เวลาผ่านไปนับเดือนกับการทำงานเป็นผู้ช่วยเลขา นิวเยียร์มีความสุขกับงานชั่วคราวนี้มาก เพราะมันทำให้เธอได้อยู่ใกล้กับคนที่เธอชอบ แม้ว่าบางวันเขาจะไม่ได้ทำงานประจำอยู่ที่โต๊ะ เพราะต้องนัดเจอกับลูกค้าบ้าง หรือเข้าประชุมเป็นเวลาหลายชั่วโมงบ้าง แต่มันก็ยังดีกว่าการไม่ได้เจอหน้ากันเลยตลอดทั้งวัน
ตั้งแต่มีโอกาสได้คุยแชทกันทุกคืน ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็นับว่าดีขึ้นกว่าการเป็นแค่คนที่อยู่คอนโดเดียวกัน ดีกว่าการเป็นเพื่อนนั่งกินข้าว ทั้งคู่มีการพูดคุยและสนิทสนมกันมากขึ้น มากพอที่จะไว้ใจกันและกัน และเธอก็สามารถมานั่งเล่นในห้องของเขาเป็นเวลานานได้ แม้จะนาน ๆ ครั้งก็ตาม เนื่องจากยังมีงานออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ที่ยังต้องทำหลังเลิกงานแทบทุกคืนอยู่
และคืนนี้กว่าเธอจะได้อาบน้ำนอนก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน เพราะเพิ่งจะทำงานออกแบบเสร็จ แต่แล้วนิวเยียร์ก็ต้องสะดุ้งตื่นทั้งที่ยังหลับไปได้ไม่นาน แล้วนอนงอตัวด้วยอาการปวดที่ท้อง
ด้วยความที่อาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนทนไม่ไหว ทำให้เธอต้องลุกขึ้นนั่งพิงหลังกับหัวเตียง มือข้างหนึ่งก็กดตรงท้องช่วงบนแต่ก็ไม่อาจคลายความเจ็บปวดลงได้ พอลุกไปเปิดดูกล่องยาที่อยู่ตรงลิ้นชักที่โต๊ะวางทีวีก็มีแต่ยาแก้ปวดลดไข้ และอุปกรณ์สำหรับทำแผล
เธอตัดสินใจเดินไปกดกริ่งเรียกคนที่อยู่ห้องตรงข้าม มืออีกข้างก็กดที่ท้องผ่านชุดนอนกระโปรงสายเดี่ยวที่มีเสื้อคลุมสวมทับอยู่ตลอด เธอรู้สึกเจ็บมากจนยืนหลังตรงไม่ได้ ต้องโน้มตัวไปทางด้านหน้าแทน
เพิร์ธที่เพิ่งเข้านอนไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน แต่ก็ยังไม่ทันได้หลับสนิท เมื่อได้ยินเสียงกริ่งหน้าห้องก็ไม่ได้รู้สึกถึงความแปลกใจแต่อย่างใด เขาคิดว่าคนที่จะกดกริ่งในเวลาแบบนี้ได้คงมีแค่คนเดียวเท่านั้น และพอเปิดประตูออกไปก็พบกับใบหน้าซีดเซียวไร้เครื่องสำอาง และมีสีหน้าเหยเกเอ่ยกับเขาเสียงแผ่วเบา
“มียาแก้ปวดท้องไหมคะ”
“เข้ามาก่อนครับ”
เพิร์ธเปิดประตูออกกว้างแล้วหลีกทางให้หญิงสาวเดินหลังค่อมเข้ามาในห้องอย่างเชื่องช้า เขาจึงถือวิสาสะเข้าไปช่วยประคองพาไปนั่งที่โซฟา แล้วรีบเดินไปหยิบยาพร้อมกับน้ำที่เทใส่แก้วนำมายื่นให้กับเธอ
“ขอบคุณนะคะ” นิวเยียร์ยื่นมือที่สั่นเทาออกไปรับยาและน้ำมากิน
“ปวดมากเหรอครับ ไปหาหมอกันไหม” เขาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง สีหน้าของเธอดูไม่สู้ดีเลย
