Share

บทนำ ตอนปลาย

last update Huling Na-update: 2025-10-05 21:56:50

หากเป็นอย่างที่คิดจริงนั่นก็หมายความว่า นางกำลังงานเข้า!!!

ขณะกำลังจมอยู่กับความคิดเรื่องของฉีอ๋อง เสียงของบิดาก็ช่วยดึงสติของมู่ซูซินกลับมาเมื่อชุนกงกงอ่านราชโองการจบ

“ซินเอ๋อร์ รีบขอบพระทัยฝ่าบาทเร็วเข้า” ก่อนหันไปยิ้มแห้งให้ชุนกงกง “ลูกสาวข้าคงตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรน่ะขอรับ ขอชุนกงกงโปรดอย่าได้ถือสา”

มู่ซูซินเงยหน้าขึ้นมากะพริบตาปริบๆ ดวงตากลมโตใสซื่อสั่นระริกดูไร้พิษภัย ทว่าความคิดในหัวของนางเวลานี้…

‘เฮอะ! ขอบพระทัยกับผีน่ะสิ นี่เท่ากับส่งข้าไปตายชัดๆฮ่องเต้สุนัขเอ้ย! ขอให้เจ้าเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ขอให้เป็นริดสีดวง ขอให้พบเจอเจ้หงส์แล้วถอนตัวไม่ขึ้น ขอให้…ฉอดๆๆๆ!”

หลังจากก่นด่าสาปแช่งฮ่องเต้ฮุ่ยจงจนพอใจนางจึงขยับมาด้านหน้า กล่าวขอบพระทัยฮ่องเต้ตามธรรมเนียมปฏิบัติ รับม้วนผ้าสีทองมาถือด้วยมือสั่นเทาราวจับต้องของร้อน

คราวนี้ชุนกงกงมองนางด้วยสายตาเวทนา ท่าทางขลาดเขลาแบบนี้จะทนฉีอ๋องผู้น่ากลัวราวมารร้ายได้สักกี่วัน โชคชะตาช่างโหดร้ายกับนางเสียจริง

ทันทีที่ขบวนของชุนกงกงก้าวขาออกไปจากจวนเจ้าเมือง ท่าทางขลาดเขลาของมู่ซูซินแปรเปลี่ยนเป็นสุขุมเยือกเย็น เอ่ยปากขอให้มารดาเดินไปส่งนางที่เรือน เพราะมีเรื่องสำคัญต้องหารือ

เมื่อประตูปิดลงสาวใช้ผู้ภักดีทั้งสองยืนคุมเชิงหน้าห้องไม่ให้ใครเข้าใกล้ มู่ซูซินเข้าเรื่องสำคัญทันที

“ท่านแม่ คนอย่างฉีอ๋องไม่มีวันยอมให้สมรสพระราชทานเกิดขึ้นเป็นแน่ ลูกพูดเช่นนี้ท่านคงเข้าใจความหมายนะเจ้าคะ“

หยางหย่าถิง มารดาของมู่ซูซินหน้าถอดสี เลือดในกายเย็นเยียบขึ้นมากะทันหัน หากการคาดเดานี้ถูกต้อง นั่นก็หมายความว่าบุตรสาวของนางกำลังตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง

“แม่ไม่ยอมให้เกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าเด็ดขาด ว่าแต่เจ้ามีแผนรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร” ถึงแม้จะวิตกเรื่องของบุตรสาวจนแทบเข่าทรุด ทว่าหยางซื่อ* กลับมิได้แสดงอาการหวาดกลัวหรือหวั่นวิตกจนเกินเหตุ นางมั่นใจว่าบุตรสาวต้องหาทางหนีทีไล่ได้อย่างแน่นอน

“แผนรับมือที่ลูกเตรียมไว้คือ…” มู่ซูซินสวมกอดมารดากระซิบบอกแผนการที่คิดไว้

“ได้ แม่จะรีบให้คนไปจัดการ ว่าแต่เจ้าจะออกเดินทางไปหาท่านตาพรุ่งนี้เลยหรือ”

