[2]
ลูกเขยวัยละอ่อน
______________
อารดาวางหวีไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง เธอแต่งตัวเสร็จก่อนเวลา ทว่านั่นเป็นการดี เพราะนาทีถัดมาก็มีสาวใช้มาเรียก บิดาของเธอเรียกพบเธอที่ห้องหนังสือ เธอได้แต่ถอนหายใจ โกรธตัวเองที่วันนี้ต้องเห็นหน้ายุ่งๆ ของบิดาอีกแล้ว
เธอเดินลงบันไดมา ยังเหลือบเห็นน้องสาวต่างมารดาหอบหิ้วเอาถุงของแบรนด์เนมเข้าประตูห้องไป เธอมองภาพนั้นอย่างชินชา น้องสาวผู้แสนโสภาต้องดูสมบูรณ์แบบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เป็นธรรมดาที่ข้าวของราคาแพงต้องมีประดับร่าง อย่าได้ถามว่าเงินนั้นมาจากไหน มาจากเงินกองกลางที่เป็นผลกำไรจากบริษัทของครอบครัวนั่นอย่างไร
บริษัทม่านมุกนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับลูกค้าระดับกลางถึงร่ำรวย บริษัทเริ่มก่อตั้งเมื่อหลายสิบปีก่อน และหลายครั้งที่เศรฐกิจไม่ดี บริษัทได้รับผลกระทบ สามีของป้าก็ให้ความช่วยเหลือเสมอมา จนกลายเป็นว่าปัจจุบัน ป้าของเธอก็มีหุ้นอยู่ด้วย และนั่นทำให้บิดาของเธอเกรงใจพี่สาวของตัวเองมิเสื่อมคลาย
หลายครั้งหลายคราเธอยังแอบคิดว่าบิดายอมพี่สาวมากเกินไป แต่ในยามที่อีกฝ่ายสามีล้มหายตายจาก บิดาของเธอก็อดเห็นใจไม่ได้ เลยกลายเป็นว่าสิ่งใดที่ถนอมน้ำใจพี่สาวได้ บิดาของเธอพร้อมจะทำ โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆเลย
มันกลายเป็นปัญหาเรื้อรังสะสมที่แม้แต่เธอเอง ก็ไม่อยากเอ่ยถึงมันให้บิดาต้องปวดใจ
____________
ห้องหนังสือ
โอภาส ม่านมุก บุรุษวัยห้าสิบเจ็ดผู้มีรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า รีบหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู สีหน้าท่านยุ่งเหยิงอย่างที่บุตรสาวคาดไว้
“พ่อคะ ที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง”
“อือ...ก็เรื่อยๆ น่ะ ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพิ่มหรอก”
น้ำเสียงนั้นฟังดูเนือยๆ ราวกับเหนื่อยนักหนา อารดาห่วงใยบิดานัก
“กลับมาเหนื่อยๆ น่าจะไปอาบน้ำพักผ่อนให้สบายใจนะคะ เดี๋ยวมื้อค่ำก็เรียบร้อยแล้ว”
“เฮ้อ...จะให้สบายใจได้ยังไง ป้าแกโทรจิกตั้งแต่ฉันยังอยู่บนรถ แกกับยัยรุ้งนี่ยังไงกัน ทำไมชอบหาเรื่องให้ฉันปวดหัว”
อารดาเงียบเสีย เมื่อรู้ถึงจุดประสงค์ที่บิดาเรียกพบ
“หนูขอโทษค่ะ”
“คราวหลังก็รู้จักหักห้ามใจ โตๆ กันแล้ว จะตบตีกันให้ได้อะไรขึ้นมา แล้วยัยรุ้งเป็นอะไรมากไหม”
