แสงไฟจากหัวเตียงสาดส่องลงมายังสองร่างที่ฝ่ายหนึ่งนอนหงายอยู่เบื้องล่างโดยมีร่างกำยำนอนเกยทับอยู่ ธรินดามองหน้าปรัชญ์ได้ชัดกว่าตอนที่เขายืนอยู่หน้าประตู เช่นเดียวกับที่สายตาคมของเขาเองก็จ้องมองลงมาที่ใบหน้าเนียนละเอียดของเธอเช่นกัน ประกายตาของหญิงสาวฉายแววตื่นตระหนก ไม่คิดว่าแค่ชั่วเวลาไม่ถึงห้านาที ตอนนี้ตัวเองจะมานอนอยู่ใต้ร่างของผู้ชายที่เธออยากจะวิ่งหนีเขามากที่สุด
ชายหนุ่มเพ่งมองเจ้าของเตียงที่ตอนนี้สั่นเทาไปทั้งตัว สองมือเล็กๆ ยังพยายามบิดเพื่อให้พ้นจากมือเขา เช่นเดียวกับที่เรือนกายแสนนุ่มนิ่มก็ยังดิ้นรนอยู่ใต้ร่างของเขาเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระ ปากอิ่มสีชมพูระเรื่ออย่างคนสุขภาพดีสั่นระริก สายตาฟ้องชัดว่าตื่นกลัวกับการมีเขาทาบทับอยู่บนร่างเล็กๆ และรวบมือน้อยๆ ของเธอเอาไว้แค่ไหน
...ให้ตายเถอะธรินดา เธอไม่รู้หรือไงว่ายิ่งทำแบบนั้นก็ยิ่งเป็นการยั่วยุ ให้เขาอยากจะทำอะไรตามใจตัวเองมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม...
“อย่ารังแกเล็กเลยนะคะ...” เสียงหวานร้องห้ามปรามเขาออกมา ทั้งๆ ที่ความหวังของตัวเองช่างน้อยนิด เพราะเธอรู้ดีว่าหากปรัชญ์คิดจะทำอะไรแล้วเขาไม่เคยเปลี่ยนใจ
“ถ้าเธอไม่คิดถึงฉันจริงๆ อย่างที่เธอสาบาน ก็ต่อต้านฉันให้ได้สิธรินดา ถ้าเธอบอกว่าหยุดเมื่อไหร่ ฉันรับรองว่าจะไม่ขืนใจเธอ” เสียงของเขานุ่มลง ปากหยักได้รูปยิ้มน้อยๆ ตาที่ฉ่ำเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์มองด้วยประกายร้อนแรงแต่แฝงด้วยความนัยบางอย่างที่ทำให้ธรินดาต้องเบือนหน้าหวานๆ นั้นหลบตาเขา
“เอียงหน้าให้ฉันแบบนี้ แสดงว่าเธออยากให้ฉันหอมแก้มเธอใช่ไหม”
“มะ...”
คำพูดเช่นนั้นของปรัชญ์ทำให้ธรินดาต้องหันหน้ากลับมาสบตากับเขาอีกครั้ง ก่อนจะรู้ตัวว่าเสียรู้คนเจ้าเล่ห์ที่ชอบพูดยั่ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะปรัชญ์ใช้เรียวปากฉกลงประกบกลีบปากอิ่มเต็มของเธออย่างรวดเร็ว ทำเอาร่างบางสะดุ้งเฮือกราวกับถูกไฟชอร์ตเมื่อถูกลิ้นสากหนาฉกชำแรกเข้ามาอย่างสุดชำนาญในโพรงปากไร้ประสบการณ์เป็นครั้งแรกในชีวิตสาว
มือขวาของชายหนุ่มยังคงตรึงข้อมือเล็กของเธอไว้ ส่วนมือซ้ายลูบไล้ลงไปตามเรือนกายอ้อนแอ้น บีบขยี้เคล้นทรวงสาวผ่านผ้าบางเบาของชุดนอน ธรินดาได้แต่ครางฮึมฮัมในลำคอเพราะปากถูกปิดสนิท การโดนรุกรานพร้อมกันเช่นนั้นทำให้เรี่ยวแรงของเธอที่จะใช้ต่อต้านเขาเหมือนเหือดหายไปหมด
ธรินดาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้มือตัวเองเป็นอิสระแล้ว เนื่องจากปรัชญ์ใช้มันปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างของเธออย่างช่ำชองภายในชั่วพริบตา มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เขาหยุดจูบ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย โลมเลียร่างงดงามด้วยสายตา และกระซิบด้วยเสียงยั่วเย้าต่างจากยามปกติราวกับเป็นคนละคน
