“พี่ครับ” เขาเรียกเมื่อมาถึงห้องครัว มีสาวใช้หลายคนง่วนอยู่กับการทำกับข้าวที่หน้าเตา
“อ้าว? รดน้ำต้นไม้เสร็จแล้วหรือคะ” พุดซ้อนย้อนถาม
“ยังครับ พอดีเกิดเรื่องเสียก่อน”
“เรื่อง?”
“เรื่องยุ่งๆ น่ะ อ่า...พอจะมีน้ำแข็งหรืออะไรที่เย็นจัดๆ บ้างไหมครับ”
ศรัณร้องขอไม่กี่นาที บางอย่างก็ถูกส่งใส่มือมาให้ มันคือถุงเก็บความเย็นที่บัดนี้มีน้ำแข็งก้อนเล็กๆ อยู่ข้างใน
“ไม่ถามหรือครับว่าผมเอาไปทำไม”
พุดซ้อนเม้มปากเหมือนขัดใจ ก่อนจะพูดบางอย่าง
“พี่เห็นตอนคุณอุ่นกับคุณรุ้งคุยกัน คุณอุ่นก็คงเจ็บตัวตามเคย”
“เธอไม่มีมือหรือครับ!”
“คะ?” พุดซ้อนขานรับน้ำเสียงติดฉุนของชายหนุ่ม
“คุณอุ่นของพี่น่ะ ตัวก็ไม่ได้เล็กไปกว่าผู้หญิงคนนั้นเลย”
พุดซ้อนลอบถอนหายใจ “อีกหน่อยคุณก็รู้เอง”
“เป็นแบบนี้บ่อยเหรอ”
“ค่ะ ว่าแต่...คุณเป็นสามีคุณอุ่นจริงหรือคะ”
เขายิ้ม “ครับ จดทะเบียนกันเรียบร้อยเมื่อเช้านี้”
พุดซ้อนมองคนตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง อะไรจะรวดเร็วปานนั้น อันที่จริงวันนี้เธอแทบไม่ได้งาน ด้วยว่ามัวแต่คิดเรื่องสามีของเจ้านายนี่แหละ
“ฝากคุณอุ่นด้วยนะคะ พี่ไม่รู้ว่าพวกคุณมาแต่งงานกันได้ยังไง แต่ถ้าคุณอุ่นเลือกคุณ เธอก็คงตัดสินใจถี่ถ้วนดีแล้ว พี่จะไว้ใจคุณนะคะ”
“ไว้ใจผม? แน่ใจหรือครับ” เขาแสร้งถามพี่เลี้ยงสาวใหญ่ที่ผมสั้นประบ่า พี่พุดซ้อนไม่ใช่คนสะสวยมากมาย แต่มีรอยยิ้มอารีและดวงตาแสนอบอุ่น ตอนเห็นพี่พุดซ้อนอยู่กับอารดา เขายังนึกว่าทั้งสองเป็นพี่น้องหรือไม่ก็ญาติกัน เขารู้ถึงความห่วงใยที่พุดซ้อนมีต่อนายสาวของตัวเอง
“แน่สิคะ” พุดซ้อนตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ถ้าไว้ใจผม ย้ายกระเป๋าผมไปห้องเมียผมสิครับ”
พุดซ้อนอ้าปากค้างเมื่อโดนย้อน
“ห้องคุณอุ่นไปทางไหนครับ”
