Chapter 1
ม่านหมอก… TALK...
ฉันนั่งรอเพื่อนรักของฉันอยู่ที่รถ ยอมรับว่าฉันเสียใจ ที่ปั้นจั่นไม่เคยรับรู้ว่าฉันรักเขามากแค่ไหน
ปั้นจั่นคบกับริสา ไม่ใช่ว่าฉันไม่เจ็บ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉันได้แต่เฝ้ามองทั้งสองพลอดรักกันอย่างมีความสุข ซึ่งมันต่างจากหัวใจของฉันที่ทุกข์ระทมตรอมตรมมาตลอด
ฉันรักผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของตัวเอง...
ฉันจะแสดงความรู้สึกกับเพื่อนได้อย่างไรกัน ว่าฉันรักเขามากกว่าเพื่อน ถ้าฉันสารภาพออกไป ฉันก็กลัวความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับปั้นจั่นมันจะแย่ลง ฉันกลัวเสียเพื่อนรักฉันกลัวเสียผู้ชายที่ฉันรักไป
ฉันเลือกที่จะเงียบและดูเพื่อนรักของฉันมีความสุข ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บ แต่ฉันก็ยังมีเขาอยู่ข้าง ๆ
ฉันมองร่างของชายร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายเดินออกมาจากบ้าน เขาเดินไปเตะกระถางต้นไม้ แล้วเดินไปนั่งรถสปอร์ตหรูอย่างไม่สบอารมณ์ ผ่านไปสักพักริสาก็เดินออกมาจากบ้านแล้วเดินไปขึ้นรถสปอร์ตหรูแล้วขับออกไป
ฉันขมวดคิ้วมุ่นในเมื่อปั้นจั่นบอกว่าจะไปขอริสาแต่งงาน แล้วทำไมริสาถึงไปกับผู้ชายอีกคน แล้วเพื่อนสนิทของฉันทำไมถึงไม่ออกมา สมองของฉันมันตีกันยุ่งเหยิงไปหมด
ฉันนั่งอยู่บนรถอย่างร้อนรน สักพักปั้นจั่นก็เดินออกมาอย่างคนหมดแรง ใบหน้าของเขามีน้ำตาเม็ดใสไหลอาบแก้ม ฉันรีบลงจากรถแล้วเดินไปหาเพื่อนรักของฉันทันที
“ปั้นจั่น”
“มึง ฮือ ๆ” ปั้นจั่นโผกอดฉันไว้พร้อมกับสะอื้นตัวโยน ฉันกอดร่างผู้ชายที่ฉันรักเอาไว้แน่ ๆ พร้อมลูบแผ่นหลังเบา ๆ
“มีอะไรเล่าให้กูฟังได้นะปั้นจั่น”
“ริสาทิ้งกูไปแล้ว ฮึก ๆ เธอทิ้งกูไปแล้ว” ปั้นจั่นร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ฉันไม่รู้จะปลอบใจอย่างไรดี ฉันได้แต่กอดเพื่อนเอาไว้
“กลับก่อนนะเดี๋ยวกูไปส่ง มีอะไรก็ไปคุยที่ห้อง”
“ฮือ หมอกกูเจ็บ กูทนไม่ไหวแล้ว ทำไมกูถึงเจ็บได้ขนาดนี้วะ!” ปั้นจั่นคลายกอดร่างบางของฉัน ก่อนทุบอกของตัวเองแรง ๆ
“จั่น หยุด ๆ” ฉันรีบห้ามเขาก่อนจะพามานั่งที่รถ ฉันรู้ว่าเขาเจ็บปวด ฉันเองก็เจ็บไม่น้อยกว่าเขา ที่ได้รู้ว่าเขารักผู้หญิงอีกคน และเจ็บเพราะผู้หญิงคนนั้นมากเพียงใด
“ฮือ ๆ หมอก กูจะทำอย่างไรดี ฮือ ๆ” ปั่นจั่นร้องไห้ฟูมฟาย
“กูรู้ว่ามึงเจ็บ กูก็เจ็บไม่ต่างจากมึงหรอก” ฉันพูดพร้อมกับปิดประตูรถ จากนั้นก็เดินไปนั่งฝั่งคนขับ ถ้าให้ปั้นจั่นขับรถกลับ เขาทำไม่ได้แน่ ๆ ฉันขับรถไปมุ่งที่คอนโดของปั้นจั่น โดยที่มีเขาฟูมฟายไปตลอดทาง
“ฮือ ๆ เชี่ย ความรักเชี่ย ๆ”
ปึก! ปึก! ปึก!
ปั้นจั่นชกคอนโซลรถแรง ๆ จนมันเริ่มร้าว จากนั้นก็ชกกระจกข้าง ฉันรีบจอดรถข้างทางทันที ให้ตายสิ! ปั้นจั่นเป็นบ้าไปแล้ว
“มึงเป็นบ้าไปแล้วหรือไง? มึงชกทำไมไอ้เวร! ดูสิมือมึงเลือดออกแล้ว” ฉันห้ามปรามปั้นจั่น แรงที่ชกคอนโซลและกระจกรถ ส่งผลให้มือของเขาเลือดออก
“ฮือ ๆ”
“ไอ้เวรเอ้ย! มึงชกทำห่าอะไรวะ!” ฉันหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมา ฉันรีบพันมือของปั้นจั่นเอาไว้
“กูอยากตาย เชี้ย!” ปั้นจั่นสะบัดมือออก จากนั้นก็ชกคอนโซลรถอีกครั้ง
“เชี้ย! มึงจะชกอะไรนักหนาวะ!” ฉันสบถออกมา มองใบหน้าคมคาย ซึ่งบัดนี้มันเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา
“กูเจ็บอ่ะมึง มึงไม่เป็นกู มึงไม่รู้หรอกว่าเจ็บแค่ไหน? ฮึก ๆ มึงไม่เคยมีความรัก มึงไม่เคยรักใคร มึงไม่รู้หรอกว่ากูเจ็บเเค่ไหน?” ปั้นจั่นมันตะเบ็งเสียงใส่ฉัน ใครว่าฉันไม่เจ็บ ฉันเจ็บปวดทุกครั้ง ที่ปั้นจั่นแสดงความรักกับริสา ฉันเจ็บทุกครั้งที่ทั้งสองบอกรักกัน
เขาเพิ่งเจ็บเอง แต่ฉันเจ็บมาตลอดหลายปี...
“มึงรู้ได้อย่างไรว่าก็ไม่เคยรักใคร กูรักผู้ชายคนหนึ่งมาตลอด แต่ผู้ชายคนนั้นเขาไม่เคยมองกูเลย” ฉันพูดออกมาอย่างเจ็บปวด ปั้นจั่นหันมามองหน้าฉันก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“แม่ง ฮึก! กูผิดอะไรวะ! ทำไมริสาถึงทิ้งกูไป ฮือ ๆ เชี่ย!”
ปึก! ปึก!
“ไอ้เชี่ย มึงชกให้ตายเลย” ฉันพูดพร้อมกับขับรถแล่นมุ่งไปคอนโด ฉันจอดรถที่ลานจอดรถ แล้วเดินไปเปิดประตูลากเพื่อนตัวดีของฉันออกมา
“ฮึก! ความรักแม่งเชี้ย!”
“ใช่ ความรักแม่งเชี้ย!” ฉันพาปั้นจั่นมาที่ห้องอย่างทุลักทุเล ตัวโตเท่าควาย มาลำบากฉันต้องลากร่างเขามาอีก เฮ้อ! ถ้าไม่ลากมา ไม่รู้จะไปชกอะไรอีก
“มึงเป็นไงบ้าง?” ฉันลูบแก้มปั้นจั่นเบา ๆ น้ำตาลูกผู้ชายของเขาไหลออกมาไม่ขาดสาย
“กูเจ็บวะ กูเจ็บมาก ฮือ ๆ” ปั้นจั่นกอดฉันแล้วร้องไห้ น้ำตาของเขาไหลลงบ่าของฉันจนเปียกชุ่ม
“ทำใจเถอะวะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”
“ทั้งที่กูทุ่มเทให้ขนาดนี้ ทำไมริสาถึงทิ้งกูไป”
“อันนี้กูไม่รู้หรอก”
Rrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ของปั้นจั่นมันแผดเสียงร้องเสียงดัง แต่ปั้นจั่นไม่สนใจที่จะรับเลย ฉันถือวิสาสะล้วงไปในกระเป๋าของเขาแล้วหยิบมันออกมา
“มึง พี่ปั้นโทรมา” ฉันพูดพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้ปั้นจั่น แต่เขากลับยืนนิ่งไม่สนใจอะไรเลย ฉันเลยถือวิสาสะกดรับ
“สวัสดีค่ะพี่ปั้น”
(“ไอ้ปั้นจั่นไปไหน? ทำไมไม่มารับโทรศัพท์เอง”)
“ร้องไห้ฟูมฟายอยู่ค่ะพี่ ตอนนี้อกหัก”
