เมษา....
ตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนรถตู้ด้วยความจำใจและต้องพาคุณยายที่ตอนนี้ฉันยังไม่รู้จักชื่อของท่านกับคุณป้ารำภามาที่บ้านทั้งที่ฉันก็บอกกับท่านไปแล้วว่าทางมันลำบากให้รอที่รถแต่ท่านก็ไม่ยอมจะมาที่บ้านของฉันให้ได้คือไม่ใช่ว่าฉันอายบ้านตัวเองหรอกนะเพราะฉันไม่เคยอายอยู่แล้วที่จนแต่ฉันเกรงใจท่านน่ะที่ให้งานฉันทำยังไม่พอจะอยากมาเยี่ยมมาดูบ้านของฉันอีก
"นี่บ้านหนูเหรอเมษา"
"ใช่ค่ะ"
"โถลูกทำไมชีวิตน่าสงสารขนาดนี้อย่าหาว่ายายดูถูกเลยนะหนูอยู่บ้านหลังนี้จริงๆเหรอจ๊ะ"
"ค่ะ หนูอยู่มาตั้งแต่เด็ก"
"มันอันตรายมากเลยนะลูกป้าว่า เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวอยู่บ้านที่แทบจะหาความปลอดภัยไม่เจอเลยแถมไฟฟ้าก็ไม่มีใช้หนูอยู่ได้ยังไง ดีนะที่คุณไทด์มาส่งจนมาเห็นความเป็นอยู่ของหนูแล้วเล่าให้คุณท่านกับป้าฟังไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่รู้ว่าหนูลำบากมากแค่ไหน'
"หนูชินแล้วล่ะค่ะคุณป้า"
"แต่ต่อไปนี้หนูจะไม่ต้องลำบากแล้วนะ ไปทำงานกับยายอยู่กับยายส่วนบ้านหลังนี้ยายจะให้ช่างมาปรับปรุงซ่อมรั้วซ่อมหลังคาซ่อมฝาบ้านให้แล้วก็จะเอาไฟฟ้าเข้ามาให้ด้วย"
"ไม่เป็นไรค่ะแค่คุณยายให้งานทำหนูก็ไม่รู้จะตอบแทนพระคุณยังไงหมดแล้ว"
"ยายเต็มใจทำให้หนู เพื่อเป็นสิ่งตอบแทนที่หนูช่วยยายเอาไว้"
"แต่ว่ามัน..."
"ไม่ต้องมีแต่แล้วจ๊ะ ไปเก็บของเถอะเดี๋ยวจะค่ำซะก่อน"
สองชั่วโมงต่อมา...
ตอนนี้ฉันมาถึงบ้านของคุณยายแต่จะเรียกว่าบ้านคงจะไม่ถูกต้องนักฉันน่าจะต้องเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่าเพราะแค่นั่งรถผ่านประตูรั้วสีทองที่สูงหลายสิบเมตรเข้ามาฉันก็สัมผัสได้ถึงความใหญ่โตโอ่อ่าของสถานที่ที่ฉันไม่คิดว่ามีจริงเพราะมันสวยงามราวปราสาทในเทพนิยายที่ฉันเคยอ่านตอนเป็นเด็ก มองไปทางไหนก็มีแปลงดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ที่ปลูกประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงามไหนจะสวนป่าที่มีไอน้ำพ่นออกมาและมีน้ำตกหลายชั้นไหลลงมาทำให้ได้ยินเสียงน้ำไหลตลอดเวลา ถ้าไม่บอกว่าตอนนี้อยู่กรุงเทพฉันคิดว่าตอนนี้ฉันน่าจะอยู่จังหวัดไหนสักจังหวัดในภาคเหนือ ฉันนั่งอยู่บนรถมองบรรยากาศโดยรอบด้วยความตื่นเต้นจนกระทั่งรถจอดตรงบันไดทางขึ้นสักพักก็มีคนมาเปิดประตูรถให้เป็นหญิงวัยกลางคน