พี่เลี้ยงคนดีจำต้องบอกทางชายหนุ่มตรงหน้า วาจาหนุ่มรุ่นน้องนี่เธอตามไม่ทันจริงๆ เขาจากไปพร้อมถุงเก็บความเย็นในมือ ส่วนเธอก็ได้หันมาดูคนงานในครัวที่มือไม้วุ่นวายอยู่กับอาหารที่จะตั้งโต๊ะเป็นมื้อค่ำ แต่ปากพวกหล่อนนั้นยังแวะเวียนถามขึ้นไม่หยุดว่าศรัณเป็นสามีของอารดาแน่หรือ คงต้องใช้ความพยายามต่อไป ในการทำให้ทุกคนเชื่อว่าชายหนุ่มวัยขบเผาะนั่น เป็นสามีของอารดาจริงๆ
อารดานั่งลงที่ปลายเตียงยังไม่ถึงห้านาที ประตูห้องของเธอก็ถูกเคาะ เธอนึกว่าพี่พุดซ้อน แต่คนที่เดินเข้ามากลับเป็นศรัณ เนื้อตัวเขามอมแมม โดยเฉพาะสองเท้าที่ย่ำบนพื้นกระเบื้องสีชมพูอ่อนแล้วทิ้งรอยสีดำเอาไว้ให้เธอได้ขัดใจ
“ขึ้นมานี่ทำไม”
“ผมขึ้นมาไม่ได้เหรอ นี่ห้องเมียผมนะ”
“เรายังไม่ได้ตกลงกันเป็นเรื่องเป็นราว ฉันไม่สะดวกใจจะต้อนรับ”
ศรัณไม่ฟัง เดินเข้ามาหาอารดาอีก แต่เว้นระห่างหนึ่งช่วงแขน
อารดามองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนสายตาจะหยุดอยู่เบื้องล่าง
“ถ้าต้องขึ้นมาจริงๆ อย่างน้อยก็ควรล้างเท้าให้สะอาด มาแบบนี้พื้นก็สกปรกหมดน่ะสิ”
ศรัณขยับนิ้วเท้าไปมาอย่างประหม่า เขาเพิ่งมาจากสวนข้างล่างนะ สองเท้าย่ำดินย่ำโคลน อยู่บ้านสวนไม่มีใครว่าเขาหรอก แต่นี่บ้านคนเมืองนี่นา น่าอายจริงๆ
“ขอโทษ...ผมรีบน่ะ” ว่าแล้วยื่นถุงเก็บความเย็นให้อารดา แต่หล่อนมองเมินเหมือนไม่เข้าใจ เขาเลยถือวิสาสะทาบมันเข้าแก้มที่ถูกตบ
“เอ๊ะ!?”
“ประคบไว้เถอะน่า ไม่เจ็บหรือไง”
“ฉันชินแล้ว”
“โอ...เกิดมาเพิ่งเคยได้ยินคนพูดว่าชินกับการโดนตบ”
ดวงตาของอารดาวูบไหว ความสุขใดๆ คล้ายว่ามิเคยพบเจอทั้งสิ้น เธอดึงเอาถุงเย็นๆ มาประคบแก้ม
“คุณน่าจะสู้บ้าง” เขาเอ่ยต่อ แต่มีเสียงหัวเราะหลุดออกจากปากของอารดา เขางุนงงที่ได้ยินเช่นนั้น
“สู้เหรอ...สู้แล้วจะได้อะไร ไม่มีประโยชน์หรอก”
“ผมไม่เคยเจอผู้หญิงอย่างคุณเลย รอบตัวผมมีแต่คนที่พร้อมจะสู้”
“รอบตัวฉันก็เหมือนกัน แต่ฉันแตกต่างเพราะฉัน...ไม่รู้ว่าจะสู้ไปเพื่อใคร”
“คุณอุ่น?”
