เกริ่นนำ
“เอ่อ…สา เรารู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว?” ผมเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้า ในขณะที่มีม่านหมอกเพื่อนสนิทของผมนั่งอยู่ด้วย
“เกือบปีแล้ว นายมีอะไรหรือเปล่า?” เธอยิ้มให้ผมจนเห็นฟันเรียงสวย ผมชอบเธอมาก ๆ อยากอยู่ใกล้ ๆ อยากเห็นรอยยิ้มแสนสดใสแบบนี้ทุกวัน
“จั่น…เอ่อ…” ผมเม้มปากเป็นเส้นตรงรวบรวมความกล้าของตัวเอง ผมอยากจะสารภาพความในใจกับเธอ
“มีอะไรก็พูดมาเถอะ สารอฟังค่ะ” เธอส่งยิ้มหวาน พร้อมกับจับมือของผม ผมใช้มืออีกข้างมาจับมือของเธอเอาไว้แน่น
“จั่น กูไปซื้อน้ำก่อนนะ” ม่านหมอกว่าพร้อมลุกขึ้น
“อืม ซื้อมาเผื่อกูกับสาด้วยนะ” ผมพูดกับม่านหมอก ผมกับเธอสนิทกับมาก จะใช้มึงกูกันตลอด ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
“อืม” ม่านหมอกพยักหน้ารับคำ แล้วเดินไป
“ตลอดเวลาที่รู้จักกัน จั่นชอบริสามากนะ แล้วริสาล่ะรู้สึกอย่างไร?”
“สารู้สึกดีค่ะ ที่มีจั่นอยู่ใกล้ ๆ” ริสายิ้มพร้อมกับหลบสายตาผมอย่างเขินอาย
“รู้สึกเหมือนกันเลย” ผมว่าพลางยกมือขึ้นทัดผมให้ริสา
“ค่ะ”
“เป็นแฟนกับจั่นนะริสา”
“ค่ะ” คำตอบของริสาทำเอาผมยิ้มแก้มแทบแตก เมื่อได้ฟังคำตอบนั้น คำตอบที่ผมหวังมาตลอด ผมมองใบหน้าสวยหวานนั้นอย่างรักใคร่ ก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ผมย้ายออกมาจากบ้าน มาอยู่คอนโดของตัวเองตั้งแต่เรียนปี1 วันเวลาก็ผ่านมาหลายปีจนกระทั่งผมเรียนจบ เริ่มทำงานที่บริษัทของพ่อผม และผมกับริสาก็ปลูกต้นรักสุกงอมเต็มที่
“มึงพากูมาทำอะไรที่นี่วะ” ม่านหมอกเอ่ยถามผมขณะที่ผมขับรถมาจอดที่หน้าบ้านของแฟนสาว ผมหยิบกล่องกำมะยี่สีดำออกมา จากนั้นก็ชูกล่องนั้นให้เพื่อนสนิทของผมดู
“กูจะขอริสาแต่งงาน” ผมพูดอย่างยิ้มแย้ม แต่คนฟังกลับหน้าซีดเผือด แววตาสั่นระริก ก่อนจะปรับเป็นแววตาราบเรียบ
“อ๋อ…” ม่านหมอกพยักหน้า ก่อนจะหันหน้าไปมองกระจกข้าง ๆ
“มึงว่าริสาจะดีใจไหมวะ?”