"คุณท่านกลับมาแล้ว"
"เป็นไงบ้างบ้านเรียบร้อยดีไหมฉันไม่อยู่สองวัน"
"เรียบร้อยดีค่ะคุณท่าน เอ่อ แล้วนี่ใครกันคะคุณท่าน" หญิงวัยกลางคนหันมามองฉันด้วยแววตาสงสัย และด้วยความที่ฉันอายุน้อยกว่าฉันก็เลยรีบยกมือไหว้ตามมารยาท
"เดี๋ยวรำภาจะเป็นคนแนะนำให้ทุกคนในบ้านรู้จักพร้อมๆกัน"
"เจ้าค่ะ"
"ป่ะเข้าบ้านกันเถอะลูก" จากนั้นคุณยายก็จับมือฉันแล้วพาเดินเข้าบ้านโดยมีคุณป้ารำภาเดินตามหลัง พอเข้ามาด้านในฉันก็เจอคนหลายสิบคนที่มีทั้งผู่้หญิงผู้ชายนั่งพับเพียบเรียบร้อยกันอยู่ที่พื้นพรม
"เอาล่ะทุกคนมากันพร้อมแล้วนะ"
"ค่ะ/ครับ"
"ฉันมีเรื่องจะแจ้งให้ทุกคนได้ทราบว่าตอนนี้คุณท่านมีคนดูแลเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนนั่นก็คือหนูเมษาคนนี้ หนูเมษาจะมาดูแลคุณท่านกับฉัน"
"สวัสดีค่ะ หนูชื่อเมษาค่ะยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะมีอะไรก็บอกก็สอนหนูด้วยนะคะ" ฉันแนะนำตัวพร้อมกับไหว้ทุกคนเพราะดูๆแล้วทุกคนในที่นี้น่าจะอายุมากกว่าฉันกันทุกคน
"แล้วหนูคนนี้จะมาอยู่ที่นี่หรือว่าไปกลับคะคุณรำภา"
"อยู่ที่นี่จ่ะ"
"ถ้าอยู่ที่นี่จะให้หนูคนนี้นอนที่ไหนคะ จันจะได้เตรียมห้อง"
"ฉันจะให้หนูเมษาพักอยู่ที่ตึกใหญ่เพื่อที่ว่าหนูเมษาจะได้ดูแลฉันอย่างใกล้ชิด เอาห้องรับรองแขกก็ได้ จันช่วยจัดการทีนะ"
"ได้ค่ะคุณท่าน"
เวลาต่อมา...
ฉันหิ้วกระเป๋าเดินตามป้าแม่บ้านที่ชื่อจันมายังชั้นสองของบ้านก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าห้องๆนึง
"ห้องนี้นะคะห้องของคุณเมษา"
"ป้าอย่าเรียกหนูว่าคุณเลยค่ะ หนูเป็นแค่ลูกจ้างที่คุณยายจ้างมาดูแลเท่านั้นเอง" ฉันรีบบอกทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น
"ไม่น่าจะใช่หรอกมังคะคุณเมษาเพราะถ้าเป็นแค่ลูกจ้างคุณท่านคงไม่ให้คุณเมษาขึ้นมาอยู่ที่ตึกใหญ่หรอกค่ะ"
"อ้าวแล้วป้ากับคนอื่นๆอยู่กันที่ไหนเหรอคะ" ฉันถามอย่างสงสัยเพราะคิดว่าทุกคนพักอยู่ที่ตึกนี้กันหมด
"คนงานทุกคนไม่ว่าจะเป็นแม่บ้านแม่ครัวคนขับรถคนสวนทุกคนพักกันอยู่ที่ตึกคนงานด้านหลังตึกใหญ่กันค่ะ"
"อ้าวเหรอคะ แล้วทำไมคุณยายกับคุณป้ารำภาถึงไม่ให้หนูไปอยู่ที่นั่นล่ะคะ"
