เฮือก!!!!!
“พี่พิรัชย์”
เธอสะดุ้งตื่นขึ้นในช่วงค่ำของวันพร้อมกับเรียกหาคนที่กำลังจะมีช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกัน หัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก พอหันมองหาคนที่กอดจูบกันก็ปรากฏว่าไม่มีใคร และเสื้อผ้าก็ยังอยู่ครบ
“ฝันไปเหรอเนี่ย”
นิวเยียร์ยู่ปากออกมาด้านหน้าพร้อมกับถอนหายใจราวกับเสียดาย ขนาดฝันยังหวงเนื้อหวงตัว เขาได้เห็นเธอล่อนจ้อนไม่เหลือเสื้อผ้าเลยสักชิ้น แต่เธอกลับได้เห็นแค่ท่อนบนของเขาเท่านั้น
‘ขี้โกงชะมัด’
พอนึกถึงหน้าอกขาว ๆ ก็ทำให้หญิงสาวถึงกับหลุดยิ้มแล้วบิดตัวเขิน ล้มตัวลงนอนกอดผ้าห่มพลิกตะแคงซ้ายทีขวาทีราวกับคนเสียสติ คิดถึงหน้าของคนที่เข้ามาทำให้ใจเต้นแรง นี่ขนาดแค่ในความฝัน แล้วถ้าเป็นความจริงมันจะฟินสักแค่ไหน
คิดแล้วก็น่าเสียดายที่ในความฝันยังไม่ทันได้เข้าด้ายเข้าเข็มแต่เธอก็ดันสะดุ้งตื่นเสียก่อน มาทำให้อยากแล้วก็จากไป ทำไมไม่ทำให้มันเสร็จ ๆ กันนะ
สองอาทิตย์ต่อมา
ราวกับว่าโชคชะตาเป็นใจให้เธอและเขามีโอกาสได้พบกันอีกครั้งที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และเขาก็กำลังนั่งรออาหารอยู่เพียงลำพัง
“ขอนั่งด้วยนะคะ”
คนที่นั่งอยู่ก่อนเงยหน้าขึ้นมองสาวสวยที่มาขอนั่งด้วย แต่ก็ยังไม่ทันได้เอ่ยปากอนุญาต นิวเยียร์ก็ยกยิ้มกว้างขยับเก้าอี้ออกแล้วถือวิสาสะนั่งลงตรงข้ามกัน
“ขอเมนูหน่อยสิคะ”
หญิงสาวแบมือออกไปตรงหน้า แล้วส่งสายตาไปทางเมนูที่วางอยู่ด้านหน้าของเลขาหนุ่ม ที่จริงเธอจะยื่นมือไปหยิบเองก็ได้ แต่ก็อยากให้เขาเป็นคนหยิบให้ พอได้รับเมนูแล้วก็ทำการสั่งอาหารกับพนักงานที่มายืนรอรับออเดอร์
“ไม่เห็นคุยกับหนูเลย ไม่อยากให้นั่งด้วยเหรอคะ หนูย้ายไปนั่งอีกโต๊ะก็ได้นะคะ”
นิวเยียร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนราวกับคนน้อยใจ นั่งรออาหารผ่านไปตั้งห้านาที แต่ชายหนุ่มตรงหน้าก็ดูเหมือนจะนั่งตัวเกร็งไม่ชวนเธอคุยเลยสักคำ กลัวดอกพิกุลจะร่วงออกจากปากหรือไง แค่คำสองคำก็ไม่ยอมหลุดออกมา
“นั่งด้วยกันก็ได้ครับคุณนิวเยียร์”
“เปลี่ยนจากคำว่าคุณเป็นชื่อเฉย ๆ หรือเรียกว่าน้องแทนไม่ได้เหรอคะ หนูไม่ได้เป็นเจ้านายของพี่สักหน่อย ทำไมต้องเรียกคุณด้วยล่ะ”
ก็เล่นเรียกว่าคุณทุกครั้งที่เจอกันแบบนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าห่างเหินกันมาก ทั้งที่ก็รู้จักกันมานานแล้ว
“เอ่อ…”