(“ไหนว่าตัวเองเก่งนักหนา เฮ้อ! ดูมันให้พี่ก่อนนะหมอก เดี๋ยวสักพักพี่ไปหามัน”)
“ค่ะ” ฉันรับคำพี่ปั้นสิบ ก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง ฉันหันไปมองเพื่อนรักของฉันอย่างหนักใจ
“มึง ร้องไห้ซะให้พอ วันต่อ ๆ ไปมึงต้องเข้มแข็งนะ” ฉันจับมือของปั้นจั่น พร้อมกับบีบเบา ๆ เพื่อปลอบประโลมเขา ฉันรู้ว่าเขาเจ็บที่ผิดหวัง ฉันเข้าใจความรู้สึกนั้นเพราะฉันก็เคยเป็นแบบนี้
วันเวลาผ่านไปอีก3เดือนค่ะ ฉันกลับมาใช้ชีวิตเป็นครอบครัวกับปั้นจั่นที่กรุงเทพโดยที่พ่อของฉันไม่ขัดข้องประการใดค่ะ ฉันมีความสุขมากๆเลยค่ะ ที่พ่อของฉันไม่เกลียดปั้นจั่นเหมือนแต่ก่อน ปั้นจั่นคงจะทำให้ท่านเห็นว่าเขายังมั่นคงกับฉัน เพราะเขาแสดงออกว่าเขารักฉันกับลูกตอนที่ไปบ้านพ่อแม่ฉันถึงแม้ว่าฉันกับเขาจะเลิกรากันไปถึง 10 ปีปั้นจั่นไม่มีใคร ฉันเองก็ไม่มีเหมือนกัน พ่อก็คงจะใจอ่อนให้เขา และสิ่งที่เขากระทำตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือเขาไปหาอันนาอยู่เสมอ เขาไม่เคยรับผู้หญิงคนอื่นเข้ามาแทรกเลยความรักครั้งใหม่สดใสอีกครั้ง ฉันเลือกที่จะอภัยเพราะมันถึงเวลาที่ควรอภัยแล้ว เขาปรับปรุงตัวและไม่มีใคร ถึงมันจะเป็นความผิดที่ไม่น่าให้อภัย แต่ฉันก้าวผ่านและอภัยให้เขาแล้วฉันยังมั่นคง ไม่มีใครลืมรักแรกได้ ฉันไม่เคยลืมและไม่มีใคร ไม่ใช่ว่าตลอดระยะเวลา10ปีฉันเฝ้ารอเขานะคะ ฉันไม่ได้รอเขาหรอก แต่ฉันไม่สามารถรับใครเข้ามาในหัวใจได้ฉันรับน้ำค้างมาอยู่ที่บ้านแล้วนะคะ ถึงแม้ว่าตอนแรกเธอจะไม่อยากมา อิดออดมากเลยค่ะเพราะเธออยากอยู่ใกล้คุณพายุ แต่ในเมื่อฉันกลับมาอยู่กับปั้นจั่นแล้ว ฉันก็ไม่อยากให้น้
ม่านหมอกเเสงแดดอุ่นๆแผ่เข้ามากระทบร่าง ฉันซุกหน้ากับอกแกร่งของปั้นจั่น อกที่คุ้นเคยอกนี้มันอุ่นมากเลยค่ะ อุ่นสุด ๆ เลยค่ะหลังจากที่จบศึกสวาทกันฉันก็หมดแรง คนที่นอนอยู่ข้างๆทั้งถึกทั้งทน ฉันถึงกับอ่อนเปลี้ยเพลียแรงฉันเงยหน้าจ้องใบหน้าคมคายของเขา ตอนนี้ปั้นจั่นหลับตาอมยิ้มที่มุมปากน้อยๆ เขาดูมีความสุขมากเลยค่ะ ซึ่งมันไม่ต่างจากฉันตอนนี้ ฉันมีความสุขมากที่ได้กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับเขา ถึงแม้ว่าใจของฉันมันจะสับสน แล้วรู้สึกหวาดหวั่นกับสิ่งที่เขาทำ แต่ที่ผ่านมาเขาก็ได้พิสูจน์ให้ฉันได้เห็นว่า เขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีจริงๆ“จ้องการแบบนี้มาขี่ม้ากันเลยดีกว่า” เขาพูดพร้อมกับ เปิดเปลือกตาขึ้นต้องมองฉัน ฉันนี่เขินหน้าดำหน้าแดงเลยค่ะ“บ้าน่า” ฉันค้อนใส่เบาๆก่อนจะค่อยๆคลายกอดเขา ฉันหยัดกายลุกขึ้นจากเตียงหมับ!“ว้าย!” ฉันกรีดร้องอย่างตกใจ ปั้นจั่นคว้าตัวของฉันเอาไว้ พร้อมกับฝังจมูกไปตามพวงแก้มของฉัน“กลิ่นตัวหมอกหอมจัง” เขาพูดจมูกก็เริ่มซุกไซร้ตามเนื้อตัวของฉัน ไม่นะ! ไม่ เรื่องบนเตียงตอนนี้ต้องพักก่อน มือของเขาเริ่มลูบไปตามเนื้อตัวของฉัน ยุกยิกเป็นหนวดปลาหมึกเชียวค่ะ“ไปอ