“ไม่เป็นไรค่ะ กินยาสักพักเดี๋ยวก็คงหาย” เธอพูดออกไปเพราะเกรงใจ แค่มาเคาะห้องดึกดื่นแบบนี้ก็รู้สึกแย่มากแล้ว
“ถ้างั้นนอนพักดูอาการที่นี่ก่อนไหมครับ ดูสักชั่วโมงเผื่อว่ายังไม่ดีขึ้น พี่จะได้พาไปโรงพยาบาล”
“ก็ได้ค่ะ”
เธอรู้ว่าเขาเป็นห่วง เลยไม่อยากทำตัวดื้อดึง แล้วอีกอย่างเธอก็ปวดท้องมาก ถ้าให้เดินกลับห้องก็ไม่รู้ว่าจะเดินไหวหรือเปล่า จึงได้ตอบตกลงไป
เจ้าของห้องเดินเข้าไปหยิบหมอนในห้องนอนมาให้ แล้วประคองเธอนอนลงตรงโซฟา นิวเยียร์นอนตะแคงข้างเอามือกุมท้อง คิ้วเรียวก็ขมวดเข้าหากันเป็นปม และมีใบหน้าเหยเกอยู่ตลอดเวลา
ตลอดหนึ่งชั่วโมงเขานำแท็บเลตมานั่งทำงานที่โซฟาอีกตัว เพื่อเฝ้ามองคนป่วยเผื่อว่าอาการจะแย่ลง
“เป็นยังไงบ้างครับ”
“ยังปวดอยู่ค่ะ แต่ก็ดีกว่าเมื่อกี้หน่อย”
“ไปหาหมอ ตรวจดูให้แน่ใจดีไหมครับ”
เขากลัวว่าเธอจะไม่ใช่แค่ปวดท้องกระเพาะ แต่ถ้าเป็นไส้ติ่งขึ้นมาอาการจะยิ่งแย่ขึ้นไปใหญ่ ไปตรวจให้แน่ใจจะดีกว่า
นิวเยียร์ไม่กล้าปฏิเสธความเป็นห่วง ทำได้แค่เพียงข่มกลั้นความเจ็บปวด กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่เรียบร้อยมากกว่านี้ โดยที่มีเขายืนรออยู่หน้าห้อง
ดีที่ได้ชายหนุ่มคอยประคองอยู่ไม่ห่างจนลงไปถึงรถก็พากันมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลทันที แม้จะเร่งรีบแต่เพิร์ธก็ไม่ได้ขับรถเร็วมาก ด้วยกลัวว่าจะกระทบกระเทือนทำให้อาการของนิวเยียร์เป็นหนักขึ้น
พอถึงโรงพยาบาลและตรวจดูแล้ว ก็พบว่าเธอแค่ปวดท้องเพราะกินข้าวไม่ตรงเวลา สาเหตุก็มาจากช่วงหลัง ๆ เธอมักจะหลงลืมอาหารมื้อเย็นไป เพราะเดี๋ยวนี้ทั้งสองคนไม่ค่อยได้กินข้าวเย็นด้วยกันแล้ว นิวเยียร์เลือกที่จะกินข้าวกับเขาแค่มื้อเช้ากับมื้อกลางวัน ส่วนตอนเย็นหลังเลิกงานก็ต้องรีบกลับมาทำงานของตัวเองต่อ บางครั้งก็มากินเอาตอนดึก หมอจึงให้ยาตามอาการกลับไปกินที่บ้าน
ทั้งสองคนเดินทางกลับมาถึงคอนโด นิวเยียร์ก็หยิบคีย์การ์ดมาเปิดประตู โดยที่มีเพิร์ธคอยประคองจนกระทั่งพาเธอไปส่งที่เตียง
“พี่เพิร์ธคะ” เธอเรียกเขาเสียงแผ่ว ยื่นมือไปจับที่มือของชายหนุ่ม
“ครับ ปวดท้องหนักกว่าเดิมเหรอ หรือว่าหิวน้ำเดี๋ยวพี่ไปเอาให้”
“ค่ะ หนูหิวน้ำ” เธออยากจะขออะไรบางอย่าง แต่ก็กลัวว่าเขาจะปฏิเสธ
เพิร์ธไปเอาน้ำในตู้เย็นเทใส่แก้วมาให้หญิงสาว นิวเยียร์ขยับพิงหัวเตียงรับน้ำมาดื่มพอเป็นพิธี แล้ววางแก้วลงที่โต๊ะไม้ข้างเตียง