“คงดีใจมั้ง” ม่านหมอกพูดเสียงเรียบ แต่ไม่หันมามองผม
“หมอก มึงรอกูอยู่ในรถนะ เดี๋ยวกูไปหาริสาก่อน”
“อืม ไปเถอะ” ม่านหมอกหันมาพยัก พร้อมกับส่งยิ้มฝืน ๆ ให้ผม ก่อนเธอจะหันไปมองข้างทางแบบเดิม
ผมถือกล่องกำมะยี่สีดำเดินเข้าไปในบ้าน ผมกวาดสายตามองหาหญิงคนรัก แต่ก็ไม่เจอ ผมเดินขึ้นไปบนบ้านเธออย่างถือวิสาสะ เมื่อก่อนผมมาบ่อย แต่ช่วงหลัง ๆ ผมต้องช่วยครอบครัวทำงาน เลยไม่ค่อยได้มา แต่ผมก็ติดต่อกับเธอตลอด แค่พักหลัง ๆ เองที่ห่างกัน
ผมก้าวเท้าไปที่ห้องริสาอย่างผ่าวเบา ผมต้องการเซอร์ไพรส์คนรักของผม ประตูห้องของเธอไม่ได้ปิด ทำให้ผมได้เห็นชายหญิงในห้องอย่างชัดเจน ริสาใช้ท่อนแขนเรียวเล็กโอบรอบคอของชายหนุ่มที่โอบรอบเอวบางของเธอ
อารมณ์ผมเดือดถึงขีดสุด เมื่อได้เห็นทั้งสองพลอดรักกัน ผมปรี่เข้าไปกระชากไอ้บ้านั่นทันที
“ว้าย!” ริสากรีดร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อผมกระชากไอ้บ้านั่นออกมา
ผัวะ! ผัวะ! ผมประเคนหมัดใส่ใบหน้าคมคายของไอ้บ้านั่นอย่างบ้าคลั่ง เมื่อได้เห็นว่ามันกำลังจูบแฟนของผมอยู่
“หยุด!”
“ทำไมต้องหยุด!”
ผัวะ! ผัวะ!
“โอ๊ย! โอ๊ย!”
“จั่นไม่ปล่อยมันลอยหน้าลอยตาอยู่แบบนี้หรอกนะ แม่ง! สารเลว! ไอ้เชี่ย!” ผมสบถถ้อยคำหยาบคาย ริสาเข้าไปประคองไอ้บ้านั่นขึ้น ผมกำหมัดแน่นจะเข้าไปชกมันอีกครั้ง
เพียะ!
ฝ่ามือเรียวเล็กของผู้หญิงที่ผมรักสะบัดลงใบหน้าคมคายของผมทันที จนหน้าของผมหันไปตามเเรงตบ แรงตบของเธอทำเอาผมชาไปทั้งใบหน้า ผมจับหน้าตัวเองพร้อมกับใช้ลิ้นดันกระพุงแก้มตัวเอง
“หยุด อย่ามาทำร้ายเดรโกนะ” ริสาชี้หน้าผม พร้อมกับมองผมด้วยความโกรธ หัวใจของผมกระตุกวาบเมื่อได้เห็นท่าทางของเธอ
“ทะ…ทำไมสาถึงพูดแบบนี้?” ผมเสียงสั่นมองหน้าผู้หญิงที่ผมรักด้วยหัวใจเจ็บปวด เมื่อได้เห็นเธอปกป้องไอ้บ้านั่น
“เราเลิกกันเถอะ” คำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากบางเล็ก ทำเอาผมแทบทรุดไปกับพื้น ร่างกายของผมชาวาบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้ากับสิ่งที่ได้ยิน
“มะ… ไม่” ผมพูดพร้อมกับส่ายหัวไปมา ผมไม่เลิกไม่ว่าเหตุผลใดก็ตามผมก็ไม่เลิก ผมพยายามกอดร่างบางเล็ก ของหญิงสาวตรงหน้าเอาไว้แน่น ๆ ผมอยากให้เธอได้รับรู้ความรักที่ผมมีให้เธอ มันมากล้นจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้
“น่ารำคาญ ปล่อย” ริสาสะบัดตัวออก แต่ผมไม่ยอมปล่อยผมพยายามเหนี่ยวรั้งเธอเอาไว้เต็มที่
“สา ฮึก! ได้โปรดอย่าทำแบบนี้ ฮือ ๆ” น้ำตาลูกผู้ชายของผมไหลรินอาบแก้ม พยายามเหนี่ยวรั้งผู้หญิงที่ผมรักสุดหัวใจเอาไว้ เพื่อไม่ให้เธอไปจากผม
“ฉันไม่ได้รักนายแล้ว ต่อไปนี้เราไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกัน ฉันจะได้ไปใช้ชีวิตใหม่ กับผู้ชายคนที่ดีกว่านาย”
“สา ฮึก!”
