Share

บทที่ 2

last update Last Updated: 2024-11-07 14:04:16

บทที่ 2

                หัวใจดวงน้อยของคนที่นั่งอยู่วูบหวิว ทันทีที่นกยักษ์ลำนั้นเร่งสปีดเต็มอัตราเร็วบนรันเวย์ ก่อนจะเหินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับที่อาการวูบโหวง ใจสั่นหวิว เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและรุนแรง คล้ายดั่งว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับอาการกลัวความสูง แต่นัสรินรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเหล่านี้ ห่างไกลจากคำว่า ‘กลัวความสูง’ ลิบลับ แม้จะเดินทางไม่ค่อยบ่อย แต่เธอก็ขึ้นเครื่องบินมากว่ายี่สิบครั้งแล้ว ซึ่งแรกๆ จะกลัวและตื่นเต้น แต่พอมาครั้งหลังๆ ก็ชินชาจนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการขึ้นลงของเครื่องบินเสียแล้ว

                ทว่าสาเหตุของอาการวูบโหวงสลับกับหนักอึ้งในใจอยู่ตอนนี้ เป็นเพราะจุดหมายปลายทางที่เธอกำลังจะไปนั้นต่างหาก เครื่องบินลำนี้กำลังมุ่งหน้าไปเชียงใหม่ จังหวัดที่เธอไม่เคยเหยียบย่างไปเลยนับตั้งแต่หย่าขาดจากสามี จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว ทว่าเธอก็ไม่เคยลืมเหตุการณ์ชีวิตในช่วงสั้นๆ ของการแต่งงานได้เลย ทั้งๆ ที่พยายามมาตลอดที่จะไม่นึกถึงมัน

                เธอถูกตีตราด้วยคำว่า ‘แม่หม้าย’ ทันที หลังจากแต่งงานเพียงแค่สามเดือนและต้องหย่ากับหมอปราณต์ สาเหตุก็เพราะการแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความเต็มใจของเขา แต่เขาถูกน้องชายของเขาซึ่งควรจะเป็นคนที่แต่งงานกับเธอวางแผนกับเธอจับปราณต์มัดมือชกให้เขาต้องตกกระไดพลอยโจนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

                นัสรินไม่โทษปราณต์ แต่โทษตนเองที่เห็นแก่ตัว เธอตกหลุมรักเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น เธอได้แต่เก็บเขาไว้ในใจเงียบๆ และพยายามเตือนตัวเองมาตลอดว่าเขาเป็นผู้ชายต้องห้าม เป็นพี่ชายของว่าที่สามีในอนาคตซึ่งเธอไม่ควรมีความรู้สึกใดๆ ด้วยนอกเหนือจากความเคารพนับถือ

                 ตาคู่สวยที่ประดับแพขนตางอนยาวมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบิน คล้ายกับกำลังนั่งมองปุยเมฆ ทว่าในห้วงของความคิดตอนนี้ล้วนมีแต่เรื่องราวระหว่างเธอกับอดีตสามี

                ปราณต์พาเธอย้ายออกจากคุ้มลักษิกา มาอยู่ด้วยกันที่บ้านเช่าหลังค่อนข้างใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับคลินิกของเขา โดยให้เหตุผลกับแม่เลี้ยงลักษิกาว่า อยากอยู่ใกล้ๆ คลินิกเพราะเลิกดึก ไม่อยากขับรถกลับไกลๆ แต่นัสรินรู้ดีว่านั่นเป็นเพียงข้ออ้าง เหตุผลที่แท้จริงนั้นก็เพื่อที่เขาจะได้ทรมานเธอได้สะดวกขึ้นต่างหาก