“อย่ายุ่งเรื่องของฉัน ไปจัดการตัวเองเถอะ ฉันไม่ชอบให้บ้านสกปรก”
น้ำเสียงของอารดาช่างเย็นชา เย็นชากว่าเมื่อเช้านัก หรือว่าทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะเขารุกล้ำความเป็นหล่อนมากเกินไป พอมองหล่อนดีๆ เขาก็เห็นว่ามีเครื่องหมายคำถามแปะอยู่ทั่วไปหมด อะไรทำให้หล่อนรู้สึกเช่นนั้น อะไรทำให้ดวงตาคู่สวยไม่สดใส และอะไร ที่ทำให้ความสุขของหญิงสาววัยนี้ ไม่เปล่งประกายออกมาให้เขารู้ น่ารำคาญนะที่เขาอยากรู้เรื่องหล่อนมากมายเหลือเกิน
พอศรัณกลับออกไป อารดาก็ลุกไปอาบน้ำ เธอโทรบอกพี่พุดซ้อนตั้งแต่บ่ายว่าค่ำนี้ให้ตั้งสำรับเยอะหน่อย เธอจะแนะนำศรัณให้ทุกคนในบ้าน ‘ม่านมุก’ รู้จัก มันฉุกละหุกเกินไป และคงทำให้สมาชิกทุกคนประหลาดใจ แต่ว่า…นี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว
“ไม่สบายน่ะสิ สงสัยจะทำขนมจนไม่ได้พัก เฮ้อ...ไม่รู้จะหักโหมอะไรนักหนา”“แล้วฟีฟ่าละคะ”“อยู่โรง’บาลด้วยกันนั่นแหละ รัณโทรมาบอกเมื่อกี้”“รัณ? รัณพาเพียงฟ้าไปหาหมอหรือคะ”มาลาอ้าปากค้างไว้ “อ่า...อย่าคิดมากนะหนู ก็...ฟีฟ่าโทรไปหาพ่อของแกน่ะ รัณไม่มีทางเลือกหรอก น้าไปก่อนนะ”อารดารับคำน้ามาลา ไม่ให้คิดมากอย่างนั้นหรือ ช่างทำได้ยากจริงบ้านช่องเงียบลงไปอีกเท่าตัวเมื่อไม่ได้ยินเสียงตะหลิวกระทะของน้ามาลา เธอกะว่าจะกลับไปนอนกลางวันสักงีบเพราะง่วงเหลือกำลัง แต่โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นเสียก่อน บิดาของเธอโทรมา ท่านเล่าถึงเรื่องอันน่าตกใจเมื่อสี่เดือนก่อน เรื่องของอรุณฉาย“อะไรนะคะ! แล้วตอนนี้ยัยออมอยู่ไหนคะพ่อ”‘อยู่กับย่า พ่อโทรไปหา พุดตานบอกว่าออมสบายดี’อารดาใจไหวยวบ ถ้านับจากวันที่ออกจากบ้านมา ป่านนี้อรุณฉายคงจะท้องโตแล้ว“ทำไมไม่มีใครบอกหนูเลย”‘พ่อแค่...อยากให้ลูกมีความสุขบ้าง เพิ่งจะแต่งงานไป พ่อก็อยากให
ตะวันตกดินแล้วแต่สองพ่อลูกยังไม่กลับมาเลย อารดาร้อนใจทว่าไม่ได้โทรตามเพราะคิดว่าเขาอาจจะยุ่งอยู่ เธอเฝ้ารออย่างอดทน กระทั่งรถของสามีแล่นเข้ามาจอด เขาหิ้วถุงมาเต็มสองมือ กลิ่นขนมนมเนยลอยมาให้เธอได้สัมผัส และแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเขาไปบ้านเพียงฟ้ามา แต่สุดท้าย เธอก็อดไม่ได้ที่จะน้อยใจ“แม่อุ่นค้าบ”“ครับคนเก่ง เป็นยังไงบ้าง ทำขนมช่วยแม่ฟ้าเหนื่อยไหมเอ่ย”“ไม่คับ! วันนี้พ่อช่วยเราด้วย พ่อแพ็กขนมเก่งที่สุดเลย”อารดาเผลอสบตาสามีไปหนหนึ่ง เธอยิ้มให้เขา ยิ้มให้ลูกชาย