ยังไม่ทันที่พราวจะโต้ตอบเธอ โทรศัพท์มือถือของอัยลินก็ดังขึ้น น่าแปลกใจที่เป็นเบอร์โทร. ของมารดารชต ซึ่งไม่บ่อยที่ท่านจะโทร. หา เว้นแต่ในวันที่ติดต่อรชตไม่ได้เท่านั้น แต่ในเวลานี้รชตคงไม่อยู่ในสถานการณ์ไม่รับสายมารดาตนเอง
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
“อัย ป้ามีเรื่องอยากคุยกับอัยน่ะ มาหาป้าที่บ้านได้ไหม”
“เกี่ยวกับร็อกเหรอคะ”
“ใช่ มาคุยกับป้าหน่อยได้ไหม ป้าไม่รู้จะคุยกับใครแล้ว”
“เขาไม่รับสายอีกแล้วเหรอคะ”
“ก็ไม่เชิง แต่ป้ามีเรื่องอยากให้อัยช่วยในเรื่องหนึ่ง คุยทางโทรศัพท์ไม่สะดวกน่ะ”
“งั้นเดี๋ยวอัยไปหาค่ะ”
“ป้าจะรอนะ”
“ค่ะ” เมื่อวางสายอัยลินก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า
“มีไรหรอก” พราวถามขึ้น
“แม่ของร็อกโทร. มา มีเรื่องอยากคุยกับฉันน่ะ”
“แล้วคืนนี้กลับหรือเปล่า”
“ก็ดูก่อน ถ้าดึกก็คงค้างที่บ้านป้าภานั่นแหละ ถ้าไม่ดึกมากก็กลับหอ”
จากนั้นอัยลินก็เรียกรถแท็กซี่ตรงไปยังบ้านของรชต ซึ่งใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ
เมื่อเข้ามาในบ้าน ป้าแก้วก็เชิญเธอไปยังห้องโถงชั้นบน ทำให้อัยลินรู้สึกว่าเรื่องที่มารดาของรชตจะคุยกับเธอคงเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญมาก และท่านก็นั่งรอเธออยู่ด้วยสีหน้ากังวล ใบหน้ายังซูบตอบ แววตายังบ่งบอกถึงความเศร้าหมองจากการสูญเสีย ดูเหมือนว่าคุณป้านงนาถยังทำใจกับการสูญเสียครั้งนี้ยังไม่ได้
“สวัสดีค่ะป้านง”
“นั่งเถอะ” คุณนงนาถผายมือที่เก้าอี้ตรงข้าม รอเด็กรับใช้เสิร์ฟน้ำและของว่างจึงเอ่ยขึ้น
“ครั้งนี้ป้ามองไม่เห็นใครแล้วจริงๆ” สีหน้าคนพูดมีแววกังวล
"คุณป้ามีอะไรอยากให้อัยช่วยเหร”คะ"
“คืออย่างงี้นะอัย”
จากนั้นเรื่องที่มารดาต้องการให้เธอช่วย ก็พรั่งพรูออกมาทั้งน้ำตา มันทำให้เธอเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่และคนที่ต้องผลักดันลูกชายเพื่อให้ถึงเป้าหมายของสามีที่จากไป ที่คาดหวังกับรชต ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวที่อยากให้สานฝันเรื่องธุรกิจครอบครัวต่อไป
ตอนนี้น้องชายของสามีได้ดูแลทุกอย่างแทนพี่ชายที่เสียชีวิต น้องคนรองอยู่ในตำแหน่งประธานบริษัท ส่วนน้องชายเล็กอยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว และเป็นหมอด้านศัลยกรรมทรวงอกที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นเรื่องธุรกิจในครอบครัวจึงไม่มีอะไรน่าห่วง
“ป้าอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้จริงๆ นะอัย มันมองไปทางไหน ภาพต่างๆ เกี่ยวกับคุณลุงมันวนเวียนอยู่ในหัวป้า กินก็ไม่ได้ นอนไม่หลับ ป้าไม่อยากเป็นแบบนี้ต่อไป ป้าอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ”
