"คุณหมอนอนเถอะค่ะฉันไม่กวนก็ได้" หญิงสาวที่นอนชิดผนังห้องรีบพาตัวเองออกมาจากเตียงก่อน แค่เห็นสายตาก็รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่ประเภทที่ชอบผู้ชายด้วยกัน
จะออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ ในห้องนี้ก็มีแค่เก้าอี้ตัวเดียวที่จะลากมานั่งริมหน้าต่าง เพื่อปล่อยให้เขาได้นอนพักผ่อนไป
ชั้นล่างของโรงพยาบาล..
"ตอนนี้ใกล้ค่ำมากแล้ว ลูกคงกำลังพักผ่อนอยู่แน่เลยคุณ"
"วันนี้ยังไงผมก็ต้องลากมันกลับไปนอนที่บ้านให้ได้" ผู้เป็นพ่อโทรมาเช็คที่โรงพยาบาลแล้วว่าลูกชายมีผ่าตัดไหม
"วันนี้พากลับไปได้ วันหลังลูกก็มาค้างโรงพยาบาลอีกอยู่ดี งานของลูกอยู่ที่นี่นี่คะ"
"คุณอย่าเข้าข้างมันนักเลยได้ไหม ถ้ามันยุ่งยากมากนัก เดี๋ยวผมจะหาผู้บริหารโรงพยาบาลคนใหม่"
แพทย์หญิงอมรรัตน์เหลือจะทนแล้ว แต่ก็จำเป็นต้องได้ตามสามีขึ้นไป เพราะกลัวว่าจะมีปากเสียงกับลูกเดี๋ยวลูกก็เตลิดไปทางอื่น
แกร็ก! แกร็ก!!
"คุณก็เคาะประตูสิคะ" ตอนนี้ชั้นบนไม่มีใครอยู่แล้วจะขอกุญแจสำรองก็ไม่ได้
แกร็ก.. ชายหนุ่มเดินมาเปิดประตู โดยให้เธอไปนั่งรออยู่บนเตียง
"ต่อไปนี้กลับไปนอนที่บ้าน"
"คุณพ่อก็รู้ว่าผมไม่อยากไปเสียเวลาอยู่บนรถ" เวลาที่รถติดเขานอนพักผ่อนจะไม่ดีกว่าเหรอ ก็เลยไม่ค่อยกลับบ้าน
"พ่อไม่ยอมปล่อยให้ลูกใช้ชีวิตไม่มีจุดหมายแบบนี้หรอก" ขณะที่พูดสายตาของพลตรีเหลือบมองไปที่ผู้หญิงซึ่งตอนนี้เธอเอาหมอนใบใหญ่มากอดไว้ เพื่อปิดบังสายตา
"ก็ได้ครับ ถ้าพ่อจะให้ผมไปที่บ้าน ดีเหมือนกัน ผมจะได้พาเธอเข้าบ้านเลย"
"อะไรนะ?!!" เสียงผู้เป็นพ่อดุดันมาก "แกคิดว่าพ่อจะให้แกพาผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้าบ้านอย่างนั้นเหรอ"
"พ่อจะพูดอะไรเกรงใจเมียผมหน่อยสิครับ"
"เมีย?! แกอย่ามาเรียกผู้หญิงแบบนี้ว่าเมีย"
"คุณคะ"
"หยุด ผมถามความคิดเห็นจากคุณหรือยัง"
"คุณพ่อจะด่าก็ด่าแค่ผม อย่าว่าให้แม่"
พอถูกสามีตำหนินางก็เริ่มจะไม่พอใจ หันหลังแล้วเดินออกจากห้องไป แบบไม่พูดไม่จา
"โธ่เว้ย แกรู้ไหมว่าวงศ์ตระกูลของเราจะเสื่อมเสียเพราะแกเอาผู้หญิงคนนี้มาไว้ข้างกาย"
ผู้หญิงแบบเธอมันเป็นยังไงเหรอ หญิงสาวทำได้แค่นั่งฟังอยู่เงียบๆ ให้พวกผู้ดีแบบพวกเขาพูดดูถูกและเหยียดหยาม โดยทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
พอเจ้าใหญ่นายโตทั้งสองท่านไปแล้ว เขาก็เดินกลับไปนอนลงที่เตียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่แม้แต่จะขอโทษที่พ่อของเขาด่าเธอเสียๆ หายๆ
แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะ หญิงสาวแอบเดินเข้าไปในห้องน้ำ เพราะมันเป็นสถานที่เดียวที่เธอจะปลดปล่อยน้ำตาได้
"พ่อคะ" ถ้าเวลาที่เธอสิ้นหวังก็มักจะคิดถึงคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับพ่อก่อนที่ท่านจะจากไป ว่าเธอจะดูแลแม่แทนท่านเอง "อายทำถูกแล้วใช่ไหมคะพ่อ"
ไอยวริญใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำ จนคิดว่าเขาคงหลับไปแล้วเธอถึงได้ออกมา
เช้าวันต่อมา..
