"คุณแม่พรพรรณ สวัสดีค่ะ"
พอใจยกมือไหว้หญิงชราวัย 69 ปี ที่ตอนนี้นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของท่านซีดเหลือง "พอใจ" คุณแม่พรพรรณกล่าวออกมาเสียงแผ่ว "ไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูพาไป" แต่คุณแม่พรพรรณส่ายหน้า "สิ้นเปลืองเปล่า ๆ" "โธ่..คุณแม่พรพรรณ ไปเถอะค่ะเงินเดือนหนูออกแล้ว เรามีเงินค่ะ" พอใจกับเอ็นดูจึงประคองคุณแม่พรพรรณออกไปที่หน้าสถานสงเคราะห์ และเรียกแท็กซี่ "เอ็นดู อยู่ดูแลน้อง ๆ ถ้ามีอะไรเดี๋ยวพี่โทรหา" พอใจบอกกับเอ็นดูก่อนจะพาคุณแม่พรพรรณขึ้นรถแท็กซี่ไปโรงพยาบาล เมื่อมาถึงโรงพยาบาลคุณหมอก็ให้ท่านนอนที่โรงพยาบาลทันที เพราะอาการของท่านอ่อนเพลียและมีภาวะเหลืองซีดเพราะเลือดจางขั้นรุนแรง "คนไข้มีอาการเครียดมากครับ จนทำให้ส่งผลกับระบบต่าง ๆ ในร่างกาย แต่โดยรวมแล้วก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง" คุณหมอบอกกับพอใจ เธอจึงยกมือไหว้คุณหมอและมองไปยังเตียงที่คุณแม่พรพรรณนอนหลับอยู่ คุณแม่พรพรรณคงเครียดเรื่องของเงินบริจาคที่น้อยลง คงกลัวว่าจะดูแลพวกน้อง ๆ ต่อไปไม่ไหว ท่านเคยเปรย ๆ กับเธอว่าหากไม่ไหวจริง ๆ สถานสงเคราะห์แห่งนี้ก็คงต้องปิดตัวลง "ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ" "อืม..ถ้าอย่างนั้นผมขอตัว" แล้วคุณหมอก็เดินไปตรวจคนไข้เตียงต่อไป พอใจนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง จับมือของคุณแม่พรพรรณเอาไว้ ตั้งแต่จำความได้ก็ได้สองมือนี้แหละที่เลี้ยงดูเธอมา และคอยอบรมสั่งสอนให้เป็นคนดีและเข้มแข็ง เธออยู่เฝ้าคุณแม่พรพรรณจนถึงตอนเย็น จึงได้กลับห้องพัก เพราะที่นี่เป็นห้องผู้ป่วยรวมจึงไม่ต้องนอนเฝ้า ขณะที่กำลังจะเดินไปเรียกแท็กซี่ที่หน้าโรงพยาบาล "สวัสดีครับ คุณพอใจ" เขาเดินมาดักตรงหน้าเธอพร้อมกับกล่าวทักทาย พอใจแน่ใจว่าเธอไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้ "ผมมีเรื่องคุยกับคุณ ขอเชิญคุณตามผมมาด้วยครับ" เขตแดนพูดกับเธอเสียงราบเรียบ พอใจจ้องหน้าเขาเขม็ง และเดินเลี่ยงเขาไปอีกทาง "ถ้าคุณอยากรู้ว่าทำไมคุณแม่ของพวกคุณถึงได้เครียดจนล้มป่วยลง ก็ตามผมมา" พอใจหันขวับกลับมาทันที ผู้ชายคนนี้รู้เรื่องที่คุณแม่พรพรรณเครียดจนป่วยได้ยังไงกัน เธอจึงเดินไปใกล้เขามากขึ้นอีกนิด "มีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณแม่เครียด