“อัยเข้าใจค่ะ”
“แต่ร็อกไม่เข้าใจ เขาไม่ยอมไปบอสตันกับป้าและพี่รวิ อัยรู้ใช่ไหมว่าเพราะอะไร”
“อือ เพราะอะไรเหรอคะ” อัยลินไม่กล้าคาดเดา เพราะกลัวคำตอบเช่นกัน
“เขาไม่อยากอยู่ห่างจากอัย แต่ป้าก็อยู่ห่างจากเขาไม่ได้เช่นกัน” ในเวลาที่อ่อนแอแบบนี้เธออยากอยู่กับลูกทั้งสองคน
เมื่อได้ยินคำตอบชัดๆ อัยลินก็ถึงกับเงียบไปชั่วครู่
“ร็อกรักอัย และป้ากับลุงก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ตอนนี้ป้าอยากให้ร็อกไปเรียนต่อที่บอสตัน เป็นศัลยแพทย์ด้านทรวงอกแล้วค่อยกลับมาดูแลโรงพยาบาลของครอบครัวอย่างที่พ่อเขาต้องการ”
“คุณป้าก็รู้นี่คะ ร็อกเป็นคนที่ดื้อมาก ถ้าเขาตัดสินใจอะไรแล้ว เปลี่ยนใจเขาไม่ได้เลย” ถึงเธอจะสนิทกับเขา แต่หลายเรื่องใช่ว่ารชตจะฟัง เขาดื้อและเชื่อมั่นในตัวเองมาก และเขาเคยบอกกับเธอว่าอยากเรียนให้จบปริญญาตรีที่เมืองไทยก่อน แล้วไปต่อด้านศัลยกรรมที่เมืองนอก เขาแพลนชีวิตตัวเองไว้อย่างนั้น
“ป้ารู้ ป้าถึงอยากขอร้องอัย ช่วยทำยังไงก็ได้ที่ร็อกจะไปเรียนต่อที่บอสตันในตอนนี้ นะอัย ป้ามองไม่เห็นใครจะช่วยป้าได้แล้ว นอกจากอัย” คุณนงนาถเอื้อมมาจับมือเธอด้วยสีหน้าวิงวอน
“ค่ะ อัยจะทำให้ร็อกไปเรียนบอสตัน ทำความฝันของคุณลุงให้เป็นจริงค่ะ” เพราะเธอเองก็ลืมสิ่งที่ได้คุยกับลุงรวิช ที่รับปากจะดูแลรชต เพื่อให้เขาได้เดินไปสู่เป้าหมายที่เป็นความหวังของท่าน
“ขอบใจมากนะอัย และรอร็อกหน่อยนะ เขาจะกลับมาหาอัยแน่นอน”
“ค่ะ อัยจะรอ” อัยลินไม่แน่ใจประโยคสุดท้ายของ
มารดารชต เพราะเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อวันเวลาผ่านไป รชตจะยังต้องการเธอหรือเปล่าเธอเองก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าจะยังรอเขาหรือไม่
มันไม่มีอะไรแน่นอน แต่สิ่งที่แน่นอนที่สุดในตอนนี้คือทำให้รชตไปเรียนต่อบอสตันให้ได้ ตามที่รับปากมารดาของเขาไว้ เพราะในเวลานี้ดูเหมือนท่านจะอยู่ไกลจากรชตไม่ได้
ถึงแม้อัยลินจะไม่เคยเป็นแม่คน แต่เธอก็เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงที่เพิ่งสูญเสียสามี ที่ไม่อยากอยู่ห่างจากลูกชายคนเดียว รวมทั้งรชตนั้นก็เป็นทั้งความรักและความหวังทั้งหมดของครอบครัว
เมื่อกลับมาถึงหอพักในเวลาค่ำ อัยลินตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับพราว และต้องการความช่วยเหลือจากพี่ชายของอีกฝ่าย
:::::::::::::::::::::
