"เมื่อเกือบห้าปีก่อนมันเกิดอะไรขึ้น พอใจ ?"
เขาบีบไหล่เธอแน่นขึ้น ถามเสียงราบเรียบ สีหน้าจริงจัง "เฮอะ ! เกิดอะไรขึ้น ก็คุณเป็นคนไล่ฉันเอง แถมยังบอกให้ฉันไปทำแท้ง ยังมีหน้ามาถาม เสียสติไปแล้วหรือไง ?" ภูผาตกใจกับคำพูดของเธอ เขาทบทวนเหตุการณ์ต่าง ๆ เมื่อเกือบห้าปีก่อน เมื่อห้าปีก่อน "ยินดีต้อนรับสู่โรงแรมของเราค่ะ" พอใจกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับยกมือไหว้แขกคนสำคัญของโรงแรม ทางผู้บริหารกำชับมาว่าต้องทำให้เขาคนนี้ประทับใจให้มากที่สุด 'ภูผา เดชวรวงกุล' พอใจเคยได้ยินชื่อของเขาตามนิตยสารธุรกิจและสื่อโซเชียลต่าง ๆ ในฐานะนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง อายุเพียง 30 ปีแต่กุมบังเหียนธุรกิจมูลค่านับพ้นล้านเอาไว้ในมือ สานต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แทนบิดาผู้ล่วงลับและทำให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าหลายสิบเท่า ไม่นึกเลยว่าตัวจริงเขาจะดูดีแบบนี้ ใบหน้าหล่อเหลาแบบชายไทยแท้ ผิวคล้ำเพราะน่าจะชอบกิจกรรมกลางแจ้งท่าทางเงียบขรึม และรูปร่างสูงใหญ่ แค่ปรายตามองสาวน้อยสาวใหญ่ก็ใจละลายได้ง่าย ๆ รวมทั้งเธอด้วย พอใจก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่อายุเพียง 25 ปียังไม่เคยมีแฟน ย่อมต้องชื่นชอบและปลื้มผู้ชายหล่อและรวยเป็นเรื่องธรรมดา แต่เธอก็เพียงแค่แอบปลื้มเขาภายในใจเท่านั้น แม้ว่าวันนี้ทั้งวันเธอจะต้องคอยมาดูแลเขาในฐานะแขกคนสำคัญของโรงแรมก็ตาม แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะอาจเอื้อมหรือว่าไปทำความรู้จักกับเขาเป็นการส่วนตัวเลย "เฮ้อ ! เหนื่อยจัง" พอใจพึมพำกับตัวเองในห้องล็อคเกอร์ของพนักงานในโรงแรม ใบหน้ารูปไข่ใสสะอาดมีเหงื่อผุดขึ้นมาเล็กน้อยตามไรผม ได้เวลาเลิกงานเสียที วันนี้เดินตามแขกซูเปอร์วีไอพีทั้งวันล้าขาไปหมดเลย เธอเปิดล็อคเกอร์หมายเลขของตัวเองออก หยิบกระเป๋าสะพายเอามาคล้องไว้ที่ไหล่ ปิดและล็อคกุญแจ เปลี่ยนรองเท้าจากคัทชูมาเป็นรองเท้าแตะ และเดินออกไป "กลับแล้วเหรอ พอใจ ?" เพื่อนร่วมงานต่างแผนกเอ่ยถาม "กลับแล้วค่ะ" เธอตอบเพื่อนร่วมงานคนนั้นไป พลางก้าวยาว ๆ จนเกือบเป็นวิ่ง ตอนนี้ช้าไม่ได้แล้วเพราะฝนตั้งเค้าทะมึนมาแต่ไกล เธอต้องขึ้นรถเมล์ให้ได้ก่อนฝนตก ไม่งั้นเปียกโชกทั้งตัวแน่ ๆ "อุ๊ย ! ขอโทษค่ะ" เพราะความเร่งรีบจึงทำให้ไม่ทันได้ระวัง เดินชนร่างสูงใหญ่ของใครบางคนเข้า ร่างเล็กที่สูงเพียง 160 ซม.