บทที่ 11
วันนี้หน้าคุ้มลักษิกาที่เคยมีโต๊ะใส่บาตรตั้งอยู่เป็นประจำ ปราศจากภาพอันคุ้นเคยตา เมื่อแม่เลี้ยงเจ้าของคุ้มไปปฏิบัติธรรมและลูกสาวคนเล็กก็ของดเว้นการทำบุญหนึ่งวัน
ร่างบางปั่นจักรยานมาจอดข้างๆ ถังขยะใบใหญ่ ลมหายใจถูกระบายออกมาเบาๆ ขณะที่มือเล็กหย่อนห่อฟอยล์ที่พันด้วยกระดาษทิชชูอย่างแน่นหนาลงไปในนั้น
จักรยานคันเดิมถูกปั่นกลับเข้าไปในบ้าน ตาคู่สวยมองเห็นรถกระบะสี่ประตูสีดำกำลังแล่นออกมาจากโรงรถ แม้จะมองเห็นแต่ไกล ก็รู้ว่าเป็นรถของปรัชญ์ ปรัชญ์ใช้รถกระบะเพราะช่วงนี้เขาต้องไปคุมไซต์งานโครงการบ้านจัดสรรซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่กำลังเริ่มก่อสร้าง แม้จะอยู่บนถนนคนละเลน แต่ธรินดาก็ไม่อยากจะปั่นจักรยานสวนกับเขาเลย หญิงสาวมองตรงอย่างเดียว ไม่แม้แต่จะเอียงหน้าไปยังถนนอีกเลนตอนที่รถของปรัชญ์แล่นใกล้เข้ามา ทว่าเสียงหวานก็ต้องร้องวี้ดออกมาด้วยความตกใจเมื่อคนที่ขับรถกระบะหักพวงมาลัยข้ามเลนมาจนเกือบชนกับรถจักรยานของเธอ สัญชาตญาณทำให้ธรินดารีบหักหลบเข้าข้างทางที่เป็นสนามหญ้า จักรยานของเธอเสียหลักจนเกือบล้มแต่ดีว่าเบรกทัน
ปรัชญ์หยุดรถแล้วเปิดกระจกด้านข้างออกมามองคนที่กำลังประคองจักรยานอย่างทุลักทุเล ก่อนจะพูดในสิ่งที่ทำเอาคนฟังร้อนรน
“ตื่นแต่เช้า มาทำลายหลักฐานเหรอ”
“คนเลว” ธรินดาพึมพำเบาๆ แต่ปรัชญ์ก็ยังได้ยิน
“งั้นเหรอ แล้วเวลาที่คนเลวผสมพันธุ์กับคนดีมันจะเกิดเป็นคนอะไร?” คนถามถามอย่างยียวนและอารมณ์ดี ขณะที่คนถูกถามหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอาย
“เล็กเกลียดคุณ!”
ธรินดาพ่นผรุสวาทใส่เขา ก่อนจะรีบปั่นจักรยานหนีไปให้พ้นหน้าคนใจร้ายและปากเสีย โดยมีเสียงหัวเราะของปรัชญ์แว่วตามหลังมา
“โห...วันนี้ฝนต้องตกหนักแน่ๆ เลยค่ะ คุณปรัชญ์กลับบ้านตั้งแต่หัววัน”
บัวคำอุทานขึ้นด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นปรัชญ์เดินเข้ามาที่ห้องรับประทานอาหารก่อนใครในเย็นวันนั้น กลับเป็นปราณต์เสียอีกที่ยังไม่กลับเนื่องจากมีเคสผ่าตัดด่วน จึงต้องอยู่โรงพยาบาลต่อ แม้จะเลยเวลาเลิกงานแล้ว ส่วนแม่เลี้ยงลักษิกานั้นก็ยังอยู่ในช่วงไปปฏิบัติธรรม
“ทำไมบ้านเงียบจัง” ปรัชญ์ถามขึ้นเสียงขรึมๆ เมื่อห้องรับประทานอาหารมีเพียงบัวคำกับสาวใช้อีกคนอยู่กันเพียงลำพัง
“แม่เลี้ยงยังไม่กลับจากปฏิบัติธรรมค่ะ ส่วนคุณหมอปราณต์มีผ่าตัดด่วน”
“แล้วคุณหนูเล็กของเธอหายไปไหน ทำไมไม่ลงมากินข้าว” ปรัชญ์ถามคนของตนต่อ เมื่อบัวคำตอบถึงคนในบ้านไม่ครบอย่างที่เขาต้องการอยากได้ยิน
“วันนี้คุณหนูเล็กบอกว่าไม่ทานข้าวเย็นค่ะ เห็นบอกว่าไม่สบายค่ะ”
“เป็นอะไร” เสียงถามนั้นห้วนแต่เจือไว้ด้วยความร้อนใจโดยที่คนฟังไม่ทันได้จับพิรุธ และคนถามเองก็อาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“คงปวดหัวหรือเป็นไข้หวัดมั้งคะ บัวคำหายาให้ก็ไม่ยอมกินยา บอกว่านอนพักแล้วก็คงดีขึ้นเอง”
“เธอตามใจคุณหนูเล็กของเธอแบบนี้เป็นประจำเหรอ ไม่สบายแล้วไม่กินยาจะหายได้ยังไง”
“เปล่านะคะ ปกติคุณหนูเล็กไม่เคยดื้อ แต่วันนี้เธอทำท่าแปลกๆ และสีหน้าไม่ดีตั้งแต่เช้า บัวคำก็เลยไม่อยากเซ้าซี้เธอน่ะค่ะ ว่าแต่คุณปรัชญ์จะทานข้าวเลยไหมคะ”
“อือ...”