"นี่คุณคะ คุณไม่คิดจะก้าวขาออกจากห้องของคุณหมอเลยเหรอ" คำสั่งใหม่ถูกส่งมาที่เลขานุการ ก็เลยใจกล้าบุกเข้ามาในห้องของท่านประธาน ในขณะที่เขาออกไปจากห้องแล้ว
"ฉันเหรอคะ"
"แล้วคุณคิดว่าฉันพูดกับสัมภเวสีที่ไหนล่ะ"
"ฉันคิดว่าคุณควรจะถามคุณหมอมากกว่า"
"อะไรก็เอาแต่คุณหมอมาอ้าง อยากเกาะท่านก็บอกมาเถอะ"
"ค่ะ"
"นี่เธอ!"
"มันเป็นคำที่คุณอยากได้ยินไม่ใช่เหรอคะ"
"และดูชุดที่ใส่เข้าสิ คงพร้อมเสมอเลยสินะ"
"พร้อมเสมอหมายความว่ายังไง"
"ก็พร้อมที่จะอ้าขาให้คุณหมอไง"
"ดีกว่าคนที่ทำงานมาจนเหี่ยวแห้งเหมือนคุณ ถึงแม้อ้าขาให้คุณหมอก็คงไม่เอา"
"กรี๊ด!! แก!!"
เที่ยงวันเดียวกัน..
ตั้งแต่เมื่อเช้าจนถึงเที่ยงแม่บ้านก็ยังไม่ได้เอาอะไรเข้ามาให้ทาน จะออกไปถามก็ไม่ได้
เย็นวันเดียวกัน..
เขาไม่คิดจะขึ้นมาพักผ่อนเลยหรือไง ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าคงถูกแม่เลขาหน้าห้องแกล้งจะออกไปก็ไม่ได้
ดึกๆ วันเดียวกัน..
แกร็ก..
"??" เซอร์เวย์กลับมาห้องทำงาน ก็ไม่เจอเธออยู่ในนี้แล้ว ชายหนุ่มก็เลยรีบเข้าไปดูในห้องน้ำ..
