รชตวางโทรศัพท์แล้วเดินเข้าห้องน้ำด้วยรอยยิ้มเมื่อได้รับข้อความจากอัยลินว่าเธอกำลังเดินทางมาหาเขา
ตั้งแต่งานศพบิดาเสร็จสิ้นลง เขายังไม่ได้เจออัยลินเลย เพราะยุ่งกับการเรียน ตามเก็บงานในช่วงที่หยุดเรียนไปหลายวัน แล้วไหนจะปวดหัวที่คุยกับมารดาไม่ลงรอย เรื่องที่เขาไม่ยอมไปใช้ชีวิตที่บอสตันกับท่านและพี่สาว ทั้งที่เขารับปากไว้แล้ว ว่าเรียนจบที่เมืองไทย จะไปเรียนต่อเฉพาะทางที่บอสตันแน่นอน แต่ท่านก็ไม่ยอม อยากให้เขาเดินทางไปด้วยกันตอนนี้เลย
ช่วงนี้เขาเลยไม่กลับบ้าน เพราะไม่อยากคุยกับมารดาและพี่สาว ยอมรับว่าที่ไม่อยากย้ายไปเรียนที่บอสตันเหตุผลหลักๆ คือเขาไม่อยากอยู่ห่างจากอัยลิน
‘แล้วร็อกอยู่ห่างจากแม่ได้เหรอ’
คำพูดของมารดาก็ดังก้องในหู เมื่อเขาเอ่ยปากบอกท่านตรงๆ
เขาช่างอกตัญญูเสียจริงที่เหมือนเลือกผู้หญิงมากกว่าผู้ให้กำเนิด ทั้งที่ท่านตอนนี้กำลังอ่อนแอที่สุดในชีวิต
ยอมรับว่าเจ็บปวดเมื่อคิดถึงใบหน้าของมารดาที่ร้องไห้วิงวอนเขาให้ย้ายไปบอสตันด้วยกัน
แต่ใบหน้าของอัยลินก็ทำให้เขาสับสน
ค่อยคิดอีกที แต่ตอนนี้เขาแค่อยากใช้เวลากับอัยลินให้มีความสุข
รชตผิวปากเป็นทำนองรื่นเริงขณะอาบน้ำ ใช้เวลาเพียงสิบนาทีเขาก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูพันกาย หยาดน้ำยังเกาะพราวบนเนื้อตัว ผมก็ยังชื้น กำลังจะเป่าผม เสียงเปิดปิดประตูห้องพักก็ดังขึ้น
มีเพียงอัยลินเท่านั้นที่รู้รหัสเข้าห้องพักของเขา
รชตจึงรีบเดินไปยังห้องโถง อัยลินยังไม่ทันจะถอดรองเท้าด้วยซ้ำเมื่อเข้าถลาเข้าไปกอด และจู่โจมเธอด้วยจูบอันเร่าร้อน จนร่างอ่อนระทวย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังพยายามฝืน
“ร็อก เดี๋ยว อย่า...” เธอหลุดปากพูด เมื่อริมฝีปากอุ่นลากไปยังลำคอระหง แต่เพียงครู่เดียวเขาก็ย้ายมาจูบที่ริมฝีปากเธออีกครั้ง
อาจเพราะห่างหายกันไปหลายวัน เธอเองก็คิดถึงเขามาก เมื่อปากจูบ และมือใหญ่ก็ลูบไล้เรือนร่าง สอดเข้าไปในชายเสื้อเคล้าคลึงทรวงอก เลื่อนไปบีบเคล้นส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เธอก็หมดเรี่ยวแรงจะต่อต้าน
คำพูดที่เตรียมมาจะบอกเขา กลืนหายไปกับบทรักอันเร่าร้อนของเขาจนหมดสิ้น