“คะ?” ย้อนถามอย่างไม่เชื่อหู อันที่จริงบิดาควรถามถึงลูกสาวก่อนมิใช่หรือ
“ก็เห็นป้าแกบอกสภาพดูไม่ได้นี่นา”
อารดานิ่งเงียบ แม้บิดากำลังเข้าใจผิดก็ไม่คิดจะโต้แย้ง ถึงอย่างไรจุดจบก็คงไม่ต่างกัน
“ขอโทษยัยรุ้งซะ ก่อนกินข้าวด้วย ไม่งั้นป้าแกคงไม่ยอมให้ฉันกินข้าวอย่างอร่อยหรอก”
อารดาก้มหน้างุด มือข้างหนึ่งเผลอกำหมัดแน่น แต่ปากที่เอ่ยบอกบิดามีเพียงคำสั้นๆ คำเดียว
“ค่ะ...พ่อ”
บิดาที่เคารพจากไปเมื่อได้คำตอบที่พอใจ ไม่ถามไถ่ด้วยซ้ำว่าเรื่องที่แท้จริงคืออะไร
อารดาถอนหายใจอย่างปลดปลง เดินตามหลังบิดาออกมาก็เจอเข้ากับศรัณ เขาอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นแบบสบายๆ สวมเสื้อยืดสีครามที่ไร้ความเป็นทางการ แล้วก็แบบว่า...เขาไม่รู้หรือว่าตัวเองใส่เสื้อไซซ์อะไร ทำไมถึงไม่ซื้อเสื้อให้มันพอดี ดูเถิด เสื้อยืดตัวนั้นรัดรึงหน้าอกเขาแทบจะเห็นกล้ามเป็นมัดๆ เขาจงใจหรือเปล่านะ
“ทำไมครับ พออาบน้ำเสร็จแล้วผมน่ากอดเหรอ”
เขาเย้ายิ้มๆ อารดาถลึงตาใส่แล้วรีบปรับสีหน้าให้กลับมาเรียบตึงดังเดิม อยู่ใกล้ศรัณทีไร เธอไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
“เจอพ่อฉันหรือยัง”
“ยัง ยังไม่เจอใครนอกจากพี่พุดซ้อนกับสาวใช้ในครัว อ้อ...ยกเว้นคนชื่อรุ้ง”
อารดาเดินนำหน้าเขาไปช้าๆ
“บ้านนี้อยู่กันหลายคน ฉันกับน้องสาวอยู่ห้องข้างบน พ่อกับแม่เลี้ยงอยู่ห้องถัดจากห้องหนังสือทางโน้น พี่พุดซ้อนกับสาวใช้ แม่ครัว และคนรถ พักอยู่ที่ห้องติดครัว มีห้องหลายห้องอยู่ตรงนั้น และถัดจากบ้านนี้ไปทางทิศตะวันตก เป็นบ้านของป้าฉัน ป้าอรดี ฉันเรียกว่าป้าอร บ้านนั้นอยู่กันสามคน ป้าอร ลูกสาวคือรุ้ง แล้วก็...ลูกเขยชื่อธัตธร บ้านนั้นมีสาวใช้คนเดียว แต่บางครั้งที่มีงานเยอะๆ สาวใช้ที่นี่ก็ไปช่วย”
“ผมต้องรู้ลึกขนาดนั้นด้วยเหรอ”
“ต้องรู้สิ เป็นสามีฉันไม่ใช่หรือไง”
คนถูกย้อนถามยิ้มเผล่ ยามอารดาย้อนเขาด้วยมาดนิ่งๆ นี่อยากฟาดก้นงอนๆ ของหล่อนสักทีสองที หมั่นเขี้ยว!
“ฉันอยากอยู่ที่นี่อย่างสงบ อย่าพยายามก่อเรื่องเหมือนวันนี้”
“ผมเปล่า และถ้าผมอยากก่อเรื่องจริงละก็ ไม่ต้องใช้ความพยายามเลย ขอบอก” ท้าทายแล้วยักคิ้วให้อารดาไปทีหนึ่ง
หญิงสาวตวัดหางตามองอย่างระอา เธอเดินตรงไปที่ห้องอาหาร สมาชิกของบ้านม่านมุกเริ่มทยอยกันมา
___________
กว่าสิบนาทีที่ความเงียบงันเกาะกินบรรยากาศ หลังจากที่อารดาแนะนำสามีให้ทุกคนรู้จัก บิดาของเธอต้องควานหายาดม ในขณะที่ผู้เป็นป้าชักสีหน้าในทันทีที่ได้ยิน
