บทที่ 10
ธรินดาตื่นมาตั้งแต่เช้าตรู่เช่นเดียวกับทุกเช้า ทว่าเช้านี้หญิงสาวไม่ได้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสดชื่นเหมือนเช่นเคย ความรู้สึกผิดและความเศร้าหมองเกาะกินหัวใจจนปวดร้าว ทำได้เพียงร้องไห้เงียบๆ กับสิ่งที่ต้องสูญเสียไปอย่างไม่อาจเรียกร้องกลับคืน ครั้นจะให้โทษว่าเธอถูกปรัชญ์ข่มเหงรังแกก็พูดได้ไม่เต็มปากเลยสักนิด เพราะเขาบอกแล้วว่าหากเธอปฏิเสธเขาก็พร้อมจะหยุด ธรินดาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่พูด ทำไมสมองถึงไม่สั่งการ ทำไมร่างกายมันถึงได้มีปฏิกิริยาสวนทางกับสิ่งที่ตัวเองรู้สึก ทำไมไม่ต่อต้านเขาให้ถึงที่สุด ทำไมเมื่อคืนนี้ตัวเองถึงได้เหมือนกับเนยเหลวโดนอังไฟ
ปรัชญ์กลับห้องนอนของเขาหลังจากที่เธอเอาแต่นิ่งเงียบ แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่วายจูบแก้มซึ่งนองด้วยน้ำตาของเธอหนักๆ ก่อนจะลุกจากเตียงออกไปอย่างเฉยชา เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ธรินดาอยากจะคิดว่าทั้งหมดมันเป็นแค่ความฝัน หากร่างกายที่ยังคงปวดแปลบอย่างชัดเจนในบางส่วนก็ฟ้องชัดว่า...นับแต่นี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงบริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว!
ร่างบางลุกขึ้นจากเตียงเพื่อจะอาบน้ำชำระล้างราคีออกไปจากใจและกาย ทว่าดวงตาที่ฝ้าฟางไปด้วยม่านน้ำตานั้นก็สะดุดกับรอยเลือดบนผ้าปูที่นอนซึ่งเป็นหลักฐานได้อย่างดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง เธอไม่ได้ฝันไป หยดน้ำอุ่นๆ เอ่อล้นขึ้นมาคลอรอบดวงตาอีกครั้งด้วยความเจ็บใจที่ตัวเองไม่เข้มแข็งพอ เธอจะกล้าบอกเรื่องนี้กับใครได้ ในเมื่อส่วนหนึ่งมันเกิดจากความใจง่ายของเธอเอง ปรัชญ์แค่แตะนิดต้องหน่อยเธอก็อ่อนปวกเปียก ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าเขาไม่ได้ทำไปเพราะรัก แต่ทำเพราะอยากจะเอาชนะเธอ ที่สำคัญเขากำลังจะหมั้นในเร็ววันนี้ แต่เธอก็ยังปล่อยให้เหตุการณ์มันเลยตามเลย จนได้แต่มาเสียใจทีหลัง
มือเล็กรีบรื้อผ้าปูนั้นออกมาจากเตียง ยัดใส่ลงในตะกร้าเพื่อจะนำลงไปซัก ทว่ากลับยังมีหลักฐานอีกอย่างที่เธอคาดไม่ถึงตกอยู่ข้างเตียง นั่นก็คือห่อฟอยล์รูปสี่เหลี่ยมที่ถูกแกะใช้แล้ว ใช่...เมื่อคืนนี้ปรัชญ์หยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง เหมือนว่ามันคือสิ่งที่เขาพกพาเป็นประจำอยู่แล้ว และห่อฟอยล์ที่ตกอยู่อันนั้นเขาใช้มันกับเธอ