“จะเอ่ออะไรละคะ นะคะ นะ นะพี่พิรัชย์” หญิงสาวคลี่ยิ้มเล็กน้อย กระพริบตาปริบ ๆ เธอไม่เคยออดอ้อนผู้ชายคนไหนมาก่อนเลย หวังว่าเขาจะยอมใจอ่อนเลิกเรียกเธอว่าคุณเสียที
“ก็ได้ครับ”
นิวเยียร์ส่งยิ้มกว้างด้วยความดีใจ คนตรงหน้าน่ารักที่สุดที่ครั้งนี้ยอมทำตามใจเธอ
ระหว่างกินข้าว นิวเยียร์ก็เป็นฝ่ายชวนคุยด้วยเรื่องทั่วไป พลันรู้สึกเสียดายที่มีเวลาคุยกันแค่ไม่นาน เพราะกินข้าวเสร็จทั้งสองก็ต้องแยกย้ายกันกลับ แต่ก็ถือว่าครั้งนี้ความสัมพันธ์เริ่มดีขึ้นเล็กน้อย อย่างน้อยพิรัชย์ก็หยุดเรียกเธอว่าคุณแล้ว
“มื้อนี้หนูขอเลี้ยงนะคะ ถือว่าฉลอง” หญิงสาวยกยิ้มเอ่ยอย่างมีเลศนัย
“ฉลอง” เพิร์ธขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย แค่กินข้าวด้วยกันมื้อเดียวมีอะไรให้น่ายินดี
นิวเยียร์ยกยิ้มกริ่มไม่ได้เอ่ยตอบ ปล่อยให้ชายหนุ่มงุนงงว่าเธอหมายถึงอะไร
แต่เธอก็ไม่นึกว่าจะกลายเป็นพิรัชย์ที่เป็นฝ่ายเลี้ยงข้าวแทน เพราะเขาตีเนียนกินอิ่มแล้วขอไปเข้าห้องน้ำ และพอออกมาก็ถือโอกาสจ่ายเงินที่แคชเชียร์ ก่อนจะมาบอกลาพร้อมกับบอกว่าจ่ายเงินเสร็จแล้ว
นิวเยียร์จึงรีบลุกออกจากโต๊ะแล้วเดินตามกันออกไป ไม่คิดว่าเขาจะเย็นชาขนาดนี้ แค่ข้าวมื้อเดียวก็ไม่ยอมให้เธอเลี้ยง แต่ไม่เป็นไรหรอก เธอเป็นคนมีความอดทนสูง
“จะกลับแล้วเหรอคะ” เธอรีบเอ่ยขึ้นก่อนที่เขาจะแยกตัวไปที่รถที่จอดอยู่อีกฝั่ง
“ครับ”
นิวเยียร์ทำหน้าราวกับจะเอ่ยอะไรออกมาแต่ก็ไม่กล้า
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“ตอนที่ขับรถมาจอดที่ร้าน รถก็ดับพอดีเลยค่ะ ลองสตาร์ตก็ไม่ติด สงสัยคงจะเสีย”
“ผมขอดูได้ไหมครับ เผื่อจะช่วยอะไรได้”
“ไม่ค่ะ” เธอรีบตอบออกไปเสียงดัง ก่อนจะตีหน้าเศร้าพร้อมกับลดน้ำเสียงลง
“ไม่เป็นไรค่ะพี่พิรัชย์ หนูจอดทิ้งไว้ที่นี่ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวเรียกแท็กซีกลับคอนโดแทน แต่ค่ำมืดแบบนี้ไม่รู้ว่าคนขับจะไว้ใจได้รึเปล่า สมัยนี้ยิ่งมีข่าวข่มขืนผู้โดยสารบ่อยด้วยสิ”
“งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง”
เป็นไปตามคาด นิวเยียร์รีบระบายยิ้มกว้างอย่างคนอารมณ์ดี รีบเอ่ยขอบคุณออกไปทันที
“ขอบคุณนะคะ พี่พิรัชย์ใจดีที่สุดเลยค่ะ”
ทั้งสองคนเดินตามกันไปที่รถของหนุ่มเลขาที่จอดอยู่อีกฝั่ง ก่อนจะพากันมุ่งหน้าไปที่คอนโดของนิวเยียร์ ตลอดทางหญิงสาวก็ชวนคุยไม่หยุด จนกระทั่งเดินทางไปถึง
“ขอบคุณนะคะ” เธอหันไปเอ่ยกับคนข้าง ๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวาน
เพิร์ธเผลอยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยขณะมองหญิงสาวก้าวลงไปยืนอยู่ข้างตัวรถแล้วโบกมือล่ำลา
นิวเยียร์ขึ้นไปถึงห้องก็โยนกระเป๋าสะพายข้างแบรนด์ดังลงบนที่นอน พร้อมกับล้มตัวลงบนเตียงระบายยิ้มเขิน บิดตัวไปมา พลางคิดว่าเล่นละครนิดหน่อยเขาก็เชื่อละ คนอะไรเชื่อคนง่ายเหลือเกิน
เธอพร่ำเพ้อถึงคนที่มาส่ง วันนี้ทำไมเขาถึงได้น่ารักมากขนาดนี้ แต่จะว่าไปเขาก็น่ารักมาโดยตลอด ติดก็แค่เย็นชา พูดน้อย ไม่รู้ทันความคิดของเธอเท่านั้นเอง
‘อยากรู้จังว่าทำไมเขาถึงปิดกั้นตัวเอง’
จากที่เธอรู้มา พิรัชย์เป็นหนุ่มโสดที่ปีนี้มีอายุ 35 ปีแล้ว แต่ทำไมถึงยังไม่แต่งงานมีลูกมีเมีย หรือว่าเคยมีแล้วแต่ไม่สมหวังเลยไม่อยากมีอีก หรือว่าเป็นเกย์
นิวเยียร์ลองเดาคล้ายกับตอนที่เดาสามีของเพื่อนในคราแรกที่ยังไม่ได้รู้จักกัน ที่ครองโสดมาจนอายุเลขสามแต่ก็ยังไม่มีใครมันแปลกมาก คนส่วนใหญ่ที่อายุประมาณนี้ก็มีครอบครัวกันไปหมดแล้ว
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ตอนนี้เธอคิดว่าคงไม่มีผลต่อความคิดของเธอ เพราะได้ตัดสินใจไปแล้ว
จากนั้นนิวเยียร์ก็ยื่นมือไปที่กระเป๋าเพื่อเปิดเอาโทรศัพท์ที่อยู่ในนั้น แล้วพิมพ์ข้อความส่งไปหาเพื่อนรัก
**********
Newyear : พรีมจ๋า
Noo’ Preme : ว่าไงยัยเพื่อนรัก อารมณ์ดีอะไรมาอีกล่ะ
Newyear : ฉันจะจีบพี่พิรัชย์
**********
ข้อความนี้ถูกส่งออกไป โทรศัพท์ของเธอก็มีสายเรียกเข้าจากพรีมที่โทรเข้ามา
“ว่าไงยัยพรีม”
(เอาจริงดิ)
“จริงสิ ฉันไม่เคยมั่นใจแบบนี้มาก่อนเลย” นิวเยียร์ตอบอย่างไม่ลังเล
(ถ้าแกมั่นใจว่าจะจีบพี่พิรัชย์จริง ๆ ฉันก็เอาใจช่วย)
“คอยเชียร์ฉันด้วยล่ะ คนนี้ฉันไม่ยอมแพ้แน่”
(ได้เลย มีอะไรให้ช่วยก็บอกเลยนะ)
นิวเยียร์ได้ล็อกเป้าหมายเอาไว้แล้ว ว่าพิรัชย์จะต้องเป็นแฟนคนแรกของเธอ และเป็นผู้ชายที่เธอจะแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกัน ถึงแม้จะไม่เคยคุยกันถึงขั้นรู้จักนิสัยใจคอ หรือไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิต แต่เธอเชื่อว่าถ้าคนสองคนรักกันจริง มันก็ต้องพร้อมที่จะปรับตัวเข้าหากันได้อย่างแน่นอน
“เตรียมตัวรับมือได้เลยนะคะพี่พิรัชย์”
