บทที่ 10 อย่าคิดว่าจะยอมโดนทำฝ่ายเดียว
หลังจากที่พาฮว๋าเย่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันเฟิงมี่ได้ให้ลูกสาวตัวน้อยนอนพักกลางวันส่วนตัวเธอเองก็จัดการเก็บเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่วันนี้ ระหว่างนั้นก็คิดหาหนทางรับมือจากซูหรงและชู้ของเธอ
'จะทำยังไงดีนะ ฉันถึงจะรู้ว่าซูหรงมีแผนการอะไร? ทำยังไงฉันถึงจะปลอดภัยจากทั้งสองคนนี้ได้ แล้วเมื่อไหร่ที่หลวนหลงจะกลับมาฉันกับฮว๋าเย่จะได้ปลอดภัยเสียที แต่ทว่าเขากลับมาแล้วเชื่อฟังแม่ของเขาฉันเองจะพาฮว๋าเย่ออกจากบ้านหลังนี้ทันที ' เมื่อเธอจัดการเก็บเสื้อผ้าเสร็จจึงเดินไปทางหน้าต่างเห็นว่าตอนนี้ดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงมากแล้ว เธอเลยเดินลงมาด้านล่างเพื่อทำอาหารให้ฮว๋าเย่กิน
ตอนนั้นนั่นเองซูเจี้ยนกำลังนั่งจิบชาอยู่เห็นสะใภ้เล็กเดินลงมาจากชั้นบนเธอกวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าเห็นว่าเฟิงมี่สะใภ้เล็กเปลี่ยนแปลงการแต่งตัวจนแทบไม่เหมือนเดิม เธอไม่พอใจรีบวางแก้วชาลงพร้อมจิปากตำหนิออกมา
"ฮึ ฮึ ว่าแต่สะใภ้ของฉันแกเองก็ไม่เห็นจะต่างเลย มีเงินเข้าหน่อยก็เอาไปแต่งตัวซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ที่แต่งตัวรัดรูปแบบนี้ตั้งใจจะไปให้ชู้ของแกดูสินะ เมื่อไหร่ลูกชายของฉันจะเลิกโง่เสียทีนะ ตาสว่างได้แล้วว่าแกมันแค่ผู้หญิงสำส่อน" เฟิงมี่กัดเม้มปากเงยหน้าจ้องมองซูเจี้ยนพร้อมเดินเข้ามาใกล้เธอโดยไม่เกรงกลัวเสมือนเมื่อก่อน
"แต่งตัวสวยแล้วต้องมีชู้ด้วยเหรอ? ฉันละสงสัยจริง ๆ อย่างนั้นนังแก่หงำเหงือกอย่างคุณแม่ก็มีชู้เหมือนกันสินะ ถึงมาต่อว่าฉันได้" สายตาของเฟิงมี่หันไปเห็นซูหรงกำลังเดินมาพอดีรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแสยะยิ้มออกมาก่อนจะพูดต่อ "อ้อ ..ไม่ใช่แค่นังแก่หนังเหี่ยวแถมยังมีพี่สะใภ้ด้วยสินะที่มีชู้ วันๆ ฉันไม่เห็นทำอะไรเลยออกไปข้างนอกบ่อยว่าฉันอีก ใครกันแน่นะ...ที่น่าจะมีชู้มากกว่ากัน "
"นี่!!! นังบ้าแกพูดเรื่องอะไรกัน คุณแม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ"ซูหรงใบหน้าซีดเซียวรีบเดินเข้ามาหาทั้งสองคนที่ยืนต่อล้อต่อเถียงกันอยู่
"นังเฟิงมี่ที่แท้แกมันก็คนเลวร้าย ปากดีนักใช่มั้ยหาว่าฉันแก่หงำเหงือกไม่พอยังต่อว่าสะใภ้ใหญ่อีกด้วย" ซูเจี้ยนลุกขึ้นยืนง้างมือจะตบที่ใบหน้าของเฟิงมี่หวังจะเอาเลือดออกจากปากเธอให้ได้ในวันนี้ไม่อย่างนั้นเธอคงนอนไม่หลับแน่ ๆ