ร่างบางย่อตัวลงเก็บมันและกำแน่นไว้ในมือ มองซ้ายแลขวาเหมือนจะหาที่ทิ้ง แต่ก็ฉุกใจคิดว่าไม่สามารถทิ้งมันลงถังขยะในห้องได้ เพราะมันจะเป็นหลักฐานให้บัวคำหรือใครก็ตามที่ขึ้นมาทำความสะอาดห้องสงสัยว่าทำไมถึงมีของสิ่งนี้ในห้องของเธอ หากมีคนทราบเรื่องนี้เข้าเรื่องคงจะยุ่งยากแน่ๆ ปรัชญ์กำลังจะหมั้น และถึงแม้ว่าเขาจะไม่หมั้น เธอก็ตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวแล้วว่า จะเก็บงำเรื่องนี้ไว้เป็นความลับคนเดียวไปตลอดชีวิต และไม่แม้แต่จะคิดเรียกร้องอะไรหรือความรับผิดชอบใดๆ จากผู้ชายที่ทำทุกอย่างเพียงเพื่อต้องการรังแกเธอเท่านั้น
ธรินดารีบอาบน้ำ ยกตะกร้าผ้าปูที่นอนลงไปในห้องซักผ้า จัดการยัดมันใส่ลงไปในเครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติขนาดหลายกิโลกรัม ใส่น้ำยาซักผ้าที่มีคุณสมบัติขจัดคราบต่างๆ รวมถึงคราบเลือดได้เป็นอย่างดี จากนั้นก็เปิดน้ำและกดปุ่มให้เครื่องทำงาน
เสียงครืดๆ ของเครื่องเริ่มทำงานหลังจากที่เธอกดปุ่มสตาร์ต นั่นหมายถึงว่าหลักฐานบางส่วนได้เริ่มถูกทำลายไปแล้ว ทว่าหลักฐานอีกอย่างยังอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเธอ
“อ้าว...คุณหนูเล็ก ลงมาทำอะไรแต่เช้าคะ”
เสียงของบัวคำดังขึ้น ขณะที่ธรินดากำลังจะออกจากห้องซักผ้า ทำเอาร่างบางสะดุ้งโหยง หัวใจหล่นวูบราวกับคนแอบทำความผิดแล้วมีคนจับได้ ทว่าหญิงสาวก็รีบปรับสีหน้าและแววตาให้เป็นปกติอย่างเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้บัวคำจับพิรุธความผิดปกติของตนได้
“เล็กเอาผ้าปูที่นอนมาซักค่ะพี่บัวคำ”
“ทำไมต้องทำเองล่ะคะ เดี๋ยวสายๆ พี่บัวคำทำให้ก็ได้ ปกติพี่ก็ให้เด็กเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้คุณๆ ทุกอาทิตย์อยู่แล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่บัวคำ พอดีเล็กตื่นเช้า ไม่มีอะไรทำก็เลยรื้อมันลงมา”
“ถ้างั้นก็ทิ้งไว้นี่ละนะคะ เดี๋ยวพอปั่นแห้งเสร็จพี่บัวคำจะเอาไปตากให้เอง”
“ขอบคุณค่ะพี่บัวคำ งั้นเล็กขอตัวไปปั่นจักรยานเล่นก่อนนะคะ”
“แล้ววันนี้คุณหนูเล็กไม่ใส่บาตรเหรอคะ” บัวคำถามอย่างสงสัยเพราะปกติธรินดาจะต้องใส่บาตรทุกเช้า
“คือเล็ก...เล็กขอเว้นวันหนึ่งนะคะพี่บัวคำ” ธรินดาไม่รู้จะตอบว่ายังไง เธอมัวแต่หมกมุ่นเรื่องที่ห่างไกลกับคำว่าบุญมาก จนทำให้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและลืมเรื่องที่ตัวเองทำเป็นประจำไปเสียสนิท
“ก็ตามใจคุณเล็กเถอะค่ะ เว้นวันเดียวคงไม่เป็นไรหรอก ปกติคุณเล็กก็ชอบทำบุญเป็นประจำอยู่แล้ว ตอนนี้น่าจะสะสมบุญได้มากโขแล้วมั้งคะ”
ธรินดาได้แค่ยิ้ม ก่อนจะออกจากห้องนั้นไปหลังจากจบการสนทนากับบัวคำแล้ว
