Share

อิสรภาพ

last update Dernière mise à jour: 2025-06-04 23:56:22

สองสามวันต่อมา เมรี่เริ่มปฏิบัติการ "ล่าเครื่องมือ" เธอเลือกช่วงเวลาที่มิสพริสซิลล่ากำลังสอนวิชาจรรยาบรรณสตรีในห้องโถงใหญ่ และมาดามเซเลสต์กำลังง่วนอยู่กับการตรวจสอบบัญชีในห้องทำงาน ส่วนเด็กสาวคนอื่นๆ กำลังฝึกร่ายรำอยู่ในห้องดนตรี

"ฉันต้องทำให้พวกเธอไม่ระแคะระคาย" เมรี่บอกเอมิลี่ "เธอช่วยสร้างความวุ่นวายเล็กน้อยในห้องดนตรีได้ไหม เพื่อดึงความสนใจของมิสพริสซิลล่า"

"ให้ฉันทำอะไรเหรอ?" เอมิลี่ถามด้วยความตื่นเต้น

"แกล้งทำเป็นหกล้มในระหว่างร่ายรำสิ แล้วบอกว่าเธอข้อเท้าแพลง" เมรี่ตอบ "มันจะทำให้มิสพริสซิลล่าต้องมาดูแลเธอ และทุกคนก็จะให้ความสนใจที่เธอ"

เอมิลี่ลังเลเล็กน้อย "แต่ฉันไม่เคยทำแบบนั้นเลยนะเมรี่"

"ไม่เป็นไรน่า ฉันจะคอยดูอยู่ห่างๆ" เมรี่ให้กำลังใจ "แค่ให้พวกเขาสนใจเธอจนฉันสามารถแอบไปที่ห้องช่างได้"

แผนการดำเนินไปอย่างที่คาดไว้ เอมิลี่แกล้งหกล้มได้อย่างแนบเนียน เสียงกรีดร้องเล็กน้อยของเธอทำให้มิสพริสซิลล่ารีบปรี่เข้ามาดูด้วยความตกใจ เด็กสาวคนอื่นๆ ต่างหันมาให้ความสนใจกับเอมิลี่ที่กำลังทำท่าปวดร้าวที่ข้อเท้า

ในจังหวะที่ทุกคนกำลังวุ่นวาย เมรี่ก็แอบย่องออกจากห้องดนตรี เธอเดินไปตามทางเดินที่เงียบสงบ สู่ปีกตะวันตกของอาคาร กลิ่นเครื่องเทศและอาหารที่กำลังปรุงอยู่ในโรงครัวลอยมาเตะจมูก

ห้องช่างอยู่สุดทางเดิน ประตูไม้หนักๆ ถูกล็อคด้วยกุญแจที่แข็งแรง เมรี่หยิบกิ๊บติดผมที่ดัดแปลงขึ้นมาอีกครั้ง เธอเริ่มไขกลอนอย่างใจเย็น เธอเคยฝึกฝนทักษะนี้มาตั้งแต่เด็ก การได้ยินเสียงกลไกภายในที่กำลังเคลื่อนไหว การสัมผัสถึงความต้านทานที่ค่อยๆ คลายลง มันคือศิลปะอย่างหนึ่ง

แกร๊ก!

เสียงดังขึ้นเบาๆ ประตูเปิดออก เมรี่ก้าวเข้าไปในห้องช่าง กลิ่นไม้และโลหะคละคลุ้ง เครื่องมือช่างหลากหลายชนิดถูกแขวนเรียงรายอยู่บนผนังอย่างเป็นระเบียบ เธอเดินตรงไปยังชั้นวางเครื่องมือ หยิบสิ่วและค้อนขนาดเล็กมาอย่างรวดเร็ว เธอกลับมาล็อคประตูอย่างเดิม และรีบเดินกลับไปที่ห้องดนตรี ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"เธอโอเคไหมเอมิลี่?" เมรี่ถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่ามิสพริสซิลล่ากำลังใช้ผ้าเย็นประคบข้อเท้าของเอมิลี่

เอมิลี่พยักหน้าเบาๆ "ไม่เป็นไรแล้วเมรี่ มิสพริสซิลล่าบอกว่าฉันแค่ข้อเท้าพลิกเล็กน้อยน่ะ" เธอส่งสายตาเป็นนัยให้เมรี่ ราวกับจะถามว่า 'สำเร็จไหม?'