“ฉันเพิ่งรู้ว่าผู้หญิงตัวบางๆ แบบเธอนี่ จริงๆ แล้วก็ซ่อนรูปแถมทั้งนุ่มทั้งหอมน่ากอดน่าจูบไปทั้งตัว”
เขาใช้ปากพูดแค่นั้นก็ใช้มันทำอย่างอื่นต่อทันที ใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยไรหนวดไรเครากับลมหายใจที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ซุกไซ้ที่ซอกคอขาวละมุนอีกครั้ง ลิ้นตวัดเลียติ่งหูของเธอจนสยิว มือใหญ่ปะป่ายเล้าโลมไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งนวลเนียนทั่วเรือนกาย ก่อนจะละปากตามลงไปทำในสิ่งที่หญิงสาวถึงกับต้องหลับตาและกัดริมฝีปากกลั้นเสียงครางอันเกิดจากความเสียวสยิวของสัมผัสมากประสบการณ์ของเขา
“ทำไมคุณปรัชญ์ใจร้ายกับเล็กแบบนี้...” ธรินดาพึมพำถามสิ่งที่ค้างคาใจด้วยเสียงที่เบาเท่าสายลมกระซิบ และสะบัดหน้าไปมาเบาๆ อย่างคนที่ฝืนความรู้สึกตัวเองเอาไว้เต็มที่
“เธอเป็นคนทำให้ฉันอยากจะใจร้ายกับเธอตลอดเวลา...ธรินดา”
เขาตอบโดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองเธอสักนิด เพราะตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลานั้นคลุกเคล้าอยู่บนความอวบนุ่มขาวละมุนของทรวงสาวที่ไม่เคยต้องสัมผัสจากชายใดมาก่อน
“อย่าค่ะ...อย่า...” เสียงของธรินดาแผ่วเบาลงเรื่อยๆ สวนทางกับไฟเสน่หาที่ยิ่งลุกโชนจนร่างบางเร่าร้อนราวกับถูกแผดเผา เมื่อปากของปรัชญ์ปะพรมไปทั่วทุกอณูบนเรือนกายเปลือยเปล่าของเธอ
ธรินดาจำได้เลือนๆ ว่าตัวเองไม่ได้พูดคำว่าหยุด...นอกจากคำว่าอย่า...ที่พูดอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอไม่เข้าใจตัวเองสักนิดทำไมถึงไม่พูดคำนั้น ทั้งๆ ที่ปรัชญ์บอกว่าหากเธอพูดมันเมื่อไหร่เขาก็จะหยุดทันที
หรือว่าสมองของเธอพิการไปชั่วขณะถึงไม่สั่งการให้ปากพูดคำนั้น
หรือเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่กรุ่นมาจากลมหายใจและปลายลิ้นของเขา
หรือเพราะรสจุมพิตที่สุดจะช่ำชองเชี่ยวชาญ
หรือเพราะถูกความวาบหวามรัญจวนที่เล่นงานไปทั่วทุกอณูกายอันไร้ประสบการณ์ใดๆ ในลักษณะเช่นนี้มาก่อน
เธอยังดิ้นต่อต้านในอ้อมกอดของคนที่ทำการทวงคำสาบาน ร่างบางรู้สึกชัดเจนมากที่สุดว่าสัมผัสจากปาก จมูก ลิ้น และมือใหญ่ที่แตะต้องลงบนเรือนกายของเธอนั้นร้อนซ่านแค่ไหน แต่ธรินดาไม่รู้ตัวสักนิดว่าการเคลื่อนไหวของตัวเองในตอนนี้มันห่างไกลกับคำว่าดิ้นรนเป็นอย่างมาก เพราะเรือนกายอ้อนแอ้นนั้นบิดส่ายโอนอ่อนระทดระทวยไปตามสัมผัสที่ปรัชญ์อยากให้เป็น
“โอย...คุณปรัชญ์...”