จักรยานคันที่แม่ใหญ่ซื้อให้เมื่อหลายปีก่อนยังคงสภาพดีอยู่ มันถูกธรินดาใช้งานแทบจะทุกวันในช่วงที่กลับมาอยู่บ้าน เธอมักจะปั่นมันไปตัดดอกไม้ หรือไม่ก็ปั่นไปดูพระอาทิตย์ตกดินตอนเย็นที่เนินเขาหลังบ้านอยู่เป็นประจำ แต่วันนี้มันถูกใช้แต่เช้ากว่าทุกวัน เพื่อพาผู้เป็นเจ้าของไปยังหน้าบ้าน
บทที่ 98“ฉันไม่อยากดื่มนมอย่างอื่น ฉันเก็บปากของฉันไว้ดื่มนมอร่อยๆ จากเต้าของเธอก็พอแล้ว ว่าแล้วก็หิว เล็กจ๋า...ให้ฉันกินนะ” แววตาของคนที่ประท้วงอยู่เมื่อครู่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นวิบวับและเปล่งประกายความปรารถนาที่มีต่อเธอออกมาอย่างเปิดเผย “ไม่เอาค่ะคุณปรัชญ์” ธรินดาปฏิเสธเสียงเบา เพราะกลัวลูกสาวจะตื่นมาเห็น “แต่ฉันจะ ‘เอา’ นะเล็กจ๋า ตามใจผัวนะครับหนูเล็กคนดี” “โธ่...คุณปรัชญ์” “ไม่โธ่จ้ะที่รัก...ฉันหิว อยากดื่มนม” ปรัชญ์กระซิบบอกความต้องการของตัวเอง พร้อมกับที่ธรินดารับรู้ถึงความตื่นตัวของเขาที่ตอนนี้บดเบียดเธออยู่ไม่ห่าง “ถ้าอย่างนั้นเล็กไปดับไฟก่อนนะคะ” ธรินดาบอกอย่างอายๆ แต่คำตอบนั้นบ่งบอกชัดว่าเธอยอมตามใจเขาแล้ว ปรัชญ์จึงยอมปล่อยให้ร่างเล็กลุกจากตักไปปิดไฟ ส่วนตัวเองขยับขึ้นไปนอนรออยู่บนเตียง ห้องทั้งห้องมืดสนิทเมื่อธรินดายื่นมือไปกดสวิตช์ไฟให้ดับลง เธออาศัยความเคยชินเดินกลับมายังเตียง และค่อยๆ เอนกายลงนอนเคียงข้างสามี ปรัชญ์รีบขยับเข้ามาแนบชิดพร้อมกับกระซิบเรียกเสียงพร่า ท
บทที่ 97“ป๋าก็คิดถึงนิล คิดถึงแม่เล็กของนิลใจแทบขาด” ปรัชญ์ตอบลูกสาวและถือโอกาสอ้อนไปถึงแม่ของลูกด้วย เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้โทรศัพท์น่าจะเปิดลำโพงอยู่ “งั้นก็รีบกลับบ้านสิคะป๋า หมีพูกับแม่เล็กก็รอป๋าเหมือนกันค่ะ” ปรัชญ์ยิ้มออกมาอีกคราเมื่อลูกบอกว่าธรินดาเองก็รอเขาอยู่ ใบหน้าอันหวานซึ้งนั้นลอยเข้ามาในห้วงความคิด ทำให้เขาจำต้องพับหน้าจอแล็ปท็อปลงพร้อมกับปิดแฟ้มเอกสารที่กางอยู่หลายอันบนโต๊ะ“โอเคครับคนดีของป๋า ป๋าจะกลับเดี๋ยวนี้ละ” “งั้นนิลจะรอจนกว่าป๋าจะมานะคะ นิลถึงจะนอน” “ครับ อีกยี่สิบนาทีเจอกันนะครับ” “ค่ะป๋า เย้ๆ” หลังจากวางสายจากลูกสาว ปรัชญ์ก็ไม่รอช้า รีบขับรถตรงดิ่งกลับบ้านอย่างปราศจากความลังเลใดๆ ทันที งานเอาไว้ก่อนตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือลูก เมีย แม่ และหมีพู ซึ่งกำลังรอเขาอยู่ที่บ้านทันทีที่ร่างสูงเดินเข้าบ้าน หมีพูกับเด็กหญิงตัวน้อยที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูก็วิ่งมาหาพร้อมกับเรียกผู้เป็นพ่อด้วยความดีใจ โดยมีหมีพูวิ่งตามมาไม่ห่างพร้อมกับกระดิกหางไปมาอย่างดีใจเช่นกัน