“ปล่อย”
“สา ฮือ ๆ อย่าไปจากจั่นเลย”
“ผู้หญิงเขาบอกให้ปล่อยไง” ผู้ชายที่อยู่กับริสาเข้ามาผลักผมจนล้มลง ผมหมดแรงจะลุกจะเดิน จะทำอะไรแล้ว ในเมื่อสิ่งที่ผมคิดว่ามันเป็นความสุขกลับพังทลายลง
“สา สาต้องการอะไร จั่นจะหามาให้ทุกอย่าง” ผมพูดทั้งน้ำตา ความรักที่ผมกับเธอร่วมสร้างกันมามันพังทลายลง เมื่อต้องการไปอยู่กับคนอื่น ทำไมผมถึงได้เจ็บปวดรวดร้าวในหัวใจผมได้ขนาดนี้
“ได้โปรด”
“ไปตายซะ!” ริสาเดินจับมือกันไปกับไอ้เดรโกอย่างไม่ไยดี ขณะที่ผมกำลังร้องไห้ฟูมฟาย
“ฮึก! สา อย่าไปเลย จั่นมีแหวนเพชรเม็ดใหญ่ จั่นตั้งใจจะเอามาขอสาแต่งงาน สาอย่าไปกับมันนะ” ผมจับมือของริสาเอาไว้พร้อมกับยื่นแหวนให้เธอดู
“แหวนเล็กนิดเดียว ฉันไม่ต้องการ” ริสาปัดกล่องแหวนของผมจนมันกระเด็นตกไป
“สา ฮึก! ตอบจั่นสิจั่นผิดอะไร?” ใจของผมมันเจ็บจนชาไปหมด ผมแทบไม่มีเรี่ยวแรงจะประคองร่าง หูของผมมันอื้ออึง ตาของผมมันพร่ามัว เพราะถูกบดยังไปด้วยม่านน้ำตา ร่างกายของผมมันชาไร้ความรู้สึก หัวใจของผมมันกำลังหมดแรง มันเหมือนเต้นลงช้า ๆ และกำลังจะแตกสลาย
“...”
“บอกจั่นมาสิ ฮือ ๆ” ผมร้องไห้ราวกับเด็กน้อยเสียขวัญ ผมสะอื้นตัวโยนกอดร่างของผู้หญิงที่ผมรักจากทางด้านหลัง
“ฉันจะไปรอที่รถนะ” เดรโกพูดอย่างหงุดหงิดแล้วเดินออกไป ริสาแกะมือของผมออก แล้วหันมาประจันหน้ากับผม
“สาไม่ได้รักนายแล้วปั้นจั่น ปล่อยสาไปมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเถอะ” ริสาว่าจบแล้วเดินออกไป เธอไม่แม้จะหันมามองผมด้วยซ้ำ
เรื่องนี้เพื่อนแอบรักเพื่อนนะคะ และมีคำหยาบค่ะ
วันเวลาผ่านไปอีก3เดือนค่ะ ฉันกลับมาใช้ชีวิตเป็นครอบครัวกับปั้นจั่นที่กรุงเทพโดยที่พ่อของฉันไม่ขัดข้องประการใดค่ะ ฉันมีความสุขมากๆเลยค่ะ ที่พ่อของฉันไม่เกลียดปั้นจั่นเหมือนแต่ก่อน ปั้นจั่นคงจะทำให้ท่านเห็นว่าเขายังมั่นคงกับฉัน เพราะเขาแสดงออกว่าเขารักฉันกับลูกตอนที่ไปบ้านพ่อแม่ฉันถึงแม้ว่าฉันกับเขาจะเลิกรากันไปถึง 10 ปีปั้นจั่นไม่มีใคร ฉันเองก็ไม่มีเหมือนกัน พ่อก็คงจะใจอ่อนให้เขา และสิ่งที่เขากระทำตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือเขาไปหาอันนาอยู่เสมอ เขาไม่เคยรับผู้หญิงคนอื่นเข้ามาแทรกเลยความรักครั้งใหม่สดใสอีกครั้ง