Share

เพียงนางที่ข้าจะรัก
เพียงนางที่ข้าจะรัก
Author: ชวี่เหว่ย

บทนำ 1/1

last update Last Updated: 2025-10-05 21:56:39

ช่วงต้นฤดูร้อน เมืองหลวงของแคว้นต้าเฟิ่งกำลังมีข่าวใหญ่ ฉีอ๋อง เฟิ่งเสวียนจี นำทัพออกรบได้รับชัยชนะเหนือกองทัพแคว้นคู่อริอย่างแคว้นเฉียวในที่สุด

ศีรษะและชิ้นส่วนของร่างกายแม่ทัพฝ่ายตรงข้าม ถูกเสียบประจานอยู่บนกำแพงเมือง เพื่อข่มขวัญทหารชาวแคว้นเฉียวตามคำสั่งของฉีอ๋อง

เฟิ่งเสวียนจีปีนี้อายุยี่สิบสาม นิสัยโหดเหี้ยมอำมหิต เลือดเย็นไม่ปราณีศัตรู ดูแลควบคุมผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาด้วยความเด็ดขาด หากลูกน้องคนไหนกล้าขัดคำสั่งหรือลองดีล้วนมีจุดจบไม่สวย หลายคนขนานนามเขาลับหลังว่า ’ทรราช‘

บรรดาขุนนางในท้องพระโรงต่างยำเกรงฉีอ๋อง ไม่น้อยไปกว่าฮ่องเต้ผู้เป็นบิดา แต่ถึงฉีอ๋องจะทรงอำนาจมากเพียง ตัวเขาก็เคารพให้เกียรติพระบิดา ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความจงรักภักดีเสมอต้นเสมอปลาย

หากแต่ความคิดและจิตใจของโอรสสวรรค์นั้นยากแท้หยั่งถึง…

ในงานเลี้ยงรับรองซึ่งจัดขึ้นเพื่อฉลองชัยชนะของฉีอ๋องที่นำมาสู่แคว้นต้าเฟิ่ง ฮ่องเต้ฮุ่ยจง กลับประทานสมรสพระราชทานให้ฉีอ๋องกับ มู่ซูซิน บุตรสาวเจ้าเมืองตงเฉิงเป็นรางวัล กำหนดวันอภิเษกแน่นอนไว้ในอีกสองเดือนข้างหน้า

ทุกคนที่มาร่วมงานต่างหันมามองฉีอ๋องเป็นตาเดียว ภายในใจล้วนสงสัยว่า เฟิ่งเสวียนจีจะขัดพระบัญของฮ่องเต้อย่างที่พวกเขากังวลหรือไม่

ทว่าตั้งแต่มหาขันทีเริ่มอ่านเนื้อหาในพระราชโองการตั้งแต่ต้นจนจบ วรกายสูงสง่าในชุดผ้าไหมสีดำของฉีอ๋องยังคุกเข่าสงบนิ่งอยู่บนพื้น ดวงพักตร์หล่อเหลาเรียบเฉยปราศจากคลื่นอารมณ์ไม่สะทกสะท้าน แต่หากสังเกตให้ดีจะรู้สึกได้ว่า ท้องพระโรงใหญ่เวลานี้บรรยากาศหนาวเยือกกว่าปกติ

ผู้ที่มีปฏิกิริยาอย่างเห็นได้ชัดกลับเป็น ซูเฟย ฟ่านเหวินซือ น้าสาวแท้ๆของฉีอ๋อง ดวงพักตร์เฉิดฉันท์แปรเปลี่ยนเป็นดำคล้ำไม่น่ามอง ขอตัวออกจากงานเลี้ยงทันทีหลังเฟิ่งเสวียนจีรับพระราชโองการมาถือ

ส่วนมารดาของแท้ๆของเฟิ่งเสวียนจีคืออดีตซูเฟย พี่สาวร่วมอุทรของฟ่านเหวินซือ นางเสียไปเมื่อที่เขามีอายุได้เพียงห้าปี ท่านตาของฉีอ๋องคืออดีตแม่ทัพใหญ่ ชายชราจากไปเมื่อเจ็ดปีก่อน