ของเธอกระดอนออกมาคาดว่าน่าจะล้มก้นจ้ำเบ้าหากว่าเจ้าของร่างสูงไม่คว้าเอวของเธอเอาไว้เสียก่อน "ไม่เป็นไร ระวังหน่อยสิคุณ" เขาพูดออกมา เชิงต่อว่า พอใจเมื่อมองหน้าเขาชัด ๆ ใจสาวก็เต้นคร่อมจังหวะ ไม่ได้ยินน้ำเสียงไม่พอใจของเขาสักนิด ก่อนจะเดินเลี่ยงเขาออกมาและเดินไปรอรถเมล์ พอเธอขึ้นรถเมล์ได้สายฝนก็กระหน่ำลงมา พอใจเอามือทาบอกข้างซ้ายพบว่าหัวใจของเธอเต้นแรงมาก รู้สึกปลื้มอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ใกล้ชิดชายในฝัน ภูผารีบเดินเข้าไปในโรงแรมเพราะถ้าขืนช้าฝนตกลงมาเปียกหมดแน่ ๆ เพราะคุณหญิงสดศรีนั่นแหละ เกิดอยากจะให้เขาแต่งงานขึ้นมา จึงได้นัดเขามาดูตัวกับลูกสาวเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ ทางฝั่งญาติ ๆ ฝ่ายหญิงก็พรีเซนต์เต็มที่ พาเขาเดินซะทั่วโรงแรมเพื่อให้ชมกิจการ แต่พอได้พบพูดคุยกันกับสาวเจ้า กลับพบว่าเธอไม่ได้ชอบผู้ชาย เขาเองก็โล่งใจเพราะฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายปฏิเสธเขาเอง ดีล่ะคราวนี้แม่จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายเรื่องหาเมียให้เขาอีก ภูผาขึ้นไปบนห้องพักสุดหรูบนชั้นสูงสุดของโรงแรม เพราะแม่อีกนั่นแหละคะยั้นคะยอให้พักที่นี่ดูสักคืน แม้ว่าจะโดนฝ่ายโน้นปฏิเสธก็ตาม เขาเองก็เบื่อบ้านอยู่พอดีจึงถือโอกาสนี้มาลองเปลี่ยนบรรยากาศดู- หวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ภูผาจำเธอได้ แม่สาวประชาสัมพันธ์คนสวยนั่นเอง วันนี้เธอก็คงเหนื่อยเพราะต้องคอยเดินตามเขาทั้งวัน ดวงตากลมโตนั้นดึงดูดสายตาของเขาได้เป็นอย่างดี แถมตอนที่ได้ใกล้ชิดกันเมื่อกี้กลิ่นตัวของเธอก็หอมชะมัด หากให้เธอมาเป็นผู้หญิงของเขาสักเดือนสองเดือน เธอจะคิดค่าตัวสักเท่าไหร่นะ ภูผาถามตัวเองในใจ เพราะเขาไม่เคยถูกใจใครเท่าเธอมาก่อน ที่ผ่านมาเขาแค่ปรายตามองผู้หญิงพวกนั้นก็พร้อมจะขึ้นเตียงกับเขาฟรี ๆ แต่คนอย่างภูผาก็ไม่เคยเอาเปรียบผู้หญิง พวกเธอเหล่านั้นหลังจากที่เสร็จกิจกับเขา ทั้งเงินสดและกระเป๋าก็เป็นของตอบแทนให้ทันที และเขาก็คิดว่าเธอคนนั้นก็คงไม่ต่างกัน ภูผาจำได้ว่าเธอชื่อ 'พอใจ' รูปร่างภายใต้ยูนิฟอร์มของโรงแรมก็แสนยั่วยวน สะโพกผาย เอวคอดกิ่ว และที่สำคัญหน้าอกขนาดใหญ่เกินตัวนั้นทำให้เขาแทบคลั่ง "โชคดีจัง ไม่เปียกฝน" เธอลงรถเมล์มาโดยที่รอดปลอดภัยจากสายฝน เดินเข้าไปในหอพักของเธอทันที