เมรี่ยิ้มตอบในใจ 'สำเร็จสิ'

คืนนั้น เมื่อทุกคนหลับ เมรี่และเอมิลี่ก็มุ่งหน้าไปยังห้องเก็บของเก่าอีกครั้ง ด้วยสิ่วและค้อนในมือ เมรี่ปีนขึ้นไปบนลังไม้ และเริ่มลงมือแกะแผ่นไม้ที่ปิดช่องระบายอากาศ

"ระวังนะเมรี่!" เอมิลี่กระซิบ "ถ้าเสียงดังเกินไป เดี๋ยวใครก็จะได้ยิน"

เมรี่ใช้ค้อนตอกสิ่วเข้าไปในช่องว่างเล็กๆ ระหว่างแผ่นไม้กับขอบหน้าต่างอย่างระมัดระวัง เธอค่อยๆ งัดแผ่นไม้ออกทีละนิดๆ เสียงไม้แตกดังเบาๆ ในความเงียบ ยิ่งเธองัดออกได้มากเท่าไหร่ แสงจันทร์จากภายนอกก็ยิ่งส่องเข้ามามากขึ้นเท่านั้น

ใช้เวลาเกือบชั่วโมง ในที่สุด แผ่นไม้ที่แข็งแรงก็หลุดออก แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องเก็บของอย่างเต็มที่ เผยให้เห็นช่องระบายอากาศที่กว้างพอสำหรับเด็กสาวตัวเล็กๆ อย่างเมรี่จะลอดผ่านได้

"ในที่สุด!" เมรี่กระซิบด้วยความดีใจ

"เธอทำได้แล้วเมรี่!" เอมิลี่กระโดดกอดเมรี่เบาๆ ด้วยความตื่นเต้น "แล้วเธอจะไปเมื่อไหร่?"

เมรี่มองออกไปนอกช่องระบายอากาศไปยังสวนที่มืดมิด ท้องฟ้ายามราตรีประดับด้วยดวงดาวนับล้าน เธอสูดหายใจลึกๆ รับอากาศบริสุทธิ์ที่แตกต่างจากอากาศในโรงเรียนอย่างสิ้นเชิง "ฉันจะไปคืนนี้แหละเอมิลี่"

เอมิลี่เบิกตากว้าง "คืนนี้เลยเหรอ? ไม่เตรียมตัวอะไรเลยหรือ?"

"ฉันเตรียมตัวมาตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาแล้วเอมิลี่" เมรี่ตอบ เธอหยิบกระเป๋าผ้าเล็กๆ ที่ซ่อนไว้ในช่องว่างของลังไม้ขึ้นมา ภายในมีเสื้อผ้าเก่าๆ ที่เธอแอบเย็บใหม่ให้กระชับขึ้นเล็กน้อย เงินเหรียญจำนวนไม่มากที่เธอเก็บสะสมไว้ และจดหมายเก่าๆ ของพี่ชายที่ระบุชื่อเมืองที่พวกเขาเคยไปทำงานสืบสวน "ฉันไม่สามารถรอได้อีกต่อไป ฉันต้องไปเดี๋ยวนี้"

"แต่...แล้วฉันล่ะ?" เอมิลี่ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "เธอจะทิ้งฉันไว้ที่นี่คนเดียวเหรอ?"

เมรี่หันไปกอดเอมิลี่อย่างแน่นหนา "ฉันไม่ทิ้งเธอหรอกเอมิลี่ เธอคือเพื่อนคนแรกที่เข้าใจฉันที่นี่ และฉันจะไม่มีวันลืมเธอเด็ดขาด" เธอผละออกจากการกอดแล้วจ้องตาเอมิลี่อย่างจริงจัง "เธอต้องอยู่ที่นี่และคอยปกปิดเรื่องของฉันให้ดีที่สุด จนกว่าฉันจะไปถึงที่หมาย แล้วฉันจะพยายามติดต่อกลับมาหาเธอให้ได้"

"แต่ถ้ามาดามเซเลสต์รู้ขึ้นมาล่ะ?"