แต่รอยยิ้มนั้นไม่สดใสจนศรัณรับรู้ได้“ไปอาบน้ำแล้วค่อยลงมากินมื้อค่ำนะจ๊ะ”“คับผม!” เด็กชายรับคำแล้ววิ่งขึ้นเรือนอารดาไปรับของจากสองมือของสามี มีขนมอบติดมือมาไม่น้อย“วันนี้คงไม่ต้องกินข้าวแล้วมั้ง รัณกินขนมก็คงอิ่ม”“งอนผมเหรอ ผมไม่ได้อยากไปนะ น้าชุนไม่ว่าง ผมเลยต้องไปแทน”เธอยักไหล่ หิ้วถุงขนมไปวางที่กลางโต๊ะใต้ถุนเรือน น้ามาลาโผล่หน้าออกมาดู หยิบบราวน์นี่ไปชิ้น
[16]คือความรับผิดชอบ___________________เครื่องไล่ยุงอันน้อยถูกเสียบเข้ากับปลั๊กตรงต้นเสาที่กลางกระท่อม พุดตานถอนหายใจรอบที่ร้อย มองไปที่หลานเจ้านายแล้วจำต้องถอนหายใจอีกครา“ไปคุยกับย่าอีกรอบเถอะนะคะ คุยกันดีๆ เดี๋ยวท่านก็หายโกรธ”พุดตานแนะด้วยหวังดี อรุณฉายมาหาย่าพร้อมข่าวคราวที่ชวนให้หญิงชราตื่นตะลึง ทั้งสองมีปากเสียงกันไม่น้อย ย่าแค่ต้องการรู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้องของหลานสาว แต่เจ้าตัวใจแข็งนัก ใจแข็งเกินกว่าจะยอมปริปาก สุดท้ายเลยถูกย่าไล่ลงเรือนไม่ต่างจากบิดามารดา แต่ว่า...เจ้าตัวจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร กระท่อมท้ายสวนมันไม่สะดวกสบายสักนิด“ไม่เอาแล้วจ้ะน้า แค่มาบอกเรื่องวุ่นวายนี่ ย่าก็เป็นลมไปหลายรอบแล้ว” บอกน้าพุดตานอย่างสำนึก เรื่องมันช่างน่าเศร้านัก ย่าพร้อม...ที่พึ่งสุดท้ายของเธอไม่ยินยอมให้เธอพึ่งพา ตอนนี้ เธอคงต้องพึ่งตัวเองแล้ว“น้าจะช่วยพูดนะคะ ตอนนี้ย่ายังโกรธอยู่”หญิงสาวยิ้มให้สาวใหญ่ด้วยความขอบคุณยิ่ง แต่เธอทำอย่างนั้นไม่
คนเป็นมารดาเริ่มสติแตก ทำไมลูกที่เฝ้าฟูมฟักดูแลถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ไม่ได้นะ อรุณฉายคือความภาคภูมิใจของเธอ จะมาเป็นแบบนี้ไม่ได้!คนเป็นลูกส่ายหน้าอีกครา เธอไม่รู้จะตอบมารดาอย่างไรดี“หมายความว่าไง ออม...บอกมาลูก ท้องกับใคร ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้วนะ” โอภาสยังคุยดีกับลูกสาว ตอนนี้ท่านมั่นใจว่ามีสติมากกว่าโฉมชบา“หนู...หนูไม่รู้ เราเจอกันที่บาร์ หนู...ไม่รู้จักเขา ไม่รู้ชื่อเขาด้วยซ้ำ”“ออม!? นังลูกบ้า! นังลูกไม่รักดี! แกพูดอะไรออกมาฮะ!?”โฉมชบามิใช่แค่ร้องด่าแต่แลหาของใกล้มือ เจอขวดน้ำหอมของอรุณฉายก็คว้ามาปาใส่ร่างเจ้าตัว อรุณฉายไม่ลุกหนี ไม่ตอบโต้ด้วยซ้ำ“ไปเรียกมันมา ไอ้ผู้ชายคนนั้น มันต้องมารับผิดชอบแก ฉันไม่ยอมให้แกท้องโย้ประจานตัวเองหรอก ฉันอายชาวบ้านเขาได้ยินไหม!?”“แม่คะ หนูแค่ท้องนะคะแม่ หนูไม่ได้ฆ่าใครสักหน่อย แม่...ช่วยหนูเลี้ยงแกได้ไหม...ฮึกๆ หนูไม่มีใครแล้ว เขาไม่รับผิดชอบ เขาไม่รับผิดชอบหนู แม่รู้บ้างไหม!?”“กรี๊ดดด!!! นังลูกสิ้นคิด! แกคิดว่าเลี้ยงเด็กคนหนึ