เมื่อถึงหน้าห้องพักก็ไขกุญแจและเดินเข้าไปในห้อง ปิดประตูลงกลอน วางกระเป๋าเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง แล้วเสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้น "ฮัลโหล ว่าไงจ๊ะเอ็นดู ?" เธอกรอกเสียงไปตามสาย เอ็นดูก็คือเด็กในสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าที่พอใจเติบโตมา "อะไรนะคุณแม่พรพรรณไม่สบาย ได้ ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่เข้าไป!?" พอใจเป็นเด็กกำพร้า แม้ว่าเธอจะออกมาจากสถานสงเคราะห์นานแล้ว แต่ว่าเธอก็ยังโอนเงินให้ที่นั่นทุกเดือนและไปเยี่ยมเยือนน้อง ๆ และคุณแม่พรพรรณผู้ก่อตั้งสถานสงเคราะห์แห่งนั้นเสมอ ๆ พอวางสายจากเอ็นดู พอใจก็โทรลางานกับผู้จัดการ เพราะตั้งแต่ไปทำงานที่นั่นจนถึงวันนี้สองปีเต็มเธอไม่เคยสาย ไม่เคยลา ผู้จัดการจึงอนุมัติให้เธอลาได้โดยไม่ถามเหตุผล พอใจไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะคุณแม่พรพรรณป่วยกระเสาะกระแสะมานานแล้ว หากท่านเป็นอะไรไปน้อง ๆ ที่สถานสงเคราะห์ก็คงลำบาก แม้เธอจะโอนเงินให้ทุกเดือนบวกกับเงินบริจาคจากผู้ใจบุญทั้งหลายก็ยังไม่เพียงพอ หุงข้าวเอาไว้แล้วเธอก็ไปอาบน้ำ เมื่ออาบน้ำเสร็จก็มาเจียวไข่ ทานกับน้ำพริกกะปิที่ตำเอง เรียบร้อยแล้วเธอก็เข้านอน "เขตแดน มีเรื่องให้นายจัดการ" ภูผาโทรหามือขวาของเขา และเขตแดนก็รู้ทันทีว่าเจ้านายต้องการอะไร "ได้ครับนาย" เมื่อทราบรายละเอียดแล้วว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เขตแดนก็วางสายจากเจ้านาย ภูผานอนฝันหวาน อีกไม่นานคงได้เธอมานอนอยู่ใต้ร่างของเขาอย่างแน่นอนสัปดาห์ต่อมาผลการตรวจ DNA ระหว่างน้องภูมิและภูผาก็ออก ผลปรากฏว่าทั้งสองเป็นพ่อลูกกันอย่างไม่ต้องสงสัย ภูผาให้น้องภูมิลาโรงเรียนที่ต่างจังหวัดยาว ๆ จนกว่าจะจัดการเรื่องราวทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ส่วนบ้านของเธอเขาจะส่งคนไปดูแลเป็นระยะ ๆ ภูผาให้เขตแดนอัพเอกสารผล DNA ของเขากับน้องภูมิลงสื่อโซเชียลพร้อมกับรูปที่เขาอุ้มน้องภูมิเอาไว้ด้วย และคอมเมนต์ก็ล้วนเป็นไปในทิศทางที่ดี ไม่นานชื่อของภูผาก็ติดเทรนด์ในการค้นหาอันดับหนึ่งชื่อและธุรกิจของภูผาก็ปรากฏแก่สายตาของผู้คนโดยไม่ต้องพึ่งการโฆษณาเลยแม้แต่น้อย ส่งผลให้หุ้นในบริษัทของเขาราคาสูงขึ้นอีกเกือบ 15% และโครงการบ้านจัดสรรที่แต่ละหลังราคาห้าสิบล้านขึ้นไปจำนวนหนึ่งพันหลังขายหมดเกลี้ยง