มิใช่แค่ฟ่านซูเฟยที่ขุ่นเคืองใจ หากยังมีหญิงสาวอีกสองนางที่ตกตะลึงจนสีหน้าเปลี่ยน โดยเฉพาะ ไป๋จื่ออวิ๋น บุตรสาวแม่ทัพ ไป๋เจี้ยน สตรีที่ซูเฟยวางตัวไว้เป็นพระชายาเอกของหลานชาย ส่วนอีกคนคือ ฉู่ฟางอิ๋ง บุตรสาวคนเดียวที่เกิดจากฮูหยินรองของเสนาบดีคลัง ฉู่ซิวหมิง นางคือสตรีที่เฟิ่งเสวียนจีเริ่มสานความสัมพันธ์ ตั้งแต่ก่อนได้รับพระบัญชาให้นำทัพต่อต้านกองทัพแคว้นเฉียว

ในขณะที่หลายคนกำลังอารมณ์ขุ่นมัว เจิ้งฮองเฮาแอบซ่อนรอยยิ้มไว้หลังจอกสุรา เรื่องที่นางกังวลบัดนี้บรรเทาลง แม่ทัพไป๋เจี้ยนไม่มีวันยอมให้บุตรสาวที่เกิดจากฮูหยินเอก ลดตัวไปแต่งเข้าตำหนักฉีอ๋องในฐานะชายารองเป็นแน่ ส่วนเสนาบดีคลังนั้น คงต้องรอดูท่าทีว่าเอาอย่างไร

ใครใช้ให้เฟิ่งเสวียนจีเปล่งประกายและทรงอิทธิพลมากขึ้นทุกวันกันเล่า

ฮ่องเต้ฮุ่ยจงทอดพระเนตรฉีอ๋องด้วยแววตาล้ำลึก เหตุผลที่ทำให้พระองค์เลือกบุตรสาวของเจ้าเมืองตงเฉิงเป็นชายาเอกของเขานั่นก็เพราะ

เมืองตงเฉิง เป็นเมืองท่าติดทะเลทางทิศตะวันออก ที่นั่นสงบสุขไร้ความวุ่นวาย จึงไม่จำเป็นต้องตั้งค่ายทหารใหญ่ไว้ประจำการ

ตัวของ มู่เทียน ผู้เป็นเจ้าเมือง ไร้ซึ่งอำนาจหนุนหลัง รับตำแหน่งต่อจากบิดา ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ภักดี ทั้งไม่เกี่ยวข้องกับขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงคนใดเป็นพิเศษ ฮูหยินของเขาก็มาจากตระกูลคหบดี หาใช่บุตรสาวขุนนาง

งานเลี้ยงในวันนี้ดำเนินไปอย่างรื่นเริง เฟิ่งเสวียนจีนั่งดื่มสุราอย่างเงียบๆ แผ่ไอสังหารกดดันจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ คล้อยหลังฮ่องเต้และฮองเฮาที่เสด็จออกจากท้องพระโรง ร่างสูงก็เดินออกจากสถานที่จัดงานโดยไม่หยุดทักทายผู้ใดทั้งสิ้น ดวงพักตร์หล่อเหลาเย็นชาราวฉาบไว้ด้วยน้ำแข็ง ก้าวขึ้นรถม้าตรงกลับตำหนักทันที

ตำหนักเว่ยจง

ภายในห้องทรงอักษร วรกายสูงสง่ายืนเอามือไพล่ จ้องมองพระราชโองการสีทองบนโต๊ะด้วยสายตาเดียดฉันท์

“เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าข้าไม่ชอบให้ใครมาบังคับและวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของข้า” สุรเสียงทุ้มต่ำค่อนไปทางเย็นชาดังขึ้นสั่งลูกน้องคนสนิท

หนึ่งในองครักษ์ที่อยู่ตรงนั้น ก้าวออกมาตอบรับอย่างรู้หน้าที่ “กระหม่อมจะรีบไปจัดการให้เรียบร้อยก่อนถึงกำหนดอภิเษกสมรสพะย่ะค่ะ”