“แต่งงานบ้าบออะไร ทำไมถึงไม่บอกผู้ใหญ่ เห็นพวกฉันเป็นหัวหลักหัวตอรึแม่อุ่น” อรดี สตรีวัยหกสิบต้นๆ โพล่งขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจนัก อย่างน้อยๆ ตอนอารดาแต่งงาน นางก็อยากเห็นสินสอดกองโตๆ บ้าง ในฐานะญาติของฝ่ายหญิง
“ขอโทษค่ะป้า หนูมีเหตุผลของหนูค่ะ” อารดาตอบอย่างใจเย็น ในเรื่องนี้เธอทำไม่ถูก แต่ว่า...เธอก็มีเหตุผลของเธอ
“ท้องหรือจ๊ะ ท้องใช่ไหมหนูอุ่น” โฉมชบา สตรีวัยสี่สิบห้า ภรรยาคนปัจจุบันของโอภาส เอ่ยถามลูกเลี้ยงอย่างอดไม่ได้
“คุณ!?” โอกาสปรามภรรยา อย่างไรเสียอารดาก็เป็นลูกสาวแท้ๆ ท่านสูดยาดมเข้าปอดลึกๆ แล้วพิจารณาทุกสิ่งด้วยสติ อารดาไม่ใช่คนที่จะทำอะไรโดยไม่คิด ดูท่าเรื่องนี้ เจ้าตัวคงไม่ได้ตัดสินใจคนเดียว “คุณแม่...บงการอีกแล้วใช่ไหม”
อารดาก้มหน้านิ่ง ไม่ตอบบิดา คล้ายกับว่ายอมรับความจริงโดยปริยาย ศรัณขยับกายอย่างอึดอัด เริ่มไม่ชอบใจบรรยากาศครอบครัวที่อุ่นจนร้อนของคนบ้านนี้
“นี่!? หรือเธอจะท้องจริงๆ ฮะ” รสิกาอดไม่ได้ อารดาจะมาท้องได้อย่างไร เธอแต่งงานก่อนตั้งเป็นปีนะ ยังไม่ท้องเลย
ส่งท้ายขึ้นหลังพี่ไหม______________วันหนึ่งเมื่อครั้งอดีตเสียงพูดคุยกันของผู้ใหญ่บนเรือนเคร่งเครียดขึ้นมา เมื่อบิดาของเด็กน้อยพาภรรยาคนใหม่มาเยี่ยมมารดาของท่าน อารดาในวัยย่างสิบเอ็ดขวบเข้าใจย่าดี ย่าเมตตามารดาของเธอมาก จนรับไม่ได้เมื่อลูกชายแต่งงานใหม่ เธอไม่ได้ไม่ชอบใจ ดีแล้วที่บิดามีรอยยิ้มหลังจากมารดาของเธอจากไป แต่คงดีกว่านี้ หากท่านใส่ใจลูกสาวอย่างเธอบ้าง มิใช่คอยดูแลแต่แม่คนใหม่ และเด็กน้อยอีกคนที่อยู่ในท้องของแม่เลี้ยง เธอเลี่ยงหลบลงมาจากบนเรือน เจอกับพี่พุดซ้อนกับน้าพุดตานกำลังเร่งทำมื้อเที่ยงกันอยู่“คุณอุ่น หิวหรือคะ เอาขนมไหม พี่หยิบให้”“ไม่หิวค่ะ ไปเดินเล่นได้ไหม อยากเห็นกล้วยหอมของย่า”“ค่า...แต่อย่าไปไกลนักนะคะ เดี๋ยวหลง”เด็กหญิงอารดายิ้มให้พี่เลี้ยงคนดี เธอไม่หลงหรอกน่า ยิ่งแปลงปลูกที่สิบสี่ ย่าพาเธอเดินดูจนทั่วหมดแล้วเด็กหญิงตัวน้อยเดินไปเรื่อยๆ ชื่นชมใบกล้วยสีเขียวสด ปัดเรื่อ