“เจ้าค่ะท่านแม่ เรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้จะประวิงเวลาไม่ได้ ทางนั้นคงไม่ยอมปล่อยให้ลูกมีชีวิตอยู่ไปจนถึงวันอภิเษกแน่”

ฉายาทรราชของฉีอ๋องเป็นบทพิสูจน์อย่างดีหากเจ้าตัวไม่ชั่วร้ายพอ มีหรือที่คนจะกล้าเรียกเขาแบบนั้น นางมั่นใจเต็มสิบส่วนว่าบุรุษผู้มีอำนาจล้นหลามอยู่ในมือ สามารถปิดแผ่นฟ้าด้วยมือเดียวผู้นี้ ไม่มีทางที่จะยอมให้ฮ่องเต้ บังคับให้เขาแต่งงานกับสตรีที่มิอาจสนับสนุน หรือเพิ่มพูนฐานอำนาจให้เขาได้สำเร็จหนทางเดียวที่ยุติสมรสพระราชทานได้นี้ นั่นคือว่าที่เจ้าสาวต้องไม่มีชีวิตอยู่ก่อนถึงวันอภิเษก

แต่เผอิญว่า…ว่าที่เจ้าสาวอย่างนางดันเป็นคนรักตัวกลัวอย่างถึงที่สุดเสียด้วยสิ นางอุตส่าห์ได้โอกาสมาเกิดใหม่ทั้งทีมีหรือจะยอมตายง่ายๆโดยไร้เหตุผลเหมือนชาติที่แล้ว พอนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรมู่ซูซินอารมณ์ขึ้นทุกที

เรื่องมีอยู่ว่า…

สิบแปดปีก่อน มู่ซูซินหรือ ลิลลี่ สาวไทยเชื้อสายจีนสิ้นใจคาคอนโด ขณะกำลังสะสางงานชิ้นสุดท้ายให้เสร็จก่อนลาพักร้อนตามที่เจ้านายอนุมัติ

แต่ใครจะเชื่อว่าสาเหตุการเสียชีวิตของเธอที่แท้จริง เกิดขึ้นเพราะยมทูตมือใหม่ดันทำงานผิดพลาด ไปคว้าวิญญาณมาผิดดวง! คนที่สมควรสิ้นใจในวันนั้นคือคุณยาย ลิลลี่ วัยแปดสิบที่พักอยู่ชั้นล่างนู่น ไม่ใช่เธอ! และกว่าจะรู้ว่าตนทำงานผิดพลาดร่างของลิลลี่ก็ถูกเผาไปแล้ว

เวรกรรมจริงๆ! ไม่รู้จะหาคำใดมากล่าว…

ลิลลี่ผู้หมดบุญก่อนเวลา เลยถูกส่งมาเกิดใหม่เป็นทารกพร้อมความทรงจำและความสามารถทุกอย่างที่มีจากชาติที่แล้ว

ไม่เพียงเท่านั้นยมทูตมือใหม่ยังมอบความสามารถที่จำเป็น สำหรับใช้ในการเอาตัวรอดของภพนี้ให้เธอจนครบ รวมถึงน้ำวิเศษซึ่งไม่มีวันหมดให้อีกหนึ่งขวด

ยมทูตคนเดิมนำมามอบให้เมื่อเธอมีอายุครบห้าปี เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ตนทำงานผิดพลาด

อันที่จริงนางอยากได้มิติ แต่ยมทูตมือใหม่ไม่มีให้ เพราะผู้ที่จะสามารถเนรมิตมิติให้กับนางได้นั้น เผอิญว่าลาพักร้อนพอดิบพอดี กว่าจะกลับมาทำงานก็อีกยาว

มู่ซูซินหรือลิลลี่ในเวลานั้นหมดคำจะกล่าว จำต้องยอมรับน้ำวิเศษที่สามารถรักษาโรคและถอนพิษได้ครอบจักรวาล ไว้แทนกระเช้ากราบขออภัยจากยมทูตมือใหม่โดยปริยาย

กลับมาที่เวลาปัจจุบัน

หลังมื้อเย็น มู่ซูซินบอกกล่าวสมาชิกครอบครัวที่เหลือ เรื่องที่ตนจะเดินทางไปหาท่านตาที่ไร่สมุนไพรในเมืองชิงหลิน ทุกคนพยักหน้ารับอย่างรู้กัน