"เข้าข้างในกัน" เกษมราษฎร์เอื้อมมือมาให้อีกฝ่ายจับมือท่านไว้ เพื่อจะได้ก้าวเดินเข้าไปด้านในพร้อมกัน"ท่านทำอะไรคะ" นางยอมเดินตามแรงที่อีกฝ่ายจูง แต่ก็อดที่จะถามไม่ได้"บอกแล้วไงว่าไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียไปเปล่าๆ แต่งงานกันนะ""อู๊วววว" เสียงโห่แสดงความยินดีดังขึ้นเมื่อเกษมราษฎร์คุกเข่าลงต่อหน้าผู้หญิงที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวในคืนนี้ ท่านเคยพูดไว้แล้วถึงแม้ว่าจะพูดแค่กับตัวเอง ถ้ามีโอกาสได้ทำเพื่อเธอ..จะทำให้ผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ต้องอิจฉาเธอ"ลุกขึ้นเถอะค่ะท่าน""คุณตอบตกลงมาก่อนสิ""ท่านเพิ่งขอหมั้นไปวันก่อนเองนะคะ""ถ้าคุณไม่ตกลงผมก็จะอยู่แบบนี้""ตกลงก็ได้ค่ะ" จากเสียงโห่ร้องกลายเป็นเสียงกรี๊ดลั่นจนโรงแรมแทบจะแตก เมื่อฝ่ายหญิงตอบตกลงแต่งงานด้วยเกษมราษฎร์ลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องให้ใครมาช่วยพยุง ถึงแม้จะอายุและเยอะแล้วแต่ร่างกายของท่านก็ยังแข็งแรง เพราะการเป็นทหารต้องได้ฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา"ดีใจด้วยนะครับ" รามสูรเข้ามาแสดงความยินดี เขาดีใจมากที่จะเห็นแม่มีความสุขสักที ตั้งแต่จำความได้เลยมั้งที่เห็นแม่ต้องเฝ้ารอพ่อกลับบ้านทุกวันและลูกๆ คนที่เหลือก็เข้ามาแสดงความยินดี รวมทั้งแขกในงาน วันนี้ท่าน
เย็นวันเดียวกันนั้น.. พุดตาลเรียกลูกชายและลูกสะใภ้มาทานข้าวเย็นร่วมกัน"สวัสดีครับท่าน" รามสูรมาพร้อมกับภรรยา และลูกชาย พอมาถึงก็เห็นว่าท่านพลเอกเกษมราษฎร์ ก็นั่งอยู่ในห้องรับแขกด้วย"มาครบกันแล้วใช่ไหม นั่งก่อนสิลูก"พอลูกชายนั่งลงเกษมราษฎร์ก็ขอเป็นคนพูดเอง ท่านบอกทุกคนว่าขอเข้ามาอยู่ร่วมครอบครัวด้วย ทีแรกเกษมราษฎร์ก็ช่างใจอยู่ กลัวลูกๆ ของพุดตาลจะไม่ชอบใจ เพราะถึงยังไงพ่อของพวกเขาก็มีทีท่าว่าจะกลับมา"ยินดีต้อนรับครับ ผมเองต่างหากที่ต้องฝากคุณแม่ไว้กับท่าน" พี่ชายคนโตเป็นคนเอ่ยพูดก่อน"ขอบใจมากนะลูก" ใจจริงพุดตาลก็อยากจะอยู่กับลูกและหลานแบบนี้ไปจนแก่เฒ่า แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว เมื่อสามีหย่าขาดจากผู้หญิงคนนั้น ยังไงท่านก็ต้องกลับมาวนเวียนจนทำให้ชีวิตอยู่ไม่เป็นสุขแน่ นางก็เลยตัดสินใจตัดกรรมกันไปแต่เพียงแค่นี้"ผมจะประกาศให้สังคมรับรู้เรื่องของเราในเร็ววันนี้""เรื่องนี้แล้วแต่ท่านค่ะ" นางคิดว่าให้คนรับรู้ไว้ก็ดี เรื่องถูกนินทาหนีไม่พ้นอยู่แล้ว ใครจะนินทาก็ช่าง ขอให้ตัวเองอยู่แบบสบายใจก็พอร่วมทานข้าวเย็นกันเสร็จ ลูกชายทั้งสองก็ขอตัวกลับเพราะมันดึกแล้ว ส่วนเพลิงไม่อยากจะกลับก็ต้องได