"เธอต้องเข้มแข็งนะเอมิลี่ เธอจะต้องไม่บอกใครว่าฉันหายไปไหน และถ้าเธอถูกจับได้ เธอต้องจำไว้ว่าเธอไม่รู้อะไรเลย" เมรี่กำชับ "เชื่อฉันนะเอมิลี่ นี่คือทางเดียวที่ฉันจะรอดไปได้ และฉันจะไม่มีวันลืมบุญคุณเธอเลย"

เอมิลี่พยักหน้าทั้งน้ำตา "ฉันจะพยายามเมรี่ ขอให้เธอปลอดภัยนะ"

"เธอเองก็เช่นกันเอมิลี่"

เมรี่ปีนขึ้นไปบนลังไม้และค่อยๆ มุดตัวผ่านช่องระบายอากาศที่มืดมิด เธอรู้สึกถึงความเย็นของอากาศยามราตรีที่ปะทะกับใบหน้า และกลิ่นหญ้าที่เปียกชื้นยามเช้าตรู่ ร่างกายของเธอค่อยๆ ไถลลงมาด้านนอกอย่างช้าๆ เท้าของเธอสัมผัสกับพื้นดินที่เปียกชื้น

เธอเงยหน้าขึ้นมองโรงเรียนสตรีเลดี้เอเมไลน์ที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหลัง กำแพงหินสีเทาดูมืดทะมึนราวกับป้อมปราการแห่งความสิ้นหวัง

"ลาก่อน...กรงทองของสุภาพสตรี" เมรี่กระซิบ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความหวังที่พึ่งได้รับกลับคืนมา "ฉันจะไม่มีวันกลับมาที่นี่อีกแล้ว"

เธอหันหลังให้โรงเรียน และวิ่งออกไปในความมืด เธอไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเจออะไรบ้าง การเดินทางสู่โลกกว้างเพียงลำพังของเด็กสาววัย 17 นั้นเต็มไปด้วยอันตรายและความไม่แน่นอน แต่หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นนักสืบ และตามหาพี่ชายทั้งสองที่เธอเชื่อว่ายังคงรอคอยเธออยู่ ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะยาวไกลและอันตรายแค่ไหน เมรี่ก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันทั้งหมด เพื่ออิสรภาพและเพื่อความฝันของเธอ

เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับบทที่ 2 นี้? เราได้เห็นความมุ่งมั่นของเมรี่ในการวางแผนและดำเนินการหลบหนี รวมถึงบทบาทของเอมิลี่ในการช่วยเหลือเธอได้อย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ ตอนนี้เมรี่ได้หลบหนีออกมาจากโรงเรียนแล้ว เราจะมาต่อกันในบทที่ 3 ที่เธอเริ่มต้นการเดินทางและอาจจะเผชิญกับคดีแรกของเธอ หรือพบเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับพี่ชายนะคะ

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • เมรี่ยอดนักสืบหญิง   กุญแจแห่งอนาคต