ทั้งที่ยังไม่เปิดตัวโครงการนี้ด้วยซ้ำ แค่ให้เปิดจองผ่านเวบไซต์เท่านั้น และ 70% ของคนที่ซื้อต่างก็ซื้อด้วยเงินสด นั่นก็เพราะภาพลักษ์ของภูผาที่เป็นแฟมิลี่แมนนั้นส่งผลให้ผู้คนเชื่อมั่นในตัวของเขาจึงทำให้ทุกคนพร้อมที่จะจ่ายเงินซื้อบ้านในโครงการล่าสุดจนหมดภายในเวลาไม่ถึงเดือน และมีคนไปขุดค้นประวัติของพอใจ เมื่อพบว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาไม่ใช่ไฮโซที่ไหน แต่ก็สามารถ
วันนี้เป็นวันหยุดเขตแดนจึงไม่ต้องไปทำงาน เขาทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนนี้แล้วก็รู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจ หลังจากที่เขาพาผู้หญิงคนนั้นซึ่งเขาไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อของเธอกลับมาถึงห้องพักของเขาและพาเธอเข้ามาในห้องแล้ว ปรากฏว่า..เธออ้วกแตก เขาจึงจำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าของเธอออกและนำชุดของเธอไปซักและอบแห้ง นำมันไปวางไว้ที่โซฟา เสร็จแล้วตัวเขาก็ออกไปนอนนอกห้อง และพอเธอตื่นขึ้นมาก็เกิดเหตุการณ์เหมือนเมื่อกี้ไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร หวังว่าคงไม่ไปกินเหล้าเมามายแบบเมื่อคืนนี้อีกนะ เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วเขาก็นำตารางงานขึ้นมาทบทวนดู ช่วงสองสามวันที่คุณพอใจกับน้องภูมิมาอยู่กับเจ้านายนี่รู้สึกว่าเขาจะไม่ค่อยได้ตามติดเจ้านายสักเท่าไหร่นัก เพราะเวลาว่างส่วนมากของเจ้านายจะมอบให้เมียกับลูก เขาจึงว่าง ว่างจนมีเวลาไปเที่ยวผับ และได้ประสบพบเจอกับสาวสวยขี้เมาเข้าเขตแดนกวาดสายตาไปบนหน้าจอโน้ตบุ๊คเรื่อย ๆ จนกระทั่งไปสะดุดกับตารางนัดของเจ้านายในเที่ยงวันวันจันทร์ ภูผาจะต้องไปพบกับ 'วิยะดา วีระโชติกุล' ลูกสาวของท่านรัฐมนตรี ไม่รู้ว่าเจ้านายจะยังต้องไปพบเธอหรือเปล่า เพราะว่าตอนนี้เจ้านายเขาก็จดทะเบ
แล้วคุณหญิงสดศรีก็ลงมือทานขนมจีนน้ำยา ตอนแรกกะว่าจะทานแค่นิดเดียวแต่เพราะน้ำยาที่รสชาดเข้มข้นแต่ไม่ผ็ด กินกับผักเคียงพวกใบแมงลักและผักชีลาวแล้วก็กลมกล่อม จึงทานขนมจีนหมดไปหลายจับ"อร่อยไหมคะ ?"