คืนนั้นเธอเหนื่อยล้าทั้งกายใจ เผลอหลับไป กระทั่งเช้า ตื่นขึ้นมาพบตัวเองนอนอยู่เพียงลำพัง กับข้อความที่รชตส่งมา
‘มีเรียนเช้าน่ะ’
เธอวางโทรศัพท์อย่างท้อแท้ มันคงยากที่เธอจะบอกเขาขณะเผชิญหน้า เธอเข้มแข็งไม่พอ
คงต้องหาวิธีอื่น
รชตไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจู่ๆ เขาก็ติดต่ออัยลินไม่ได้ เธอไม่รับสาย และเขาถูกบล็อกในทุกช่องทางโซเชียลฯ ไม่เว้นแม้แต่ทางไลน์
เขาร้อนรนจนไม่สามารถนิ่งเฉย หลังเลิกเรียนในตอนเย็น เขาไปหาเธอที่หอพัก แต่ได้รับคำตอบจากรูมเมทของอัยลินว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว
“อัยย้ายออกเหรอ” เขาถามด้วยสีหน้างุนงง
“ใช่ ย้ายไปแล้ว”
“ย้ายไปไหน”
“คือ...” พราวอ้ำอึ้ง
“มีอะไร ทำไมแค่นี้บอกไม่ได้” รชตถาม คิ้วเข้มมุ่นเข้าหากัน
“ก็จริงๆ แล้วอัยควรบอกร็อกก่อนไง” พราวก็ไม่คิดเช่นกันว่าจะต้องตกมาอยู่ในสถานการณ์ยุ่งยากขนาดนี้ แต่เวลามองหน้าหล่อเหลาของผู้ชายร่างสูงตรงหน้า ก็เข้าใจอัยลินว่าไม่สามารถตัดรอนเขาต่อหน้าได้
พราวก็เพิ่งรู้ความสัมพันธ์ที่เกินเพื่อนของทั้งสอง เมื่อ
อัยลินต้องการความช่วยเหลือจากเธอ“มีอะไรก็บอกผมมาเถอะ” น้ำเสียงเข้าเข้มขึ้น ดวงตาคมกล้าเริ่มขุ่น ริมฝีปากหยักสวยเม้มตรง กรามขึ้นสันเพราะเจ้าตัวพยายามอดกลั้นอารมณ์ขุ่นมัวของตนเอง
“อัยย้ายไปอยู่กับพี่พัทค่ะ”
“พี่พัท ใครเหรอ!”
“พี่ชายพราวเองค่ะ”
“นี่เธอจะบอกว่า...”
“ใช่ อัยกับพี่พัทเพิ่งตกลงจะคบกัน อัยเลยย้ายไปอยู่กับพี่พัท”
“ตลกแล้วมั้ง เธอจะมาพูดจาไร้สาระแบบนี้ไม่ได้นะ!” เขาตวาดเสียงดังลั่น เพราะเมื่อไม่กี่วันเขากับอัยลินยังนอนด้วยกันอยู่เลย เธอจะไปมีผู้ชายคนใหม่ได้อย่างไร
“แสดงว่าไม่เชื่อ งั้นดูภาพนี้” พราวหยิบโทรศัพท์แล้วกดไฟล์ภาพให้รชตดู
ภาพที่อัยลินนอนเคียงข้างบนเตียง ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับพี่ชายเธอ แถมทั้งสองยังเปลือยช่วงบน ที่คนเห็นภาพนี้ก็มองเพียง ทั้งสองนอนเปลือยแนบชิดกันบนเตียง
และมันเป็นภาพเซลฟี่โดยฝีมือของอัยลินเอง ซึ่งกำลังยิ้มกว้างให้กล้องอีก เพราะฉะนั้นการที่เห็นใบหน้าหล่อของรชตบ่งบอกความโกรธแค้นนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
เขาแทบจะเหวี่ยงโทรศัพท์ของเธอลงพื้น แต่เธอคว้าไว้ได้ทัน
“ห้องพักพี่ชายเธออยู่ไหน!”