ฉันเลือกที่จะอภัยเพราะมันถึงเวลาที่ควรอภัยแล้ว เขาปรับปรุงตัวและไม่มีใคร ถึงมันจะเป็นความผิดที่ไม่น่าให้อภัย แต่ฉันก้าวผ่านและอภัยให้เขาแล้วฉันยังมั่นคง ไม่มีใครลืมรักแรกได้ ฉันไม่เคยลืมและไม่มีใคร ไม่ใช่ว่าตลอดระยะเวลา10ปีฉันเฝ้ารอเขานะคะ ฉันไม่ได้รอเขาหรอก แต่ฉันไม่สามารถรับใครเข้ามาในหัวใจได้ฉันรับน้ำค้างมาอยู่ที่บ้านแล้วนะคะ ถึงแม้ว่าตอนแรกเธอจะไม่อยากมา อิดออดมากเลยค่ะเพราะเธออยากอยู่ใกล้คุณพายุ แต่ในเมื่อฉันกลับมาอยู่กับปั้นจั่นแล้ว ฉันก็ไม่อยากให้น้
ม่านหมอกเเสงแดดอุ่นๆแผ่เข้ามากระทบร่าง ฉันซุกหน้ากับอกแกร่งของปั้นจั่น อกที่คุ้นเคยอกนี้มันอุ่นมากเลยค่ะ อุ่นสุด ๆ เลยค่ะหลังจากที่จบศึกสวาทกันฉันก็หมดแรง คนที่นอนอยู่ข้างๆทั้งถึกทั้งทน ฉันถึงกับอ่อนเปลี้ยเพลียแรงฉันเงยหน้าจ้องใบหน้าคมคายของเขา ตอนนี้ปั้นจั่นหลับตาอมยิ้มที่มุมปากน้อยๆ เขาดูมีความสุขมากเลยค่ะ ซึ่งมันไม่ต่างจากฉันตอนนี้ ฉันมีความสุขมากที่ได้กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับเขา ถึงแม้ว่าใจของฉันมันจะสับสน แล้วรู้สึกหวาดหวั่นกับสิ่งที่เขาทำ แต่ที่ผ่านมาเขาก็ได้พิสูจน์ให้ฉันได้เห็นว่า เขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีจริงๆ“จ้องการแบบนี้มาขี่ม้ากันเลยดีกว่า” เขาพูดพร้อมกับ เปิดเปลือกตาขึ้นต้องมองฉัน ฉันนี่เขินหน้าดำหน้าแดงเลยค่ะ“บ้าน่า” ฉันค้อนใส่เบาๆก่อนจะค่อยๆคลายกอดเขา ฉันหยัดกายลุกขึ้นจากเตียงหมับ!“ว้าย!” ฉันกรีดร้องอย่างตกใจ ปั้นจั่นคว้าตัวของฉันเอาไว้ พร้อมกับฝังจมูกไปตามพวงแก้มของฉัน“กลิ่นตัวหมอกหอมจัง” เขาพูดจมูกก็เริ่มซุกไซร้ตามเนื้อตัวของฉัน ไม่นะ! ไม่ เรื่องบนเตียงตอนนี้ต้องพักก่อน มือของเขาเริ่มลูบไปตามเนื้อตัวของฉัน ยุกยิกเป็นหนวดปลาหมึกเชียวค่ะ“ไปอ
ปั้นจั่นTALKผมจูบหมอกเร่าร้อนราวทะเลเดือด จูบราวกับสูบวิญญาณเธอออกจากร่าง ผมประคองใบหน้าของหมอก จูบเน้นๆแล้วสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอม่านหมอกขัดขืนในตอนแรกพยายามผลักผมออก แต่ผมไม่ยอมหรอกครับ วันนี้ผมต้องได้เมียคืน พี่ชายพี่สาวพ่อแม่และทุกคนๆช่วยกันวางแผนขนาดนี้ผมต้องตีมึนเอาไว้ผมดันเธอไปชิดกำแพงในขณะที่จูบเธอไปด้วย มือของผมเลื่อนลงต่ำมาบีบเค้นที่อกอวบของเธอ มืออีกข้างก็ถลกกระโปรงแล้วสอดมือเข้าไปในแพนตี้ตัวจิ๋วม่านหมอกสะดุ้งทันทีที่มือผมสัมผัส ผมกดคลำลากตามร่องยาวปริ่มน้ำ ม่านหมอกพยายามต่อต้าน ร่างกายเธอเริ่มบิดไปมาผมกรีดนิ้วจนกระทั่งเจอเม็ดทับทิม“อ้ะ ...