ป้าน้อยเอ่ยถาม หลังจากที่เข้ามาเก็บถาดขนมจีนออกไปและทำความสะอาดโต๊ะ"ก็งั้น ๆ"ป้าน้อยลอบยิ้ม เห็นทานไปตั้งเยอะ ก็ยังไว้ท่า ไม่รู้ว่าจะอะไรนักหนา คุณพอใจน่ารักจะตาย ไม่ถือตัวกิริยามารยาทก็น่ารัก ไม่แปลกที่คุณภูจะรัก ขนาดป้าน้อยเองยังเอ็นดูเลย มีแต่คุณหญิงนี่แหละที่แปลกคน หรือว่าจะต้องเป็นผู้ลากมากดีมีชาติมีตระกูลเท่านั้นถึงจะดีในสายตาคุณหญิงช่วงบ่ายแก่ ๆ น้องภูมิก็ตื่นขึ้นมาจากการนอนกลางวัน คุณหญิงรีบหาข้าวมาป้อนหลานชาย พอตกเย็นหน่อยก็พาไปอาบน้ำอาบท่า โดยที่ไม่ต้องลำบากพอใจเลย เกือบหกโมงเย็นภูผาก็กลับมาถึงบ้าน พอเห็นว่าน้องภูมิอยู่กับคุณย่าก็รีบไปหาภรรยาบนห้องทันที แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะว่าตอนนี้พอใจกำลังทำกับข้าวอยู่ในห้องครัวเมื่อทำกับข้าวเสร็จแล้ว พอใจก็ขึ้นห้องไปเพื่ออาบน้ำ แต่เธอกลับพบว่าภูผานอนอยู่บนเตียงโดยที่ยังไม่ยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ พอเธอเตรียมตัวจะอาบน้ำ ภูผาก็กระโดดลงจากเตี
หลังจากที่ทานข้าวเย็นกันเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงสดศรีก็พาน้องภูมิเข้าห้องไป หวังจะให้หลานชายนอนด้วย และหากว่าน้องภูมิสนิทสนมกับท่านมากพอ พอถึงเวลาเขี่ยแม่พอใจทิ้ง หลานชายจะได้ไม่ต้องเสียใจ คุณหญิงสดศรีวางแผนเอาไว้ในใจ "คุณย่าครับ ภูมิคิดถึงแม่"แต่เพราะน้องภูมินั้นติดแม่มากทำยังไงก็ไม่ยอมนอนกับคุณย่า เพราะตั้งแต่เกิดมาหนูน้อยก็มีแม่เพียงคนเดียว คนอื่นอาจจะสนิทได้ง่าย แต่ยังไงตอนนอนอ้อมกอดไหนก็คงไม่อุ่นเหมือนอ้อมกอดแม่"พาภูมิไปหาแม่หน่อยนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ภูมิจะมาหาคุณย่าแต่เช้าเลย นะครับ"และออดอ้อนจนคุณย่าใจอ่อน จนคุณย่าต้องจูงมือหลานชายไปเคาะประตูห้องของลูกชายในตอนสองทุ่มครึ่ง พอใจเป็นคนมาเปิดประตู"แม่คร้าบบ"น้องภูมิกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของแม่ "เชอะ !"โดนแม่สามีสะบัดบ๊อบใส่ พอใจก็หน้าเจื่อน มองตามหลังคุณหญิงด้วยสายตาเศร้า ๆ ก่อนจะปิดประตูเบา ๆ ภูผาเห็นกิริยาของแม่แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ถ้าใช้น้องภูมิละลายความคิดคุณย่าไม่ได้ ก็คงต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดพอใจอุ้มลูกมานอนบนเตียงข้าง ๆ สามี น้องภูมิพลิกตัวไปกอดพ่อทันที"พ่อครับ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปใช่ไหม ?"พอน้องภูมิพูดจบ สองคนผัว