                แม้รู้อยู่เต็มอกว่าปราณต์ไม่ได้เต็มใจจะแต่งงานด้วย แต่นัสรินก็ไม่คิดว่าเขาจะมีปฏิกิริยาในทางเกลียดชังเธออย่างรุนแรงขนาดนั้น สายตาที่เขามองมีแต่ความเฉยเมยเย็นชา วางตัวก็ห่างเหิน พูดกันแทบจะนับคำได้ และทรมานเธอทุกอย่างเท่าที่คนเป็นหมอซึ่งเคยใจดีอย่างเขาจะทำได้

                บ้านหลังใหญ่หลังนั้นอยู่ห่างจากคลินิกของปราณต์ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร เขาไม่ได้จ้างแม่บ้าน แต่ยกหน้าที่ดูแลบ้านทั้งหมดให้เป็นของเธอ ทั้งกวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า รีดผ้า และทำกับข้าว ครั้งแรกที่ได้ยินเช่นนั้นจากปากของปราณต์ นัสรินยอมรับว่าตัวเองหนักใจไม่น้อย เพราะถึงบ้านของเธอจะไม่ได้ร่ำรวยเท่าบ้านของเขา แต่ที่บ้านก็มีคนทำให้ทุกอย่าง เธอจึงแทบจะไม่เคยหยิบจับงานพวกนี้ แต่สุดท้ายเธอก็ค่อยๆ เรียนรู้มัน มือที่เคยอ่อนนุ่มเริ่มหยาบกระด้าง เพราะต้องจับไม้กวาด ไม้ถูพื้น และเตารีด หน้าก็มันแผล็บทุกวันเพราะต้องเข้าครัวเตรียมอาหารที่บางวันปราณต์ก็กิน บางวันก็ไม่แม้แต่จะชายตามอง

                ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับปราณต์ นับวันยิ่งห่างไกลคำว่าสามีภรรยามากขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่เคยแตะต้องเธอเลย ตั้งแต่คืนแรกที่เข้าห้องหอในโรงแรม ปราณต์ก็ออกจากห้องทันทีที่ส่งตัวเสร็จ ปล่อยให้เธอนอนในห้องกว้างนั้นอย่างเดียวดายอ้างว้าง และหลังจากนั้นเขาก็แยกห้องนอนกับเธอมาตลอด เขาไม่เคยร่วมโต๊ะอาหาร ตอนเช้าเธอจะจัดเตรียมไว้ให้ และเลี่ยงไปทำอย่างอื่น ตอนเย็นส่วนใหญ่เขาจะกินมาจากข้างนอก กระนั้นเธอก็ยังเตรียมไว้รอ นัสรินรู้ดีว่าฝีมือทำอาหารของตัวเองแย่มากแค่ไหน  ทว่าหลังๆ มันก็เริ่มดีขึ้น แต่ก็คงไม่ใช่ระดับที่น่าพอใจสำหรับปราณต์

                นัสรินทรมานใจมากที่สุด เธอไม่เคยได้ออกไปไหน ไม่ใช่ปราณต์ห้าม แต่เธอแทบจะไม่รู้จักเชียงใหม่เลย แต่สิ่งที่ทำให้เจ็บปวดมากกว่าการถูกปล่อยให้อยู่บ้านคนเดียว ถูกปล่อยให้นอนคนเดียว ถูกปล่อยให้ทำงานบ้านคนเดียว ทานข้าวคนเดียว ก็คือสายตาของปราณต์ที่มองเธอเหมือนเป็นวัตถุส่วนเกินหนึ่งชิ้นอันไร้ค่าในบ้านของเขา

                คืนนั้นเป็นวันครบรอบหนึ่งเดือนของการแต่งงาน เธอนอนคิดอยู่เกือบครึ่งค่อนคืน กระทั่งที่สุดในตอนเช้าเธอก็รวบรวมความกล้าเข้าไปคุยกับเขาที่โต๊ะอาหาร

                “มีอะไรหรือเปล่า” ปราณต์ถามขึ้นเสียงกระด้างเย็นชาเช่นเดียวกับทุกครั้งยามพูดคุยกัน แววตานั้นก็ไม่ต่างเท่าใดนัก ทำให้หัวใจของนัสรินเจ็บปวดราวกับถูกใครเอาเข็มมาทิ่มแทง