“ส่งคนคอยจับตาดูไว้ก่อน อย่าเพิ่งลงมือตอนนี้ เริ่มจัดการหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ที่สำคัญ อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น” รับสั่งเสร็จก็สาวเท้าตรงไปยังคอกม้า

สามวันต่อมา จวนเจ้าเมืองตงเฉิง

คอกม้าท้ายจวน หญิงสาวรูปร่างเพรียวบาง แต่งกายทะมัดทะแมงคล้ายบุรุษ เพิ่งช่วยผู้ดูแลม้าทำคลอดแม่พันธุ์อาชาเหงื่อโลหิตเสร็จสิ้นอย่างราบรื่น ทั้งแม่และลูกต่างปลอดภัยดีไม่มีปัญหา ทว่าในขณะที่กำลังถอดถุงมือผ้าและผ้าโพกผมอยู่นั้น พ่อบ้านของจวนก็มาตามนางที่คอกม้าพอดี

“คุณหนูขอรับ มีคนจากเมืองหลวงมาขอพบท่าน เห็นว่าเป็นขันที นายท่านและทุกคนกำลังรอท่านอยู่ที่ห้องโถงขอรับ”

“มีขันทีมาขอพบข้า?” เรียวคิ้วงามเลิกขึ้นขณะเอ่ยถาม ลางสังหรณ์ว่างานกำลังจะเข้าผุดขึ้นในความคิด ‘ขันทีจากเมืองหลวงมาเยือน หรือว่าเอาเจ้าสิ่งนั้นมามอบให้ ตามข่าวที่ถูกส่งมาถึงก่อนหน้านี้‘

กลางโถงรับรองของจวนเจ้าเมืองตงเฉิง

มู่เทียน ฮูหยินผู้เฒ่า มู่ฮูหยิน รวมถึงบุตรชายวัยเก้าปีนาม มู่เหยียน คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างสงบเสงี่ยม แม้แต่ ลี่มี แมวสุดที่รักของนางก็มารวมกลุ่มเพื่อฟังความกับเขาเหมือนกัน ครั้นมู่ซูซินมาถึงก็รีบลงไปคุกเข่าข้างมารดาด้วยท่าทางประหม่าอย่างไม่คิดปิดบัง

ชุนกงกงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตำแหน่งประธาน จิกตาพิจารณาหญิงสาวพอเป็นพิธี จากนั้นจึงลุกขึ้นกางม้วนผ้าสีทองในมือ

“คุณหนูมู่ซูซินรับราชโองการ ด้วยโองการแห่งฟ้า…”

เสียงแหลมสูงเป็นเอกลักษณ์ของขันทีดังก้องโถงรับรอง ประกาศเรื่องสมรสพระราชทาน ระหว่างนางกับฉีอ๋องเสียงดังฟังชัด

หมดกัน! ชีวิตอันแสนสงบสุขของนาง

หัวคิ้วของมู่ซูซินขมวดมุ่นเป็นปม ข้องใจว่าเพราะเหตุใด ฉีอ๋องถึงยอมให้ฮ่องเต้โยนสมรสพระราชทานใส่หัวโดยไม่คัดค้าน หรือว่ารายนั้นมีแผนรับมือเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว

แต่มันคือแผนแบบไหนกันล่ะ…หรือว่า!?