“จะไปตามอัยเหรอ ไม่ได้แล้วล่ะ อัยไปเที่ยวฮ่องกงกับพี่พัท อีกหลายวันกว่าจะกลับน่ะ”
“งั้น เขาฝากอะไรถึงฉันหรือเปล่า” น้ำเสียงเขาอ่อนลง แต่ไม่ใช่เพราะคลายความโกรธ ทว่าในใจเขานั้นกำลังแตกสลายจนแทบจะยืนไม่อยู่ต่างหาก
“ฝากบอกว่า ให้ทำตามเงื่อนไขที่เคยตกลงกันไว้ และฝากขอโทษที่ไม่สามารถบอกเลิกต่อหน้าร็อกได้”
“อือ...เข้าใจแล้ว” เขาตอบรับสีหน้าเรียบนิ่ง แววตาเย็นชาแต่ก็แฝงความเศร้าอย่างปิดไม่มิด
พราวรู้สึกสงสาร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะนี่คือสิ่งที่
อัยลินตัดสินใจแล้วหากวันหนึ่งที่รชตรู้ถึงเหตุผลที่อัยลินบอกเลิกเขา ก็หวังว่าวันนั้นความรู้สึกของรชตที่มีต่ออัยลินจะยังเหมือนเดิม
ไม่ใช่โกรธแค้นเหมือนอย่างตอนนี้
แต่วันข้างหน้าก็ยังไม่รู้ว่าทั้งสองจะได้พบเจอกันอีกหรือเปล่า
::::::::::::::::::::::::
“ร็อก ลูกเป็นยังไงบ้าง” อัยลินถามขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเป็นกังวล“ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก แต่ลูกต้องรักษาด้วยวิธีจี้คลื่นวิทยุ เพราะเป็นวิธีที่รักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ดีมาก เธอไม่ต้องกลัว การจี้คลื่นหัวใจไม่ใช่การผ่าตัด หมอจะสอดสายสวนขนาดเล็ก ผ่านทางหลอดเลือดดำหรือแดง นำทางสายสวนไปยังตำแหน่งของเซลล์หัวใจที่สร้างสัญญาณไฟฟ้าผิดปกติ และใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูงหรือพลังงานความเย็น ในการจี้ทำลายเซลล์นั้น ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย และหมอที่ดูแลลูกเป็นหมอที่เก่งมากๆ” เขาบอกเพื่อให้เธอคลายกังวลตั้งแต่ลูกป่วย อัยลินก็หาข้อมูลเรื่องการรักษามาบ้าง การจี้คลื่นวิทยุไม่ใช่การผ่าตัด แต่คนเป็นแม่ก็ยังไม่สามารถวางใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่ดี“ต่อไปนี้เรื่องลูกปล่อยให้เป็นธุระฉันแล้วกันนะ” ท้ายประโยคนั้นเขาบอกเสียงเข้ม แววตาที่มองเธอมีแววคาดโทษ“ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกเรื่องลูก คือ...”“แน่นอนฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่ แต่ไว้คุยกันทีหลัง!” เขาบอกแค่นั้น แล้วหมุนกายจากไปรชตผู้เย็นชาได้กลับมาอีกครั้งอัยลินคุยโทรศัพท์กับพัทและพราวอยู่ครึ่งชั่วโมง ทั้งสองกำลังจะเดินทางมาเยี่ยมน้องเรนเธอนั่งอยู่หน้าห้องฉุกเ
เรื่องของพ่อลูกชายหนุ่มทิ้งตัวบนเตียง ซึ่งห้องพักผ่อนเขาอยู่หลังห้องทำงานนั่นเอง เพิ่งประชุมกับคณะกรรมบริหารโรงพยาบาลเสร็จ ทั้งที่เขาเองก็บึ่งรถจากโรงพยาบาลที่ยังเป็นเรสสิเด้นซ์ด้านศัลยศาสตร์อยู่ชีวิตในแต่ละวันเหนื่อยแทบขาดใจ แต่หนทางสู่การเป็นศัลยแพทย์โรคหัวใจเด็กก็ยังอยู่อีกไกล แต่ก็ไม่ได้ท้อ แต่เพียงแค่อยากมีอะไรให้เยียวยาหัวใจที่เหนื่อยล้าบ้าง สักนิดก็ยังดีชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู มีสายเข้านับไม่ถ้วนที่เขาไม่ได้รับ แต่สายที่รอคอนั้นไม่มีเลย ทั้งที่คุยกันวันนั้นก็ผ่านมานับเดือนแล้วอัย เธอใจร้ายเกินไปแล้วนะ ใจคอจะไม่ให้ฉันเจอลูกเลยเหรอ!