“ร็อก ลูกเป็นยังไงบ้าง” อัยลินถามขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเป็นกังวล“ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก แต่ลูกต้องรักษาด้วยวิธีจี้คลื่นวิทยุ เพราะเป็นวิธีที่รักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ดีมาก เธอไม่ต้องกลัว การจี้คลื่นหัวใจไม่ใช่การผ่าตัด หมอจะสอดสายสวนขนาดเล็ก ผ่านทางหลอดเลือดดำหรือแดง นำทางสายสวนไปยังตำแหน่งของเซลล์หัวใจที่สร้างสัญญาณไฟฟ้าผิดปกติ และใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูงหรือพลังงานความเย็น ในการจี้ทำลายเซลล์นั้น ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย และหมอที่ดูแลลูกเป็นหมอที่เก่งมากๆ” เขาบอกเพื่อให้เธอคลายกังวลตั้งแต่ลูกป่วย อัยลินก็หาข้อมูลเรื่องการรักษามาบ้าง การจี้คลื่นวิทยุไม่ใช่การผ่าตัด แต่คนเป็นแม่ก็ยังไม่สามารถวางใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่ดี“ต่อไปนี้เรื่องลูกปล่อยให้เป็นธุระฉันแล้วกันนะ” ท้ายประโยคนั้นเขาบอกเสียงเข้ม แววตาที่มองเธอมีแววคาดโทษ“ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกเรื่องลูก คือ...”“แน่นอนฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่ แต่ไว้คุยกันทีหลัง!” เขาบอกแค่นั้น แล้วหมุนกายจากไปรชตผู้เย็นชาได้กลับมาอีกครั้งอัยลินคุยโทรศัพท์กับพัทและพราวอยู่ครึ่งชั่วโมง ทั้งสองกำลังจะเดินทางมาเยี่ยมน้องเรนเธอนั่งอยู่หน้าห้องฉุกเ
เรื่องของพ่อลูกชายหนุ่มทิ้งตัวบนเตียง ซึ่งห้องพักผ่อนเขาอยู่หลังห้องทำงานนั่นเอง เพิ่งประชุมกับคณะกรรมบริหารโรงพยาบาลเสร็จ ทั้งที่เขาเองก็บึ่งรถจากโรงพยาบาลที่ยังเป็นเรสสิเด้นซ์ด้านศัลยศาสตร์อยู่ชีวิตในแต่ละวันเหนื่อยแทบขาดใจ แต่หนทางสู่การเป็นศัลยแพทย์โรคหัวใจเด็กก็ยังอยู่อีกไกล แต่ก็ไม่ได้ท้อ แต่เพียงแค่อยากมีอะไรให้เยียวยาหัวใจที่เหนื่อยล้าบ้าง สักนิดก็ยังดีชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู มีสายเข้านับไม่ถ้วนที่เขาไม่ได้รับ แต่สายที่รอคอนั้นไม่มีเลย ทั้งที่คุยกันวันนั้นก็ผ่านมานับเดือนแล้วอัย เธอใจร้ายเกินไปแล้วนะ ใจคอจะไม่ให้ฉันเจอลูกเลยเหรอ!งั้นก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายแล้วกัน!เขาคิดอย่างขุ่นเคืองทว่าเสียงริงโทนที่เขาตั้งไว้สำหรับใครบางคนก็ดึงขึ้น หัวใจเขากระตุก ยิ้มมุมปาก แล้วปล่อยให้เสียงนั้นดังต่อไปเรื่อยๆ กระทั่งเสียงนั้นหายไปเองดังอยู่แบบนั้นสองครั้ง ครั้งที่สามเขาจึงกดรับสาย“ถ้าเธอโทร. มาช้ากว่านี้ฉันจะ...”“ร็อก ช่วยลูกด้วย ฮือๆ”“เกิดอะไรขึ้น!”“ลูกเป็นลมอีกแล้ว ฮือๆ”“ลูกใคร!”“ลูกของอัยไง และก็ลูกของร็อกด้วย!”รชตอยากให้อัยลินบอกว่าลูกของเธอนั้นเป็นลูกใคร แต่ไม่คิดว่าจะ