                “นัสอยากจะคุยกับคุณปราณต์เรื่องการแต่งงานของเราค่ะ”

                “มีอะไรต้องคุยอีก คุณก็ได้แต่งงานกับผมสมใจแล้วนี่”

“นัสรู้ค่ะว่าคุณปราณต์ต้องฝืนใจแค่ไหนที่ต้องแต่งงานกับนัส และตอนนี้คุณปราณต์คงเกลียดนัสมาก แต่นัสขอเวลาสักสามเดือนได้มั้ยคะ อย่างน้อยก็ขอให้ทุกคนลืมเรื่องการแต่งงานของเราไปก่อน แล้วนัสจะหย่าให้คุณปราณต์ค่ะ และก็ไม่ต้องห่วงนะคะ นัสจะไม่เรียกร้องอะไรจากคุณแม้แต่บาทเดียว”

มันไม่ง่ายเลยที่จะพูดประโยคนั้น ในเมื่อใจทั้งใจยังรักเขาและไม่มีสายตาหรือที่ว่างในหัวใจสำหรับใครอีกแล้ว แต่ก็รู้ดีว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้เขาไม่มีความสุข เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่เธอจะทำได้ก็คือคืนอิสระให้ปราณต์ เพื่อให้เขาได้เริ่มต้นใหม่กับผู้หญิงดีๆ สักคนที่เขาอาจจะหาเจอในอนาคต

“ฉลาดดีนี่ แต่งงานสามเดือนเพื่อล้างหนี้ แล้วก็หย่าแบบไม่มีอะไรสึกหรอ แถมยังพูดจาให้ดูดีว่าจะไม่เรียกร้องอะไรอีกต่างหาก มีแต่ได้กับได้”

“นัสก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้คุณปราณต์ใช้สิทธิ์สามีกับนัสนี่คะ”พูดไปแล้วก็หน้าแดงด้วยความกระดากปาก ปราณต์คงคิดว่าเธออยากให้เขามีอะไรด้วย

“ใช่! ผมมีสิทธิ์ แต่ผมรังเกียจพฤติกรรมของคุณจนไม่อยากจะแตะต้อง”

สะอึก! จากที่กระดากอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้หน้าเปลี่ยนเป็นชาราวกับถูกไฟชอร์ตจนไร้ความรู้สึก แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกปราณต์พูดจาเชือดเฉือนหัวใจ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่เจ็บที่สุดแล้วกระมัง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมีย(ไม่)พลอยโจน   บทที่ 89

    บทที่ 89เสียงกริ่งหน้าบ้านที่ดังขึ้นอย่างถี่รัว ทำให้ร่างสูงใหญ่ที่กำลังนอนกอดตระกองภรรยาสาวอยู่ในอ้อมแขนอย่างมีความสุขต้องยันกายลุกขึ้น พลางมุ่นคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ใครมากดกริ่งแบบนี้” นัสรินถามสามีอย่างพลอยตกใจไปด้วย เพราะตั้งแต่อยู่บ้านหลังนี้มาไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวผมไปดูก่อน นัสรออยู่นี่นะ” ปราณต์เดินออกไปชะเง้อดูที่ระเบียง แสงที่สาดสะท้อนมาจากไฟหน้าบ้าน ทำให้เขาเห็นได้ชัดว่าคนกดเป็นใคร หนำซ้ำคนกดยังส่งเสียงร้องเรียกเขาราวกับกำลังมีเรื่องร้อนใจสุดๆ อีกต่างหาก“พี่ปราณต์! พี่ปราณต์!”ร่างสูงกลับเข้าห้อง แล้วบอกภรรยาที่นั่งรออยู่บนเตียง เพื่อให้เธอคลายความกังวลว่าคนที่กำลังกดกริ่งหน้าบ้านและส่งเสียงเรียกเขาอยู่นั้นเป็นใคร“ตะวันน่ะ”บอกเสร็จปราณต์ก็ออกจากห้อง โดยมีนัสรินก้าวตามลงไป ทั้งสองเดินออกไปยังหน้าบ้านด้วยกัน และปราณต์ก็กดกุญแจรีโมตเปิดประตูรั้วให้รังสิมันต์“มีอะไรตะวัน”“พี่ปราณต์ต้องช่วยผมนะ เด็กคนนั้นโดนแก้วบาดมือ เลือดไหลเยอะมาก ตอนนี้เด็กนั่นอยู่ในรถผม” รังสิมันต์ไม่ได้เอ่ยชื่อของจันทริกาออ