ปากอิ่มหลุดเสียงออกมาสุดเสียง มือเล็กที่ตอนนี้เป็นอิสระแล้วขยับมาวางที่ไหล่หนาเช่นเดิม หากแต่มันไม่ใช่เพื่อผลักเขาออกห่างแล้ว เล็บซึ่งถูกตัดสั้นอยู่เสมอจิกลงบนไหล่เปลือยเปล่าเต็มแรง ตอนที่เขาทะยานเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเธอ จากนั้นเสียงหวานก็เงียบไปอีก เมื่อปากของปรัชญ์ปิดปากอิ่มแล้วมอบจุมพิตชวนมึนเมาให้จนเธอลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างนอกจากเขา
จากนั้นธรินดาก็เหมือนดำดิ่งสู่หุบเหวแห่งอารมณ์ที่เต็มไปด้วยฤทธิ์ร้ายของดำฤษณาอันสุดหฤหรรษ์รัญจวน จนกระทั่งถึงปลายทางอันเต็มไปด้วยความหลากล้นของอารมณ์ ที่เธอก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะเรียกมันว่าอะไร...
บทที่ 98“ฉันไม่อยากดื่มนมอย่างอื่น ฉันเก็บปากของฉันไว้ดื่มนมอร่อยๆ จากเต้าของเธอก็พอแล้ว ว่าแล้วก็หิว เล็กจ๋า...ให้ฉันกินนะ” แววตาของคนที่ประท้วงอยู่เมื่อครู่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นวิบวับและเปล่งประกายความปรารถนาที่มีต่อเธอออกมาอย่างเปิดเผย “ไม่เอาค่ะคุณปรัชญ์” ธรินดาปฏิเสธเสียงเบา เพราะกลัวลูกสาวจะตื่นมาเห็น “แต่ฉันจะ ‘เอา’ นะเล็กจ๋า ตามใจผัวนะครับหนูเล็กคนดี” “โธ่...คุณปรัชญ์” “ไม่โธ่จ้ะที่รัก...ฉันหิว อยากดื่มนม” ปรัชญ์กระซิบบอกความต้องการของตัวเอง พร้อมกับที่ธรินดารับรู้ถึงความตื่นตัวของเขาที่ตอนนี้บดเบียดเธออยู่ไม่ห่าง “ถ้าอย่างนั้นเล็กไปดับไฟก่อนนะคะ” ธรินดาบอกอย่างอายๆ แต่คำตอบนั้นบ่งบอกชัดว่าเธอยอมตามใจเขาแล้ว ปรัชญ์จึงยอมปล่อยให้ร่างเล็กลุกจากตักไปปิดไฟ ส่วนตัวเองขยับขึ้นไปนอนรออยู่บนเตียง ห้องทั้งห้องมืดสนิทเมื่อธรินดายื่นมือไปกดสวิตช์ไฟให้ดับลง เธออาศัยความเคยชินเดินกลับมายังเตียง และค่อยๆ เอนกายลงนอนเคียงข้างสามี ปรัชญ์รีบขยับเข้ามาแนบชิดพร้อมกับกระซิบเรียกเสียงพร่า ท
บทที่ 97“ป๋าก็คิดถึงนิล คิดถึงแม่เล็กของนิลใจแทบขาด” ปรัชญ์ตอบลูกสาวและถือโอกาสอ้อนไปถึงแม่ของลูกด้วย เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้โทรศัพท์น่าจะเปิดลำโพงอยู่ “งั้นก็รีบกลับบ้านสิคะป๋า หมีพูกับแม่เล็กก็รอป๋าเหมือนกันค่ะ” ปรัชญ์ยิ้มออกมาอีกคราเมื่อลูกบอกว่าธรินดาเองก็รอเขาอยู่ ใบหน้าอันหวานซึ้งนั้นลอยเข้ามาในห้วงความคิด ทำให้เขาจำต้องพับหน้าจอแล็ปท็อปลงพร้อมกับปิดแฟ้มเอกสารที่กางอยู่หลายอันบนโต๊ะ“โอเคครับคนดีของป๋า ป๋าจะกลับเดี๋ยวนี้ละ” “งั้นนิลจะรอจนกว่าป๋าจะมานะคะ นิลถึงจะนอน” “ครับ อีกยี่สิบนาทีเจอกันนะครับ” “ค่ะป๋า เย้ๆ” หลังจากวางสายจากลูกสาว ปรัชญ์ก็ไม่รอช้า รีบขับรถตรงดิ่งกลับบ้านอย่างปราศจากความลังเลใดๆ ทันที งานเอาไว้ก่อนตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือลูก เมีย แม่ และหมีพู ซึ่งกำลังรอเขาอยู่ที่บ้านทันทีที่ร่างสูงเดินเข้าบ้าน หมีพูกับเด็กหญิงตัวน้อยที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูก็วิ่งมาหาพร้อมกับเรียกผู้เป็นพ่อด้วยความดีใจ โดยมีหมีพูวิ่งตามมาไม่ห่างพร้อมกับกระดิกหางไปมาอย่างดีใจเช่นกัน