สามวันต่อมาขณะที่อัยลินกำลังชั่งใจว่าควรจะบอกรชตไปตรงๆ ว่าน้องเรนคือลูกชายของเขาดีหรือไม่ อีกฝ่ายก็มาปรากฎตัวในออฟฟิศของเธอในฐานะลูกค้า ที่ต้องการตกแต่งห้องพักภายในคอนโดฯ มิเนียม โดยเจาะจงมัณฑนากรที่ชื่ออัยลินเท่านั้น แม้ภาดล เจ้าของบริษัท 99 อินทีเรีย จะบอกเธอติดโปรเจกต์ของวรรณวิสาอยู่ก็ตาม“ผมรอได้ครับ บอกตรงๆ ผมติดใจการตกแต่งของคุณอัยก็จากเห็นห้องของคุณวิกกี้นี่แหละ”“อ๋อ แบบนี้นี่เอง ถ้าคุณร็อกรอให้อัยทำงานให้คุณวิกกี้เสร็จก่อนก็โอเคครับ” เพราะเรื่องอะไรจะต้องขัดใจลูกค้า ไม่ใช่ลูกค้าธรรมดาเสียด้วยสิ เพราะเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของวรรณวิสา“ครับไม่มีปัญหา”แต่คนที่มีปัญหาคืออัยลิน เพราะเหมือนยิ่งอยากหนีให้ไกลห่าง แต่เขาดันขยับเข้ามาใกล้ ไหนจะเรื่องลูก ไหนจะเรื่องใจที่มันหวั่นไหวกับคนที่กำลังจะแต่งงานกับคนอื่นเธอจะทำยังไงดีเมื่อเขาล่ำลากลับ อัยลินอาสาเดินมาส่งเขาถึงลานจอดรถ“ร็อกจะทำอะไร!” เธอถามสีหน้าเคร่งเครียด“ก็จะแต่งห้องพักใหม่ไง ทำไมล่ะ หรือเธอไม่อยากให้ฉันเปลี่ยนอะไรในห้องนั้น” เขาพูดพร้อมยิ้มมุมปาก“ร็อก อย่าเฉไฉได้ไหม”“โอเค ไม่เฉไฉ แต่เธอน่ะกำลังทำแบบนั้นอยู่หรือเปล่า” เขา
อย่าให้ต้องร้าย!อัยลินนั่งครุ่นคิดด้วยใจสับสนหลังกลับมาจากห้องพักของวรรณวิสา ส่วนลูกชายนั้นหลังจากทำการบ้านเสร็จ เจ้าตัวกำลังนั่งดูการ์ตูนเรื่องโปรด“เป็นอะไรทำหน้าเครียด” พราวที่เพิ่งออกมาจากห้องนอนตนเองเดินมานั่งข้างๆ อัยลินอัยลินยังนิ่งเงียบ เพราะไม่แน่ใจว่าควรบอกเพื่อนหรือเปล่า“น่า มีอะไรก็บอกมาเหอะ หรือได้แก้งาน แต่ไม่น่าจะเป็นงั้น เพราะอีกแค่สิบเปอร์เซ็นงานก็เสร็จแล้ว หรือว่าที่เจ้าบ่าวเขาไม่พอใจการตกแต่งห้องหอ” พราวไม่กล้าเอ่ยชื่อว่าที่เจ้าบ่าวคนนั้นตรงๆ กลัวกระทบใจอัยลิน“ไม่ใช่”“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ”“ก็...” สุดท้ายก็ต้องเล่า เพราะทนความคาดคั้นของพราวไม่ไหว อีกอย่างเธอก็ต้องการคำปรึกษา“โอ๊ย ถึงขั้นที่เขารู้ว่าน้องเรนไม่ใช่ลูกพี่พัท ก็คงต้องบอกความจริงเขาแล้วไหม”“แต่ว่าเขากำลังจะแต่งงานนะ ถ้าบอกไป มันอาจทำให้ความสัมพันธ์ทั้งสองไม่เหมือนเดิมหรือเปล่า”“ทำไม แกคิดว่าหากเขารู้ว่าแกมีลูกกับเขา เขาจะเลิกกับคุณวิกกี้มาอยู่กับแกเหรอ”“เปล่า ฉันไม่คิดแบบนั้น” คนอย่างรชต ไม่ใช่คนจะหวนกลับมางอนง้อคนที่ทำให้เจ็บปวดมาก่อน“แล้วคิดแบบไหน”“ถ้าบอกเขา คุณวิกกี้ก็น่าจะรู้ คิดดูสิผู้หญิง