ในเวลาที่ผัวหนุ่มเมียสาวคู่หนึ่งกำลังบรรเลงเพลงรักอยู่ในห้องข้างๆ ผัวหนุ่มเมียสาวอีกคู่ กลับต้องลืมตาปริบๆ ใต้แสงสลัว เพราะไม่อาจบรรเลงเพลงรักได้อย่างที่ใจคิด“ฮึ่ม! พังแน่...เสาเรือนมีหักแน่ๆ คุณอุ่น”อารดายิ้มขันวาจาของสามี เสียงร้องครางของชนนท์กับอรุณฉาย ดังแทรกความเงียบสงัดของยามราตรีมาให้พวกเขาได้ยิน“สงสัย...ยัยออมจะไม่ได้นอนห้องฟีฟ่า”“แน่นอน!” ศรัณเอ่ยออกมา ยิ่งยามได้ยินเสียงไอ้บ้านั้นครางกระเส่า เขาก็ยิ่งอยากกระโจนใส่เมียรัก แต่ว่า...“โอ้ว...เฉียงแมวที่ไหนอ่า” เสียงเล็กๆ ดังแทรกเสียงบิดามารดา พ่อตัวแสบลุกขึ้นมานั่ง เอียงคอฟังเสียงที่ไม่คุ้นเคย“โอ๊ะ!? ยังไม่หลับอีก นอนได้แล้วลูก” อารดาดึงลูกชายลงมากอด ให้เขานอนหนุนแขน“ก็เฉียงดัง แม่ได้ยินมะ มันดัง...โอ้วๆ อ๊าๆ อุ๊บ!”ศรัณเอามือปิดปากลูกในนาทีนั้น“โอ๊ย...เจ้าเด็กแสบ นอนสักทีเถอะ เดี๋ยวแมวจะมากินตับนะ ได้ยินไหม นั่นน่ะ มันกำลังกินตับเด็กน้อยคนอื่นอยู่” บอกลูกน้อยแล้วเลื่อนมือที่
[27]ผู้ชายคนนี้เมื่อวันนั้น_____________________คุณแม่ลูกหนึ่งนั่งเล่นอยู่แถวนั้น นั่งรออยู่นานแต่ชนนท์ก็ไม่พาลูกสาวออกมาเสียที จนต้องลุกไปเคาะประตูห้องเขา เคาะอยู่สองสามทีเจ้าตัวก็มาเปิด“ลูกล่ะ”“หลับแล้ว”“หือ?” เธอมองเข้าไปในห้องที่เปิดไฟเลือนราง แม่ตัวแสบของเธอนอนอยู่กลางฟูกหนา หลับปุ๋ยโดยที่สองมือกอดตุ๊กตาหมูตัวโปรดเอาไว้ “ฉันจะพาลูกไปนอนห้องฟีฟ่า”“นอนห้องนี้จะเป็นไรไป ฟูกหลังเบ้อเร่อ”เธอค้อนเขาวงใหญ่ พูดไม่คิดนะ ถ้าลูกนอนอยู่นี่ เธอก็ต้องนอนนี่สิ ใครจะไปนอนห้องเดียวกับเขาสองต่อสองกันล่ะ“มันไม่เหมาะ” บอกเขาแล้วก้าวข้ามธรณีประตูของบ้านเรือนไทย แต่เธอทำผิดมหันต์ เพราะเพียงแค่ร่างพ้นประตูเข้ามา ประตูห้องก็ถูกปิดและล็อกแน่น “นั่นล็อกประตูเหรอ”“อือ...จะนอนแล้วก็ต้องล็อกสิ” ไม่ใช่แค่บอกกล่าว แต่เสื้อที่สวมอยู่ก็ถูกถอดทิ้งอรุณฉายหันหน้าหนี เธอไม่ได้เห็น
“เรื่องไร้สาระที่ไหน เวลาที่ผ่านมายังไม่ได้พิสูจน์หรอกหรือว่าฉันโคตรจริงจังเลย ฉันยอมเธอทุกอย่างทำไมไม่สงสารฉันบ้าง”“ฉันอาจกลับไปเป็นอรุณฉายคนเดิมก็ได้ ฉันเอาแน่เอานอนไม่ได้หรอก”“ให้วันนั้นมันมาถึงก่อนได้ไหมล่ะ ตั้งแต่ลูกเกิด ฉันยังไม่เห็นเลยว่าเธอจะเป็นคนเหลวไหล เธอเป็นคนดีมากแล้วออม เธอดีพอ...ให้คนอื่นรักได้แล้ว”อยู่ๆ กระบอกตาของอรุณฉายก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ทำไมเขาถึงล่วงรู้ความรู้สึกของเธอ“หรือฉันยังไม่ดีพอ” เขาย้อนถามบ้าง“ดีแล้ว ดีขึ้นมากแล้ว สำนึกผิด ไม่เจ้าชู้ ไม่หลายใจ ในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ได้เจอผู้ชายแบบนนท์ก็นับว่าดีมากแล้ว”“แล้วทำไมถึงไม่ใจอ่อนสักที”“นั่นสิ...ทำไมกันนะ”ถ้อยวาจานั้น อยู่ๆ ก็กระจ่างในใจของชนนท์ สามสี่ปีมาแล้วที่เขาอยู่ตรงนี้ เฝ้ารอความรักของอรุณฉาย แต่ทุกอย่างเหมือนเสียเวลาเปล่า หล่อนก็ยังอยู่ในจุดเดิม จุดที่ไม่อยากมีเขาในชีวิต“ฉันคิดว่า...ฉันรู้แล้วล่ะ”“อะไร”“
