุ่งขึ้น

เสร็จจากการรับมื้อเช้าด้วยกัน มู่เทียนและหยางซื่อเดินนำบุตรสาวไปยังคอกม้าท้ายจวน ทำท่าเหมือนมาดูลูกม้าตัวใหม่ ก่อนหลบเข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์ขี่ม้า ทั้งคู่เปิดประตูลับให้มู่ซูซิน คนเป็นพ่อขอบตารื้นน้ำ ยกมือสั่นเทาลูบหัวทุยของบุตรสาวด้วยความอาทร

“ดูแลตัวเองดีๆนะลูก ฮึก ถ้าไม่จำเป็นก็…อย่าสังหารคนเยอะนัก มันบาป”

(*_*”) มู่ซูซินถึงกับเงิบ ตกลงว่าท่านพ่อเป็นห่วงนางหรือห่วงว่านางจะไปสังหารคนอื่นกันแน่เจ้าคะ!

พรืดดด หยางซื่อหลุดขำ สามีของนางช่างเป็นคนอ่อนโยนเสียจริง!

“ท่านพี่ล่ะก็ ซินเอ๋อร์แค่กลับไปทำงาน ไม่ได้ไปยกพวกตีกับใครเสียหน่อย อย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ”

มู่เทียนลอบถอนหายใจ หากฮ่องเต้ทราบความจริงว่า บุตรสาวของเขาหาใช่คุณหนูในห้องหอทั่วไปอย่างที่ทรงเข้าใจ ไม่รู้ว่ายังจะกล้ามอบสมรสพระราชทานให้อยู่อีกรึเปล่า

*******************

*ซื่อ : คำเรียกสตรีที่ออกเรือนแล้วตามหลังแซ่เดิม เช่น หยางหย่าถิง = หยางซื่อ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 12/2

    ในระหว่างที่มู่ซูซินเดินไปคอกม้า บ่าวรับใช้ก็กำลังยกฟูกที่นำมาจากเรือนอู่ถง เข้าไปเปลี่ยนในห้องนอนของฉีอ๋องอย่างระมัดระวัง ตามคำสั่งของเหวินกงกง เจ้าของตำหนักเองก็เพิ่งหารือกับกุนซือของตนเสร็จ ทั้งสองเดินไปยังเรือนของเฟิ่งเสวียนจี เพื่อรับมื้อกลางวันที่นั่น ได้ทันเห็นเหวินกงกงยืนคุมบ่าวชาย กำลังย้ายฟูกออกมาจากเรือนของตนพอดี วรกายสูงเดินแยกจากสหาย ตรงเข้าไปถามไถ่ด้วยความฉงน “เหวินกงกง ท่านกำลังทำอะไร ยกฟูกออกมาจากเรือนนอนของข้าทำไม” ครั้นได้ยินเสียงของนายเหนือหัว เหวินกงกงรีบหมุนตัวกลับมา จีบปากจีบคอรายงานด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เรียนท่านอ๋อง พระชายาขอให้กระหม่อม นำฟูกที่เรือนอู่ถงมาเปลี่ยนให้ท่านอ๋องพะย่ะค่ะ จะได้ทรงนอนหลับสบายยามค่ำคืน ไม่ต้องลำบากเสด็จไปอาศัยนอนที่เรือนอู่ถง” เฟิ่งเสวียนจีนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก คาดไม่ถึงว่ามู่ซูซินจะกล้าสั่งให้เหวินกงกงยกฟูกมาเปลี่ยนให้เขา พรืดด ซ่งเฉินซีได้ยินคำบอกเล่าของเหวินกงกงก็หลุดขำ ชี้พัดจีบในมือชี้ไปที่เฟิ่งเสวียนจีพร้อมทำหน้าตาล้อเลียน “กระหม่อมเพิ่งรู้ว่าที่แท้ท่านอ๋องเป็นคนนอนยาก ฮ่าๆๆ กระหม่อมชักอยากพบหน้าพระชายามู่ขึ้นมาเสียแล้ว

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 12/1 ไม่เอาปลาแล้วเจ้าจะเอาอะไร