อรุณฉายน้ำตาไหลพราก ปาดน้ำตาแห่งความอึดอัดใจแล้วลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ เธอไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว ทำแท้งไปดีกว่า จะได้จบๆ ไป“คิดเสียว่าวันนี้ไม่ได้เจอฉันก็แล้วกัน” บอกเขาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก้าวจากมา ชนนท์ตามเธอมาติดๆ เขาพยายามรั้งเธอไว้ เรียกชื่อเธอ ดึงแขนเธอ แต่ว่า...ไม่ได้พูดสักคำว่าอยากยอมรับลูกเธอ แล้วเธอจะยอมเขาไปทำไม“อย่าเพิ่งไปสิ! อย่าเพิ่งใจร้อนได้ไหม ค่อยๆ คิดก่อน” เขาเอ่ยอ้าง ผู้คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มหันมามองเมื่อชนนท์พูดเสียงดัง“ฉันไม่อยากรอ ฉันรอไม่ได้ ฉันเครียดรู้ไหม ฉันเพิ่งยี่สิบเอ็ดและฉันไม่เคยท้องมาก่อน ฉันทั้งกลัวทั้งสับสนไม่ต่างจากนาย และอย่ามาพูดว่าให้ฉันใจเย็นๆ ถ้ามาเป็นฉัน นายจะเย็นได้ไหมล่ะ ลองมาเป็นฉันดูไหม!”เธอผลักเขาออกเต็มแรง วิ่งไปขึ้นรถของตัวเองอย่างไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับปัญหาที่ก่อไว้ เธอขับรถออกมาด้วยความเร็ว บางทีนะ...บางทีการทำแท้งอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดก็ได้ชนนท์มองตามรถของอรุณฉาย ไม่รู้จะเอาอย่างไรดี เขากลับไปที่โต๊ะ หยิบมือถือมาต่อสายหาหล่อนแต่หล่อนไม่ยอมรับเลย หล่อนหน
“หมายความว่าไง” เธอสวนทันควัน ไม่ชอบใจเสียงนี้ของตัวเองเลย มันเหมือนเสียงนางมารร้ายอย่างไรก็ไม่รู้“ก็...ในฐานะที่เธอเป็นแม่ของฟีฟ่า ในตอนที่เลิกกัน ผมควรให้อะไรเธอบ้าง...อย่างเช่นค่าเลี้ยงดูอะไรอย่างนี้”อารดาหันหลังให้สามีทันควัน เรื่องอะไรต้องเอาเงินไปให้คนอื่นด้วย ถึงเขาจะมีเงินมากมาย แต่ต้องเอาไปให้เมียเก่า เธอก็ไม่ชอบนะ แค่ต้องออกค่ากินค่าเช่าบ้านให้ เธอก็คิดว่ามากพอแล้ว“ไม่รู้! แล้วแต่เถอะ!” เสียงห้วนๆ หลุดออกจากปาก เธอหงุดหงิดเพราะเสียงตัวเองอีกแล้วศรัณยกมือยอมแพ้ในนาทีนั้น“ครับ! แล้วแต่...แล้วแต่แสดงว่าไม่โอเค ไม่โอเคก็ไม่ให้แล้วกัน ให้เท่าที่ให้ได้นั่นแหละ”รอยยิ้มสมใจปรากฏที่ใบหน้าของอารดา หญิงสาวพอใจยิ่งนักกับการตัดสินใจของสามี เธอขยับไปโอบร่างเขา ไม่พอใจก็ปีนขึ้นนั่งบนตัก ศรัณกอดเอวเธอไว้“วันนี้จะทำอะไรดีครับ”“เข้าสวนพร้อมรัณดีไหม”เขาส่ายหน้าพรืด “อยู่บ้านสอนหนังสือฟีฟ่าดีกว่า เพราะวันนี้แม่เขาไม่อยู่ คงไม่ได้แวะไปหากัน น้ามา