เขาครางเบาๆ เมื่อแรงที่กระแทกเข้าใส่หล่อนก่อเกิดความรื่นรมย์อย่างหาที่เปรียบมิได้ โพรงเนื้อนุ่มอ่อนที่อยู่ข้างในกำลังกอดรัดเอาตัวตนเขาจนปวดไปหมด“รัณ...เร็ว...อ๊า...รัณ”เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังพั่บๆๆ มิมีหยุดหย่อน ยามที่ศรัณโยกกายท่อนล่างเข้าหาร่างของอารดา ความลื่นด้วยแรงปรารถนาอันมากล้น ส่งผลให้การเสพสมดำเนินไปได้ด้วยดี พอโยกกายเข้าหาหล่อนจนพอใจ อารดาก็เปลี่ยนมาเป็นฝ่ายคุมเกม หล่อนผลักเขาให้อยู่เบื้องล่าง ในขณะที่หล่อนควบขี่เขาอยู่เบื้องบน ผมสลวยของหล่อนแผ่สยายและเคลื่อนไหวรัวเร็วตามแรงที่หล่อนกระแทกลงมา พุ่มทรวงอวบใหญ่ก็กระเพื่อมไหวในทุกคราที่หล่อนร่อนส่ายสะโพกอย่างงดงาม“ดี...คุณอุ่น โยกเร็วๆ แรงๆ เลยได้โปรด...อา...”เสียงครางกระเส่าของสามียังดังอยู่เนืองๆ กระทั่งอารดานำพาเขาถึงฝั่งฝัน ให้เขาได้ปลดปล่อยเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตเข้าสู่ร่างของเธอ เม็ดเหงื่อของสองร่างไหลรวมเป็นหนึ่ง และแม้ว่าบทรักจะสิ้นสุด แต่ปลายลิ้นของสามีก็ยังแตะชิมที่พุ่มทรวงของเธอ“พอแล้ว...ไม่ไหวแล้ว”“เหงื่อคุณอุ่นออกเยอะนี่นา ผมเช
[26]เศษใจที่ถูกเติมเต็ม__________________วันเวลาเคลื่อนผ่านไปช้าๆ แต่ช่างรวดเร็วในความรู้สึกของอารดา เพียงพริบตา ลูกน้อยในครรภ์ก็ลืมตาขึ้นมาดูโลก เจ้าลูกชายแข็งแรงสมบูรณ์ดี และมีหน้าตาที่ถอดแบบมาจากศรัณอย่างกับฝาแฝด เจ้าตัวอายุน้อยกว่าลูกพี่ลูกน้องราวสี่ห้าเดือนได้ แต่เชื่อไหม พอเลี้ยงไปเลี้ยงมาก็โตทันกันอยู่ดี บางวันที่อรุณฉายเข้าเมืองไปทำธุระให้ย่า ชนนท์ก็จะไปรับลูกมาอยู่ที่นี่ ให้น้ามาลาช่วยเลี้ยง พอเขากลับจากสวน ก็จะเล่นกับลูกสาวจนหนำใจแล้วค่อยพากลับเรือนย่า มันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็กน้อยเริ่มเดินได้เมื่อตอนขวบเศษ กระทั่งบัดนี้สามขวบเข้าไปแล้ววันนี้ก็เป็นเช่นวันที่ผ่านมา ชนนท์ไปรับลูกสาวมาแต่เช้า น้ามาลาช่วยเลี้ยงแกตอนลูกชายเข้าสวน และเธอช่วยพาลูกหลานนอนกลางวัน พอกล่อมเด็กน้อยจนหลับปุ๋ย เธอเองก็ผล็อยหลับตามไป...ทว่าหลับได้ไม่เท่าไหร่ ก็ถูกกวนจนได้เธอรู้สึกเย็นๆ แถวเนินอก แต่เหนื่อยเกินกว่าจะปรือตาขึ้นมอง พอรู้สึกเย็นๆ นานเข้า จึงได้ฝืนร่างกายปรือตาขึ้นมาดู เจ้าตัวเล็กในเปลยังหลับอยู่