ปรัชญ์พยักหน้าแล้วนั่งลง บัวคำจึงพยักหน้าให้สาวใช้อีกคนตักข้าวให้ แล้วยืนดูเจ้านายทานอาหารอยู่เงียบๆ ไม่กล้าชวนคุย เพราะเหมือนปรัชญ์เองจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ไม่รู้ว่าใครหรืออะไรทำให้หงุดหงิด คนในบ้านต่างก็รู้ว่าถ้าคุณปรัชญ์อารมณ์ไม่ดี อย่าพยายามเข้าใกล้หรือไปตอแย ไม่อย่างนั้นอาจจะถูกเล่นงานเอาได้ง่ายๆ
น้ำหนักเตียงที่ยุบยวบยาบลงทำให้คนซึ่งนอนตะแคงหันหลังอยู่ต้องพึมพำออกมาเบาๆ เพราะเข้าใจว่ามีคนขึ้นมาตามให้ลงไปกินข้าวเย็นทั้งๆ ที่เธอบอกเอาไว้แล้วว่าไม่หิว
“พี่บัวคำเหรอคะ เล็กบอกแล้วไงคะว่าวันนี้เล็กไม่ทานข้าวเย็น”
“ถึงกับนอนซมเลยเหรอ เมื่อคืนฉันก็ไม่ได้รุนแรงอะไรกับเธอนี่”
น้ำเสียงและคำพูดที่แข็งกระด้างซึ่งห่างไกลจากลักษณะของบัวคำลิบลับทำให้ธรินดาต้องรีบพลิกตัวกลับมา ก่อนจะยันกายลุกขึ้นนั่ง พลางกระชับผ้าห่มเข้าหาตัว และมองคนเข้ามาใหม่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นกลัวและระแวดระวัง ราวกับกวางน้อยเจอกับราชสีห์ที่กำลังจะมาขย้ำตัวเองอีกหน
“คุณปรัชญ์!”
“ใช่ฉันเอง ที่นอนซมสำออยแบบนี้อยากให้หมอปราณต์มาตรวจดูอาการหรือไง แล้วถ้าหมอปราณต์มาตรวจจะรู้หรือเปล่าที่เธอไม่สบายก็เพราะ...”
“หยุดนะคะคุณปรัชญ์!” ธรินดารีบร้องห้ามก่อนที่เขาจะพูดอะไรให้ได้อาย
“หยุดอะไร”
“หยุดพูดถึงเรื่องบ้าๆ ที่คุณปรัชญ์ทำกับเล็กเสียที” หญิงสาวพูดเสียงสั่นเครือ น้ำตาเหมือนจะเอ่อขึ้นมาคลอรอบดวงตา แต่คนมองไม่สน เขายังคงยิ้มยั่ว คิ้วเข้มเลิกขึ้น และยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนธรินดาลืมความเศร้าหมองของตัวเองชั่วขณะและรีบเบือนหน้าออกห่าง
“ฉันก็แค่จะบอกว่า เหตุผลที่เธอไม่สบายก็เพราะเธอไม่ได้นอนแทบทั้งคืน”
“เจตนาคุณปรัชญ์ไม่ใช่แบบนั้นหรอก คนเล่นลิ้น”
“ใช่...ฉันชอบเล่นลิ้น แล้วเมื่อคืนฉันกับเธอก็เล่นลิ้นกันทั้งคืน เสียวดีออกเธอว่ามั้ย”
คราวนี้คนเสียใจเปลี่ยนอารมณ์เป็นโกรธจัดจนลืมตัวและถลาเข้าไปใช้กำปั้นเล็กๆ ทุบตีเขารัวๆ ปรัชญ์จับมือเล็กนั้นไว้ พร้อมกับรวบร่างบางมากอดไว้แน่น ตาจ้องมองใบหน้าหวานใสที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่ออย่างไม่วางตา ทำให้ธรินดารู้ว่าเสียท่าเขาเข้าให้อีกแล้ว
บทที่ 98“ฉันไม่อยากดื่มนมอย่างอื่น ฉันเก็บปากของฉันไว้ดื่มนมอร่อยๆ จากเต้าของเธอก็พอแล้ว ว่าแล้วก็หิว เล็กจ๋า...ให้ฉันกินนะ” แววตาของคนที่ประท้วงอยู่เมื่อครู่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นวิบวับและเปล่งประกายความปรารถนาที่มีต่อเธอออกมาอย่างเปิดเผย “ไม่เอาค่ะคุณปรัชญ์” ธรินดาปฏิเสธเสียงเบา เพราะกลัวลูกสาวจะตื่นมาเห็น “แต่ฉันจะ ‘เอา’ นะเล็กจ๋า ตามใจผัวนะครับหนูเล็กคนดี” “โธ่...