"อันนี้ป้าก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ป้าว่าตอนนี้คุณเมษาเอาของเข้าไปเก็บไว้ในห้องก่อนดีกว่านะคะเพราะอีกครึ่งชั่วโมงจะได้เวลาอาหารค่ำแล้ว"
"ถ้างั้นเดี๋ยวหนูไปช่วยทำอาหารนะคะ"
"ไม่ต้องค่ะ คุณเมษามีหน้าที่ดูแลคุณท่าน เรื่องอาหารให้เป็นหน้าที่ของแม่ครัวเถอะนะคะ ถ้าคุณเมษาลงไปช่วยพวกในครัวจะโดนดุ"
"ทำไมต้องโดนดุด้วยล่ะคะ"
"ทุกคนที่บ้านหลังนี้มีหน้าที่ของแต่ละคนค่ะคุุณท่านจะไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกันเลย แม่บ้านก็ส่วนแม่บ้าน แม่ครัวก็ส่วนแม่ครัว พูดง่ายๆก็คือคุณท่านกลัวทุกคนจะเหนื่อยน่ะค่ะถ้าทำงานกันหลายอย่าง"
"หืมมม ดีจังเลยนะคะ"
"ค่ะ คุณท่านน่ะใจดีกับพวกเราทุกคน พวกเราทุกคนรักและเคารพคุณท่านมาก ท่านเป็นมากกว่าเจ้านายค่ะ" ฉันเห็นด้วยกับที่ป้าแม่บ้านพูดเพราะคุณยายท่านใจดีมากจริงๆ
"เดี๋ยวป้าขอลงไปทำงานข้างล่างต่อก่อนนะคะ คุณเมษาอาบน้ำพักผ่อนก่อนก็ได้นะคะถ้าถึงเวลาอาหารเดี๋ยวป้าจะให้เด็กๆขึ้นมาตาม"
"ขอบคุณป้าจันมากเลยนะคะ แต่หนูขอร้องป้านะคะเลิกเรียกหนูว่าคุณได้ไหมค่ะขอร้องล่ะ"
"เอางี้ไหมคะต่อไปป้าจะเรียกคุณเมษาว่าหนูเมดีไหมคะ น่ารักดี"
"เอางั้นก็ได้ค่ะเรียกหนูว่าหนูเมก็ได้ค่ะ"
หลังจากที่ป้าจันลงไปแล้วฉันก็เปิดประตูห้องเพื่อเอาของๆตัวเองเข้าไปเก็บ และพอฉันเปิดประตูเข้ามาฉันก็ต้องอึ้งจนแทบหยุดหายใจเพราะห้องสวยมากและกว้างมาก ฉันจะต้องอยู่ที่นี่จริงๆเหรอ มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ ฉันคิดว่ามันมากเกินไปกับหน้าที่ของฉัน ฉันคิดว่าจะลงไปคุยกับคุณป้ารำภาว่าขอให้ฉันไปอยู่ตึกคนงานน่าจะดีกว่าเหมาะสมกว่า ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบห้องนี้นะแต่มันไม่เหมาะกันคนอย่างฉันเลยแม้แต่น้อย คิดได้แบบนั้นฉันก็รีบหยิบกระเป๋าตัวเองเดินออกมาจากห้องทันที
ตุ่บ!!!
"โอ๊ะ" ฉันล้มลงไปกองกับพื้นเมื่อไปชนกับอะไรบางอย่าง พอฉันเงยหน้าขึ้นไปมองปรากฏว่าสิ่งที่ฉันชนจนล้มก็คือผู้ชายร่างสูงที่แต่งตัวดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยเสื้อเชิตสีขาวกางเกงยีนสีดำขาดเข่าคนนึงที่อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับฉัน เขามีใบหน้าขาวใสคล้ายผู้หญิงแต่แววตาของเขานั้นดูดุดูหยิ่งดูเหวี่ยงๆยังไงชอบกล
"แม่งเดินยังไงวะ เห้ย ยัยข้างถนน!!!"