    เมรี่ กุม กุญแจทั้งสี่ดอกแห่งกาลเวลา ไว้ในมือ แต่ละดอกเปล่งประกายพลังงานที่แตกต่างกันออกไป บัดนี้ พวกเขาได้เรียนรู้ถึงความหมายของแต่ละดอก: ความทรงจำที่หายไป, บทเพลงแห่งผู้ถูกจองจำ, ความเจ็บปวดจากอดีต และ แสงสว่างแห่งศรัทธา เหลือเพียง กุญแจดอกสุดท้าย — 'กุญแจแห่งอนาคต' — ที่จะเปิด 'ประตูแห่งกาลเวลา' สู่ 'เมืองแห่งดวงดาวที่สาบแช่ง' และเผชิญหน้ากับ 'ผู้สร้างแห่งหายนะ'หลังจากได้รับกุญแจดอกที่ 4 จากโบสถ์แห่งศรัทธา ทุกคนก็รีบเดินทางกลับมาที่ 'ป่าต้องห้าม' เพื่อพบกับ เอเลนอร์ ผู้เฝ้าประตู พวกเขาเชื่อว่าเธออาจมีเบาะแสสุดท้ายเกี่ยวกับกุญแจดอกที่ 5เมื่อมาถึง ประตูแห่งกาลเวลา ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางป่า เอเลนอร์ก็ยืนรอพวกเขาอยู่แล้ว ร่างของเธอยังคงเปล่งแสงสีเขียวมรกตที่อบอุ่น"ยินดีด้วยที่พวกเจ้าได้กุญแจดอกที่ 4 มา" เอเลนอร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม "แต่เส้นทางข้างหน้ายังคงอันตรายนัก""ท่านพอจะบอกได้ไหมครับว่ากุญแจดอกที่ 5 อยู่ที่ไหน?" ปู่ทวด ถามอย่างมีความหวังเอเลนอร์หลับตาลงชั่วครู่ แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยแสงแห่งปัญญา "กุญแจดอกที่ 5 นั้น...อยู่ใกล้กว่า

  • เมรี่ยอดนักสืบหญิง   โบสถ์แห่งศัทธา

    เมรี่ กุม กุญแจทั้งสามดอกแห่งกาลเวลา ไว้ในมือแน่น แต่ละดอกเป็นเครื่องยืนยันถึงการเดินทางที่ยาวนานและอันตรายที่พวกเขาได้เผชิญหน้ามา ตอนนี้พวกเขามีกุญแจสามในห้าดอกแล้ว เหลืออีกเพียงสองดอกเท่านั้นที่จะเปิด 'ประตูแห่งกาลเวลา' สู่ 'เมืองแห่งดวงดาวที่สาปแช่ง' หลังจากได้รับกุญแจดอกที่ 3 จากหัวหน้าหมู่บ้านแบล็ควินด์ พวกเขาก็รีบออกเดินทางต่อทันที ปู่ทวด กำลังตรวจสอบแผนที่โบราณและจารึกที่ได้มาจากหอสมุดหลวงอีกครั้ง เพื่อค้นหาเบาะแสของกุญแจดอกที่ 4 "คำใบ้ของกุญแจดอกที่ 4 คือ 'ที่ซึ่งความศรัทธาถูกทดสอบ... ที่ซึ่งแสงสว่างส่องนำทางในความมืดมิด...'" ปู่ทวดพึมพำ "มันฟังดูเหมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์" "โบสถ์อย่างนั้นหรือครับ!" นักสืบโธมัส กล่าว "อาจจะเป็นไปได้" ปู่ทวดพยักหน้า "โบสถ์เก่าแก่บางแห่งถูกสร้างขึ้นบนจุดที่พลังงานแห่งกาลเวลาไหลเวียน...และอาจมีบางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับ 'กุญแจแห่งกาลเวลา' ซ่อนอยู่" พวกเขาตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังโบสถ์เก่าแก่ที่อยู่ใกล้ที่สุด ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของประวัติศาสตร์อันยาวนานและตำนานลึกลับที่เล่าขานกันมา แม่ชีผู้รอคอย การเดินทางไปยังโบสถ์นั้นค่อนข้างราบรื่น หล