ทั้งสองเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นพ่อและแม่ จนกระทั่งแต่งงานได้หกเดือน นิวเยียร์ก็ยังคงมีประจำเดือนทุกเดือน แต่เดือนนี้รู้สึกว่าจะมาแปลก เพราะว่ามาตามรอบแล้ว และพอผ่านไปได้ประมาณสองอาทิตย์ก็มาอีก แต่มาเพียงน้อยนิดแค่พอติดผ้าอนามัย แล้วยังมีอาการวิงเวียนศีรษะ แถมยังเบื่ออาหารร่วมด้วย“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะครับ” เพิร์ธถามภรรยาด้วยความเป็นห่วงช่วงนี้เขาก็ลดกิจกรรมนั้นลง ไม่ได้ทำนานเหมือนเมื่อก่อน เพราะอยากให้นิวเยียร์ได้นอนพักผ่อนให้เพียงพอ แต่ระยะหลังมานี้เธอก็มักจะง่วงนอนอยู่เป็นประจำ ราวกับคนหลับไม่เต็มอิ่ม“สองสามวันมานี้ หนูรู้สึกเพลียยังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก”“อาการเหมือนพักผ่อนน้อยเลยนะครับ พี่ว่าเราไปตรวจที่โรงพยาบาลกันนะ”“เล่นใหญ่อีกแล้วนะคะ หนูแค่เวียนหัวค่ะ”“พี่รู้ครับว่าแค่เวียนหัว แต่ช่วงนี้เราก็กินข้าวได้น้อยด้วย ไปตรวจให้แน่ใจดีกว่า”ยิ่งเห็นเธอทำตัวเข้มแข็งแบบนี้เขาก็ยิ่งเป็นห่วง เพราะช่วงกลางวันต้องปล่อยเธออยู่ที่ห้องตามลำพัง จะลางานช่วงนี้ก็ยากเพราะเจ้านายของเขากำลังมีดีลงานสำคัญ แต่ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ อย่างไรเขาก็ต้องอยู่ดูแล“ไปก็ได้ค่ะ”เธอไม่อยากให้เขาเป็นห่วง แต่ไปตรวจห
ทันใดที่ทั้งสองคนส่งตัวเข้าห้องหอเสร็จ เพิร์ธก็อุ้มภรรยาสาวขึ้นมานั่งบนตักโดยหันหลังให้กันที่ปลายเตียง โน้มใบหน้ามากดหอมที่แก้มนุ่มทั้งสองข้าง“เจ้าสาวของพี่สวยจัง”“เจ้าบ่าวของหนูก็หล่อค่ะ”บ่าวสาวป้ายแดงผลัดกันชมอีกฝ่ายไม่ขาดปาก พลางจ้องมองสบตากันอย่างหวานซึ้ง ต่างมองอีกคนว่ามีเสน่ห์น่าหลงไหลเป็นอย่างมากเมื่ออยู่ในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แม้ปกติจะหล่อสวยกันอยู่แล้วก็ตาม“จ้องแบบนี้ไม่กินหนูเลยล่ะคะ”คำหยอกล้อได้เริ่มต้นขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับคิดเป็นจริงเป็นจัง เพราะได้รับคำท้าเรื่องมีลูกเอาไว้แล้วเพิร์ธยื่นหน้าเข้าไปใกล้เมียสาวแล้วพรมจูบที่หน้าผากมนแผ่วเบา เลื่อนริมฝีปากมาจูบที่ปลายจมูกของคนที่กำลังหลับตาพริ้ม อมยิ้มเขิน และกำลังคิดว่าตอนนี้จะต้องตกเป็นเมียเขาอย่างสมบูรณ์ทั้งพฤตินัยและนิตินัย เพราะในระหว่างพิธีทั้งคู่ได้จดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพิร์ธจับปลายคางของเมียสาวปรับให้ได้องศากับริมฝีปากที่กดจูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ ก่อนจะผละริมฝีปากออกแล้วจ้องใบหน้าหวานของนิวเยียร์ที่กำลังค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแล้วส่งยิ้มหวานละมุน“แม่พี่บ่นอยากมีหลาน เรามีให้ท่านสักคนดีไหมครับ”“ค