"คุณแม่ฉันจะช่วยจับมันเองค่ะ" ซูหรงวางของที่ซื้อมาลงรีบเดิน เข้ามาจับตัวของเฟิงมี่จากด้านหลัง เฟิงมี่ไหวตัวหลบได้ทันยกเท้าถีบเข้าไปที่บั้นท้ายของซูหรงจนเธอถลาไปด้านหน้าถูกแม่สามีที่ง้างมืออยู่ทำให้ทั้งสองล้มอย่างไม่เป็นท่า เฟิงมี่กอดอกยืนจ้องมองหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ
"คิดว่าฉันจะโง่ให้พวกแกจัดการอีกหรือไง ฉันไม่ใช่เฟิงมี่สะใภ้เล็กที่อ่อนแออีกต่อไป ถ้าคิดจะทำอะไรฉันอีกต่อจากนี้ฉันจะสู้กลับอย่างไม่ไว้หน้า อย่าลืมว่าฉันเองก็มีมือมีเท้าเช่นกัน" พูดจบเฟิงมี่เดินจากไปโดยไม่หันมาสนใจทั้งสองที่โกรธเคืองเธออยู่ด้วยความโมโห
"นังเฟิงมี่แกมันเลวมันชั่ว ทำแบบนี้ไม่ต้องนับถือฉันแล้วออกจากบ้านฉันไปได้แล้ว ฉันขอไล่แกออกไปเดี๋ยวนี้ โอ๊ยยย!!! เอวฉันหักหมดแล้ว" ซูเจี้ยนตะโกนด่าตามหลังอย่างหัวเสีย
"กรี๊ด!!! คุณแม่คุณแม่ต้องจัดการมันนะคะ เห็นมั้ยคะเมื่อครู่มันถีบฉันตอนนี้ฉันเจ็บไปทั้งตัวแล้ว "
"ไม่ใช่แค่เธอที่ถูกนังนั่นมันทำเสียหน่อย ฉันเองก็ถูกมันทำเจ็บจนขยับตัวไม่ได้แล้วเมื่อไหร่แกจะลุกออกจากตัวของฉันห่ะ" ซูเจี้ยนโมโหจนใบหน้าแดงถึงใบหูพาลต่อว่าสะใภ้ใหญ่อีกคน ซูหรงรีบลุกขึ้นทันทีเช่นกัน
'ฟู่... นี่ฉันจะต้องพบเจอสงครามอารมณ์แบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ทันทีที่หลวนหลงกลับมาฉันจะขอย้ายออกจากบ้านโสมมนี้เสียที' เฟิงมี่คิดในใจพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย หลังจากนั้นเธอรีบจัดการทำอาหารเย็นให้ลูกสาวตัวน้อย ไม่อยากจะพบเจอซูเจี้ยนกับซูหรงให้ปวดหัว
สองวันต่อมา
หลังจากวันนั้นเฟิงมี่ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังใหญ่อย่างสุขสบาย เธอไม่กลับไปทำงานบ้านเหมือนอย่างเคย เธอทำอาหารซักผ้าในส่วนของเธอกับฮว๋าเย่เท่านั้น
"คุณแม่คะ มื้อคืนนี้หนูฝันดีมากเลย เหมือนมีเทวดามาหาแถมยังใจดีกับหนูด้วย" ร่างเล็กลืมตาขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีพูดจาเจี๊ยวจ๊าวให้ผู้เป็นแม่ฟัง
"ฮว๋าเย่ตื่นแล้วเหรอ? เทวดาคนนั้นทำอะไรกันนะลูกสาวของแม่ถึงได้อารมณ์ดีแบบนี้ " เฟิงมี่ที่ตื่นก่อนและกำลังเก็บกวาดห้องได้ยินเสียงลูกสาวรีบหยุดทำสิ่งที่ทำอยู่และหันมาสนใจลูกสาวตัวน้อยทันที