ปั้นจั่นTALKผมจูบหมอกเร่าร้อนราวทะเลเดือด จูบราวกับสูบวิญญาณเธอออกจากร่าง ผมประคองใบหน้าของหมอก จูบเน้นๆแล้วสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอม่านหมอกขัดขืนในตอนแรกพยายามผลักผมออก แต่ผมไม่ยอมหรอกครับ วันนี้ผมต้องได้เมียคืน พี่ชายพี่สาวพ่อแม่และทุกคนๆช่วยกันวางแผนขนาดนี้ผมต้องตีมึนเอาไว้ผมดันเธอไปชิดกำแพงในขณะที่จูบเธอไปด้วย มือของผมเลื่อนลงต่ำมาบีบเค้นที่อกอวบของเธอ มืออีกข้างก็ถลกกระโปรงแล้วสอดมือเข้าไปในแพนตี้ตัวจิ๋วม่านหมอกสะดุ้งทันทีที่มือผมสัมผัส ผมกดคลำลากตามร่องยาวปริ่มน้ำ ม่านหมอกพยายามต่อต้าน ร่างกายเธอเริ่มบิดไปมาผมกรีดนิ้วจนกระทั่งเจอเม็ดทับทิม“อ้ะ ...ปะ... ปั้นจั่น” ม่านหมอกครางเบาๆ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดเมื่อปากเป็นอิสระ ผมทนมามากพอแล้ว ผมไม่ได้ปลดปล่อยมา10ปี และวันนี้ผมจะไม่ทน“หมอกจ๋า จั่นอยาก” ผมพูดเสียงกระเส่า รู้สึกต้องการเรื่องอย่างว่า แก่นกายของผมมันปวดหนึบจนแทบจะปริแตก มันผงาดชี้โด่พร้อมกับมีน้ำใสๆ ไหลเยิ้มออกมา“พะ... พอ... ยะ... หยุดสักที”“หยุดทำไม? นี่คือความสุขนะหมอก”“มะ... ไม่เอา พะ... พอ” ม่านหมอกพูดอยู่แค่นั้นวนไปมา ผมไ
“หมอกไปกรุงเทพก่อนนะพ่อ” ฉันเอ่ยกับพ่อสุนทรในขณะที่ท่านกำลังง่วนอยู่กับการสั่งงานลูกน้อง วันนี้ท่านให้คนมาทำถนนทางไปบ้านของฉันกับบ้านที่ปั้นจั่นเคยอาศัยอยู่ และคนงานกำลังฟังอย่างตั้งใจ“อันนารบเร้าให้พาไปหาพ่อมันละสิ”“ใช่ค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับมองแผ่นหลังของพ่อ พ่อไม่ชอบปั้นจั่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ท่านอาจจะไม่พอใจที่ฉันจะพาอันนาไปหาเขา“...”“พ่อคะ...” ฉันเม้นปากพร้อมกับเรียกท่าน“ไปเถอะ ผ่านมาหลายปีดีดักแล้ว หมอกมั่นคงกับมัน มันก็มั่นคงกับหมอก พ่อคงไม่ห้ามอะไรแล้ว เพราะที่ผ่านมามันก็พิสูจน์ตัวให้พ่อเห็นแล้ว”“ค่ะ”“รักคุณตาที่สุดเลยค่ะ” อันนาเช้าไปกอดพ่อสุนทร“รักเหมือนกันครับ ไปกับคุณแม่ก็บอกคุณแม่ให้ขับรถดีๆด้วยนะ”“ค่ะ”“ให้ไอ้วัดไปขับรถให้ไหม? ““ไม่เป็นไรค่ะ หมอกขับเองดีกว่า”“อืม รีบไปเถอะ เดี๋ยวพ่อคุยงานกับพวกคนงานก่อน”“ค่ะ”“รีบไปเถอะค่ะแม่”ฉันรีบพาบุตรสาวไปขึ้นรถจากนั้นก็ขับออกไปโดยที่มีสาวใช้คนสนิทตามไปด้วย“ ซื้อของฝากไปฝากคุณย่าด้วยนะแม่”“ได้จ้ะ” ฉันขับรถไปถึงร้านของฝากแล้วพาบุตรสาวไปเลือกของตามต้องการ“เอาไปเยอะๆเลยนะคะคุณแม่”“จ้า”ผ่านไปหลายชั่วโมง