นอกจากไม่มีผู้บริจาค ?" "คุณพอใจ ถ้าคุณทราบรายละเอียด เรื่องที่ไม่มีผู้บริจาคเรื่องเล็กไปเลย ผมว่าคุณตามผมมาดีกว่า" พูดจบเขตแดนก็เดินนำเธอเข้าไปในร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าโรงพยาบาล พอใจจึงจำเป็นต้องเดินตามเขาไป เขาพาเธอนั่งลงที่โต๊ะว่างที่ใกล้ที่สุด และสั่งก๋วยเตี๋ยว "คุณเอาเส้นอะไร ?" พอใจส่ายหน้า "หึ..ฉันยังไม่หิว คุณรีบพูดมาดีกว่า" เขตแดนยิ้มที่มุมปาก ผู้หญิงที่เจ้านายของเขาสนใจคนนี้ใจร้อนจังแฮะ "ก็ได้..มีคนต้องการที่ดินตรงที่สถานสงเคราะห์ของพวกคุณตั้งอยู่ เขามาข่มขู่ขอซื้อหลายครั้งแล้ว แต่คุณแม่ของพวกคุณไม่ขาย พวกมันก็ยังไม่ล้มเลิก มันขู่ว่าจะจุดไฟเผา คุณแม่ของพวกคุณถึงได้ล้มป่วยลงไงล่ะ" เมื่อได้ฟัง พอใจก็ยกมือทาบอก เธอไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย "ถ้าไม่เชื่อ คุณไปถามคุณแม่พรพรรณของพวกคุณดูก็ได้" เขตแดนพูดจบก็คีบเส้นก๋วยเตี๋ยวที่เด็กเสิร์ฟนำมาให้เข้าปากโดยไม่ต้องปรุงรสเพิ่ม "แต่มีอยู่หนึ่งคนนะที่ช่วยคุณแม่พรพรรณของพวกคุณได้" "ใครคะ ?" พอใจรีบถามเขาทันที "ก็ตัวคุณไงล่ะ คุณพอใจ" เขตแดนตอบเธอ พอใจงงงวย เธอจะช่วยได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้เงินเดือนของเธอก็น้อยนิด จะแจ้งตำรวจแต่เหตุมันก็ยังไม่เกิด ตำรวจก็คงทำได้แค่ลงบันทึกประจำวันเท่านั้นแหละ "ฉันจะช่วยได้ยังไง ?" เธอจึงตัดสินใจถามเขาออกไป "ผมชื่อเขตแดนนะ เป็นเลขาของคุณภูผา เดชวรวงกุล คุยกันตั้งนานยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลย คุณช่วยได้แน่นอน ขอเพียงแค่คุณยอมทำตามเงื่อนไขที่เจ้านายของผมเสนอ ก็เท่านั้น" "เงื่อนไข เงื่อนไขอะไรคะ ?" "ไปเป็นผู้หญิงของคุณภูผา แล้วผมจะจัดการเรื่องที่คุณแม่พรพรรณของพวกคุณไม่สบายใจเอง" "ผู้หญิงของคุณภูผา บ้าไปแล้วหรือไง" "ก็แล้วแต่คุณนะ แต่ถ้าสนใจข้อเสนอ ก็ติดต่อมา" เขตแดนพูดจบเขาก็ยัดนามบัตรใบหนึ่งให้พอใจ เธอถือมันเอาไว้ในมือและลุกขึ้น เดินออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวไป คำว่า 'ผู้หญิงของคุณภูผา' พอใจรู้ดีว่ามันหมายความว่าอย่างไร เขตแดนมองตามหลังพอใจจนเธอลับสายตา แล้วจึงกดโทรศัพท์หาเจ้านาย "เรียบร้อยครับ" เช้าวันต่อมาพอใจขอลางานต่ออีกหนึ่งวัน เธอรีบมาเยี่ยมคุณแม่พรพรรณที่โรงพยาบาล และสอบถามท่านถึงเรื่องที่เธอได้ยินมาจากเขตแดน "ใช่..