  • เมีย(ไม่)พลอยโจน   บทที่ 88

    บทที่ 88แสงไฟสีเหลืองอมส้มที่ส่องสว่างทั่วอาณาบริเวณของบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังใหญ่ ยิ่งทำให้บ้านซึ่งถูกออกแบบและปลูกสร้างอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดูโดดเด่นสวยสะดุดตามากยิ่งขึ้นในยามค่ำคืนเช่นนี้ หากแต่ภายใต้ความสว่างไสวและสวยงามที่ห้อมล้อมบ้านหลังใหญ่ในยามนี้ คนเป็นเจ้าของกลับกำลังอยู่ในห้วงของอารมณ์ซึ่งสวนทางกับบรรยากาศอันแสนสวยงามของบ้านโดยสิ้นเชิง เพราะถูกครอบงำด้วยความโมโหต่อ ‘เด็กในปกครอง’ ที่หายตัวไปตั้งแต่ตอนบ่าย และป่านนี้แล้วก็ยังไม่กลับมาร่างสูงลุกขึ้นเดินไปมาสลับกับมาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา ซึ่งความหนานุ่มสมราคาของมันกลับไม่ได้ทำให้ความเดือดพล่านในอารมณ์ของรังสิมันต์ลดลงเลยแม้แต่นิด มือใหญ่สมสัดส่วนกับรูปร่างเอื้อมไปหยิบขวดวิสกี้ราคาแพงระยับมาเทลงบนแก้ว ก่อนจะกระดกน้ำสีอำพันนั้นลงไปในลำคอพรวดเดียวหมด จากนั้นก็กระแทกแก้วลงกับโต๊ะเพื่อระบายอารมณ์ โดยมี ‘เมสซี่’ แมวพันธุ์แร็กดอลล์ตัวโปรดนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ บ่อยครั้งที่ตาสีฟ้าของมันเหลือบมองเจ้านายตัวเอง และลุกขึ้นมาคลอเคลีย ตามประสาแมวขี้เล่น แต่พอรู้ว่าเจ้านายกำลังอารมณ์ไม่ดี มันก็กลับไปนั่งที่ของมันแล้วหมอบลงเงียบๆ อย่างไม่กล้าก