“อย่าเพิ่งไปได้ไหมคะ พี่นอนเป็นเพื่อนหนูได้ไหม เผื่อว่าปวดท้องขึ้นมากลางดึก” นิวเยียร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่ว ใบหน้ายังคงแสดงถึงอาการเจ็บปวดที่ยังไม่ทุเลา
“ครับ”
คราแรกเธอคิดว่าเขาจะปฏิเสธ แต่เพิร์ธกลับตอบตกลงทันที เขาคิดว่าเธอพักอยู่คนเดียว ถ้าช่วงดึกอาการปวดหนักขึ้นจะทำอย่างไร แต่ถ้ามีเขาอยู่ด้วย อย่างน้อยก็ยังมีคนให้พึ่งพา
“พี่นอนตรงโซฟานะ ถ้ามีอะไรก็เรียกได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”
เขาเอ่ยจบก็ประคองเธอนอนลงบนเตียงหนานุ่ม ดึงผ้าห่มขึ้นมาปกคลุมจนถึงหน้าอก แต่พอจะหันหลังเดินออกจากห้อง นิวเยียร์ก็คว้ามือของเขาไปจับอีกครั้ง พร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอน
“นอนกับหนูได้ไหมคะ”
“พี่ว่า…”
เพิร์ธเปล่งเสียงออกมาคล้ายกับว่าจะปฏิเสธ คนป่วยเลยรีบส่งเสียงอ้อนออกไปทันที
“นะคะพี่เพิร์ธ ถ้าอาการหนักขึ้นมาจริง ๆ หนูคงไม่มีแม้แต่แรงจะตะโกนเรียก”
เธอเอ่ยพลางนิ่วหน้า มืออีกข้างก็วางตรงช่วงท้องเอาไว้ตลอด เพิร์ธดูแล้วก็คงจะอย่างที่เธอว่า โซฟาอยู่นอกห้องนอน ถ้าเดินไปก็คงหลายสิบก้าว อีกอย่างเขาและเธอก็เคยนอนด้วยกันมาแล้ว ถือเสียว่าครั้งนี้เป็นเพราะเธอป่วย เขาไม่ได้อยากจะฉวยโอกาส
“ครับ”
เพิร์ธประคองหญิงสาวนอนลงบนเตียงอีกครั้ง แล้วดึงผ้าห่มขึ้นไปปกคลุมจนถึงหน้าอก ส่วนเขาก็เดินอ้อมไปอีกฝั่ง หยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงวางที่ข้างหมอน แล้วขึ้นไปนอนหนุนหมอนใบที่ว่างอยู่
เมื่อหลับตาลงไปได้ไม่ถึงสิบนาที นิวเยียร์ก็พลิกตัวตะแคงข้างส่งแขนเรียวมาพาดกลางตัวของเขา ขยับศีรษะเข้ามานอนที่หมอนใบเดียวกัน
แม้ว่าเธอจะป่วย และเขาก็ต้องนอนเฝ้าเพราะความจำเป็น แต่มันก็ทำให้คนเฝ้าไข้อย่างเขาถึงกับนอนไม่หลับ
เพิร์ธเริ่มหายใจติดขัด จะขยับตัวออกก็กลัวว่าเธอจะตื่น ทำได้เพียงนอนนิ่ง พยายามปรับลมหายใจให้กลับมาเป็นปกติ แต่มันก็ยากเย็นเหลือเกิน โดนกอดแบบนี้จะให้เขาหลับลงได้อย่างไร
“หนูชอบพี่นะ”
ชายหนุ่มที่กำลังพยายามฝืนตัวเองให้นอนหลับ ก็ได้ยินเสียงพึมพำดังขึ้นเบา ๆ ที่ข้างหู พร้อมกับศีรษะของคนตัวเล็กที่ขยับเข้ามาซบที่ต้นแขนของเขา พร้อมกับแก้มนุ่มที่ขยับถูไปมาสองสามทีก่อนจะนิ่งไป