1 เดือนต่อมาทั้งสองคนได้หาโอกาสนัดเจอกับพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายที่ภัตตาคารห้าดาวแห่งหนึ่ง บรรยากาศของการพบหน้ากันเป็นครั้งแรกก็ทำเอาคู่รักโล่งใจเป็นอย่างมากทั้งพ่อแม่ของเพิร์ธและนิวเยียร์หลังจากได้ทำความรู้จักกันแล้ว ก็พูดคุยอย่างเป็นกันเอง และผู้ใหญ่ก็ได้ยอมรับ แสดงความยินดีกับการคบกันของทั้งสองคนโดยเฉพาะแม่ของฝ่ายชายที่พอรู้ว่าลูกชายเพียงคนเดียวมีแฟนแล้ว ก็คะยั้นคะยอให้เร่งหาฤกษ์แต่งงานเพราะอยากจะอุ้มหลานไว ๆ เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมาได้กลุ้มใจเป็นอย่างมาก กลัวว่าลูกชายจะขึ้นคาน“แม่ของพี่นี่น่ารักดีนะคะ ตอนที่พูดว่ากลัวพี่จะขึ้นคานสีหน้าจริงจังมาก ว่าแต่ถ้าเราไม่ได้คบกัน พี่จะขึ้นคานจริง ๆ เหรอคะ”นิวเยียร์เอ่ยแซวแฟนหนุ่มขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ตรงโซฟา หลังจากที่กลับจากการรับประทานอาหารร่วมกับครอบครัวทั้งสองฝ่าย“เอาใหญ่แล้วนะ เดี๋ยวนี้กล้าล้อพี่แล้วเหรอ”“ก็มันจริงนี่คะ คิกคิก”“มานี่เลยครับ” ว่าแล้วเขาก็อุ้มหญิงสาวขึ้นมานั่งบนตักแกร่ง ส่งปลายจมูกหยอกล้อกับซอกคอขาว ก่อนจะเอ่ยกระซิบข้างใบหู“มาให้พี่ลงโทษซะดี ๆ”“ลงโทษยังไงเหรอคะ” หญิงสาวยกเรียวแขนขึ้นกอดคอแฟนหนุ่ม ช้อนสายตาขึ้น
กลับไปถึงคอนโดเพิร์ธก็ประคองนิวเยียร์เข้าไปนั่งที่โซฟา ก่อนจะเอ่ยถามเธออีกครั้งเพื่อให้คิดดูอีกที“จะไม่ลงบันทึกประจำวันไว้จริง ๆ เหรอครับ”“ไม่แล้วค่ะ เมื่อกี้ก็แค่ขู่ให้คุณควีนกลัว แต่หนูคิดว่าเธอคงได้รับบทเรียนและไม่กล้าทำแบบนั้นอีกแล้ว”“พี่ขอโทษนะครับที่ทำให้เจ็บตัว” เขาเอ่ยพลางเลื่อนมือขึ้นไปลูบเรือนผมของแฟนสาวอย่างทะนุถนอม สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด“ไม่เป็นไรเลยค่ะ แผลแค่นิดเดียวเอง มันไม่ใช่ความผิดของพี่นะคะ อย่าโทษตัวเองเด็ดขาด” เธอคลี่ยิ้มปลอบใจแฟนหนุ่ม“จะไม่ให้โทษได้ยังไงล่ะครับ ถ้าพี่ฉุกคิดขึ้นได้สักนิดว่าควีนจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ พี่ก็คงไม่ยอมให้เราออกไปเจอ”“พี่ไม่ได้มีพลังวิเศษที่จะรับรู้ถึงจิตใจคนเสียหน่อยค่ะ เรื่องมันจะเกิด ยังไงมันก็ต้องเกิด คนเราห้ามโชคชะตาไม่ได้หรอก เหมือนที่พี่ไม่สามารถห้ามหนูจีบพี่ได้ยังไงล่ะคะ” นิวเยียร์เอ่ยเปรียบเปรยเธอเชื่ออย่างนั้นเสมอว่าคนเราทุกคนพบกันเพราะโชคชะตา แม้จะเป็นเรื่องร้ายหรือดี เมื่อถึงเวลาก็ไม่สามารถที่จะหลีกหนีกันได้“แต่สำหรับความรักของเรา หนูเชื่อว่ามันเป็นพรหมลิขิต ถ้าวันนั้นพี่ไม่ตามพี่ธีร์ไปกินข้าวที่โรงอาหารในมหา’ ลัย