บทที่ 96นัสรินเดินเข้าบ้านด้วยอาการของคนที่มีเรื่องครุ่นคิดอยู่ในใจ ทำให้ไม่เห็นว่าพ่อกับแม่นั่งรออยู่ที่โซฟาในห้องโถงชั้นล่าง พลตรีชยุตกับคุณนิภาหันไปมองหน้ากันครู่หนึ่ง จากนั้นคุณนิภาก็เป็นฝ่ายส่งเสียงทักลูกสาว“ไงยัยนัส ไปบ้านพี่ปรัชญ์มาโอเคหรือเปล่าลูก”“อ้าว...คุณพ่อคุณแม่ อยู่นี่เองเหรอคะ” นัสรินเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าบิดามารดาของตนนั่งอยู่ตรงนั้น เธอมัวแต่คิดเรื่องที่ปรัชญ์เพิ่งคุยด้วย ทำให้ประสาทการรับรู้ต่างๆ รวนไปเสียหมด“เป็นอะไรไปลูก ทำไมดูหน้าเครียดๆ แบบนั้น ทะเลาะกับตาปรัชญ์มาเหรอ”“เปล่าค่ะคุณแม่ นัสแค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะค่ะ” นัสรินตอบมารดาเสียงนุ่ม ก่อนจะขยับไปนั่งลงข้างๆ“มีอะไรเล่าให้พ่อกับแม่ฟังได้หรือเปล่า” พลตรีชยุตพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงลูกสาวคนเดียว เพราะปกตินัสรินไม่ค่อยมีท่าทีเหม่อลอยให้เห็นบ่อยนักนัสรินมองหน้าบุพการีทั้งสองอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจขอคำปรึกษาเพราะเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับเธอคนเดียว มันเกี่ยวข้องกับบิดามารดาของเธอด้วย“เมื่อกี้นี้พี่ปรัชญ์เพิ่งจะบอกว่าพี่ปรัชญ์มีคนรักอยู่แล้ว และอยากให้นัสแต่งงานกับคุณปราณต์แทนค่ะ”“ว่าไงนะลูก!” คุณนิภาอุทา
บทที่ 95“แต่คุณปราณต์ไม่ได้ชอบนัสนะคะ อีกอย่างคุณปราณต์อาจจะมีคนรักอยู่แล้วเหมือนที่พี่ปรัชญ์มี” น่าแปลกที่คราวนี้เธอกลับแคร์ความรู้สึกของปราณต์ขึ้นมาเสียมากมาย เดือดเนื้อร้อนใจไปหมดกับความจริงที่ว่าเขาอาจมีคนรักอยู่แล้วก็ได้ ทั้งๆ ที่ตอนถูกพ่อแม่บังคับให้หมั้นกับปรัชญ์เธอกลับไม่ตระหนักเลยว่าปรัชญ์อาจจะมีคนรักอยู่แล้ว คิดแต่ว่าหากปรัชญ์ยอมหมั้นเธอก็ยอมหมั้นตามที่ผู้ใหญ่ต้องการเท่านั้นก็พอ“พี่ปราณต์ยังไม่มีใครหรอก ถ้านัสอยากแต่งกับพี่ปราณต์พี่จัดการให้ได้” “แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับมัดมือชกคุณปราณต์เลยนะคะพี่ปรัชญ์” “ก็เหมือนกับที่แม่บังคับพี่ให้แต่งงานกับนัสนั่นละ แม่ก็คิดแค่ว่าพี่ยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ที่พี่พูดอย่างนี้นัสอย่าคิดว่าตัวเองไม่มีค่าหรือถูกโยนให้คนนั้นทีคนนี้ทีนะ แต่พี่ไม่อยากทรยศหัวใจตัวเองและไม่อยากให้ธรินดาต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้” “นัสเข้าใจค่ะและขอบคุณที่พี่ปรัชญ์บอกนัสตรงๆ แต่นัสขอถามอะไรตรงๆ บ้างได้มั้ยคะ” นัสรินยังหนักอึ้งในเรื่องที่ปรัชญ์เสนอมา แต่เธอก็ยังอยากจะรู้ความจริงจากใจเขาให้หมดเปลือกเสียก่อน“ได้ส