ทั้งสองเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นพ่อและแม่ จนกระทั่งแต่งงานได้หกเดือน นิวเยียร์ก็ยังคงมีประจำเดือนทุกเดือน แต่เดือนนี้รู้สึกว่าจะมาแปลก เพราะว่ามาตามรอบแล้ว และพอผ่านไปได้ประมาณสองอาทิตย์ก็มาอีก แต่มาเพียงน้อยนิดแค่พอติดผ้าอนามัย แล้วยังมีอาการวิงเวียนศีรษะ แถมยังเบื่ออาหารร่วมด้วย“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะครับ” เพิร์ธถามภรรยาด้วยความเป็นห่วงช่วงนี้เขาก็ลดกิจกรรมนั้นลง ไม่ได้ทำนานเหมือนเมื่อก่อน เพราะอยากให้นิวเยียร์ได้นอนพักผ่อนให้เพียงพอ แต่ระยะหลังมานี้เธอก็มักจะง่วงนอนอยู่เป็นประจำ ราวกับคนหลับไม่เต็มอิ่ม“สองสามวันมานี้ หนูรู้สึกเพลียยังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก”“อาการเหมือนพักผ่อนน้อยเลยนะครับ พี่ว่าเราไปตรวจที่โรงพยาบาลกันนะ”“เล่นใหญ่อีกแล้วนะคะ หนูแค่เวียนหัวค่ะ”“พี่รู้ครับว่าแค่เวียนหัว แต่ช่วงนี้เราก็กินข้าวได้น้อยด้วย ไปตรวจให้แน่ใจดีกว่า”ยิ่งเห็นเธอทำตัวเข้มแข็งแบบนี้เขาก็ยิ่งเป็นห่วง เพราะช่วงกลางวันต้องปล่อยเธออยู่ที่ห้องตามลำพัง จะลางานช่วงนี้ก็ยากเพราะเจ้านายของเขากำลังมีดีลงานสำคัญ แต่ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ อย่างไรเขาก็ต้องอยู่ดูแล“ไปก็ได้ค่ะ”เธอไม่อยากให้เขาเป็นห่วง แต่ไปตรวจห
ทันใดที่ทั้งสองคนส่งตัวเข้าห้องหอเสร็จ เพิร์ธก็อุ้มภรรยาสาวขึ้นมานั่งบนตักโดยหันหลังให้กันที่ปลายเตียง โน้มใบหน้ามากดหอมที่แก้มนุ่มทั้งสองข้าง“เจ้าสาวของพี่สวยจัง”“เจ้าบ่าวของหนูก็หล่อค่ะ”บ่าวสาวป้ายแดงผลัดกันชมอีกฝ่ายไม่ขาดปาก พลางจ้องมองสบตากันอย่างหวานซึ้ง ต่างมองอีกคนว่ามีเสน่ห์น่าหลงไหลเป็นอย่างมากเมื่ออยู่ในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แม้ปกติจะหล่อสวยกันอยู่แล้วก็ตาม“จ้องแบบนี้ไม่กินหนูเลยล่ะคะ”คำหยอกล้อได้เริ่มต้นขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับคิดเป็นจริงเป็นจัง เพราะได้รับคำท้าเรื่องมีลูกเอาไว้แล้วเพิร์ธยื่นหน้าเข้าไปใกล้เมียสาวแล้วพรมจูบที่หน้าผากมนแผ่วเบา เลื่อนริมฝีปากมาจูบที่ปลายจมูกของคนที่กำลังหลับตาพริ้ม อมยิ้มเขิน และกำลังคิดว่าตอนนี้จะต้องตกเป็นเมียเขาอย่างสมบูรณ์ทั้งพฤตินัยและนิตินัย เพราะในระหว่างพิธีทั้งคู่ได้จดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพิร์ธจับปลายคางของเมียสาวปรับให้ได้องศากับริมฝีปากที่กดจูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ ก่อนจะผละริมฝีปากออกแล้วจ้องใบหน้าหวานของนิวเยียร์ที่กำลังค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแล้วส่งยิ้มหวานละมุน“แม่พี่บ่นอยากมีหลาน เรามีให้ท่านสักคนดีไหมครับ”“ค