"เทวดาบอกว่าจะให้ของขวัญในสิ่งที่หนูปรารถนาค่ะ "
ดวงตาเป็นประกายรีบลุกขึ้นนั่งพูดอย่างตื่นเต้น เฟิงมี่เองก็อดที่จะอยากรู้ไม่ได้ว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอฝันถึงอะไรกัน
"แล้วสิ่งที่ลูกสาวของแม่ปรารถนาคืออะไรกันจ๊ะ ตอนนี้ไม่ว่าจะของเล่น ขนมอร่อย ๆ โรงเรียนหรือแม้แต่ชุดสวย ๆ แม่ก็จัดการให้ลูกครบหมดแล้ว "
"สิ่งที่แม่พูดมาไม่มีสิ่งไหนถูกเลยค่ะ สิ่งที่หนูอยากได้ตอนนี้คือการอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขและเจอคุณพ่อค่ะ" รอยยิ้มของเด็กหญิงคลี่เต็มดวงหน้า เฟิงมี่อึ้งในคำตอบของลูกไม่คิดเลยว่าเด็กตัวเท่านี้จะมีความคิดเช่นนี้ได้ เธอขยับตัวเข้ามาใกล้ดึงลูกสาวตัวน้อยเข้ามากอดไว้แน่น
"ที่แท้ก็อยากเห็นคุณพ่อใช่มั้ย? แม่เองก็อยากเจอคุณพ่อของลูกเหมือนกัน ขอให้เทวดาที่ลูกฝันถึงทำให้ความฝันของลูกเป็นจริงด้วยเถอะ"
ก๊อก ๆ
จู่ ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เฟิงมี่รีบผงะจับตัวของฮว๋าเย่ออกจากตัวเองพร้อมจ้องมองไปยังประตู หลายวันมานี้แม่สามีไม่เคยมาเคาะแบบนี้เลยสักครั้ง หากจะเรียกเธอคงทุบประตูพร้อมตะโกนเสียงดังซะมากกว่า ใจของเธอเริ่มว้าวุ่นเต้นตึกตัก ค่อย ๆ เดินไปที่ประตูเพื่อเปิดดูว่าใครกันที่มาเคาะเรียกเธอตั้งแต่เช้าตู่เช่นนี้
แอ้ด..!!
เพียงประตูเปิดออกคนด้านหลังประตูยืนยิ้มกริ่มอ้าแขนอยู่หน้าประตูครานั้นดวงตาของเฟิงมี่แดงก่ำโผล่เข้ากอดด้วยความคิดถึงคนึงหานานเท่าไหร่แล้วที่เธอไม่ได้เห็นเขาและรอยยิ้มเช่นนี้
"หลวนหลงนี่ฉันไม่ได้ฝันตอนเช้าตรู่ใช่มั้ย? นี่คุณจริง ๆ ใช่มั้ย?" ชายหนุ่มร่างใหญ่สวมกอดเธอแนบแน่นพูดจาออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"ฉันเองก็คิดถึงเธอเช่นกัน หากนี่เป็นฝันฉันคงไม่กล้าปลุกเธอให้ตื่น นานหลายปีเธอยังคงงดงามเหมือนเดิมเฟิงมี่ที่รักของฉัน "
"คุณแม่คะนี่เหมือนเทวดาในฝันของหนูเลยค่ะ เทวดามามอบความปรารถนาให้หนูเหรอคะ"
บทที่ 25 ครอบครับอบอุ่นหลายวันต่อมาผลเลือดของหย่งอี้ออกมาแล้วและพบว่าผลเลือดของเขาไม่เข้ากันกับไคฉีแม้แต่น้อย ไคฉีเสียใจมากหลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าจากคนที่ติดงานต้องลางานหลายวัน จนหลวนหลงต้องเข้าไปให้สติ ส่วนซูเจี้ยนหลังจากที่เธอฟื้นเธอตรอมใจเหลือเกินไม่ว่าจะเป็นเรื่องของซูหรงและการกระทำชั่วร้ายที่เธอได้ทำลงไปกับเฟิงมี่เพราะเชื่อคำพูดของซูหรงจนหมดใจ ยิ่งเธอมารู้ว่าหย่งอี้ไม่ใช่สายเลือดของเธอ ตอนนั้นเหมือนโลกทั้งใบแตกสลายเธอทำดีเอาอกเอาใจรักมากที่สุดแต่ทว่าเด็กคนนั้นไม่สายเลือดของเธอเลยแม้แต่น้อยกลับกันเธอทำเลวระยำต่ำช้ากับหลานแท้ ๆ ของตัวเองมาตั้งแต่ที่เธอเกิดแม้แต่ของเล่นชิ้นเดียวเธอยังไม่เคยซื้อให้ เธอจำได้ฮว๋าเย่ให้กระดาษเธอแผ่นหนึ่งก่อนย้ายออกจากบ้านเธอรีบสั่งให้สาวใช้ไปเอาให้เธอไม่ได้เอามันทิ้งแต่เก็บเอาไว้ในตู้ เมื่อเธอเปิดดูน้ำตาไหลพรากอย่างพูดไม่ออก ในใจของเธอเจ็บช้ำไปหมดเพราะกระดาษแผ่นนั้นคือรูปวาดครอบครัวของฮว๋าเย่ ที่มีทุกคนอยู่ในนั้นรวมถึงเธอด้วย“อึก อึก เป็นฉันเองที่โง่งม ฉันมันเลวร้ายที่สุดฉันทำร้ายจิตใจเด็กคนนี้มาตั้งแต่เกิดแม้แต่ความรักยังไม่เคยมอบให้ แถมยังเค
บทที่ 24 ความจริงถูกเปิดแผยซูหรงสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาเห็นสีหน้าของซูเจี้ยนที่จ้องมองเธออย่างโกรธเกรี้ยว เธอเลยเอ่ยถามด้วยความสงสัย“คุณแม่ทำไมคุณแม่ถึงมองฉันแบบนั้นละคะ เอ๊ะ! แล้วฉันมานอนตรงนี้ได้ยังไงกัน” ไม่ทันได้พูดจบดวงตาของซูหรงเบิกโพลงเพราะตอนนี้ร่างกายของเธอไร้เสื้อผ้านุ่งห่มยิ่งไปกว่านั้นคือฉู่อี้ที่นอนเปลือยเปล่ากอดร่างกายเธอแน่นอีกด้วย“ฉันต่างหากที่ต้องถามแก แกทำไมถึงทำแบบนี้กันห่ะ”“คุณแม่ฟังฉันก่อนนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นต้องเป็นฝีมือของนังเฟิงมี่ที่วางยาฉัน นี่แกนังเฟิงมี่ฉันอุตส่าห์ทำดีกับแกคิดว่าชีวิตแกน่าสงสารทำไมแกถึงทำอย่างนี้ หรือเพราะแกอยากได้สมบัติทุกอย่างของตระกูลมู่ เลยหาทางกำจัดฉันออกไป คุณแม่อย่าไปเชื่อมันนะคะ ผู้ชายคนนี้ฉันไม่รู้จักด้วยซ้ำเพราะนังเฟิงมี่วางแผนถ้าฉันจะมีชู้จริง ๆ ฉันไม่โง่มาทำที่นี่ให้ถูกจับได้หรอกค่ะ”“ฮึ ฮึ ใช่แล้วล่ะ ถ้าพี่ซูงหรงมีชู้คงไม่ทำที่นี่แต่ที่ทุกคนเห็นคือแผนการของแกนังซูหรง แกตั้งใจวางแผนให้ฉันกินน้ำที่แกใส่ยานอนหลับไว้ คิดดูว่าถ้าหากฉันโง่และหลงกลกินน้ำที่แกผสมยานอนหลับไว้คนที่นอนอยู่ตรงนั้นจะเป็นใครหากไม่ใช่ฉัน เรื่องนี้ฉันม