งั้นก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายแล้วกัน!เขาคิดอย่างขุ่นเคืองทว่าเสียงริงโทนที่เขาตั้งไว้สำหรับใครบางคนก็ดึงขึ้น หัวใจเขากระตุก ยิ้มมุมปาก แล้วปล่อยให้เสียงนั้นดังต่อไปเรื่อยๆ กระทั่งเสียงนั้นหายไปเองดังอยู่แบบนั้นสองครั้ง ครั้งที่สามเขาจึงกดรับสาย“ถ้าเธอโทร. มาช้ากว่านี้ฉันจะ...”“ร็อก ช่วยลูกด้วย ฮือๆ”“เกิดอะไรขึ้น!”“ลูกเป็นลมอีกแล้ว ฮือๆ”“ลูกใคร!”“ลูกของอัยไง และก็ลูกของร็อกด้วย!”รชตอยากให้อัยลินบอกว่าลูกของเธอนั้นเป็นลูกใคร แต่ไม่คิดว่าจะ
สามวันต่อมาขณะที่อัยลินกำลังชั่งใจว่าควรจะบอกรชตไปตรงๆ ว่าน้องเรนคือลูกชายของเขาดีหรือไม่ อีกฝ่ายก็มาปรากฎตัวในออฟฟิศของเธอในฐานะลูกค้า ที่ต้องการตกแต่งห้องพักภายในคอนโดฯ มิเนียม โดยเจาะจงมัณฑนากรที่ชื่ออัยลินเท่านั้น แม้ภาดล เจ้าของบริษัท 99 อินทีเรีย จะบอกเธอติดโปรเจกต์ของวรรณวิสาอยู่ก็ตาม“ผมรอได้ครับ บอกตรงๆ ผมติดใจการตกแต่งของคุณอัยก็จากเห็นห้องของคุณวิกกี้นี่แหละ”“อ๋อ แบบนี้นี่เอง ถ้าคุณร็อกรอให้อัยทำงานให้คุณวิกกี้เสร็จก่อนก็โอเคครับ” เพราะเรื่องอะไรจะต้องขัดใจลูกค้า ไม่ใช่ลูกค้าธรรมดาเสียด้วยสิ เพราะเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของวรรณวิสา“ครับไม่มีปัญหา”แต่คนที่มีปัญหาคืออัยลิน เพราะเหมือนยิ่งอยากหนีให้ไกลห่าง แต่เขาดันขยับเข้ามาใกล้ ไหนจะเรื่องลูก ไหนจะเรื่องใจที่มันหวั่นไหวกับคนที่กำลังจะแต่งงานกับคนอื่นเธอจะทำยังไงดีเมื่อเขาล่ำลากลับ อัยลินอาสาเดินมาส่งเขาถึงลานจอดรถ“ร็อกจะทำอะไร!” เธอถามสีหน้าเคร่งเครียด“ก็จะแต่งห้องพักใหม่ไง ทำไมล่ะ หรือเธอไม่อยากให้ฉันเปลี่ยนอะไรในห้องนั้น” เขาพูดพร้อมยิ้มมุมปาก“ร็อก อย่าเฉไฉได้ไหม”“โอเค ไม่เฉไฉ แต่เธอน่ะกำลังทำแบบนั้นอยู่หรือเปล่า” เขา
อย่าให้ต้องร้าย!อัยลินนั่งครุ่นคิดด้วยใจสับสนหลังกลับมาจากห้องพักของวรรณวิสา ส่วนลูกชายนั้นหลังจากทำการบ้านเสร็จ เจ้าตัวกำลังนั่งดูการ์ตูนเรื่องโปรด“เป็นอะไรทำหน้าเครียด” พราวที่เพิ่งออกมาจากห้องนอนตนเองเดินมานั่งข้างๆ อัยลินอัยลินยังนิ่งเงียบ เพราะไม่แน่ใจว่าควรบอกเพื่อนหรือเปล่า“น่า มีอะไรก็บอกมาเหอะ หรือได้แก้งาน แต่ไม่น่าจะเป็นงั้น เพราะอีกแค่สิบเปอร์เซ็นงานก็เสร็จแล้ว หรือว่าที่เจ้าบ่าวเขาไม่พอใจการตกแต่งห้องหอ” พราวไม่กล้าเอ่ยชื่อว่าที่เจ้าบ่าวคนนั้นตรงๆ กลัวกระทบใจอัยลิน“ไม่ใช่”“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ”“ก็...” สุดท้ายก็ต้องเล่า เพราะทนความคาดคั้นของพราวไม่ไหว อีกอย่างเธอก็ต้องการคำปรึกษา“โอ๊ย ถึงขั้นที่เขารู้ว่าน้องเรนไม่ใช่ลูกพี่พัท ก็คงต้องบอกความจริงเขาแล้วไหม”“แต่ว่าเขากำลังจะแต่งงานนะ ถ้าบอกไป มันอาจทำให้ความสัมพันธ์ทั้งสองไม่เหมือนเดิมหรือเปล่า”“ทำไม แกคิดว่าหากเขารู้ว่าแกมีลูกกับเขา เขาจะเลิกกับคุณวิกกี้มาอยู่กับแกเหรอ”“เปล่า ฉันไม่คิดแบบนั้น” คนอย่างรชต ไม่ใช่คนจะหวนกลับมางอนง้อคนที่ทำให้เจ็บปวดมาก่อน“แล้วคิดแบบไหน”“ถ้าบอกเขา คุณวิกกี้ก็น่าจะรู้ คิดดูสิผู้หญิง