    มู่ซูซินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อรู้ว่าลี่มี่ยังปลอดภัยดีไม่ได้ถูกเฟิ่งเสวียนจีจัดการอย่างที่เคยขู่นางไว้ เพียงแต่ข้องใจว่าไฉนลี่มี่ถึงได้ยอมให้คนตัวโต แอบมานอนบนเตียงแทนที่มันได้อย่างง่ายดาย ดวงตาคู่สวยมองมายังร่างแกร่งที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ นอนยิ้มกริ่มหน้าตาสดใสประหนึ่งได้นอนหลับสนิทแปดชั่วโมงขั้นต่ำ “ชายารักมองสามีจริงจังแบบนี้ กำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่รึเปล่า” พูดจบก็ขยับนอนตะแคงพิงแขน สาบเสื้อนอนเจ้ากรรมแหวกออกจนเห็นแผ่นอกแกร่งกับหน้าท้องเป็นลอนขาวจั๊วะยั่วยวนสายตาคนมองแต่เช้า “…” มู่ซูซิน เรียกแทนตัวเองว่าสามีด้วย กรี๊ดดด อารมณ์ไหนแต่เช้าเนี่ย ตามไม่ทันโว้ย!! พร้อมกับลอบกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ “ท่านอ๋อง เหตุใดถึงมานอนที่นี่ได้เพคะ ทรงเมาแล้วเดินละเมอมาหรือ” รีบเอาข้อเรื่องเมาขึ้นมาดักคอ นางอยากรู้นักว่าเขาจะแก้ตัวยังไง “ฟูกที่เรือนนี้นอนสบายกว่าฟูกที่เรือนของเปิ่นหวาง” ง่ายๆได้ใจความ แต่ทำคนฟังหน้าเหวอไปอีกรอบ รับสั่งจบก็ลุกออกจากเตียงเพื่อไปล้างหน้าล้างตา ปล่อยให้มู่ซูซินนั่งอ้าปากค้างมองตามแผ่นหลังกว้างตาแป๋ว พูดอะไรไม่ออกไปโดยปริยาย พฤติกรรมของมนุษย์ทั้งสองสร้างความขบ

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 11/2

    
 แผนการมาดักรอพบฉีอ๋องในวันนี้นับว่าไม่สูญเปล่า นอกจากฝ่ายชายจะยอมให้นางอาศัยรถม้า เขายังทิ้งพระชายาที่เพิ่งอภิเษกได้เพียงไม่กี่วันให้กลับตำหนักเว่ยจงไปคนเดียว แล้วเลือกมากินมื้อเย็นกับนางที่นี่แทน ฉู่ฟางอิ๋งรู้สึกราวกับตนเป็นผู้ชนะ “คุณหนูฉู่อิ่มแล้วหรือ เปิ่นหวางเห็นเจ้ากินไปเพียงไม่กี่คำเท่านั้น ไม่กินอีกสักหน่อยเล่า เจ้าดูเหมือนซูบผอมไปนะ” เขาพูดไปตามที่เห็นเมื่อเดือนก่อนนางยังดูมีเนื้อหนังมากกว่านี้ ภายในใจของฉู่ฟางอิ๋งลิงโลด แผนอดข้าวอดน้ำมาระยะหนึ่ง จนทำให้ร่างกายซูบผอมลงเหมือนคนตรอมใจถือว่าไม่เหนื่อยเปล่า ฉีอ๋องสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้จริงๆ “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงห่วงใย อิงเอ๋อร์อิ่มแล้วเพคะ คงเป็นเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยอยากอาหารเท่าใดนัก” “เจ้าซูบผอมแบบนี้ใต้เท้าฉู่ไม่เป็นห่วงแย่หรือ” ฉู่ฟางอิ๋งเม้มปาก สีหน้าเผยถึงความน้อยใจยามนึกถึงบิดา “ช่วงนี้ท่านพ่อถ้าไม่อยู่ที่ทำงาน ก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้องหนังสือหลังกลับมาจากในวัง กระทั่งข้าวปลาก็ไม่ออกมากิน พ่อบ้านต้องยกไปให้ที่นั่น มีบางวันที่ออกไปกับพี่ใหญ่จนมืดค่ำถึงกลับจวน อิ๋งเอ๋อร์กับท่านแม่แทบจะไม่ได้เห็นหน้า

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 11/1 ลี่มี่เกลียดคนจำพวกนี้น่ะคุณหนูฉู่

    นอกจากรับสั่งถามมู่ซูซินเสียงลอดไรฟัน เฟิ่งเสวียนจียังเผลอปล่อยไอสังหารออกมาบางส่วน ทำหญิงสาวบอบบาง ผู้มีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเป็นช่วงเวลาอย่างฉู่ฟางอิ๋งแทบหายใจไม่ออก ใบหน้างามเริ่มซีดเป็นไก่ต้มยกมือกุมหน้าอกคล้ายจะเป็นลม พระชายาฉีอ๋องผู้ใจกว้างดั่งมหาสมุทร รีบฉวยโอกาสเบี่ยงเบนความสนใจของสามีอารมณ์แปรปรวนอย่างแนบเนียน “ตายแล้ว คุณหนูฉู่ ทำไมหน้าซีดขนาดนี้ล่ะ ท่านหน้ามืดอีกแล้วหรือ หานเย่! บอกให้สาวใช้ของคุณหนูฉู่เข้ามาด้านในหน่อย คุณหนูฉู่ตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอท่านอ๋องจนลมจับแน่ะ” “…” เฟิ่งเสวียนจี 0_0! ฉู่ฟางอิ๋ง หลังจากจิกกัดคู่สร้างคู่สมไปคนละคำ มู่ซูซินรีบกุลีกุจอหยิบยาดมสมุนไพรขึ้นมาจ่อจมูกตนเอง สูดกลิ่นเสียงดัง ฟื้ดดดด ไม่ส่งให้ฉู่ฟางอิ๋งทันที “ข้าดมให้ดูก่อนว่าไม่มีพิษ เพื่อความบริสุทธิ์ใจ” เกิดมีคนตั้งใจใส่ร้ายว่าถูกพิษจากยาดมของนาง จะได้มีคำแก้ต่างรวมทั้งพยานตัวโตข้างๆมายืนยัน เสี่ยวจู สาวใช้ของฉู่ฟางอิ๋งก้าวเข้ามาด้านในรถม้าพอดี มู่ซูซินจึงส่งยาดมให้ “เอาให้คุณหนูของเจ้าดม อาการหน้ามืดจะได้ดีขึ้น” สาวใช้กล่าวขอบคุณพระชายาฉีอ๋อง รีบนั่งลงจ่อยาดมให้เจ้านายด้วยความเป็นห่ว