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 12/2

    ในระหว่างที่มู่ซูซินเดินไปคอกม้า บ่าวรับใช้ก็กำลังยกฟูกที่นำมาจากเรือนอู่ถง เข้าไปเปลี่ยนในห้องนอนของฉีอ๋องอย่างระมัดระวัง ตามคำสั่งของเหวินกงกง เจ้าของตำหนักเองก็เพิ่งหารือกับกุนซือของตนเสร็จ ทั้งสองเดินไปยังเรือนของเฟิ่งเสวียนจี เพื่อรับมื้อกลางวันที่นั่น ได้ทันเห็นเหวินกงกงยืนคุมบ่าวชาย กำลังย้ายฟูกออกมาจากเรือนของตนพอดี วรกายสูงเดินแยกจากสหาย ตรงเข้าไปถามไถ่ด้วยความฉงน “เหวินกงกง ท่านกำลังทำอะไร ยกฟูกออกมาจากเรือนนอนของข้าทำไม” ครั้นได้ยินเสียงของนายเหนือหัว เหวินกงกงรีบหมุนตัวกลับมา จีบปากจีบคอรายงานด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เรียนท่านอ๋อง พระชายาขอให้กระหม่อม นำฟูกที่เรือนอู่ถงมาเปลี่ยนให้ท่านอ๋องพะย่ะค่ะ จะได้ทรงนอนหลับสบายยามค่ำคืน ไม่ต้องลำบากเสด็จไปอาศัยนอนที่เรือนอู่ถง” เฟิ่งเสวียนจีนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก คาดไม่ถึงว่ามู่ซูซินจะกล้าสั่งให้เหวินกงกงยกฟูกมาเปลี่ยนให้เขา พรืดด ซ่งเฉินซีได้ยินคำบอกเล่าของเหวินกงกงก็หลุดขำ ชี้พัดจีบในมือชี้ไปที่เฟิ่งเสวียนจีพร้อมทำหน้าตาล้อเลียน “กระหม่อมเพิ่งรู้ว่าที่แท้ท่านอ๋องเป็นคนนอนยาก ฮ่าๆๆ กระหม่อมชักอยากพบหน้าพระชายามู่ขึ้นมาเสียแล้ว

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 12/1 ไม่เอาปลาแล้วเจ้าจะเอาอะไร

    มู่ซูซินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อรู้ว่าลี่มี่ยังปลอดภัยดีไม่ได้ถูกเฟิ่งเสวียนจีจัดการอย่างที่เคยขู่นางไว้ เพียงแต่ข้องใจว่าไฉนลี่มี่ถึงได้ยอมให้คนตัวโต แอบมานอนบนเตียงแทนที่มันได้อย่างง่ายดาย ดวงตาคู่สวยมองมายังร่างแกร่งที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ นอนยิ้มกริ่มหน้าตาสดใสประหนึ่งได้นอนหลับสนิทแปดชั่วโมงขั้นต่ำ “ชายารักมองสามีจริงจังแบบนี้ กำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่รึเปล่า” พูดจบก็ขยับนอนตะแคงพิงแขน สาบเสื้อนอนเจ้ากรรมแหวกออกจนเห็นแผ่นอกแกร่งกับหน้าท้องเป็นลอนขาวจั๊วะยั่วยวนสายตาคนมองแต่เช้า “…” มู่ซูซิน เรียกแทนตัวเองว่าสามีด้วย กรี๊ดดด อารมณ์ไหนแต่เช้าเนี่ย ตามไม่ทันโว้ย!! พร้อมกับลอบกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ “ท่านอ๋อง เหตุใดถึงมานอนที่นี่ได้เพคะ ทรงเมาแล้วเดินละเมอมาหรือ” รีบเอาข้อเรื่องเมาขึ้นมาดักคอ นางอยากรู้นักว่าเขาจะแก้ตัวยังไง “ฟูกที่เรือนนี้นอนสบายกว่าฟูกที่เรือนของเปิ่นหวาง” ง่ายๆได้ใจความ แต่ทำคนฟังหน้าเหวอไปอีกรอบ รับสั่งจบก็ลุกออกจากเตียงเพื่อไปล้างหน้าล้างตา ปล่อยให้มู่ซูซินนั่งอ้าปากค้างมองตามแผ่นหลังกว้างตาแป๋ว พูดอะไรไม่ออกไปโดยปริยาย พฤติกรรมของมนุษย์ทั้งสองสร้างความขบ