ควีนเดินวกไปเวียนมาอยู่ตรงชั้นบันไดหนีไฟ มองดูหน้าจอของโทรศัพท์ที่มีเสียงเรียกเข้า เป็นเบอร์เดิมที่โทรเข้ามาตั้งแต่นั่งอยู่ที่หน้าห้องล้างแผล ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย“แกจะโทรเข้ามาทำไมฮะ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าจะติดต่อไปเอง”เสียงของควีนตะเบงใส่ปลายสายด้วยความไม่พอใจ ทำให้ดังเล็ดลอดออกไปด้านนอกของประตูหนีไฟ ในจังหวะที่เพิร์ธและนิวเยียร์กำลังผ่านมาพอดี เพราะเป็นทางผ่านไปห้องน้ำ“พี่เพิร์ธคะ เสียงคุณควีน”นิวเยียร์หันไปเอ่ยกับแฟนหนุ่ม ทั้งสองคนจึงหยุดอยู่ตรงหน้าประตู และได้ยินคำพูดต่อจากนั้นของควีนทุกประโยคอย่างชัดเจน“ฉันบอกให้แกล้งเฉี่ยวไม่ใช่เหรอ แล้วแกจะขับเข้ามาใกล้ขนาดนั้นทำไม เห็นไหมว่าทำฉันเจ็บตัวไปด้วย”(ผมก็ทำตามที่คุณสั่งแล้วไง แล้วก็ไม่ได้มีใครถูกชนสักหน่อย พวกคุณล้มกันไปเอง จะมาโทษผมไม่ได้นะ)“แล้วถ้าแกทำพลาดชนคนขึ้นมาจริง ๆ ล่ะไอ้โง่”(เลิกต่อว่าผมสักที แล้วรีบโอนเงินที่เหลือมาด้วย ไม่อย่างนั้น…)“ไม่อย่างนั้นจะทำไม นี่แกกล้าขู่ฉันเหรอ อย่าลืมนะว่าแกเป็นคนทำให้ผู้หญิงคนนั้นบาดเจ็บ ไม่ใช่ฉัน”(แล้วถ้าผมไปมอบตัวกับตำรวจแล้วบอกว่าคุณเป็นคนจ้างล่ะ คิดดูให้ดี ๆ นะ)“กรี๊ด… ไอ้ชั่ว ก
“พี่เพิร์ธจำได้ไหมคะ ว่าเมื่อก่อนพวกเราชอบมาแข่งโกคาร์ทกัน ข้างในมีสนามแข่งด้วยนะคะ เราไปลองแข่งกันสักรอบสองรอบไหมคะ”นั่งดื่มกันได้สักพัก ควีนก็หันไปเอ่ยกับอดีตคนรักที่นั่งอยู่คนสุดท้าย เพราะมีแฟนสาวของเขานั่งคั่นกลางอยู่“เลิกพูดถึงอดีตเถอะควีน เธอนัดแฟนของพี่ออกมา มีเรื่องอะไรจะพูดก็รีบพูดมาเถอะ” เพิร์ธเอ่ยน้ำเสียงเรียบ“อดีตของเรามันไม่น่าจดจำขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“จะพูดให้ได้อะไรขึ้นมา ตอนนี้พี่เพิร์ธกำลังคบกับฉันอยู่” นิวเยียร์อดไม่ได้เลยรีบพูดแทรก“ฉันไม่ได้คุยกับเธอ” ควีนชักสีหน้าไม่พอใจตอบกลับ“แต่คุณเป็นคนนัดฉันมา”“ใช่ ฉันเป็นคนนัดเธอ แต่คนที่ฉันอยากเคลียร์คือพี่เพิร์ธ”สองสาวฟาดฟันกันด้วยสายตาอย่างไม่กระพริบ นิวเยียร์กำลังจ้องอีกฝ่ายที่กล้ามาหลอกใช้เธอเป็นสะพาน เพื่อหลอกล่อให้แฟนหนุ่มของเธอออกมาเจอ“พี่ไม่มีอะไรจะคุย เรากลับกันเถอะครับ”เพิร์ธเป็นคนตอบควีนแล้วก็ชวนแฟนสาวกลับ เพราะเห็นท่าแล้วทางนั้นคงไม่ได้นัดนิวเยียร์มาเคลียร์กัน แค่ต้องการนัดเขาออกมาเจอก็เท่านั้นเพิร์ธจับมือแฟนสาวแล้วพากันออกไปที่ลานจอดรถ ดีกว่ามาเสียเวลาให้ควีนปั่นหัวเล่น เขารู้ว่าควีนเป็นคนชอบเอาชนะ ไม่เค