บทที่ 94 สี่เดือนก่อน... รถซีดานแบรนด์ยุโรปราคาสองล้านกว่าๆ แล่นออกจากอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่ หลังจากที่ปรัชญ์บอกว่าจะพาคู่หมั้นสาวไปส่ง นัสรินหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนขับที่เมื่อครู่นี้ยังพูดจากวนประสาทแม่ของเขาอย่างมีสีสันอยู่เลย ทว่าบัดนี้เขาอยู่ในอิริยาบถที่เงียบขรึมราวกับเป็นคนละคน แม้จะไม่ถึงกับทำให้อึดอัด แต่คนคุยไม่เก่งแบบเธอก็ไม่กล้าชวนคุย นี่เป็นครั้งที่สองที่เขากับเธอได้พบกัน หลังจากหมั้นเสร็จปรัชญ์ก็ไม่เคยติดต่อหรือมาเยี่ยมเยือนในฐานะคู่หมั้นเลยสักครั้ง นัสรินรู้ดีว่าปรัชญ์เองก็คงจะถูกบังคับให้หมั้นเช่นเดียวกับเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจหากเขาจะไม่ใส่ใจหรือทำตัวไม่เหมือนกับคู่หมั้นคู่อื่นๆ “นัสรีบกลับบ้านหรือเปล่า” ปรัชญ์หันมาถามเป็นประโยคแรกหลังจากที่รถแล่นออกมาพ้นอาณาเขตบ้านได้พักใหญ่ “เปล่าค่ะ นัสว่างทั้งวันค่ะพี่ปรัชญ์” “งั้นแวะดื่มกาแฟกับพี่ก่อนนะ ข้างหน้ามีร้านบรรยากาศดี กาแฟก็อร่อย” ปรัชญ์ชวนด้วยท่าทีเป็นกันเองทำให้นัสรินรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น “ได้ค่ะ” หญิงสาวรับคำและยิ้มบางๆ
บทที่ 93“เปิดดูสิ เปิดตอนนี้เลยนะเล็ก” ปรัชญ์เชียร์ทั้งปาก ทั้งสายตา ทั้งสีหน้าที่เหมือนอยากจะให้เธอได้เห็นเหลือเกินว่าของที่อยู่ในกล่องคืออะไร ซึ่งตอนแรกธรินดากะว่าจะเก็บไว้เปิดพรุ่งนี้เช้า แต่เมื่อสามีคะยั้นคะยอเช่นนั้น เธอจึงต้องค่อยๆ แกะโบที่ผูกอย่างสวยงามนั้นออก ก่อนจะเปิดฝากล่องเป็นลำดับสุดท้าย และแล้วสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นก็ทำให้แก้มนวลแดงซ่าน เธอหยิบมันขึ้นมาดูสลับกับมองคนให้อย่างเขินอายสุดกำลัง“นี่มันอะไรกันคะคุณปรัชญ์”“ก็ชุดนอนไง มีหลายชุดด้วย ผ้าดีๆ ทั้งนั้นเลยนะ” ปรัชญ์ตอบอย่างรื่นรมย์“แล้วทำไมมันโป๊แบบนี้ล่ะคะ” ธรินดาถามเพราะถึงแม้ว่าชุดนอนแต่ละชุดที่อยู่ในกล่องนั้นมันสวยและผ้านิ่มมากก็จริง แต่มันกลับเซ็กซี่สุดๆ ทุกตัวล้วนแต่คอเว้าลึกอย่างไม่ต้องสงสัยว่าเวลาใส่จะต้องโชว์เนินอกแน่ๆ แถมยังสั้นเต่อจนเกือบถึงโคนขา บางชุดก็เป็นแบบสองชิ้น ชิ้นบนเป็นเสื้อสายเดี่ยวในลักษณะอวดโชว์เนินเนื้อ ชิ้นล่างเป็นแค่กางเกงชิ้นน้อย เหมือนกับออกแบบมาเพื่อขยี้ใจชายโดยเฉพาะ แล้วเธอจะกล้าใส่ได้อย่างไร“โป๊ที่ไหน เขาเรียกว่าเซ็กซี่ต่างหาก ฉันอยากเห็นเมียเซ็กซี่บ้างไม่ได้เหรอ”“ถ้าชอบผู้หญิงเซ็ก