รชตรอจังหวะที่จะเข้าไปคุยกับอัยลิน กระทั่งเห็นวรรณวิสาเดินออกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงห้อง เขาจึงเดินเข้าไปหา อัยลินซึ่งกำลังคุยกับคนงานคนหนึ่ง ส่วนอีกห้าคนกำลังยุ่งกับงานตนเองรชตยืนอยู่ตรงประตูห้อง รอให้เธอคุยกับคนงานเสร็จ รชตพยักหน้าเรียก เธอจึงเดินมาหาอย่างเลี่ยงไม่ได้ และเพื่อไม่ให้การพูดคุยเป็นจุดสนใจของคนงาน“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ เลิกงานแล้วไปเจอกันที่บ้านของฉัน”“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันนะ” อัยลินปฏิเสธทันควัน“ฉันมีเรื่องจะถามเธอจริงๆ นะ”“ถ้าเป็นเรื่องในอดีต มันไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว เผื่อร็อกยังไม่รู้ ฉันมีลูกกับพี่พัทแล้ว”“แน่ใจเหรอว่าเป็นลูกเขา”คำพูดของรชตทำให้อัยลินนิ่งงัน ทว่าแววตาหวาดหวั่นของเธอก็ทำให้จุดยิ้มมุมปาก เขารู้จักอัยลินมาตั้งแต่ยังเด็ก ปฏิกิริยาผิดปกติของเธอนั้นไม่ได้รอดพ้นสายตา“ใจคอจะไม่พาฉันไปทำความรู้จักกับลูกชายเธอหน่อยเหรอ”“ไม่จำเป็นหรอก!” เธอตอบกลับเสียงห้วน แต่หลบสายตาคาดคั้นของเขา“อัย ฉันให้อภัยเธอได้นะ ที่เธอหักอกฉัน แต่เรื่องอื่นฉันไม่แน่ใจ!”“ทำไม ร็อกจะทำอะไร!”“เธอก็รู้ ที่ผ่านมา เธอเป็นข้อยกเว้นทุกอย่าง ที่ฉันไม่เคยทำอะไรร้ายๆ ใส่ ไม่ว่าเธอจะ
“ทำไม มึงสงสัยเป็นลูกมึงเหรอ”กริชถือเป็นเพื่อนสนิทของรชตสมัยเรียนอยู่เมืองไทย กริชจึงพอจะเข้าใจความสัมพันธ์ของเขากับอัยลินที่มากกว่าเพื่อนสนิทธรรมดา โดยที่รชตเองก็ไม่เคยบอกรายละเอียดอะไรกับกริชหรือใคร นอกจากคนในครอบครัวเท่านั้น“มึงช่วยได้ไหม”“ถ้าให้เพื่อนกูสืบจากพี่กันต์ คิดว่าไม่ได้หรอกมึง ถ้ามึงสงสัยก็น่าจะมาถามอัยดูเอง ตอนนี้มึงก็รู้แล้วนี่ว่าอัยเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมาตั้งแต่ลูกเกิด จนถึงตอนนี้ก็น่าจะยังโสดหรือเปล่าก็ไม่รู้ สวยขนาดนั้น”ประโยชน์สุดท้ายของกริชเหมือนยิ่งทำให้ใจของรชตร้อนรนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งที่นิ่งสงบใจมานาน ตั้งแต่กริชส่งข่าวว่าเจอพัทอุ้มเด็กคนหนึ่ง โดยมีอัยลินเด็กเคียงข้างหรือมันถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องไปเผชิญหน้ากับอัยลิน แม้ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นลูกของเขาหรือไม่ก็ตาม แต่อย่างน้อยตอนนี้อัยลินก็ยังเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ใช่หรืออัยลินหันไปมองที่ทางเข้าทันทีเมื่อได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นพร้อมเสียงพูดคุย เธอคิดว่าเจ้าของห้องเพนท์เฮ้าส์หรูชั้นสูงสุดของตึก คงมาพร้อมกับเลขาเช่นทุกครั้งที่มาดูความคืบหน้าการตกแต่งภายในห้องพัก ซึ่งอีกไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ก็จะ