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 11/2

    
 แผนการมาดักรอพบฉีอ๋องในวันนี้นับว่าไม่สูญเปล่า นอกจากฝ่ายชายจะยอมให้นางอาศัยรถม้า เขายังทิ้งพระชายาที่เพิ่งอภิเษกได้เพียงไม่กี่วันให้กลับตำหนักเว่ยจงไปคนเดียว แล้วเลือกมากินมื้อเย็นกับนางที่นี่แทน ฉู่ฟางอิ๋งรู้สึกราวกับตนเป็นผู้ชนะ “คุณหนูฉู่อิ่มแล้วหรือ เปิ่นหวางเห็นเจ้ากินไปเพียงไม่กี่คำเท่านั้น ไม่กินอีกสักหน่อยเล่า เจ้าดูเหมือนซูบผอมไปนะ” เขาพูดไปตามที่เห็นเมื่อเดือนก่อนนางยังดูมีเนื้อหนังมากกว่านี้ ภายในใจของฉู่ฟางอิ๋งลิงโลด แผนอดข้าวอดน้ำมาระยะหนึ่ง จนทำให้ร่างกายซูบผอมลงเหมือนคนตรอมใจถือว่าไม่เหนื่อยเปล่า ฉีอ๋องสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้จริงๆ “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงห่วงใย อิงเอ๋อร์อิ่มแล้วเพคะ คงเป็นเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยอยากอาหารเท่าใดนัก” “เจ้าซูบผอมแบบนี้ใต้เท้าฉู่ไม่เป็นห่วงแย่หรือ” ฉู่ฟางอิ๋งเม้มปาก สีหน้าเผยถึงความน้อยใจยามนึกถึงบิดา “ช่วงนี้ท่านพ่อถ้าไม่อยู่ที่ทำงาน ก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้องหนังสือหลังกลับมาจากในวัง กระทั่งข้าวปลาก็ไม่ออกมากิน พ่อบ้านต้องยกไปให้ที่นั่น มีบางวันที่ออกไปกับพี่ใหญ่จนมืดค่ำถึงกลับจวน อิ๋งเอ๋อร์กับท่านแม่แทบจะไม่ได้เห็นหน้า

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 11/1 ลี่มี่เกลียดคนจำพวกนี้น่ะคุณหนูฉู่

    นอกจากรับสั่งถามมู่ซูซินเสียงลอดไรฟัน เฟิ่งเสวียนจียังเผลอปล่อยไอสังหารออกมาบางส่วน ทำหญิงสาวบอบบาง ผู้มีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเป็นช่วงเวลาอย่างฉู่ฟางอิ๋งแทบหายใจไม่ออก ใบหน้างามเริ่มซีดเป็นไก่ต้มยกมือกุมหน้าอกคล้ายจะเป็นลม พระชายาฉีอ๋องผู้ใจกว้างดั่งมหาสมุทร รีบฉวยโอกาสเบี่ยงเบนความสนใจของสามีอารมณ์แปรปรวนอย่างแนบเนียน “ตายแล้ว คุณหนูฉู่ ทำไมหน้าซีดขนาดนี้ล่ะ ท่านหน้ามืดอีกแล้วหรือ หานเย่! บอกให้สาวใช้ของคุณหนูฉู่เข้ามาด้านในหน่อย คุณหนูฉู่ตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอท่านอ๋องจนลมจับแน่ะ” “…” เฟิ่งเสวียนจี 0_0! ฉู่ฟางอิ๋ง หลังจากจิกกัดคู่สร้างคู่สมไปคนละคำ มู่ซูซินรีบกุลีกุจอหยิบยาดมสมุนไพรขึ้นมาจ่อจมูกตนเอง สูดกลิ่นเสียงดัง ฟื้ดดดด ไม่ส่งให้ฉู่ฟางอิ๋งทันที “ข้าดมให้ดูก่อนว่าไม่มีพิษ เพื่อความบริสุทธิ์ใจ” เกิดมีคนตั้งใจใส่ร้ายว่าถูกพิษจากยาดมของนาง จะได้มีคำแก้ต่างรวมทั้งพยานตัวโตข้างๆมายืนยัน เสี่ยวจู สาวใช้ของฉู่ฟางอิ๋งก้าวเข้ามาด้านในรถม้าพอดี มู่ซูซินจึงส่งยาดมให้ “เอาให้คุณหนูของเจ้าดม อาการหน้ามืดจะได้ดีขึ้น” สาวใช้กล่าวขอบคุณพระชายาฉีอ๋อง รีบนั่งลงจ่อยาดมให้เจ้านายด้วยความเป็นห่ว