ปะ... ปั้นจั่น” ม่านหมอกครางเบาๆ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดเมื่อปากเป็นอิสระ ผมทนมามากพอแล้ว ผมไม่ได้ปลดปล่อยมา10ปี และวันนี้ผมจะไม่ทน“หมอกจ๋า จั่นอยาก” ผมพูดเสียงกระเส่า รู้สึกต้องการเรื่องอย่างว่า แก่นกายของผมมันปวดหนึบจนแทบจะปริแตก มันผงาดชี้โด่พร้อมกับมีน้ำใสๆ ไหลเยิ้มออกมา“พะ... พอ... ยะ... หยุดสักที”“หยุดทำไม? นี่คือความสุขนะหมอก”“มะ... ไม่เอา พะ... พอ” ม่านหมอกพูดอยู่แค่นั้นวนไปมา ผมไ
“หมอกไปกรุงเทพก่อนนะพ่อ” ฉันเอ่ยกับพ่อสุนทรในขณะที่ท่านกำลังง่วนอยู่กับการสั่งงานลูกน้อง วันนี้ท่านให้คนมาทำถนนทางไปบ้านของฉันกับบ้านที่ปั้นจั่นเคยอาศัยอยู่ และคนงานกำลังฟังอย่างตั้งใจ“อันนารบเร้าให้พาไปหาพ่อมันละสิ”“ใช่ค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับมองแผ่นหลังของพ่อ พ่อไม่ชอบปั้นจั่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ท่านอาจจะไม่พอใจที่ฉันจะพาอันนาไปหาเขา“...”“พ่อคะ...” ฉันเม้นปากพร้อมกับเรียกท่าน“ไปเถอะ ผ่านมาหลายปีดีดักแล้ว หมอกมั่นคงกับมัน มันก็มั่นคงกับหมอก พ่อคงไม่ห้ามอะไรแล้ว เพราะที่ผ่านมามันก็พิสูจน์ตัวให้พ่อเห็นแล้ว”“ค่ะ”“รักคุณตาที่สุดเลยค่ะ” อันนาเช้าไปกอดพ่อสุนทร“รักเหมือนกันครับ ไปกับคุณแม่ก็บอกคุณแม่ให้ขับรถดีๆด้วยนะ”“ค่ะ”“ให้ไอ้วัดไปขับรถให้ไหม? ““ไม่เป็นไรค่ะ หมอกขับเองดีกว่า”“อืม รีบไปเถอะ เดี๋ยวพ่อคุยงานกับพวกคนงานก่อน”“ค่ะ”“รีบไปเถอะค่ะแม่”ฉันรีบพาบุตรสาวไปขึ้นรถจากนั้นก็ขับออกไปโดยที่มีสาวใช้คนสนิทตามไปด้วย“ ซื้อของฝากไปฝากคุณย่าด้วยนะแม่”“ได้จ้ะ” ฉันขับรถไปถึงร้านของฝากแล้วพาบุตรสาวไปเลือกของตามต้องการ“เอาไปเยอะๆเลยนะคะคุณแม่”“จ้า”ผ่านไปหลายชั่วโมง