รชตรอจังหวะที่จะเข้าไปคุยกับอัยลิน กระทั่งเห็นวรรณวิสาเดินออกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงห้อง เขาจึงเดินเข้าไปหา อัยลินซึ่งกำลังคุยกับคนงานคนหนึ่ง ส่วนอีกห้าคนกำลังยุ่งกับงานตนเองรชตยืนอยู่ตรงประตูห้อง รอให้เธอคุยกับคนงานเสร็จ รชตพยักหน้าเรียก เธอจึงเดินมาหาอย่างเลี่ยงไม่ได้ และเพื่อไม่ให้การพูดคุยเป็นจุดสนใจของคนงาน“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ เลิกงานแล้วไปเจอกันที่บ้านของฉัน”“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันนะ” อัยลินปฏิเสธทันควัน“ฉันมีเรื่องจะถามเธอจริงๆ นะ”“ถ้าเป็นเรื่องในอดีต มันไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว เผื่อร็อกยังไม่รู้ ฉันมีลูกกับพี่พัทแล้ว”“แน่ใจเหรอว่าเป็นลูกเขา”คำพูดของรชตทำให้อัยลินนิ่งงัน ทว่าแววตาหวาดหวั่นของเธอก็ทำให้จุดยิ้มมุมปาก เขารู้จักอัยลินมาตั้งแต่ยังเด็ก ปฏิกิริยาผิดปกติของเธอนั้นไม่ได้รอดพ้นสายตา“ใจคอจะไม่พาฉันไปทำความรู้จักกับลูกชายเธอหน่อยเหรอ”“ไม่จำเป็นหรอก!” เธอตอบกลับเสียงห้วน แต่หลบสายตาคาดคั้นของเขา“อัย ฉันให้อภัยเธอได้นะ ที่เธอหักอกฉัน แต่เรื่องอื่นฉันไม่แน่ใจ!”“ทำไม ร็อกจะทำอะไร!”“เธอก็รู้ ที่ผ่านมา เธอเป็นข้อยกเว้นทุกอย่าง ที่ฉันไม่เคยทำอะไรร้ายๆ ใส่ ไม่ว่าเธอจะ
“ทำไม มึงสงสัยเป็นลูกมึงเหรอ”กริชถือเป็นเพื่อนสนิทของรชตสมัยเรียนอยู่เมืองไทย กริชจึงพอจะเข้าใจความสัมพันธ์ของเขากับอัยลินที่มากกว่าเพื่อนสนิทธรรมดา โดยที่รชตเองก็ไม่เคยบอกรายละเอียดอะไรกับกริชหรือใคร นอกจากคนในครอบครัวเท่านั้น“มึงช่วยได้ไหม”“ถ้าให้เพื่อนกูสืบจากพี่กันต์ คิดว่าไม่ได้หรอกมึง ถ้ามึงสงสัยก็น่าจะมาถามอัยดูเอง ตอนนี้มึงก็รู้แล้วนี่ว่าอัยเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมาตั้งแต่ลูกเกิด จนถึงตอนนี้ก็น่าจะยังโสดหรือเปล่าก็ไม่รู้ สวยขนาดนั้น”ประโยชน์สุดท้ายของกริชเหมือนยิ่งทำให้ใจของรชตร้อนรนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งที่นิ่งสงบใจมานาน ตั้งแต่กริชส่งข่าวว่าเจอพัทอุ้มเด็กคนหนึ่ง โดยมีอัยลินเด็กเคียงข้างหรือมันถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องไปเผชิญหน้ากับอัยลิน แม้ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นลูกของเขาหรือไม่ก็ตาม แต่อย่างน้อยตอนนี้อัยลินก็ยังเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ใช่หรืออัยลินหันไปมองที่ทางเข้าทันทีเมื่อได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นพร้อมเสียงพูดคุย เธอคิดว่าเจ้าของห้องเพนท์เฮ้าส์หรูชั้นสูงสุดของตึก คงมาพร้อมกับเลขาเช่นทุกครั้งที่มาดูความคืบหน้าการตกแต่งภายในห้องพัก ซึ่งอีกไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ก็จะ