บทที่ 96นัสรินเดินเข้าบ้านด้วยอาการของคนที่มีเรื่องครุ่นคิดอยู่ในใจ ทำให้ไม่เห็นว่าพ่อกับแม่นั่งรออยู่ที่โซฟาในห้องโถงชั้นล่าง พลตรีชยุตกับคุณนิภาหันไปมองหน้ากันครู่หนึ่ง จากนั้นคุณนิภาก็เป็นฝ่ายส่งเสียงทักลูกสาว“ไงยัยนัส ไปบ้านพี่ปรัชญ์มาโอเคหรือเปล่าลูก”“อ้าว...คุณพ่อคุณแม่ อยู่นี่เองเหรอคะ” นัสรินเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าบิดามารดาของตนนั่งอยู่ตรงนั้น เธอมัวแต่คิดเรื่องที่ปรัชญ์เพิ่งคุยด้วย ทำให้ประสาทการรับรู้ต่างๆ รวนไปเสียหมด“เป็นอะไรไปลูก ทำไมดูหน้าเครียดๆ แบบนั้น ทะเลาะกับตาปรัชญ์มาเหรอ”“เปล่าค่ะคุณแม่ นัสแค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะค่ะ” นัสรินตอบมารดาเสียงนุ่ม ก่อนจะขยับไปนั่งลงข้างๆ“มีอะไรเล่าให้พ่อกับแม่ฟังได้หรือเปล่า” พลตรีชยุตพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงลูกสาวคนเดียว เพราะปกตินัสรินไม่ค่อยมีท่าทีเหม่อลอยให้เห็นบ่อยนักนัสรินมองหน้าบุพการีทั้งสองอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจขอคำปรึกษาเพราะเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับเธอคนเดียว มันเกี่ยวข้องกับบิดามารดาของเธอด้วย“เมื่อกี้นี้พี่ปรัชญ์เพิ่งจะบอกว่าพี่ปรัชญ์มีคนรักอยู่แล้ว และอยากให้นัสแต่งงานกับคุณปราณต์แทนค่ะ”“ว่าไงนะลูก!” คุณนิภาอุทา
บทที่ 95“แต่คุณปราณต์ไม่ได้ชอบนัสนะคะ อีกอย่างคุณปราณต์อาจจะมีคนรักอยู่แล้วเหมือนที่พี่ปรัชญ์มี” น่าแปลกที่คราวนี้เธอกลับแคร์ความรู้สึกของปราณต์ขึ้นมาเสียมากมาย เดือดเนื้อร้อนใจไปหมดกับความจริงที่ว่าเขาอาจมีคนรักอยู่แล้วก็ได้ ทั้งๆ ที่ตอนถูกพ่อแม่บังคับให้หมั้นกับปรัชญ์เธอกลับไม่ตระหนักเลยว่าปรัชญ์อาจจะมีคนรักอยู่แล้ว คิดแต่ว่าหากปรัชญ์ยอมหมั้นเธอก็ยอมหมั้นตามที่ผู้ใหญ่ต้องการเท่านั้นก็พอ“พี่ปราณต์ยังไม่มีใครหรอก ถ้านัสอยากแต่งกับพี่ปราณต์พี่จัดการให้ได้” “แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับมัดมือชกคุณปราณต์เลยนะคะพี่ปรัชญ์” “ก็เหมือนกับที่แม่บังคับพี่ให้แต่งงานกับนัสนั่นละ แม่ก็คิดแค่ว่าพี่ยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ที่พี่พูดอย่างนี้นัสอย่าคิดว่าตัวเองไม่มีค่าหรือถูกโยนให้คนนั้นทีคนนี้ทีนะ แต่พี่ไม่อยากทรยศหัวใจตัวเองและไม่อยากให้ธรินดาต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้” “นัสเข้าใจค่ะและขอบคุณที่พี่ปรัชญ์บอกนัสตรงๆ แต่นัสขอถามอะไรตรงๆ บ้างได้มั้ยคะ” นัสรินยังหนักอึ้งในเรื่องที่ปรัชญ์เสนอมา แต่เธอก็ยังอยากจะรู้ความจริงจากใจเขาให้หมดเปลือกเสียก่อน“ได้ส