  • เมีย(ไม่)พลอยโจน   บทที่ 87

    บทที่ 87“นั่งด้วยกันมั้ย” ปราณต์เอ่ยชวน“ไม่ดีกว่าครับ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอคนที่กำลังอยู่ข้าวใหม่ปลามัน” รังสิมันต์ปฏิเสธก่อนจะหันไปทางกวินภพเพื่อหาพวก “จริงมั้ยวะอิสร์”“แกมันก็ชอบหาเรื่องกวนตีนชาวบ้านไปทั่ว” กวินภพไม่ได้เออออแต่พูดขัดคอขึ้นมาซะงั้น“เฮ้ย...แกเป็นนักธุรกิจพันล้านนะเว้ยอิสร์ พูดคำหยาบกวนตงกวนตีนแบบนี้ได้ไง เสียภาพพจน์นักธุรกิจหนุ่มหล่อมาดเนี๊ยบหมด”“แกมันบ้าว่ะตะวัน” หนุ่มกรุงเทพฯ ส่ายหน้ายิ้มๆ กับความเจ้าคารมและช่างกวนอารมณ์ชาวบ้านของรังสิมันต์“พี่ก็ว่างั้นละอิสร์”“เฮ้อ...ตอนแรกว่าจะไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ เปลี่ยนใจดีกว่านั่งกับพี่ปราณต์เลยแล้วกัน” รังสิมันต์แกล้งกวนอารมณ์พี่ชายต่อ ด้วยการจะขยับเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ แต่ยังไม่ทันได้นั่งนัสรินซึ่งไปเข้าห้องน้ำก็กลับมาเสียก่อน ทำให้ทั้งสองหนุ่มต้องหันไปทักทายกับหญิงสาวตามมารยาท“สวัสดีครับพี่สะใภ้” รังสิมันต์ทักทายขึ้นก่อนอย่างขี้เล่น ทำให้คนถูกทักเหวอแกมอายนิดๆ เพราะไม่ค่อยคุ้นกับคำเรียกแบบนั้นสักเท่าไหร่“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ เพราะประเมินว่าทั้งสองน่าจะอายุมากกว่าตน“ตะวั

  • เมีย(ไม่)พลอยโจน   บทที่ 86

    บทที่ 86“แน่นอนสิที่รัก ถ้าไม่รู้ใจคุณแล้วผมจะเป็นผัวคุณได้ยังไง ว่าไงจะบอกหรือเปล่าว่าหมายถึงใคร”“นัสหมายถึงหมอเมย์ค่ะ” ในที่สุดนัสรินก็ยอมรับว่าเธอต้องการจะถามเขาว่าเคยพาเมธาวีมาที่นี่หรือไม่“ถ้าบอกว่าเคยล่ะ”“ก็ไม่แปลกใจค่ะ” ปากว่าไม่แปลกใจ หน้าก็ยังดูยิ้ม แต่แววตาและน้ำเสียงนั้นแปร่งไปจนฟังได้ชัด“คราวนี้จะยอมรับได้หรือยังหือว่าคุณหึงผมกับเมย์” คุณหมอผู้ลองใจเมียเริ่มต้อนให้เธอยอมรับความจริงกับเขาเสียที“ยอมรับก็ได้”“ทำไมถึงจำเพาะเจาะจงว่าเป็นเมย์”“ไม่รู้สิคะ อาจเป็นเพราะว่านัสเคยเห็นกับตาว่าคุณกับหมอเมย์สนิทสนมกันแค่ไหนมั้ง”“ผมไม่ได้คิดอะไรกับเมย์เกินกว่าน้องสาว สาบานได้เลย แต่ผมก็ดีใจนะที่รู้ว่าทำให้คุณหึง”“วันที่นัสไปตรวจที่คลินิกว่าท้องหรือเปล่า นัสเจอหมอเมย์ด้วยค่ะ เธอบอกว่าเธอเลิกกับคุณปราณต์แล้ว”“หือ...เลิกกัน?” ปราณต์เลิกคิ้วเข้มขึ้น “ฟังอะไรผิดหรือเปล่านัส”“เธอบอกแบบนั้นจริงๆ นะคะ แต่มาบอกทีหลังว่าเลิกหวังในตัวคุณแล้ว เพราะคุณรักคนอื่นอยู่” นัสรินเล่าให้ฟังตามความจริง พลางคิดถึงเหตุการณ์และสีหน้าของเมธาวีในวันนั้นอย่างจำได้แม่น“ขนาดเมย์ยังรู้ว่าผมรักใคร แล้วทำไม