เมษา...ตอนนี้เรามาถึงวัดกันแล้วค่ะระหว่างทางฉันก็ได้ปะทะคารมกับเขามาตลอดทางแต่เราสองคนไม่ได้ทะเลาะกันเสียงดังหรอกนะคะเพราะกลัวว่าลูกจะได้ยินและสงสัยโชคดีที่เขาเปิดการ์ตุนให้ลูกดูลูกก็เลยไม่ได้สนใจฉันกับเขา พอรถจอดสนิทฉันกำลังจะเอื้อมมือไปคว้าลูกมาอุ้มเพื่อพาแกลงจากรถแต่ไม่ทันเขาเพราะเขารีบลงจากรถแล้วเปิดประตูด้านหลังอุ้มลูกเดินออกไปหน้าตาเฉยโดยไม่รอฉันสักนิด ฉันจึงทำได้แค่เดินลงจากรถแล้วตามเขาไป แต่ก้าวขาไม่ถึงสามก้าวคุณไทด์ก็ขับรถมาจอดข้างๆพอดี ฉันจึงยืนรอคุณไทด์ลงจากรถเพื่อเดินเข้าไปในวัดด้วยกัน แต่เหมือนมีใครบางคนจ้องมองมาที่ฉันฉันก็เลยมองกลับไปปรากฏว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรของฉันเองค่ะ คุณพีเจ เขามองฉันตาเขียวมองแบบไม่พอใจขั้นสุด เขาคงจะโกรธฉันที่ฉันไม่ยอมอยู่บ้านเขาก็ได้เพราะฉันยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่อยู่เด็ดขาด ฉันกลัว...กลัวอะไรหลายอย่าง กลัวใจตัวเองด้วย ทางเดียวที่จะทำให้ฉันเลิกกลัวก็คือการแยกออกมาอยู่กับลูกตามลำพังเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาเพราะฉันกับเขาสถานะของเราเป็นแต่พ่อและแม่ของลูกเท่านั้นแม้ว่าตอนนี้น้องพอใจจะยังไม่รู้ว่าเขาคือพอ ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเขาจะบอกลูกเมื่อไหร่ยังไง คือ
"ฉันมั่นใจว่าใช่นะ มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะน้องพอใจมีปานที่ข้อมือเหมือนแม่ของฉันซึ่งฉันก็เพิ่งสังเกตเมื่อเช้า" ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ ฉันพอจะนึกออกแล้วล่ะว่าเขาเคยพูดเรื่องนี้เมื่อหลายปีก่อน และนั่นทำให้ฉันนึกย้อนไปตอนที่น้องพอใจอายุได้ซักขวบกว่าๆแกกำลังหัดพูดจู่ๆแกเรียกชื่อคุณพีเจขึ้นมาทั้งที่ฉันไม่เคยสอนไม่เคยบอกให้แกเรียก ฉันหันไปมองลูกที่ตอนนี้นั่งอยู่บนเตียงเปิดดูอัลบั้มรูปที่วางอยู่ข้างโต๊ะหัวเตียงแกมองอย่างตั้งใจแล้วจู่ๆแกก็ร้องไห้ ฉันตกใจที่เห็นแกเป็นแบบนั้นก็รีบเดินไปหาลูกแล้วถามว่าแกเป็นอะไร แกบอกว่าแกคิดถึงคนๆนี้แล้วแกก็ชี้ไปที่รูปผู้ชายคนนึงซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเขาคือใคร"คนๆนี้ใครเหรอคะ" ฉันหันไปถามเขา"รูปพ่อฉันเอง" คุณพีเจตอบฉันเสียงสั่นตอนที่เห็นลูกนั่งร้องไห้แล้วชี้ไปที่รูปของพ่อเขา"พ่อคุณ??""อื้มใช่""แล้วลูกร้องไห้ทำไมทำไมแกถึงบอกว่าแกคิดถึงล่ะคะ""อาจจะเป็นเพราะแม่รักพ่อมากก็เลยทำให้รู้สึกแบบนั้น""แล้วเราจะทำยังไงดีคะฉันไม่อยากให้แกต้องมารู้สึกหรือจดจำเรื่องราวเกี่ยวกับอดีต ตอนนี้แกคือลูกของฉัน คือ..." ฉันไม่รู้จะพูดยังไงให้เขาเข้าใจฉันก