เสี่ยนพเขาอยากได้ที่ดินตรงสถานสงเคราะห์ของเราเอาไปทำบ้านจัดสรร ขอซื้อในราคาหลายสิบล้านแต่แม่ไม่ขาย เพราะถ้าขายเด็ก ๆ จะไปอยู่ที่ไหน" เมื่อคุณแม่พรพรรณพูดจบ พอใจก็นิ่งเงียบไป เธอมองกระเป๋าสะพายใบเล็กซึ่งในนั้นมีนามบัตรของผู้ชายที่เธอแอบปลื้มสลับกับมองหน้าของคุณแม่พรพรรณ หากเธอยอมแลกศักดิ์ศรีที่มันกินไม่ได้เพื่อช่วยให้ปัญหาของคุณแม่พรพรรณที่เลี้ยงดูเธอมาจนเติบใหญ่ผ่านไปได้ จะมีใครประนามเธอหรือเปล่านะ แล้วเขาจะยอมช่วยแก้ปัญหาให้พวกเธอจริงมั้ย พอใจได้แต่สับสนกับตัวเอง เมื่อหมดเวลาเยี่ยมพอใจแวะไปหาพวกน้อง ๆ ที่สถานสงเคราะห์ เพราะคุณแม่พรพรรณไม่อยู่ ไม่รู้ว่าเด็ก ๆ จะอยู่กันอย่างไร "พี่.. ฮือ ๆๆๆ" ทันทีที่เธอโผล่หน้าเข้าไป เอ็นดูก็ร้องห่มร้องไห้วิ่งมาหาเธอทันที "มีอะไร !? เอ็นดู" ข้าวของกระจัดกระจาย เด็ก ๆ หลายคนร้องไห้ระงม "มีคนมาทำลายข้าวของ ของพวกเราค่ะพี่ ฮือ ๆๆ มันบอกว่าถ้าไม่ขายที่ให้มัน มันจะมาเผาบ้านของพวกเราค่ะ" เอ็นดูพูดออกมาทั้งน้ำตาพลางเก็บของให้เข้าที่ไปด้วย "พวกมันทำแบบนี้กี่ครั้งแล้ว ?" พอใจสอบถามเอ็นดู "หลายครั้งแล้วค่ะพี่ เมื่อเดือนที่แล้วพวกมันก็มาขู่คะณแม่" เมื่อได้ฟังคำตอบจากเอ็นดูพอใจก็ปลอบเด็ก ๆ และช่วยป้าแม่บ้านทำข้าวเย็นให้ทุกคนทานแล้วเธอก็ตัดสินใจอะไรบางอย่าง เธอตัดสินใจโทรไปที่เบอร์ที่ปรากฏอยู่บนนามบัตร เพราะหากปล่อยเอาไว้แบบนี้พวกนั้นมันอาจจะทำอะไรรุนแรงมากยิ่งขึ้น "ฮัลโหล สวัสดีค่ะ คุณภูผาหรือเปล่าคะ ?"สัปดาห์ต่อมาผลการตรวจ DNA ระหว่างน้องภูมิและภูผาก็ออก ผลปรากฏว่าทั้งสองเป็นพ่อลูกกันอย่างไม่ต้องสงสัย ภูผาให้น้องภูมิลาโรงเรียนที่ต่างจังหวัดยาว ๆ จนกว่าจะจัดการเรื่องราวทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ส่วนบ้านของเธอเขาจะส่งคนไปดูแลเป็นระยะ ๆ ภูผาให้เขตแดนอัพเอกสารผล DNA ของเขากับน้องภูมิลงสื่อโซเชียลพร้อมกับรูปที่เขาอุ้มน้องภูมิเอาไว้ด้วย และคอมเมนต์ก็ล้วนเป็นไปในทิศทางที่ดี ไม่นานชื่อของภูผาก็ติดเทรนด์ในการค้นหาอันดับหนึ่งชื่อและธุรกิจของภูผาก็ปรากฏแก่สายตาของผู้คนโดยไม่ต้องพึ่งการโฆษณาเลยแม้แต่น้อย ส่งผลให้หุ้นในบริษัทของเขาราคาสูงขึ้นอีกเกือบ 15% และโครงการบ้านจัดสรรที่แต่ละหลังราคาห้าสิบล้านขึ้นไปจำนวนหนึ่งพันหลังขายหมดเกลี้ยง ทั้งที่ยังไม่เปิดตัวโครงการนี้ด้วยซ้ำ แค่ให้เปิดจองผ่านเวบไซต์เท่านั้น และ 70% ของคนที่ซื้อต่างก็ซื้อด้วยเงินสด นั่นก็เพราะภาพลักษ์ของภูผาที่เป็นแฟมิลี่แมนนั้นส่งผลให้ผู้คนเชื่อมั่นในตัวของเขาจึงทำให้ทุกคนพร้อมที่จะจ่ายเงินซื้อบ้านในโครงการล่าสุดจนหมดภายในเวลาไม่ถึงเดือน และมีคนไปขุดค้นประวัติของพอใจ เมื่อพบว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาไม่ใช่ไฮโซที่ไหน แต่ก็สามารถ