ปั้นจั่นTALK“ปั้นจั่น เดือนนี้จะไปหาหมอกกับลูกใหม่?” แม่ผมเอ่ยถามขณะที่เดินเข้ามาในบริษัทพร้อมกับพี่สาวของผม“ผมอยากไปจะแย่แล้วครับแม่ คราวก่อนเหมือนหมอกจะใจอ่อนกับผมแล้ว ถ้าผมไปพูดหยอดเธอบ่อยๆ อีกไม่นานคงจะใจอ่อน” ผมเอ่ยกับมารดายิ้ม ๆ ก่อนจะก้มหน้าเซ็นเอกสารกองโตที่อยู่ตรงหน้า งานเยอะมาก เยอะสุด ๆ เลยครับ“เดี๋ยวแม่โทรไปชวนหมอกมาเที่ยวดีกว่า หลายปีแล้วนะที่หมอกไม่มากรุงเทพ แม่อยากให้หมอกมาอยู่กรุงเทพมาก ๆ อยากให้หลานมาเรียนที่นี่ด้วย”“หมอกก็คงปฏิเสธเหมือนทุกครั้งแหละครับ เฮ้อ!”“แต่แม่อยากให้หมอกกับแกคืนดีกันสักที”“ผมก็พยายามอยู่ครับ”“แกพยายามไม่มากพอนะสิ แม่อยากให้หมอกมาอยู่ที่นี่แล้ว” แม่ผมทำหน้าเศร้า“แกก็ช่วยทำให้ความฝันของแม่เป็นจริงหน่อยสิวะ” พี่ปั้นสิบเดินเข้ามา วันนี้วันอะไร ทำไมทุกคนถึงพร้อมใจกันมาหาผม“ทำยังไง?” ผมขมวดคิ้วเข้มชนกัน “มึงก็เอาม่านหมอกกับมาเป็นเมียมึงสิวะ ผ่านมาหลายปีแล้ว กูว่าม่านหมอกคงใจอ่อนแล้วแหละ” พี่ปั้นสิบเอ่ย“บ้าน่า หมอกโกรธกูจะทำยังไงล่ะ กูกลัวเธอโกรธ” ผมเอ่ย ผมกลัวหมอกโกรธจริง กลัวมากเพราะหมอกเป็นคนค่อนข้างใจแข็ง ถ้าได้โกรธผมเอง เธอคง
Chapter 60ฉันมองปั้นจั่นที่ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ฉันรู้ว่าเขาเจ็บแต่ฉันต้องทำแบบนี้ ฉันต้องให้เขาออกไปจากชีวิตฉันตามที่เขาสัญญาเอาไว้ ฉันดูใจร้ายมากไหมคะ? ฉันต้องทำแบบนี้ ฉันต้องทำ มันต้องจบได้แล้ว “หมอก ฮึก” ปั้นจั่นร้องไห้สะอึกสะอื้นหัวใจของฉันเจ็บหนึบ ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่รักเขา มันคือความรักที่มั่นคงมาก ฉันไม่สามารถเอาใครมาแทนเขาได้ และฉันไม่สามารถกลับไปหาเขาได้เหมือนกัน“กลับไปทำหน้าที่ลูกเถอะ กูจะบอกเขาว่ามึงเป็นพ่อ กูสัญญาจะดูแลเขาให้ดี”“ฮึก ๆ ฮื่อ ๆ” ฉันค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งบนเตียง ปั้นจั่นมองหน้าฉันด้วยสายตาเจ็บปวด เขาต้องเจ็บอยู่แล้ว การจากลามันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก เขาจูบที่หน้าผากลูกของฉันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะส่งลูกให้แม่ของฉัน เขามองหน้าฉันแล้วเดินมาหาฉันหมับ!เขาสวมกอดฉันแล้วร้องไห้ออกมา ฉันร้องไห้ไม่ต่างกัน มันเจ็บนะคะที่ยังรักแต่ต้องจากกัน ฉันกอดตอบเขาอ้อมกอดนี้มันเคยเป็นเป็นของฉัน แต่มันเป็นเพียงอดีตแล้ว มันเจ็บนะคะที่ต้องจากทั้งที่ยังรัก แต่วันเวลาผ่านไปทุกความเจ็บปวดมันจะผ่านพ้นไป “ขอให้มึงโชคดี ไปทำหน้าที่ของมึงซะเถอะ” ฉันพูดเสียงส