พีเจ...ผมรู้ดีว่าทำไมตัวผมเองถึงพูดคำว่าขอโทษ เพราะตลอดระยะเวลาหลายวันมานี้ผมได้รับรู้ได้เห็นถึงความยากลำบากของเมษาที่ต้องดูแลลูกเพียงลำพัง ผมยอมรับว่าตัวเองทำให้เมษากับลูกลำบาก ถ้าบอกว่าผมรู้สึกผิดตอนนี้จะทันไหม ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าเมษาจะลำบากขนาดนี้แล้วลูกผมอีกล่ะ บอกตามตรงว่าผมก็ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าตัวเองจะมีลูกเพราะผมกลัวว่าตัวเองจะเป็นพ่อที่ไม่ดีจะทำให้ลูกผิดหวังเสียใจแบบที่พ่อผมเคยทำให้แม่ให้ผมเสียใจแต่พอได้รู้ว่าตัวเองได้เป็นพ่อคนผมก็อยากที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั่นก็คือการเลิกเที่ยวเลิกกินเหล้าเลิกเลี้ยงผู้หญิง คืออยากจะบอกว่าตั้งแต่รู้เรื่องลูกผมก็ไม่ได้ไปเข้าผับเข้าบาร์หรือพาผู้หญิงมานอนที่ห้องเหมือนที่เคย ตอนนี้ผมอยากสร้างอนาคตให้กับลูกสร้างไว้ให้แกในวันที่ผมไม่อยู่แกจะได้ไม่ลำบาก ในสายตาของคนอื่นผมอาจจะเป็นคนเลวแต่ผมก็รักลูก รักโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ผมไม่รู้ว่าผมรักแกมากแค่ไหนแต่ผมสามารถตายแทนแกได้ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกอะไรแบบนี้เป็น รู้สึกรักรู้สึกห่วงรู้สึกอยากปกป้องดูแลไม่อยากให้แกร้องไห้ ผมอยากให้แกมีแต่รอยยิ้มในทุกๆวันเพียงครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าแกและรู้ว่าแกคือลูกมันท
พีเจ...."คุณพีเจพาเด็กที่ไหนมาคะ หน้าตาน่ารักเชียว""ลูกผมเอง""ห๊ะ!!""ลูกคุณพีเจ??""คุณพีเจอำป้าหรือเปล่าคะ""ผมจะอำป้าเพื่ออะไร แกชื่อน้องพอใจเป็นลูกของผมกับ..เมษาน่ะ""หนูเมษาน่ะเหรอคะเป็นไปได้ยังไงกัน""เป็นไปแล้วครับ ว่าแต่ป้าอย่าเพิ่งถามอะไรมากป้าช่วยไปทำความสะอาดห้องนอนเก่าของเมษาให้ทีเพราะเดี๋ยวผมจะพาเมษากับลูกไปนอนที่ห้องนั้น""หนูเมษามาด้วยเหรอคะ""ครับ""แล้วตอนนี้หนูเมษาอยู่ไหนคะ ป้าคิดถึงจังเลยไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีตั้งแต่คุณพีเจไล่...อะ เอ่อออ เอ่อ ป้าว่าป้าขอตัวไปทำความสะอาดห้องหนูเมษาก่อนนะคะ" ป้าแม่บ้านพูดไม่ทันจบประโยคก็คงนึกขึ้นได้ว่ากำลังว่าให้ผมอยู่แกรีบสะกิดแม่บ้านคนอื่นๆให้รีบตามขึ้นไปทำความสะอาดห้องนอนของเมษา หลังจากนั้นผมก็พาลูกไปนอนรอที่ห้องของผมก่อนเพราะต้องรอให้แม่บ้านทำความสะอาดห้องเมษาเสร็จก่อน ทุกคนคงจะสงสัยว่าในเมื่อเมษาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วทำไมยังมีห้องของเธออยู่อีก ผมยอมรับว่าผมเองเป็นคนบอกให้แม่บ้านทิ้งห้องนั้นไว้แบบนั้นไม่ต้องขนย้ายอะไรออกมาไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้ากระเป๋าเครื่องประดับที่ผมซื้อให้เธอแต่เธอไม่เอาไปเลยแม้แต่ชิ้นเดียวผมก็เลยสั่งแม่บ้านว่