"ใจเย็นก่อนสิคะมาเหนื่อยๆ น้ำก็ยังไม่อาบ""ขอชื่นใจก่อน" ริมฝีปากหนากระซิบพูดในขณะที่จมูกยังสูดดมคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอด"คิดถึงคุณเหมือนกันค่ะ" รักครั้งแรกของเธอมันช่างสวยงามนัก แต่เมขลาหวังว่าจะหยุดผู้ชายคนนี้ไว้ได้แค่เธอ เพราะถ้าเขามีตำแหน่งที่สูงขึ้น เขาจะเป็นเหมือนคนที่ให้กำเนิดเธอไหม"เป็นอะไร" เพลิงสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของเธอไม่เหมือนตอนที่เรียกเขาขึ้นมาข้างบนเลย"อนาคตข้างหน้าอะไรมันก็ไม่แน่นอนค่ะ เผื่อคุณก้าวไปในตำแหน่งที่สูงกว่านี้..""อย่าคิดอะไรที่มันจะไม่เกิดขึ้น" แค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าเธอคงกลัวว่าเขาจะทำตัวเหมือนพ่อ"คุณรู้เหรอคะว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่""ผมรักคุณ คำนี้ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้ฟังมันจากปากผม และผมก็จะพูดให้คุณฟังเพียงคนเดียว""ขอบคุณนะคะ" ขอบคุณเขาทั้งน้ำตา แต่ก่อนตอนที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ ยังมีความสุขมากกว่านี้เลย แต่พอรู้ว่าพ่อมีนิสัยยังไง เมขลาก็เริ่มกลัวผู้ชายรอบข้าง[โรงแรมหรู]ที่พลเอกเกษมราษฎร์พาพุดตาลมาทานข้าวที่โรงแรม เพราะรู้แล้วว่านางคงไม่กลับไปหาอะไรเดิมๆอีก ท่านต้องทำให้นางเห็นว่าท่านสามารถที่จะพานางก้าวไปในทุกๆที่ได้"ทำไมคุณรู้ว่าฉันชอบกิน เออ..
"ทำอะไรกัน"คนที่กำลังโอบกอดกันถึงกับตกใจปล่อยมือออก"ท่าน?""นายคงไม่อยากจะอยู่ในกรมแล้วใช่ไหม""อย่าทำอะไรผู้กองนะคะ" ถึงแม้เธอจะตัวเล็กกว่ามาก แต่หญิงสาวก็ใจกล้าก้าวออกมายืนบังชายคนรักไว้"เรารู้ไหมว่ามันไม่สมควร""จะสมควรหรือไม่ มันอยู่ที่เราสองคนค่ะ""อย่าลืมสิว่าเราเป็นลูกของใคร""หึ.. แล้วฉันเป็นลูกของใครล่ะคะ""มันสมควรแล้วเหรอที่จะมาพูดต่อล้อต่อเถียงกับพ่อ""พ่อ?" เมขลาอยากจะพูดอะไรอีกตั้งมากมาย แต่มันจุกในอกเสียก่อน"มีอะไรกัน" แม่บ้านรีบเข้าไปตามคุณผู้หญิงออกมาดู กลัวว่าจะมีเรื่อง"คุณมาก็ดีแล้ว ผมจะเร่งเรื่องให้ลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ""เรียนต่อต่างประเทศ?" เพลิงพูดพร้อมกับมองหน้าเมขลา แล้วมองไปที่ท่านพลเอกเรวทัต"ฉันไม่ไปค่ะ""ลูกไม่อยากเรียน" พุดตาลคิดว่านางคงต้องได้ออกหน้าเองแล้วล่ะ"อายุแค่นี้ยังเรียนได้อีกตั้งเยอะ ทำไมถึงคิดสั้น""อะไรคือการคิดสั้นคะ""ก็ที่เห็นอยู่นี่ไง""คนนี้ผู้กองเพลิงท่านก็คงจะรู้จักแล้ว เขาเป็นคนรักของฉัน ไม่สิ.." ถ้าพูดแค่คนรักมันคงไม่จบตรงนี้แน่ เมขลาก็เลยให้สถานะใหม่กับเพลิง "เขาเป็นพ่อของลูกในท้องฉันเองค่ะ""???" ไม่ใช่แค่พลเอกเรวทัตและพุดตา