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 10/2

    ทุกคนในห้องหันขวับมองเฟิ่งเสวียนจีเป็นตาเดียว แม้แต่ลี่มี่ที่กำลังปล่อยให้หยางซื่อเกาพุงยังรีบลุกขึ้นมาจ้องชายหนุ่มด้วยอีกตัว มู่ซูซินเอียงหน้ามองเขาตาค้าง เพียงแค่ระยะเวลาสองสามวันฉีอ๋องทำนางตกตะลึง ประหลาดใจ แปลกใจ สติหลุดและอีกหลากหลายอารมณ์ไปไม่รู้จักกี่ครั้งแล้ว “ทรงถามความคิดเห็นของหม่อมฉัน?” ตำหนักก็ของเขาจะมาถามความเห็นนางทำไม “อืม มู่เหยียนเป็นน้องชายของพระชายา เปิ่นหวางจึงให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจ” คนฟังแทบไม่เชื่อหูตนเอง ฉีอ๋องเพิ่งบอกว่าให้นางเป็นคนตัดสินใจ จริงดิ! อารมณ์สามีให้เกียรติภรรยาว่างั้น แต่ไม่ดีกว่า บุรุษตรงหน้ายิ่งหาความแน่นอนทางอารมณ์ไม่ได้ ขอกลับไปทำข้อตกลงกับเขาให้เรียบร้อยก่อน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของน้องชาย ตรองได้ดังนั้นมู่ซูซินจึงหันไปพูดกับมู่เหยียนแทน “เสี่ยวเหยียน พี่ใหญ่ขอกลับไปหารือกับท่านอ๋องก่อนนะ ได้คำตอบอย่างไรพี่ใหญ่จะส่งคนมาบอก” มู่เหยียนเป็นเด็กฉลาดรู้ความ เขาไม่งอแงเอาแต่ใจ หากพี่สาวขอหารือกับพี่เขยก่อนเขาก็ไม่มีปัญหา ผ่านไปพักหนึ่งเฟิ่งเสวียนจีจึงชวนชายากลับ มู่ซูซินร่ำลาครอบครัว รับลี่มี่มาจากอ้อมแขนของมู่เหยียน ที่เพิ่งก

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 10/1 ทรงถามความคิดเห็นของหม่อมฉัน?

    ลี่มี่ได้ยินเสียงในความคิดของเฟิ่งเสวียนจี มันเงยหน้าจ้องตามู่ซูซินคล้ายสื่อสารบางอย่าง หญิงสาวหน้าตาเลิ่กลั่ก ก้มกระซิบกับแมวของตน “เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือลี่มี่” เมี้ยว ลี่มี่ส่งเสียงหวานตอบรับ พร้อมหรี่ตามองนางทาสของมันด้วยสายตาจับผิด และนี่คือความลับอีกหนึ่งเรื่องของมู่ซูซิน ลี่มี่หาใช่แมวปกติ แต่เป็นแมวพิเศษที่ยมทูตมอบให้นางตอนอายุครบสิบปี หลังมื้อกลางวันที่จวนตระกูลมู่ พ่อตากับลูกเขยสูงศักดิ์ก็พากันไปเดินหมาก ร่วมกับการเสวนาเรื่องอาชากันอย่างถูกคอ ปล่อยให้มู่ซูซินได้ใช้เวลากับคนที่เหลือในครอบครัว องครักษ์สองหานลอบพยักหน้าให้กันอย่างโล่งอก ในชีวิตของฉีอ๋องนอกจากอาชาและการทำศึก…หมากล้อม อาหารและสุรารสเลิศ คือสิ่งที่ทรงโปรดปราน นับว่าคนตระกูลมู่มาถูกทางเลยทีเดียว ภายในเรือนส่วนตัวของหยางซื่อ เมื่อประตูของเรือนปิดลง ลี่อิ่ง ลี่เจิน รวมถึงองครักษ์ตระกูลหยาง หรือพูดให้ถูกว่าองครักษ์ของหอเหว่ยตี้ได้เข้าประจำที่ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเข้าใกล้เรือน ขณะที่นายใหญ่และนายน้อยของหอเหว่ยตี้กำลังหารือเรื่องสำคัญ “ซินเอ๋อร์ เรื่องที่ลูกสงสัย คนของเราสืบมาได้ว่า พ่อลูกตระกูลฉู่แอบติด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status