“เสี่ยวเหยียน ระหว่างที่พี่ใหญ่ไม่อยู่อย่าลืมศึกษาตำราที่ให้ไว้อย่างเคร่งครัด ทักษะการต่อสู้หรือขี่ม้าอย่าหย่อนยาน เข้าใจหรือไม่”

“พี่ใหญ่ไว้ใจข้าได้ เสี่ยวเหยียนคนนี้จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างเด็ดขาด!” เด็กชายยืดอกรับคำพี่สาวเป็นมั่นเหมาะ เขาต้องขยันและผ่านการทดสอบให้จงได้! ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำมิฉะนั้นมารดาคงหวดเขาก้นลาย!

“ดีมาก” เอ่ยชมน้องชายเสร็จ ก็หันไปอุ้มแมวสุดที่รักจากสาวใช้มาวางบนตัก

“ลี่มี่ได้ยินแล้วนะ พวกเราต้องออกไปผจญภัยกันสักเล็กน้อย ดีใจรึเปล่า”

เมี้ยววว ลี่มี่ตอบรับเสียงหวานตั้งตารอที่จะได้ออกไปเที่ยว

เช้าวันรุ่งขึ้น

เสร็จจากการรับมื้อเช้าด้วยกัน มู่เทียนและหยางซื่อเดินนำบุตรสาวไปยังคอกม้าท้ายจวน ทำท่าเหมือนมาดูลูกม้าตัวใหม่ ก่อนหลบเข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์ขี่ม้า ทั้งคู่เปิดประตูลับให้มู่ซูซิน คนเป็นพ่อขอบตารื้นน้ำ ยกมือสั่นเทาลูบหัวทุยของบุตรสาวด้วยความอาทร

“ดูแลตัวเองดีๆนะลูก ฮึก ถ้าไม่จำเป็นก็…อย่าสังหารคนเยอะนัก มันบาป”

(*_*”) มู่ซูซินถึงกับเงิบ ตกลงว่าท่านพ่อเป็นห่วงนางหรือห่วงว่านางจะไปสังหารคนอื่นกันแน่เจ้าคะ!

พรืดดด หยางซื่อหลุดขำ สามีของนางช่างเป็นคนอ่อนโยนเสียจริง!

“ท่านพี่ล่ะก็ ซินเอ๋อร์แค่กลับไปทำงาน ไม่ได้ไปยกพวกตีกับใครเสียหน่อย อย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ”

มู่เทียนลอบถอนหายใจ หากฮ่องเต้ทราบความจริงว่า บุตรสาวของเขาหาใช่คุณหนูในห้องหอทั่วไปอย่างที่ทรงเข้าใจ ไม่รู้ว่ายังจะกล้ามอบสมรสพระราชทานให้อยู่อีกรึเปล่า