  • เมรี่ยอดนักสืบหญิง   หมู่บ้านที่เงียบงัน

    เมรี่ กุม กุญแจทั้งสองดอกแห่งกาลเวลา ไว้ในมือแน่น พร้อมกับ เข็มทิศแห่งความจริง และ เศษเสี้ยวของผลึกแห่งดวงดาว หลังจากที่ได้ กุญแจดอกที่ 2 จาก ป่าต้องคำสาป ตอนนี้พวกเขามีกุญแจสองในห้าดอกแล้ว แต่ละดอกล้วนเป็นหลักฐานของการเดินทางอันยาวนานและความลึกลับของ 'เมืองแห่งดวงดาวที่สาปแช่ง' ที่รออยู่เบื้องหน้าพวกเขาออกเดินทางจากป่าฮอคเฮิร์สท์ด้วยรถม้า โดยมี ไคโรส และสมาชิกของ 'หน่วยบิดเบือนกาลเวลา' ร่วมเดินทางไปด้วย แม้จะยังคงมีคำถามเกี่ยวกับจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขา แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ การมีพันธมิตรที่รู้เรื่องกาลเวลาดีก็ถือเป็นเรื่องดี"เราจะไปหากุญแจดอกที่ 3 ที่ไหนกันครับปู่ทวด?" นักสืบโธมัส ถามขณะที่รถม้าเคลื่อนตัวไปตามถนนลูกรังที่คดเคี้ยวปู่ทวด กำลังตรวจสอบแผนที่โบราณและจารึกที่ได้มาจากหอสมุดหลวง เขาพยายามถอดรหัสคำใบ้ของ เอเลนอร์ ผู้เฝ้าประตู"คำใบ้ของกุญแจดอกที่ 3 คือ 'ที่ซึ่งเสียงหัวเราะกลายเป็นความเงียบงัน... ที่ซึ่งชีวิตถูกพรากไปโดยไร้ร่องรอย...'" ปู่ทวดพึมพำ "มันฟังดูเหมือนสถานที่ที่กำลังประสบปัญหาใหญ่"คำขอจากชายชราผู้ผอมโทรมยังไม่ทันที่พวกเขาจะตัดสิน

  • เมรี่ยอดนักสืบหญิง   ผู้เฝ้ากุญญาและปริศนาทั้ง5

    เบื้องหน้า เมรี่ และทีม คือ 'ประตูแห่งกาลเวลา' บานมหึมาที่ปกคลุมด้วยเถาวัลย์และสัญลักษณ์โบราณ มันดูเก่าแก่และน่าเกรงขาม ราวกับเป็นประตูสู่โลกอีกใบหนึ่ง หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดใน 'ป่าต้องห้าม' และการได้มาซึ่งพันธมิตรที่ไม่คาดฝันอย่าง ไคโรส ผู้นำ 'หน่วยบิดเบือนกาลเวลา' ตอนนี้ทุกคนต่างจ้องมองไปยังประตูบานนั้นด้วยความคาดหวังและกังวลใจ"เราจะเปิดมันได้อย่างไรครับ?" นักสืบโธมัส ถามพลางสำรวจประตูปู่ทวด มองไปที่แผนที่โบราณในมือ "ตำราโบราณกล่าวว่า 'ประตูแห่งกาลเวลา' ไม่ได้เปิดออกด้วยพละกำลัง...แต่ด้วยกุญแจแห่งความเข้าใจ"ทันใดนั้นเอง แสงสว่างสีเขียวมรกตก็ส่องประกายออกมาจากบริเวณด้านบนของประตู!"วูบบบบบบบบบบบ!"ร่างของ หญิงสาวคนหนึ่ง ที่สวมชุดสีเขียวมรกตดูราวกับชุดของเทพธิดา ปรากฏขึ้นจากแสงสว่างนั้น เธอมีใบหน้าที่งดงาม ดวงตาของเธอเปล่งประกายสีเขียวมรกตราวกับดวงดาวในยามค่ำคืน เส้นผมของเธอพลิ้วไหวราวกับกระแสเวลาที่มองไม่เห็น"ยินดีต้อนรับ...ผู้พิทักษ์แห่งกาลเวลา" หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แต่ก้องกังวานไปทั่วทั้งป่า "ข้าคือ เอเลนอร์... ผู้เฝ้าประตูแห่งกาลเวลา"เมรี่เบิกตากว้าง "เลดี้เ