ปั้นจั่นTALK“ปั้นจั่น เดือนนี้จะไปหาหมอกกับลูกใหม่?” แม่ผมเอ่ยถามขณะที่เดินเข้ามาในบริษัทพร้อมกับพี่สาวของผม“ผมอยากไปจะแย่แล้วครับแม่ คราวก่อนเหมือนหมอกจะใจอ่อนกับผมแล้ว ถ้าผมไปพูดหยอดเธอบ่อยๆ อีกไม่นานคงจะใจอ่อน” ผมเอ่ยกับมารดายิ้ม ๆ ก่อนจะก้มหน้าเซ็นเอกสารกองโตที่อยู่ตรงหน้า งานเยอะมาก เยอะสุด ๆ เลยครับ“เดี๋ยวแม่โทรไปชวนหมอกมาเที่ยวดีกว่า หลายปีแล้วนะที่หมอกไม่มากรุงเทพ แม่อยากให้หมอกมาอยู่กรุงเทพมาก ๆ อยากให้หลานมาเรียนที่นี่ด้วย”“หมอกก็คงปฏิเสธเหมือนทุกครั้งแหละครับ เฮ้อ!”“แต่แม่อยากให้หมอกกับแกคืนดีกันสักที”“ผมก็พยายามอยู่ครับ”“แกพยายามไม่มากพอนะสิ แม่อยากให้หมอกมาอยู่ที่นี่แล้ว” แม่ผมทำหน้าเศร้า“แกก็ช่วยทำให้ความฝันของแม่เป็นจริงหน่อยสิวะ” พี่ปั้นสิบเดินเข้ามา วันนี้วันอะไร ทำไมทุกคนถึงพร้อมใจกันมาหาผม“ทำยังไง?” ผมขมวดคิ้วเข้มชนกัน “มึงก็เอาม่านหมอกกับมาเป็นเมียมึงสิวะ ผ่านมาหลายปีแล้ว กูว่าม่านหมอกคงใจอ่อนแล้วแหละ” พี่ปั้นสิบเอ่ย“บ้าน่า หมอกโกรธกูจะทำยังไงล่ะ กูกลัวเธอโกรธ” ผมเอ่ย ผมกลัวหมอกโกรธจริง กลัวมากเพราะหมอกเป็นคนค่อนข้างใจแข็ง ถ้าได้โกรธผมเอง เธอคง
Chapter 60ฉันมองปั้นจั่นที่ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ฉันรู้ว่าเขาเจ็บแต่ฉันต้องทำแบบนี้ ฉันต้องให้เขาออกไปจากชีวิตฉันตามที่เขาสัญญาเอาไว้ ฉันดูใจร้ายมากไหมคะ? ฉันต้องทำแบบนี้ ฉันต้องทำ มันต้องจบได้แล้ว “หมอก ฮึก” ปั้นจั่นร้องไห้สะอึกสะอื้นหัวใจของฉันเจ็บหนึบ ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่รักเขา มันคือความรักที่มั่นคงมาก ฉันไม่สามารถเอาใครมาแทนเขาได้ และฉันไม่สามารถกลับไปหาเขาได้เหมือนกัน“กลับไปทำหน้าที่ลูกเถอะ กูจะบอกเขาว่ามึงเป็นพ่อ กูสัญญาจะดูแลเขาให้ดี”“ฮึก ๆ ฮื่อ ๆ” ฉันค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งบนเตียง ปั้นจั่นมองหน้าฉันด้วยสายตาเจ็บปวด เขาต้องเจ็บอยู่แล้ว การจากลามันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก เขาจูบที่หน้าผากลูกของฉันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะส่งลูกให้แม่ของฉัน เขามองหน้าฉันแล้วเดินมาหาฉันหมับ!เขาสวมกอดฉันแล้วร้องไห้ออกมา ฉันร้องไห้ไม่ต่างกัน มันเจ็บนะคะที่ยังรักแต่ต้องจากกัน ฉันกอดตอบเขาอ้อมกอดนี้มันเคยเป็นเป็นของฉัน แต่มันเป็นเพียงอดีตแล้ว มันเจ็บนะคะที่ต้องจากทั้งที่ยังรัก แต่วันเวลาผ่านไปทุกความเจ็บปวดมันจะผ่านพ้นไป “ขอให้มึงโชคดี ไปทำหน้าที่ของมึงซะเถอะ” ฉันพูดเสียงส