  • เมีย(ไม่)พลอยโจน   บทที่ 85

    บทที่ 85ปราณต์เป็นฝ่ายขยับมาถือกระเป๋าสะพายของภรรยาที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับโอบเอวเล็กที่ตอนนี้ขยายขึ้นเล็กน้อย ทำให้นัสรินซึ่งยังงงอยู่เล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าคนทั้งสองจะรู้จักกันต้องขยับตาม แต่ก็ไม่ลืมที่จะร่ำลาหมอพัทธระตามมารยาทอันดี “ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ เดี๋ยววันหลังนัสจะเตรียมสัญญามาให้เซ็น วันนี้นัสขอตัวก่อน” “ครับคุณนัสริน แล้วพบกันครับ” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ จากนั้นก็ก้าวตามสามีออกไปขึ้นรถ ปราณต์เดินเงียบๆ แต่ยิ้มในหน้า ซึ่งจากประสบการณ์ที่อยู่ด้วยกันมาพักหนึ่ง ทำให้นัสรินพอจะรู้ว่าเวลาที่ปราณต์เป็นแบบนี้นั่นคือเขากำลังอยู่ในภาวะอารมณ์ดีแบบสุดๆ “ยิ้มอะไรนักหนาคะ พอใจมากหรือไง” นัสรินถามคนที่ซ่อนยิ้มในหน้าอย่างอดไม่ได้ จากสายตาและวาจาที่ฟังดูนุ่มละมุนผิดปกติของหมอพัทธระเมื่อครู่นี้ เธอก็พอจะรู้ว่าเขาคิดยังไงกับสามีของตน “ก็พอใจสิ” “แล้วเป็นไงคะ หมอพัทธระหล่ออย่างที่นัสบอกหรือเปล่า” “หล่อ...แต่ที่ฟังดูน้ำเสียงของนัสเหมือนกำลังหึงผมอยู่นะ อย่าหึงเลยน่า ผมชอบผู้หญิง” คราวน

  • เมีย(ไม่)พลอยโจน   บทที่ 84

    บทที่ 84วันนี้เป็นวันครบรอบสามเดือนที่บริษัทส่งตัวนัสรินมาทำงานที่เชียงใหม่พอดี ซึ่งตามกำหนดเดิมเธอจะต้องกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ และมีตัวแทนจากบริษัทคนใหม่มาทำงานแทนเธอ แต่จนป่านนี้ทางบริษัทก็ยังไม่ส่งใครมา แถมเธอยังต้องทำงานที่นี่ต่อ ซึ่งคราวนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ทำชั่วคราวแล้ว หากแต่ต้องประจำอยู่ที่นี่อย่างถาวรนัสรินยังจำวันที่ตัวเองโทร.ไปแจ้งข่าวกับกิตติ ว่าเธอประสงค์จะลาออกจากงาน ตอนนั้นหัวหน้าของเธอดูเป็นเดือดเป็นร้อนมาก เพราะยังหาคนที่ทำงานเก่งอย่างเธอมาแทนยังไม่ได้ แต่เมื่อรู้ว่านัสรินจะลาออกไปแต่งงาน และอยู่ที่เชียงใหม่กับสามี กิตติก็ขอร้องให้เธอทำงานให้ต่อ โดยเสนอจะเพิ่มเงินเดือนให้ สุดท้ายนัสรินก็จำต้องรับปาก โดยไม่ต้องเพิ่มเงินเดือนให้เธอ ความจริงเธอไม่ได้อยากลาออกเลยสักนิด แต่ที่ต้องบอกหัวหน้าไปเช่นนั้น ก็เพราะปราณต์ขอร้องแกมบังคับ และเมื่อเขาได้รู้ว่าเธอตัดสินใจจะทำงานต่อ หมอหน้าหล่อก็งอนไปหลายวันเหมือนกันนัสรินออกมาจากออฟฟิศก่อนเวลาเลิกเงิน เพราะมีนัดกับลูกค้าซึ่งเป็นหมอของโรงพยาบาลเอกชน เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวกับหมอหนุ่มที่ตัวเองกำลังคุยงานด้วยอย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status