เมษา...ฉันเข่าแทบทรุดเมื่อกลับมาเห็นสภาพบ้านของตัวเองที่ตอนนี้ไฟกำลังลุกไหม้อย่างหนักเพราะเป็นบ้านไม้ทั้งหลังโดยมีหน่วยกู้ภัยและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังช่วยกันดับไฟอยู่ ชาวบ้านที่อยู่ละแวกใกล้เคียงก็ต่างมามุงดูกันเต็มไปหมดโชคดีที่เปลวไฟไม่พัดไปติดบ้านใครเพราะบ้านของฉันมันอยู่ในสวนห่างจากบ้านของชาวบ้านไกลพอสมควรซึ่งตอนนี้ฉันยังไม่รู้ว่าไฟมันไหม้บ้านของฉันได้ยังไง ฉันมั่นใจว่าก่อนออกจากบ้านเมื่อเช้าฉันก็ดับไฟในครัวแล้วและไม่ได้เสียบปลั๊กอะไรทิ้งไว้เลย "ฮือออ ฮือออ ไฟเต็มบ้านหมดเลย ฮืออออ ตุ๊กตาของน้องอยู่ข้างในด้วยฮืออออ" น้องพอใจร้องไห้สะอึกสะอื้นเมื่อเห็นไฟไหม้บ้านของตัวเองตอนนี้อยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นพ่อโชคดีที่คุณพีเจอาสาอุ้มลูกให้เพราะตอนนี้ฉันอุ้มแกไม่ไหวมันไม่มีแรงแขนขาหมดแรงไปหมดแล้วตอนนี้"ไฟมันไหม้ได้ยังไงกัน" ฉันพูดคนเดียวแต่เขาคงจะได้ยิน"เธอแน่ใจใช่ไหมว่าไม่ได้เสียบปลั๊กไฟหรือก่อไฟเอาไว้ก่อนออกจากบ้าน""ฉันมั่นใจค่ะ""ถ้าอย่างงั้นมันต้องมีคนทำเพราะจู่ๆบ้านเธอจะไหม้ได้ยังไง เอางี้ฉันจะให้ตำรวจช่วยสืบ""ฮือออ ฮือออแม่จ๋าแล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน ไฟไหม้บ้านเราหมดแล้วเราไม่มีที่น
เมษา...."น้องพอใจอยากไปเล่นสวนสนุกมั้ยครับ""อยากไปค่า""ถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวลุงพาไปดีมั้ยครับ""ไม่เอาค่ะน้องอยากให้คุณอาพีเจพาน้องไป คุณอาขาคุณอาพาน้องไปเล่นสวนสนุกหน่อยได้ไหมค้า" ลูกชวนเขาแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ว่างเพราะฉันเพิ่งสังเกตเห็นเอกสารหลายปึกวางอยู่บนโต๊ะที่เขานั่งเขาอาจจะกำลังคุยงานอยู่ก็ได้"คุณพีเจพาหลานไปเล่นสวนสนุกก่อนก็ได้นะคะเรื่องงานไว้เดี๋ยวน้ำตาลไปคุยที่บริษัทก็ได้ค่ะ" ผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามกับเขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไพเราะ เธอดูเป็นผู้หญิงเรียบร้อยไม่ได้แต่งตัวหวือหวาแตกต่างจากผู้หญิงของเขาคนก่อนๆที่ฉันเคยเจอ"ก็ได้ครับ ไว้ถ้าน้ำตาลจะเข้าไปที่บริษัทก็แจ้งที่เลขาของผมได้เลย""โอเคค่ะ ถ้าอย่างงั้นตาลขอตัวก่อนนะคะ" "ครับ" ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะลุกออกไปเธอหันมายิ้มให้กับฉันซึ่งฉันก็ยิ้มตอบไปตามมารยาท "เมษาเดี๋ยวพี่มานะขอไปทำธุระแป๊บนึงนะ" คุณไทด์บอกฉันก่อนจะเดินออกไปอย่างรีบเร่งซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหน"ป่ะน้องพอใจเราไปเล่นสวนสนุกกันดีกว่าน้องอยากเล่นอะไรอาจจะให้เล่นหมดทุกอย่างเลย" เขาบอกกับลูกอย่างอารมณ์ดีหลังจากคุณไทด์เดินออกไปจากร้านแล้ว"ค่าไปเล้ยยยย" แล้วเขาก็เอาล