วันนี้เป็นวันหยุดเขตแดนจึงไม่ต้องไปทำงาน เขาทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนนี้แล้วก็รู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจ หลังจากที่เขาพาผู้หญิงคนนั้นซึ่งเขาไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อของเธอกลับมาถึงห้องพักของเขาและพาเธอเข้ามาในห้องแล้ว ปรากฏว่า..เธออ้วกแตก เขาจึงจำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าของเธอออกและนำชุดของเธอไปซักและอบแห้ง นำมันไปวางไว้ที่โซฟา เสร็จแล้วตัวเขาก็ออกไปนอนนอกห้อง และพอเธอตื่นขึ้นมาก็เกิดเหตุการณ์เหมือนเมื่อกี้ไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร หวังว่าคงไม่ไปกินเหล้าเมามายแบบเมื่อคืนนี้อีกนะ เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วเขาก็นำตารางงานขึ้นมาทบทวนดู ช่วงสองสามวันที่คุณพอใจกับน้องภูมิมาอยู่กับเจ้านายนี่รู้สึกว่าเขาจะไม่ค่อยได้ตามติดเจ้านายสักเท่าไหร่นัก เพราะเวลาว่างส่วนมากของเจ้านายจะมอบให้เมียกับลูก เขาจึงว่าง ว่างจนมีเวลาไปเที่ยวผับ และได้ประสบพบเจอกับสาวสวยขี้เมาเข้าเขตแดนกวาดสายตาไปบนหน้าจอโน้ตบุ๊คเรื่อย ๆ จนกระทั่งไปสะดุดกับตารางนัดของเจ้านายในเที่ยงวันวันจันทร์ ภูผาจะต้องไปพบกับ 'วิยะดา วีระโชติกุล' ลูกสาวของท่านรัฐมนตรี ไม่รู้ว่าเจ้านายจะยังต้องไปพบเธอหรือเปล่า เพราะว่าตอนนี้เจ้านายเขาก็จดทะเบ
แล้วคุณหญิงสดศรีก็ลงมือทานขนมจีนน้ำยา ตอนแรกกะว่าจะทานแค่นิดเดียวแต่เพราะน้ำยาที่รสชาดเข้มข้นแต่ไม่ผ็ด กินกับผักเคียงพวกใบแมงลักและผักชีลาวแล้วก็กลมกล่อม จึงทานขนมจีนหมดไปหลายจับ"อร่อยไหมคะ ?"ป้าน้อยเอ่ยถาม หลังจากที่เข้ามาเก็บถาดขนมจีนออกไปและทำความสะอาดโต๊ะ"ก็งั้น ๆ"ป้าน้อยลอบยิ้ม เห็นทานไปตั้งเยอะ ก็ยังไว้ท่า ไม่รู้ว่าจะอะไรนักหนา คุณพอใจน่ารักจะตาย ไม่ถือตัวกิริยามารยาทก็น่ารัก ไม่แปลกที่คุณภูจะรัก ขนาดป้าน้อยเองยังเอ็นดูเลย มีแต่คุณหญิงนี่แหละที่แปลกคน หรือว่าจะต้องเป็นผู้ลากมากดีมีชาติมีตระกูลเท่านั้นถึงจะดีในสายตาคุณหญิงช่วงบ่ายแก่ ๆ น้องภูมิก็ตื่นขึ้นมาจากการนอนกลางวัน คุณหญิงรีบหาข้าวมาป้อนหลานชาย พอตกเย็นหน่อยก็พาไปอาบน้ำอาบท่า โดยที่ไม่ต้องลำบากพอใจเลย เกือบหกโมงเย็นภูผาก็กลับมาถึงบ้าน พอเห็นว่าน้องภูมิอยู่กับคุณย่าก็รีบไปหาภรรยาบนห้องทันที แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะว่าตอนนี้พอใจกำลังทำกับข้าวอยู่ในห้องครัวเมื่อทำกับข้าวเสร็จแล้ว พอใจก็ขึ้นห้องไปเพื่ออาบน้ำ แต่เธอกลับพบว่าภูผานอนอยู่บนเตียงโดยที่ยังไม่ยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ พอเธอเตรียมตัวจะอาบน้ำ ภูผาก็กระโดดลงจากเตี
หลังจากที่ทานข้าวเย็นกันเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงสดศรีก็พาน้องภูมิเข้าห้องไป หวังจะให้หลานชายนอนด้วย และหากว่าน้องภูมิสนิทสนมกับท่านมากพอ พอถึงเวลาเขี่ยแม่พอใจทิ้ง หลานชายจะได้ไม่ต้องเสียใจ คุณหญิงสดศรีวางแผนเอาไว้ในใจ "คุณย่าครับ ภูมิคิดถึงแม่"แต่เพราะน้องภูมินั้นติดแม่มากทำยังไงก็ไม่ยอมนอนกับคุณย่า เพราะตั้งแต่เกิดมาหนูน้อยก็มีแม่เพียงคนเดียว คนอื่นอาจจะสนิทได้ง่าย แต่ยังไงตอนนอนอ้อมกอดไหนก็คงไม่อุ่นเหมือนอ้อมกอดแม่"พาภูมิไปหาแม่หน่อยนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ภูมิจะมาหาคุณย่าแต่เช้าเลย นะครับ"และออดอ้อนจนคุณย่าใจอ่อน จนคุณย่าต้องจูงมือหลานชายไปเคาะประตูห้องของลูกชายในตอนสองทุ่มครึ่ง พอใจเป็นคนมาเปิดประตู"แม่คร้าบบ"น้องภูมิกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของแม่ "เชอะ !"โดนแม่สามีสะบัดบ๊อบใส่ พอใจก็หน้าเจื่อน มองตามหลังคุณหญิงด้วยสายตาเศร้า ๆ ก่อนจะปิดประตูเบา ๆ ภูผาเห็นกิริยาของแม่แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ถ้าใช้น้องภูมิละลายความคิดคุณย่าไม่ได้ ก็คงต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดพอใจอุ้มลูกมานอนบนเตียงข้าง ๆ สามี น้องภูมิพลิกตัวไปกอดพ่อทันที"พ่อครับ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปใช่ไหม ?"พอน้องภูมิพูดจบ สองคนผัว