  • เมรี่ยอดนักสืบหญิง   ป่าต้องห้ามและพันธมิตร

    หลังจากช่วยเหลือชาวบ้านจากกลุ่มโจรป่าที่ถูกควบคุมโดย 'ดวงดาวที่สาปแช่ง' ได้สำเร็จ เมรี่ และทีมก็เร่งรัดการเดินทางไปยัง 'ประตูแห่งกาลเวลา' ที่ซ่อนอยู่ในป่าลึกทางตะวันตกเฉียงเหนือของลอนดอน พวกเขาขึ้นรถม้าอีกครั้ง โดยมีชาวบ้านที่รอดชีวิตช่วยส่งไปถึงปากทางเข้าป่าที่เปล่าเปลี่ยว"ประตูแห่งกาลเวลาอยู่ที่นี่ครับ" ปู่ทวด ชี้ไปที่แผนที่เก่าแก่ที่บัดนี้ดูเหมือนจะส่องแสงเรืองรองขึ้นมาเองเมื่ออยู่ใกล้ เข็มทิศแห่งความจริง ของเมรี่ "มันถูกซ่อนไว้อย่างดี...เพื่อไม่ให้ผู้คนภายนอกล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของมัน"ป่าที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาดูไม่เหมือนป่าทั่วไป ต้นไม้สูงใหญ่หนาทึบจนแสงอาทิตย์แทบส่องไม่ถึง บรรยากาศเงียบสงัดจนน่าขนลุก มีเพียงเสียงลมพัดผ่านยอดไม้ที่สร้างเสียงหวิวๆ ราวกับเสียงกระซิบของสิ่งเร้นลับ"ป่าแห่งนี้ถูกเรียกว่า 'ป่าต้องห้าม' ครับ" นักสืบโธมัส กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ตำนานเล่าว่าไม่มีใครเคยเข้าไปในป่าแห่งนี้แล้วกลับออกมาได้อีกเลย""นั่นเพราะมันคือทางเข้าสู่มิติอื่น" ปู่ทวดเสริม "มันไม่ได้มีแค่ต้นไม้และสัตว์ป่า...แต่มันมี กับดักแห่งกาลเวลา ที่ซ่อนอยู่"เมรี่กำเข็มทิศแห่งความจริงไว้แน่น เธอรู้

  • เมรี่ยอดนักสืบหญิง   หญิงชราและโจรป่า

    เมรี่ กุม เข็มทิศแห่งความจริง ไว้ในมือแน่น พร้อมกับ เศษเสี้ยวของผลึกแห่งดวงดาว ที่เธอเก็บรักษามาอย่างดี ทั้งหมดคือสิ่งจำเป็นที่จะเปิด 'ประตูแห่งกาลเวลา' สู่ 'เมืองแห่งดวงดาวที่สาบแช่ง' หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในหอสมุดหลวง พวกเขาตัดสินใจที่จะเดินทางด้วยรถม้าอีกครั้ง เพราะเกรงว่าการใช้รถไฟอาจทำให้พวกเขาถูก 'ผู้สร้างแห่งหายนะ' หรือกลุ่ม 'ดวงดาวที่สาปแช่ง' ดักทางได้ง่ายกว่าพวกเขาเช่ารถม้าที่ดูเก่าแต่แข็งแรงคันหนึ่ง มุ่งหน้าออกจากลอนดอนในยามเช้าตรู่ โดยมี ปู่ทวด นั่งอยู่ข้างเมรี่ในห้องโดยสาร นักสืบโธมัส สลับกันนั่งกับ อเล็กซานเดอร์ ที่บังเหียน ขณะที่ เฟรเดอริค, เบ็น, เอดิสัน, มิสเตอร์คลาร์ก และ 'ผู้พิทักษ์แห่งราชบัลลังก์' ติดตามไปอีกคัน เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีกำลังเพียงพอหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน"ตามแผนที่โบราณ 'ประตูแห่งกาลเวลา' ตั้งอยู่ในป่าลึกทางตะวันตกเฉียงเหนือของลอนดอนครับ" ปู่ทวดกล่าวพลางกางแผนที่ที่ได้มาจากหอสมุดหลวงเมรี่มองออกไปนอกหน้าต่าง ทิวทัศน์ของชนบทอังกฤษกำลังผลัดเปลี่ยนจากทุ่งหญ้าเขียวขจีเป็นป่าทึบที่ปกคลุมด้วยหมอกยามเช้า บรรยากาศเงียบสงบ แต่ในใจของเมรี่กลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status