1 เดือนต่อมาทั้งสองคนได้หาโอกาสนัดเจอกับพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายที่ภัตตาคารห้าดาวแห่งหนึ่ง บรรยากาศของการพบหน้ากันเป็นครั้งแรกก็ทำเอาคู่รักโล่งใจเป็นอย่างมากทั้งพ่อแม่ของเพิร์ธและนิวเยียร์หลังจากได้ทำความรู้จักกันแล้ว ก็พูดคุยอย่างเป็นกันเอง และผู้ใหญ่ก็ได้ยอมรับ แสดงความยินดีกับการคบกันของทั้งสองคนโดยเฉพาะแม่ของฝ่ายชายที่พอรู้ว่าลูกชายเพียงคนเดียวมีแฟนแล้ว ก็คะยั้นคะยอให้เร่งหาฤกษ์แต่งงานเพราะอยากจะอุ้มหลานไว ๆ เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมาได้กลุ้มใจเป็นอย่างมาก กลัวว่าลูกชายจะขึ้นคาน“แม่ของพี่นี่น่ารักดีนะคะ ตอนที่พูดว่ากลัวพี่จะขึ้นคานสีหน้าจริงจังมาก ว่าแต่ถ้าเราไม่ได้คบกัน พี่จะขึ้นคานจริง ๆ เหรอคะ”นิวเยียร์เอ่ยแซวแฟนหนุ่มขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ตรงโซฟา หลังจากที่กลับจากการรับประทานอาหารร่วมกับครอบครัวทั้งสองฝ่าย“เอาใหญ่แล้วนะ เดี๋ยวนี้กล้าล้อพี่แล้วเหรอ”“ก็มันจริงนี่คะ คิกคิก”“มานี่เลยครับ” ว่าแล้วเขาก็อุ้มหญิงสาวขึ้นมานั่งบนตักแกร่ง ส่งปลายจมูกหยอกล้อกับซอกคอขาว ก่อนจะเอ่ยกระซิบข้างใบหู“มาให้พี่ลงโทษซะดี ๆ”“ลงโทษยังไงเหรอคะ” หญิงสาวยกเรียวแขนขึ้นกอดคอแฟนหนุ่ม ช้อนสายตาขึ้น
กลับไปถึงคอนโดเพิร์ธก็ประคองนิวเยียร์เข้าไปนั่งที่โซฟา ก่อนจะเอ่ยถามเธออีกครั้งเพื่อให้คิดดูอีกที“จะไม่ลงบันทึกประจำวันไว้จริง ๆ เหรอครับ”“ไม่แล้วค่ะ เมื่อกี้ก็แค่ขู่ให้คุณควีนกลัว แต่หนูคิดว่าเธอคงได้รับบทเรียนและไม่กล้าทำแบบนั้นอีกแล้ว”“พี่ขอโทษนะครับที่ทำให้เจ็บตัว” เขาเอ่ยพลางเลื่อนมือขึ้นไปลูบเรือนผมของแฟนสาวอย่างทะนุถนอม สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด“ไม่เป็นไรเลยค่ะ แผลแค่นิดเดียวเอง มันไม่ใช่ความผิดของพี่นะคะ อย่าโทษตัวเองเด็ดขาด” เธอคลี่ยิ้มปลอบใจแฟนหนุ่ม“จะไม่ให้โทษได้ยังไงล่ะครับ ถ้าพี่ฉุกคิดขึ้นได้สักนิดว่าควีนจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ พี่ก็คงไม่ยอมให้เราออกไปเจอ”“พี่ไม่ได้มีพลังวิเศษที่จะรับรู้ถึงจิตใจคนเสียหน่อยค่ะ เรื่องมันจะเกิด ยังไงมันก็ต้องเกิด คนเราห้ามโชคชะตาไม่ได้หรอก เหมือนที่พี่ไม่สามารถห้ามหนูจีบพี่ได้ยังไงล่ะคะ” นิวเยียร์เอ่ยเปรียบเปรยเธอเชื่ออย่างนั้นเสมอว่าคนเราทุกคนพบกันเพราะโชคชะตา แม้จะเป็นเรื่องร้ายหรือดี เมื่อถึงเวลาก็ไม่สามารถที่จะหลีกหนีกันได้“แต่สำหรับความรักของเรา หนูเชื่อว่ามันเป็นพรหมลิขิต ถ้าวันนั้นพี่ไม่ตามพี่ธีร์ไปกินข้าวที่โรงอาหารในมหา’ ลัย