*******************

*ซื่อ : คำเรียกสตรีที่ออกเรือนแล้วตามหลังแซ่เดิม เช่น หยางหย่าถิง = หยางซื่อ

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~4

    เย่เฟิงคล้ายเห็นแสงสว่างที่ปลายทาง รีบพยักหน้ารับด้วยความมั่นใจ ผู้ช่วยแม่ครัวจึงคลายมือออก ปล่อยให้ชายหนุ่มเริ่มนวดแป้งด้วยตนเอง ในขณะที่มือก็กำลังนวดแป้ง ในหัวก็จินตนาการไปว่า ตนกำลังนวดต้นขานุ่มๆของลี่เจินไปด้วย และอาจเป็นเพราะตั้งใจมากไปนิดเลยเผลอคิดดังไปหน่อย ”ขาของเจ้าช่างนุ่มนวลเหลือเกินเจินเอ๋อร์“ ”…“ ทั้งแม่ครัวและผู้ช่วยคิ้วกระตุกยิกๆ พ่อหนุ่มองครักษ์กำลังสิ่งใดอยู่กันแน่!!! จากแป้งสีขาวนวลเวลานี้กลายเป็นก้อนแป้งสีชมพูเข้ม เพราะชายหนุ่มใส่ผงกุหลาบหนักมือไปนิด แต่ไม่เป็นไรแม่ครัวบอกกับเขาอย่างนั้น คราวหน้าค่อยลดปริมาณลง ถึงตอนนี้ แป้งพร้อม ไส้พร้อม ในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนการห่อก่อนกดใส่พิมพ์ขนม ผู้ช่วยแสดงวิธีนวดแป้งทั้งสองสีให้กลายเป็นก้อนเดียว รวมไปถึงวิธีแผ่แป้งและห่อไส้ ก่อนนำไปกดใส่พิมพ์ขนมบัวหิมะ “น่ากินมากเลยขอรับ” เอ่ยชื่นชมจบก็ลงมือทำเองบ้าง เพียงแต่… “ทำไมมันยากเย็นอย่างนี้เนี่ย! ทำไมข้าห่อแล้วแป้งถึงแตกไส้ทะลัก ไม่เห็นเรียบเนียนเหมือนของท่านป้าเลย” “…” ผู้ช่วยแม่ครัว ข้าควรเวทนาคนหรือสงสารขนมดีเนี่ย “แรกก็เป็นแบบนี้แหละ ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็ชำนาญขึ้

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~3

    ไม่ใช่เพียงแค่หานจิ้งที่เดินหน้าเกี้ยวพานลี่อิ่งอย่างเปิดเผย แม้แต่องครักษ์เงาขั้นหนึ่งอย่างเย่เฟิง ก็ขอฉีอ๋องย้ายตำแหน่งงานมาเป็นองครักษ์ขั้นหนึ่งของพระชายามู่ซูซินแทน เหตุผลหลักคือเขาทำงานให้พระชายาจนคุ้นเคยไปแล้ว ส่วนเหตุผลรองคือหัวใจของเขาเฝ้าติดตามลี่เจินไปแล้วนั่นเอง เรียกกลับมาเท่าไหร่หัวใจเจ้ากรรมก็ไม่ยอมเชื่อฟัง เย่เฟิงเลยตั้งปณิธานว่า เขาจะไม่ยอมแพ้องครักษ์รุ่นน้องอย่างหานจิ้งเด็ดขาด ชีวิตนี้เขาต้องได้แต่งลี่เจินเป็นภรรยาผูกผม! หากทำไม่ได้ก่อนอายุสามสิบ เย่เฟิงจะไปออกบวชมันให้มันรู้แล้วรู้รอด! ครัวหลักของตำหนักเว่ยจง แม่ครัวฝ่ายขนมหวานมุมปากกระตุกยิกๆ ขณะยืนมององครักษ์ของพระชายากวนแป้งทำขนมบัวหิมะกุหลาบ “เอ่อ ท่านองครักษ์เจ้าคะ กวนแป้งไม่ต้องออกแรงขนาดนั้นก็ได้เจ้าค่ะ ค่อยๆทำไป ท่านเล่นกวนแรงและเร็วแบบนี้ แป้งมันก็กระเด็นออกจากกระทะหมดสิเจ้าคะ แล้วจะเหลือให้กินไหมเนี่ย! โอย ข้าจะเป็นลม” พูดจบก็ยกยาดมขึ้นมาสูดเข้าปอดดัง ฟื้ด... บรรดาสาวใช้ในโรงครัวยกมือป้องปากหัวเราะคิกคักด้วยความเอ็นดูในตัวเย่เฟิง คาดไม่ถึงว่าองครักษ์หน้าเข้มผู้นี้ จะยอมลงทุนมาเรียน