"คุณย่าทานข้าวนิดเดียว อิ่มหรือเปล่าครับ ?"น้องภูมิถามคุณย่าด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้จะเป็นเด็กที่มีอายุยังไม่เต็มสี่ขวบดี แต่น้องภูมิก็ฉลาดและช่างสังเกต ย่ากับหลานนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น"ย่าทานไม่ลง"พูดเสียงอ่อนกับหลานชาย น่ารักซะจริงเชียว"เดี๋ยวปวดท้องนะครับ คุณย่าต้องทานข้าวเยอะ ๆ จะได้โตไว ๆ"คุณหญิงสดศรีอารมณ์ดีขึ้นมาทันที กอดหลานชายเอาไว้แนบอก แล้วก็หอมแก้มซ้ายขวาของเจ้าหนูไปหลายฟอด"ภูมิครับ ไปกันเถอะ"หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแล้ว ภูผาก็ไปตามลูกชาย เพราะวันนี้ต้องไปตรวจ DNA ที่โรงพยาบาล และเขาจะพาพอใจไปจดทะเบียนสมรสด้วยน้องภูมิวิ่งจู๊ดมาหาพ่อ ภูผาจึงย่อตัวลงและอุ้มลูกชายขึ้นมา น้ำหนักยี่สิบกิโลกรัมของน้องภูมิไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา ขนาดแบกแม่ของเจ้าหนูเกือบทั้งคืนเขายังไม่เหนื่อยสักนิด คิดมาถึงตรงนี้ก็มองหน้าภรรยาแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย พอใจหน้าแดง เพราะแค่มองสายตาของภูผา เธอก็รู้ว่าเขาคิดอะไร"แม่ครับ ทานอะไรเพิ่มอีกหน่อยนะ ผมให้ป้าน้อยทำของว่างให้แม่แล้ว"พูดจบภูผาก็จูงมือพอใจเดินออกไปขึ้นรถ คุณหญิงสดศรีมองตามหลังลูกชายที่มือหนึ่งจูงเมีย อีกมืออุ้มลูก แล้วก็รู้สึกแปลก ๆ เป็นท่านเอ
"ไม่ได้กลับคอนโดหรือคะ?"พอใจเอ่ยถาม เพราะจำได้ว่าไม่ใช่ทางกลับคอนโด"กลับบ้านน่ะ น้องภูมิอยู่ที่นั่น"เธอจึงนั่งเงียบ ๆ ไปตลอดทาง ภูผาคว้าเอามือของเธอมากุมเอาไว้ เธอสบตากับเขา"ไม่ต้องกังวล ฉันอยู่นี่ทั้งคน"พอได้ฟังคำพูดของเขา พอใจก็รู้สึกมั่นใจอย่างประหลาดว่าเรื่องราวทุกอย่างต้องจบลงด้วยดี ประมาณเกือบชั่วโมงรถหรูคันนั้นก็เคลื่อนตัวมาถึงบ้านของภูผา ไม่สิน่าจะเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่า"แม่คร้าบบ พ่อคร้าบบ"เมื่อพอใจกับภูผาเดินเข้าไปในบ้าน น้องภูมิก็วิ่งมาหาทันที เด็กน้อยกางแขนออกจนกว้าง เมื่อวิ่งมาถึงระยะที่จะกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของแม่ได้แล้ว หนูน้อยก็กระโดดและพุ่งตัวสุดแรงเข้าสู่อ้อมแขนของแม่"น้องภูมิ คิดถึงจังเลย กวนคุณย่าหรือเปล่าคะ ?""ไม่ครับ"ซบลงบนบ่าของแม่ หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข "ขอพ่ออุ้มบ้างสิครับ"ภูผาพูดพร้อมกับกางแขนออก น้องภูมิจึงดันตัวเองเข้าสู่อ้อมอกของพ่อ เด็กน้อยมีความสุขมาก ไม่นึกเลยว่าการที่มีแม่กับพ่อพร้อมหน้าจะมีความสุขมากขนาดนี้"ตาภู มา ๆ มาทานข้าว"เอ่ยปากเรียกลูกชายแต่หันไปค้อนให้พอใจ ภูผาจึงจูงมือของเธอ พาเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว ป้าน้อย แม่บ้านเก่าแก่ขอ