ควีนเดินวกไปเวียนมาอยู่ตรงชั้นบันไดหนีไฟ มองดูหน้าจอของโทรศัพท์ที่มีเสียงเรียกเข้า เป็นเบอร์เดิมที่โทรเข้ามาตั้งแต่นั่งอยู่ที่หน้าห้องล้างแผล ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย“แกจะโทรเข้ามาทำไมฮะ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าจะติดต่อไปเอง”เสียงของควีนตะเบงใส่ปลายสายด้วยความไม่พอใจ ทำให้ดังเล็ดลอดออกไปด้านนอกของประตูหนีไฟ ในจังหวะที่เพิร์ธและนิวเยียร์กำลังผ่านมาพอดี เพราะเป็นทางผ่านไปห้องน้ำ“พี่เพิร์ธคะ เสียงคุณควีน”นิวเยียร์หันไปเอ่ยกับแฟนหนุ่ม ทั้งสองคนจึงหยุดอยู่ตรงหน้าประตู และได้ยินคำพูดต่อจากนั้นของควีนทุกประโยคอย่างชัดเจน“ฉันบอกให้แกล้งเฉี่ยวไม่ใช่เหรอ แล้วแกจะขับเข้ามาใกล้ขนาดนั้นทำไม เห็นไหมว่าทำฉันเจ็บตัวไปด้วย”(ผมก็ทำตามที่คุณสั่งแล้วไง แล้วก็ไม่ได้มีใครถูกชนสักหน่อย พวกคุณล้มกันไปเอง จะมาโทษผมไม่ได้นะ)“แล้วถ้าแกทำพลาดชนคนขึ้นมาจริง ๆ ล่ะไอ้โง่”(เลิกต่อว่าผมสักที แล้วรีบโอนเงินที่เหลือมาด้วย ไม่อย่างนั้น…)“ไม่อย่างนั้นจะทำไม นี่แกกล้าขู่ฉันเหรอ อย่าลืมนะว่าแกเป็นคนทำให้ผู้หญิงคนนั้นบาดเจ็บ ไม่ใช่ฉัน”(แล้วถ้าผมไปมอบตัวกับตำรวจแล้วบอกว่าคุณเป็นคนจ้างล่ะ คิดดูให้ดี ๆ นะ)“กรี๊ด… ไอ้ชั่ว ก
“พี่เพิร์ธจำได้ไหมคะ ว่าเมื่อก่อนพวกเราชอบมาแข่งโกคาร์ทกัน ข้างในมีสนามแข่งด้วยนะคะ เราไปลองแข่งกันสักรอบสองรอบไหมคะ”นั่งดื่มกันได้สักพัก ควีนก็หันไปเอ่ยกับอดีตคนรักที่นั่งอยู่คนสุดท้าย เพราะมีแฟนสาวของเขานั่งคั่นกลางอยู่“เลิกพูดถึงอดีตเถอะควีน เธอนัดแฟนของพี่ออกมา มีเรื่องอะไรจะพูดก็รีบพูดมาเถอะ” เพิร์ธเอ่ยน้ำเสียงเรียบ“อดีตของเรามันไม่น่าจดจำขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“จะพูดให้ได้อะไรขึ้นมา ตอนนี้พี่เพิร์ธกำลังคบกับฉันอยู่” นิวเยียร์อดไม่ได้เลยรีบพูดแทรก“ฉันไม่ได้คุยกับเธอ” ควีนชักสีหน้าไม่พอใจตอบกลับ“แต่คุณเป็นคนนัดฉันมา”“ใช่ ฉันเป็นคนนัดเธอ แต่คนที่ฉันอยากเคลียร์คือพี่เพิร์ธ”สองสาวฟาดฟันกันด้วยสายตาอย่างไม่กระพริบ นิวเยียร์กำลังจ้องอีกฝ่ายที่กล้ามาหลอกใช้เธอเป็นสะพาน เพื่อหลอกล่อให้แฟนหนุ่มของเธอออกมาเจอ“พี่ไม่มีอะไรจะคุย เรากลับกันเถอะครับ”เพิร์ธเป็นคนตอบควีนแล้วก็ชวนแฟนสาวกลับ เพราะเห็นท่าแล้วทางนั้นคงไม่ได้นัดนิวเยียร์มาเคลียร์กัน แค่ต้องการนัดเขาออกมาเจอก็เท่านั้นเพิร์ธจับมือแฟนสาวแล้วพากันออกไปที่ลานจอดรถ ดีกว่ามาเสียเวลาให้ควีนปั่นหัวเล่น เขารู้ว่าควีนเป็นคนชอบเอาชนะ ไม่เค