บทที่ 23 ใครกันแน่ที่โง่ไม่นานนักซูหรงได้เดินออกมาจากห้องน้ำนั่งลงตรงหน้าของเฟิงมี่“กับข้าวเย็นหมดแล้ว ฉันต้องขอโทษพี่ซูหรงด้วยนะคะ เป็นเพราะฉันแท้ ๆ เลย”“ไม่เป็นอะไรหรอกน่าเรื่องเล็กน้อยเรามากินข้าวกันเถอะ”“ได้ค่ะ ” เฟิงมี่หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารใส่จานตัวเองกินอย่างเอร็ดอร่อย เธอรู้สึกตลอดเวลาว่าถูกสายตาของซูหรงจ้องมองว่าเมื่อไหร่เธอจะกินน้ำ เธอจึงวางตะเกียบลงหยิบแก้วน้ำมาดื่มจนหมดแก้ว“อึก อึก วันนี้เป็นเพราะมีพี่ซูหรงมานั่งกินด้วยกันหรือเปล่าทำให้ฉันกินข้าวได้มากกว่าทุกวัน “ซูหรงยิ้มกริ่มเมื่อเห็นอีกฝ่ายดื่มน้ำจนหมดแก้วไม่นานยานอนหลับคงออกฤทธิ์นี่คือแผนที่เธอวางเอาไว้กับฉู่อี้วันนี้เธอรู้มาว่าหลวนหลงเข้ากรมช่วงเช้าเพราะวันนี้เธอได้ทำการโทรเลขไปหาหลวนหลงว่าแม่ของเขาป่วยหนักให้เขามาหาที่บ้านตระกูลมู่ และแผนการนี้เธอได้บอกแม่สามีหลังอาหารมื้อเที่ยงให้เธอพาหลวนหลงกลับมาที่นี่ของเขาให้ได้จะได้มาเห็นว่านังเฟิงมี่นั้นตอนเริงรักกับชู้ในตอนที่เขาออกไปทำงาน เพียงเท่านี้แผนการของเธอก็สำเร็จ ส่วนเรื่องโฉนดที่ดินนั้นเอาไว้หลังจัดการนังเฟิงมี่เสียก่อน“เธอกินข้าวได้เยอะฉันเองก็ดีใจ ตอนนี้
บทที่ 22 แกล้งโง่หลังจากที่ซูหรงกลับเฟิงมี่ได้ออกไปที่ตลาดเมื่อเห็นว่าตอนนี้ยังมีเวลาอีกมากกว่าที่ฮว๋าเย่จะกลับจากโรงเรียน เธอไปที่ร้านของเล่นที่เคยเห็นซูหรงกับฉู่อี้อยู่ด้วยกัน ไม่คิดเลยว่าการมาที่ตลาดของเธอในครั้งนี้จะได้เห็นกับตาว่าซูหรงอยู่กับชายชู้ของเธออีกครั้ง เฟิงมี่ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ๆ แอบฟังทั้งสองพูดคุยกันและเป็นความโชคดีที่ฉู่อี้เป็นคนพูดจาเสียงดังไม่กลัวว่าใครจะมาได้ยิน เพราะถิ่นนี้เป็นถิ่นของเขา“ดีมาก เธอค่อยไปหานังเฟิงมี่บ่อย ๆ จะได้รู้ว่าวันไหนที่สามีเธอไม่อยู่ เราจะได้หาทางเข้าไปที่บ้านหลังนั้นทำตามแผนที่วางเอาไว้”“นั่นสิ ฉันละสะอิดสะเอียนอยากจะให้แผนสำเร็จเร็ว ๆ ไม่อยากจะพูดดีกับนางนั่นเลยด้วยซ้ำ คนอะไรน่าโง่จริง ๆ ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ส่วนนังแก่ที่บ้านก็เริ่มเมายาที่พี่ให้ไปแล้ว ตอนนี้ฉันต้องการยาเพิ่มเอามาให้ฉันหน่อยสิ”“ได้เดี๋ยวฉันจะให้เพิ่ม ใส่ให้กินทุกวันจะได้ลงแดงตอนนั้นเธอจะให้มันทำอะไรนังแก่นั่นก็ทำให้ทุกอย่าง ”“ฮึ ฮึ ฉันละอยากให้วันนั้นมาถึงเร็ว ๆ เสียจริง”“อีกไม่นานแล้วยอดรักของพี่” เฟิงมี่แอบฟังทั้งสองได้ยินแผนการความชั่วช้าของทั้งคู่รีบ