เห็นว่าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า เรวทัตก็เลยยังไม่พูดอะไรอีก เพราะคดีเก่ายังไม่เคลียร์"อยู่พร้อมหน้ากันก็ดีแล้ว พ่อจะย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังนี้แล้วนะ"เรวทัตพูดจบ ลูกๆ ต่างก็มองดูหน้าคนเป็นแม่มันคงเป็นเวรกรรมของนางที่เคยสร้างไว้กับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้ก็เลยต้องได้ตามมาชดใช้กรรม หนีไปไหนก็คงจะหนีไม่พ้นแล้ว"บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณ คุณจะมาอยู่ใครจะว่าอะไรได้ล่ะคะ"เรวทัตอยากได้ยินคนตรงหน้าเรียกว่าคุณพี่เหมือนเดิม แต่คงต้องใช้เวลา เพราะตัวเองทำไว้กับนางเยอะ"หือ รามิล" มองเข้าไปด้านในก็เห็นลูกสะใภ้คนโตกำลังอุ้มหลานชายเดินออกมา เรวทัตก็เลยเดินเข้าไปหาหลานพอคนเป็นพ่อไปแล้ว ลูกๆ ที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นต่างก็มองดูหน้าแม่อีกครั้ง นาทีนี้ไม่มีใครน่าสงสารเท่าท่านอีกแล้ว"แม่ไม่เป็นอะไรหรอก เข้าไปข้างในกันเถอะ" แค่นี้นางก็รู้แล้วว่าสามีคงจะหย่าจริง เพราะถ้าไม่งั้นคงไม่บอกว่าจะกลับมานอนบ้านหลังนี้ นางรนหาที่เอง คิดว่าท่านจะไม่กล้าหย่าดาราสาวสวยคนนั้นทุกคนเข้าไปแล้ว เมขลาก็หันกลับมากุมมือเพลิงไว้ "เรายังจะเป็นเหมือนเดิม อย่าคิดมากนะคะ" เมขลารู้ดีว่าเพลิงคิดว่าตัวเองต่ำต้อย"ผมจะไม่ถอ
"ผมมาคิดทบทวนเรื่องของเราดูแล้ว""ท่านไม่สบายหรือเปล่าคะ" แพรวพราวเริ่มใจไม่ดี แต่ก็ยังคงส่งรอยยิ้มหวานๆ ให้ แบบใจดีสู้เสือ"เราหย่ากันเถอะ""คุณพี่!!""ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณอยากได้ ผมขอแค่ให้คุณเซ็นใบหย่า""ไม่มีทางค่ะ กว่าเราจะฝ่าฟันความรักของเรามาด้วยกันได้ ทำไมคุณพี่ถึงทำแบบนี้กับแพรวคะ""ผมให้เกียรติคุณถึงได้มาคุยก่อน หรืออยากจะคุยผ่านทนายของผมล่ะ""แพรวรักท่าน ยอมอุ้มท้องลูกของท่าน ถึงแม้จะถูกใครตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี""เรื่องลูกผมก็ยังจะส่งเสียเลี้ยงดู""แพรวไม่ได้ต้องการแบบนั้นสักหน่อย ใครคะ..ท่านมีใครใหม่อีกเหรอคะ""เรื่องนั้นไม่เกี่ยว เรามาคุยเรื่องของเราก่อน""เรื่องของเรา แพรวไม่หย่า!""ผมมาคุยกับคุณดีๆ แล้วนะ หลังจากนี้คุณก็คุยกับทนายของผมแล้วกัน และสิ่งที่คุณอยากได้ก็อย่าฝันว่าจะได้""ท่านอย่าบอกนะว่าจะกลับไปหามันอีก""ผมเพิ่งรู้ว่ารักภรรยา""รักภรรยาอย่างนั้นเหรอคะ แล้วที่ผ่านมาล่ะผู้หญิงนับสิบนับร้อยยังจะเรียกว่ารักภรรยาได้อยู่อีกเหรอคะ!" แต่ดูเหมือนเรวทัตจะไม่ฟังอะไรอีก เพราะตอนนี้เดินไปที่รถแล้ว "กรี๊ดดดด!!""คุณแม่เป็นอะไรคะ" มโนราห์ได้ยินเสียงร้องก็รีบลงมาดู"