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~2

    กร๊ากกกก เสียงหลุดขำของหานเย่ลอยมาตามลม องครักษ์หนุ่มนึกภาพยวนยางบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นที่สหายรักนั่งปักมาทั้งคืน ซึ่งมองอย่างไรก็เหมือนลูกเจี๊ยบหัวโตผิดขนาดสองตัวหันหน้าแยกเขี้ยวใส่กัน หานจิ้งสูดหายใจยาวอยากตามไปบีบคอสหายรักใจแทบขาด แต่พอนึกถึงภาพปักบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเขาก็มิอาจถือโทษที่หานเย่หลุดขำออกมา เหวินกงกงพอมีฝีมือด้านการเย็บปักถักร้อยอยู่บ้าง เดินมาขอดูผ้าเช็ดหน้าผืนดังกล่าว พอได้เห็นสภาพก็ถึงกับหน้ากระตุก ไม่เพียงแค่ลายปักจะอดสู แต่การมีหยดเลือดติดเป็นหย่อมๆนี่มันคืออะไร?! โอย ขันทีอย่างเขาหมดคำจะกล่าว ”เดี๋ยวตอนบ่ายเจ้าไปหาข้าที่เรือน ข้าจะช่วยแนะนำวิธีปักผ้าที่เริ่มจากลายง่ายๆไปก่อน ว่าแต่ลายนี้คือ เอ่อ เจ้าปักลายอะไรรึอาจิ้ง” เขามองไม่ออกจริงๆ “ลายยวนยางขอรับท่านกงกง” หานจิ้งตอบกลับมาเสียงอ่อย “…” เหวินกงกง เวรกรรมที่แท้คือยวนยางหรอกรึ ทีแรกนึกว่าปีศาจลูกเจี๊ยบ เหวินกงกงรู้สึกผิดขึ้นมาจับจิตที่มองลายบนผ้าเช็ดหน้าผิดไปมาก เลยยกมือตบบ่าหานจิ้งเบาๆเป็นการปลอบใจ ‘ข้าขอโทษนะอาจิ้งที่เข้าใจผิด’ หลังกินข้าวกลางวันเสร็จเรียบร้อย หานจิ้งก็ตามไปที่เรือนขอ

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ เมื่อองครักษ์มีรักย่อมต้องทุ่มสุดตัว ~1

    ตำหนักเว่ยจง หลังผ่านเหตุการณ์สำคัญเรื่องกบฏเยี่ยนอ๋องมาได้ เจ้าของตำหนักก็เลิกปิดกั้นความรู้สึกตัวเองและหันมาสนทนากับคนรอบตัวมากขึ้น กระทั่งเอ่ยปากถามไถ่ความเป็นอยู่ของบ่าวไพร่ในตำหนักด้วยตนเอง ทั้งที่เมื่อก่อนฉีอ๋องไม่เคยสนใจเรื่องบ่าวไพร่ในตำหนักเลยสักนิด ปล่อยให้เหวินกงกงดูแลจัดการธุระในส่วนนี้แทน จนเมื่อพระชายามู่ซูซินถามสามีว่า เขาทราบหรือไม่ว่าบ่าวไพร่ในตำหนักมีกี่คน “…” เฟิ่งเสวียนจี นั่นสินะเขาไม่เคยนับจริงๆด้วย หลายวันต่อมา บ่าวไพร่ของแต่ละเรือนแต่ละฝ่าย ได้ถูกเรียกมาพบเพื่อแนะนำตัวกับฉีอ๋องอย่างเป็นทางการ เจ้าของตำหนักถึงประจักษ์ว่า เขามีบ่าวไพร่ทั้งหมดเกือบร้อยชีวิตทำงานอยู่ในตำหนักเว่ยจง!! ทั้งที่จำนวนคนก็มากขนาดนี้ แต่เหตุไฉนตำหนักของเขาถึงได้ดูวังเวงนัก ไม่เข้าใจเลยจริงๆ นั่นเป็นเพราะเจ้าตัวลืมไปว่า ตำหนักของตนกว้างใหญ่ขนาดไหน อันที่จริงสมควรมีบ่าวไพร่มากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่เพราะเหวินกงกงรู้ใจนายเหนือหัว เรื่องที่ไม่ชอบให้มีคนวุ่นวายในตำหนักมากจนเกินไป ถึงได้จ้างบ่าวไพร่ในจำนวนเท่าที่จำเป็น ไม่ได้จ้างไว้ประดับบารมีเหมือนเชื้อพระวงศ์ตำหนักอื่นๆ ที่ค