"คุณย่าทานข้าวนิดเดียว อิ่มหรือเปล่าครับ ?"น้องภูมิถามคุณย่าด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้จะเป็นเด็กที่มีอายุยังไม่เต็มสี่ขวบดี แต่น้องภูมิก็ฉลาดและช่างสังเกต ย่ากับหลานนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น"ย่าทานไม่ลง"พูดเสียงอ่อนกับหลานชาย น่ารักซะจริงเชียว"เดี๋ยวปวดท้องนะครับ คุณย่าต้องทานข้าวเยอะ ๆ จะได้โตไว ๆ"คุณหญิงสดศรีอารมณ์ดีขึ้นมาทันที กอดหลานชายเอาไว้แนบอก แล้วก็หอมแก้มซ้ายขวาของเจ้าหนูไปหลายฟอด"ภูมิครับ ไปกันเถอะ"หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแล้ว ภูผาก็ไปตามลูกชาย เพราะวันนี้ต้องไปตรวจ DNA ที่โรงพยาบาล และเขาจะพาพอใจไปจดทะเบียนสมรสด้วยน้องภูมิวิ่งจู๊ดมาหาพ่อ ภูผาจึงย่อตัวลงและอุ้มลูกชายขึ้นมา น้ำหนักยี่สิบกิโลกรัมของน้องภูมิไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา ขนาดแบกแม่ของเจ้าหนูเกือบทั้งคืนเขายังไม่เหนื่อยสักนิด คิดมาถึงตรงนี้ก็มองหน้าภรรยาแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย พอใจหน้าแดง เพราะแค่มองสายตาของภูผา เธอก็รู้ว่าเขาคิดอะไร"แม่ครับ ทานอะไรเพิ่มอีกหน่อยนะ ผมให้ป้าน้อยทำของว่างให้แม่แล้ว"พูดจบภูผาก็จูงมือพอใจเดินออกไปขึ้นรถ คุณหญิงสดศรีมองตามหลังลูกชายที่มือหนึ่งจูงเมีย อีกมืออุ้มลูก แล้วก็รู้สึกแปลก ๆ เป็นท่านเอ
"ไม่ได้กลับคอนโดหรือคะ?"พอใจเอ่ยถาม เพราะจำได้ว่าไม่ใช่ทางกลับคอนโด"กลับบ้านน่ะ น้องภูมิอยู่ที่นั่น"เธอจึงนั่งเงียบ ๆ ไปตลอดทาง ภูผาคว้าเอามือของเธอมากุมเอาไว้ เธอสบตากับเขา"ไม่ต้องกังวล ฉันอยู่นี่ทั้งคน"พอได้ฟังคำพูดของเขา พอใจก็รู้สึกมั่นใจอย่างประหลาดว่าเรื่องราวทุกอย่างต้องจบลงด้วยดี ประมาณเกือบชั่วโมงรถหรูคันนั้นก็เคลื่อนตัวมาถึงบ้านของภูผา ไม่สิน่าจะเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่า"แม่คร้าบบ พ่อคร้าบบ"เมื่อพอใจกับภูผาเดินเข้าไปในบ้าน น้องภูมิก็วิ่งมาหาทันที เด็กน้อยกางแขนออกจนกว้าง เมื่อวิ่งมาถึงระยะที่จะกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของแม่ได้แล้ว หนูน้อยก็กระโดดและพุ่งตัวสุดแรงเข้าสู่อ้อมแขนของแม่"น้องภูมิ คิดถึงจังเลย กวนคุณย่าหรือเปล่าคะ ?""ไม่ครับ"ซบลงบนบ่าของแม่ หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข "ขอพ่ออุ้มบ้างสิครับ"ภูผาพูดพร้อมกับกางแขนออก น้องภูมิจึงดันตัวเองเข้าสู่อ้อมอกของพ่อ เด็กน้อยมีความสุขมาก ไม่นึกเลยว่าการที่มีแม่กับพ่อพร้อมหน้าจะมีความสุขมากขนาดนี้"ตาภู มา ๆ มาทานข้าว"เอ่ยปากเรียกลูกชายแต่หันไปค้อนให้พอใจ ภูผาจึงจูงมือของเธอ พาเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว ป้าน้อย แม่บ้านเก่าแก่ขอ