บทที่ 21 ตีสนิทท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี เฟิงมี่ขยับกายไปมาบนเตียงลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือกวาดมองไปรอบห้องพบว่ามีเพียงเธอที่อยู่ในห้องนี้ ลุกขึ้นจ้องมองร่างกายที่เต็มไปด้วยร่องรอยของความรักที่หลวนหลงมอบให้ เธอค่อย ๆ ลุกจากเตียงไปอาบน้ำล้างตัวคิดว่าตอนนี้หลวนหลงคงอยู่กับฮว๋าเย่ข้างนอกหลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วเธอเดินออกมาภายในบ้านเงียบราวกับว่าไม่มีใครอยู่จึงเดินออกไปที่หน้าประตูเห็นทหารยืนอยู่ตรงนั้นจึงรีบเข้าไปถามทันที“เอ่อ ...ไม่ทราบว่าคุณเห็นสามีกับลูกสาวของฉันมั้ยคะ”“นายผู้หญิงตื่นแล้วหรือครับ ท่านนายพลฝากแจ้งนายหญิงเมื่อตื่นว่าท่านนายพลพาคุณหนูออกไปหาอะไรกินข้างนอก ไม่นานจะกลับเข้ามาครับและฝากบอกให้คุณหญิงแต่งหน้าแต่งตัวรอท่านด้วยชุดที่ท่านเตรียมไว้ให้อยู่ในห้องคุณหนูครับ” เฟิงมี่พยักหน้ารับรู้พร้อมเดินไปที่ห้องของฮว๋าเย่เห็นชุดที่เขาเตรียมไว้ให้สวมใส่ไปงานเลี้ยงในคืนนี้ ช่างเป็นชุดที่สง่าจริง ๆเฟิงมี่ถือชุดเดินออกมาพบว่าตอนนี้สองพ่อลูกได้กลับเข้ามาแล้ว เสียงพูดคุยหัวเราะอย่างชอบใจของฮว๋าเย่ทำให้เฟิงมี่มีความสุขเหลือเกิน จนเธอคิดขึ้นได้ว่าเธอเคยผ่านเรื่องเลวร้ายอะไรมา‘ฉันออกมาอย
บทที่ 20 ของขวัญฝั่งด้านหลวนหลงหลังจากที่พาเฟิงมี่กับลูกสาวเดินทางมาถึงบ้านที่ทำการซื้อไว้จัดแจงที่พักและห้องนอนให้ฮว๋าเย่โดยมีลูกน้องของเขามาช่วยเหลือไม่นานบ้านหลังใหม่ที่ย้ายมาอยู่ก็เสร็จสมบูรณ์ห้องของฮว๋าเย่เต็มไปด้วยตุ๊กตามากมาย"ว๊าวว^ ^ นี่ห้องของหนูเหรอคะ ""ใช่แล้วลูกชอบมั้ย""ชอบมากเลยค่ะ นั่นอะไรคะ" ฮว๋าเย่มองไปเห็นของใช้มากมายที่วางอยู่ตรงหน้าชี้นิ้วถามพ่อด้วยความสงสัย"ก็อุปกรณ์การเรียนไง พ่อได้ยินมาจากแม่ของลูกว่าตอนนี้ได้สมัครเรียนไว้ให้เสื้อผ้ากระเป๋าก็มีแล้ว พ่อเลยเลือกซื้อของที่ลูกยังไม่มีเอาไว้ให้""คุณไปเตรียมของพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน" เฟิงมี่ยืนอยู่นั้นก็สงสัยไม่ต่างจากลูกสาวเขาอยู่กับเธอตลอดเอาเวลาตรงไหนไปซื้ือของมากมายพวกนี้กันนะ"ฉันเป็นนายพลแค่สั่งลูกน้องไม่กี่คนของพวกนี้ก็ถูกจัดการตามคำสั่งแล้วล่ะ ฮว๋าเย่ลูกสำรวจห้องของตัวเองอย่างเต็มที่เลยนะ ดูสิว่ามีอะไรที่ลูกอยากได้บ้างพ่อมีเรื่องจะคุยกับแม่ของลูกหน่อย""ได้ค่ะ" หลวนหลงจับมือของเฟิงมี่ให้ตามเขาไปที่ห้องนอนของทั้งสอง เฟิงมี่เดินตามไปด้วยความงุนงง"เรามีเรื่องอะไรจะคุยกันอีกหรือคะ""มีสิ ฉันมีของขวัญขึ้นบ