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ ความฝันบอกเหตุ ตอนปลาย

    เมืองตงเฉิง จวนเจ้าเมือง เรือนไฉอวี้ ค่ำคืนเดียวกันกับที่ฉีอ๋องฝันถึงงูขาวตัวหอม หญิงสาวรูปร่างหน้าตางดงามราวปีศาจจิ้งจอกจำแลง วางตำราสมุนไพรในมือลงก่อนขยับตัวไปดับตะเกียงข้างหัวเตียงเพื่อเข้านอน “ราตรีสวัสดิ์ลี่มี่ ขอให้นอนหลับฝันดีนะ” เสียงหวานบอกแมวสาวตัวอวบในอ้อมกอดจูบเหม่งมันไปหนึ่งที จากนั้นจึงหลับตาลง เมี้ยว… “ฝันดีซินเอ๋อร์ “ ลี่มี่แลบลิ้นเลียแก้มใสของนางทาสไปหนึ่งทีเพื่อเป็นการแสดงความรัก ผ่านไปไม่นานจังหวะหายใจของมู่ซูซินก็สม่ำเสมอ แสดงถึงว่านางเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ลี่มี่ลืมตาโพลงในความมืด ขยับตัวออกจากอ้อมกอดของหญิงสาว เดินไปนั่งบนกรอบหน้าต่างเงยหน้ามองดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ “หิวจัง อยากกินขนมไหว้พระจันทร์ไส้คัสตาร์ดไข่เค็ม พรุ่งนี้ขอให้ซินเอ๋อร์ทำให้กินดีกว่า” ในขณะที่ลี่มี่กำลังนึกถึงขนมไหว้พระจันทร์อยู่นั้น มู่ซูซินก็กำลังเข้าสู่ห้วงฝันอันแปลกประหลาด นางกำลังยืนอยู่กลางทุ่งลาเวนเดอร์ขนาดใหญ่ เหมือนที่เคยไปเที่ยวมาเมื่อชาติที่แล้ว บนท้องฟ้าสีครามสดใส ก้อนเมฆสีขาวปุกปุยรูปร่างมองไปแล้วเหมือนหัวใจดวงเล็กๆ ลอยเต็มท้องฟ้า แสงแดดอบอุ่นอาบไล้ผิวขาวเนียนละออของนาง มู่

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   ตอนพิเศษ ความฝันบอกเหตุ ตอนต้น

    แดนเหนือ ค่ายพยัคฆ์อหังการ ในที่สุดการต่อสู้อันยาวนานระหว่างแคว้นต้าเฟิ่ง กับชนเผ่านอกด่านทั้งหมดของแดนเหนือได้สิ้นสุดลง ความเสียหายที่ทั้งสองฝ่ายต้องเผชิญ หนักหนาสาหัสไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทว่าผู้ที่กำชัยชนะในสงครามใหญ่ครั้งนี้คือแคว้นต้าเฟิ่ง ซึ่งมีฉีอ๋อง เฟิ่งเสวียนจีเป็นผู้นำทัพ หลังเสร็จศึกได้ครึ่งเดือน ในขณะที่ฉีอ๋องกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ในกระโจมบัญชาการ ของค่ายพยัคฆ์อหังการในคืนพระจันทร์เต็มดวง จู่ๆ บรรยากาศโดยรอบพลันหยุดนิ่ง เฟิ่งเสวียนจีคล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นฉุดกระชากอย่างแรง จากที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงในยามค่ำคืน บัดนี้ตัวเขายืนอยู่กลางทุ่งสมุนไพรกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าสีครามสะอาดสดใส มีปุยเมฆสีขาวลอยอยู่ประปราย แสงแดดสีทองอบอุ่นโลมไล้ผิวกาย กลิ่นหอมเย็นสดชื่นเฉพาะตัวของสมุนไพร ช่วยให้ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เรือนกายสูงหันมองไปรอบๆ สายตาก็ประสบเข้ากับต้นอู๋ถงต้นใหญ่ บริเวณใต้ต้นมีแคร่ไม้ไผ่ตั้งอยู่ ร่างสูงตัดสินใจเดินไปที่นั่นหย่อนตัวลงบนแคร่ ตั้งใจว่าจะนอนเล่นที่นี่สักพักเพื่อซึมซับความรู้สึกอันแสนจะรื่นรมย์นี้ เขาใช้แขนของตนแทนหมอน

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status