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 10/2

    ทุกคนในห้องหันขวับมองเฟิ่งเสวียนจีเป็นตาเดียว แม้แต่ลี่มี่ที่กำลังปล่อยให้หยางซื่อเกาพุงยังรีบลุกขึ้นมาจ้องชายหนุ่มด้วยอีกตัว มู่ซูซินเอียงหน้ามองเขาตาค้าง เพียงแค่ระยะเวลาสองสามวันฉีอ๋องทำนางตกตะลึง ประหลาดใจ แปลกใจ สติหลุดและอีกหลากหลายอารมณ์ไปไม่รู้จักกี่ครั้งแล้ว “ทรงถามความคิดเห็นของหม่อมฉัน?” ตำหนักก็ของเขาจะมาถามความเห็นนางทำไม “อืม มู่เหยียนเป็นน้องชายของพระชายา เปิ่นหวางจึงให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจ” คนฟังแทบไม่เชื่อหูตนเอง ฉีอ๋องเพิ่งบอกว่าให้นางเป็นคนตัดสินใจ จริงดิ! อารมณ์สามีให้เกียรติภรรยาว่างั้น แต่ไม่ดีกว่า บุรุษตรงหน้ายิ่งหาความแน่นอนทางอารมณ์ไม่ได้ ขอกลับไปทำข้อตกลงกับเขาให้เรียบร้อยก่อน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของน้องชาย ตรองได้ดังนั้นมู่ซูซินจึงหันไปพูดกับมู่เหยียนแทน “เสี่ยวเหยียน พี่ใหญ่ขอกลับไปหารือกับท่านอ๋องก่อนนะ ได้คำตอบอย่างไรพี่ใหญ่จะส่งคนมาบอก” มู่เหยียนเป็นเด็กฉลาดรู้ความ เขาไม่งอแงเอาแต่ใจ หากพี่สาวขอหารือกับพี่เขยก่อนเขาก็ไม่มีปัญหา ผ่านไปพักหนึ่งเฟิ่งเสวียนจีจึงชวนชายากลับ มู่ซูซินร่ำลาครอบครัว รับลี่มี่มาจากอ้อมแขนของมู่เหยียน ที่เพิ่งก

  • เพียงนางที่ข้าจะรัก   บทที่ 10/1 ทรงถามความคิดเห็นของหม่อมฉัน?

    ลี่มี่ได้ยินเสียงในความคิดของเฟิ่งเสวียนจี มันเงยหน้าจ้องตามู่ซูซินคล้ายสื่อสารบางอย่าง หญิงสาวหน้าตาเลิ่กลั่ก ก้มกระซิบกับแมวของตน “เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือลี่มี่” เมี้ยว ลี่มี่ส่งเสียงหวานตอบรับ พร้อมหรี่ตามองนางทาสของมันด้วยสายตาจับผิด และนี่คือความลับอีกหนึ่งเรื่องของมู่ซูซิน ลี่มี่หาใช่แมวปกติ แต่เป็นแมวพิเศษที่ยมทูตมอบให้นางตอนอายุครบสิบปี หลังมื้อกลางวันที่จวนตระกูลมู่ พ่อตากับลูกเขยสูงศักดิ์ก็พากันไปเดินหมาก ร่วมกับการเสวนาเรื่องอาชากันอย่างถูกคอ ปล่อยให้มู่ซูซินได้ใช้เวลากับคนที่เหลือในครอบครัว องครักษ์สองหานลอบพยักหน้าให้กันอย่างโล่งอก ในชีวิตของฉีอ๋องนอกจากอาชาและการทำศึก…หมากล้อม อาหารและสุรารสเลิศ คือสิ่งที่ทรงโปรดปราน นับว่าคนตระกูลมู่มาถูกทางเลยทีเดียว ภายในเรือนส่วนตัวของหยางซื่อ เมื่อประตูของเรือนปิดลง ลี่อิ่ง ลี่เจิน รวมถึงองครักษ์ตระกูลหยาง หรือพูดให้ถูกว่าองครักษ์ของหอเหว่ยตี้ได้เข้าประจำที่ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเข้าใกล้เรือน ขณะที่นายใหญ่และนายน้อยของหอเหว่ยตี้กำลังหารือเรื่องสำคัญ “ซินเอ๋อร์ เรื่องที่ลูกสงสัย คนของเราสืบมาได้ว่า พ่อลูกตระกูลฉู่แอบติด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status