บทที่ 94 สี่เดือนก่อน... รถซีดานแบรนด์ยุโรปราคาสองล้านกว่าๆ แล่นออกจากอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่ หลังจากที่ปรัชญ์บอกว่าจะพาคู่หมั้นสาวไปส่ง นัสรินหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนขับที่เมื่อครู่นี้ยังพูดจากวนประสาทแม่ของเขาอย่างมีสีสันอยู่เลย ทว่าบัดนี้เขาอยู่ในอิริยาบถที่เงียบขรึมราวกับเป็นคนละคน แม้จะไม่ถึงกับทำให้อึดอัด แต่คนคุยไม่เก่งแบบเธอก็ไม่กล้าชวนคุย นี่เป็นครั้งที่สองที่เขากับเธอได้พบกัน หลังจากหมั้นเสร็จปรัชญ์ก็ไม่เคยติดต่อหรือมาเยี่ยมเยือนในฐานะคู่หมั้นเลยสักครั้ง นัสรินรู้ดีว่าปรัชญ์เองก็คงจะถูกบังคับให้หมั้นเช่นเดียวกับเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจหากเขาจะไม่ใส่ใจหรือทำตัวไม่เหมือนกับคู่หมั้นคู่อื่นๆ “นัสรีบกลับบ้านหรือเปล่า” ปรัชญ์หันมาถามเป็นประโยคแรกหลังจากที่รถแล่นออกมาพ้นอาณาเขตบ้านได้พักใหญ่ “เปล่าค่ะ นัสว่างทั้งวันค่ะพี่ปรัชญ์” “งั้นแวะดื่มกาแฟกับพี่ก่อนนะ ข้างหน้ามีร้านบรรยากาศดี กาแฟก็อร่อย” ปรัชญ์ชวนด้วยท่าทีเป็นกันเองทำให้นัสรินรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น “ได้ค่ะ” หญิงสาวรับคำและยิ้มบางๆ
บทที่ 93“เปิดดูสิ เปิดตอนนี้เลยนะเล็ก” ปรัชญ์เชียร์ทั้งปาก ทั้งสายตา ทั้งสีหน้าที่เหมือนอยากจะให้เธอได้เห็นเหลือเกินว่าของที่อยู่ในกล่องคืออะไร ซึ่งตอนแรกธรินดากะว่าจะเก็บไว้เปิดพรุ่งนี้เช้า แต่เมื่อสามีคะยั้นคะยอเช่นนั้น เธอจึงต้องค่อยๆ แกะโบที่ผูกอย่างสวยงามนั้นออก ก่อนจะเปิดฝากล่องเป็นลำดับสุดท้าย และแล้วสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นก็ทำให้แก้มนวลแดงซ่าน เธอหยิบมันขึ้นมาดูสลับกับมองคนให้อย่างเขินอายสุดกำลัง“นี่มันอะไรกันคะคุณปรัชญ์”“ก็ชุดนอนไง มีหลายชุดด้วย ผ้าดีๆ ทั้งนั้นเลยนะ” ปรัชญ์ตอบอย่างรื่นรมย์“แล้วทำไมมันโป๊แบบนี้ล่ะคะ” ธรินดาถามเพราะถึงแม้ว่าชุดนอนแต่ละชุดที่อยู่ในกล่องนั้นมันสวยและผ้านิ่มมากก็จริง แต่มันกลับเซ็กซี่สุดๆ ทุกตัวล้วนแต่คอเว้าลึกอย่างไม่ต้องสงสัยว่าเวลาใส่จะต้องโชว์เนินอกแน่ๆ แถมยังสั้นเต่อจนเกือบถึงโคนขา บางชุดก็เป็นแบบสองชิ้น ชิ้นบนเป็นเสื้อสายเดี่ยวในลักษณะอวดโชว์เนินเนื้อ ชิ้นล่างเป็นแค่กางเกงชิ้นน้อย เหมือนกับออกแบบมาเพื่อขยี้ใจชายโดยเฉพาะ แล้วเธอจะกล้าใส่ได้อย่างไร“โป๊ที่ไหน เขาเรียกว่าเซ็กซี่ต่างหาก ฉันอยากเห็นเมียเซ็กซี่บ้างไม่ได้เหรอ”“ถ้าชอบผู้หญิงเซ็ก