คุณปรัชญ์” “ไม่โธ่จ้ะที่รัก...ฉันหิว อยากดื่มนม” ปรัชญ์กระซิบบอกความต้องการของตัวเอง พร้อมกับที่ธรินดารับรู้ถึงความตื่นตัวของเขาที่ตอนนี้บดเบียดเธออยู่ไม่ห่าง “ถ้าอย่างนั้นเล็กไปดับไฟก่อนนะคะ” ธรินดาบอกอย่างอายๆ แต่คำตอบนั้นบ่งบอกชัดว่าเธอยอมตามใจเขาแล้ว ปรัชญ์จึงยอมปล่อยให้ร่างเล็กลุกจากตักไปปิดไฟ ส่วนตัวเองขยับขึ้นไปนอนรออยู่บนเตียง ห้องทั้งห้องมืดสนิทเมื่อธรินดายื่นมือไปกดสวิตช์ไฟให้ดับลง เธออาศัยความเคยชินเดินกลับมายังเตียง และค่อยๆ เอนกายลงนอนเคียงข้างสามี ปรัชญ์รีบขยับเข้ามาแนบชิดพร้อมกับกระซิบเรียกเสียงพร่า ท
บทที่ 97“ป๋าก็คิดถึงนิล คิดถึงแม่เล็กของนิลใจแทบขาด” ปรัชญ์ตอบลูกสาวและถือโอกาสอ้อนไปถึงแม่ของลูกด้วย เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้โทรศัพท์น่าจะเปิดลำโพงอยู่ “งั้นก็รีบกลับบ้านสิคะป๋า หมีพูกับแม่เล็กก็รอป๋าเหมือนกันค่ะ” ปรัชญ์ยิ้มออกมาอีกคราเมื่อลูกบอกว่าธรินดาเองก็รอเขาอยู่ ใบหน้าอันหวานซึ้งนั้นลอยเข้ามาในห้วงความคิด ทำให้เขาจำต้องพับหน้าจอแล็ปท็อปลงพร้อมกับปิดแฟ้มเอกสารที่กางอยู่หลายอันบนโต๊ะ“โอเคครับคนดีของป๋า ป๋าจะกลับเดี๋ยวนี้ละ” “งั้นนิลจะรอจนกว่าป๋าจะมานะคะ นิลถึงจะนอน” “ครับ อีกยี่สิบนาทีเจอกันนะครับ” “ค่ะป๋า เย้ๆ” หลังจากวางสายจากลูกสาว ปรัชญ์ก็ไม่รอช้า รีบขับรถตรงดิ่งกลับบ้านอย่างปราศจากความลังเลใดๆ ทันที งานเอาไว้ก่อนตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือลูก เมีย แม่ และหมีพู ซึ่งกำลังรอเขาอยู่ที่บ้านทันทีที่ร่างสูงเดินเข้าบ้าน หมีพูกับเด็กหญิงตัวน้อยที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูก็วิ่งมาหาพร้อมกับเรียกผู้เป็นพ่อด้วยความดีใจ โดยมีหมีพูวิ่งตามมาไม่ห่างพร้อมกับกระดิกหางไปมาอย่างดีใจเช่นกัน
บทที่ 96นัสรินเดินเข้าบ้านด้วยอาการของคนที่มีเรื่องครุ่นคิดอยู่ในใจ ทำให้ไม่เห็นว่าพ่อกับแม่นั่งรออยู่ที่โซฟาในห้องโถงชั้นล่าง พลตรีชยุตกับคุณนิภาหันไปมองหน้ากันครู่หนึ่ง จากนั้นคุณนิภาก็เป็นฝ่ายส่งเสียงทักลูกสาว“ไงยัยนัส ไปบ้านพี่ปรัชญ์มาโอเคหรือเปล่าลูก”“อ้าว...คุณพ่อคุณแม่ อยู่นี่เองเหรอคะ” นัสรินเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าบิดามารดาของตนนั่งอยู่ตรงนั้น เธอมัวแต่คิดเรื่องที่ปรัชญ์เพิ่งคุยด้วย ทำให้ประสาทการรับรู้ต่างๆ รวนไปเสียหมด“เป็นอะไรไปลูก ทำไมดูหน้าเครียดๆ แบบนั้น ทะเลาะกับตาปรัชญ์มาเหรอ”“เปล่าค่ะคุณแม่ นัสแค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะค่ะ” นัสรินตอบมารดาเสียงนุ่ม ก่อนจะขยับไปนั่งลงข้างๆ“มีอะไรเล่าให้พ่อกับแม่ฟังได้หรือเปล่า” พลตรีชยุตพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงลูกสาวคนเดียว เพราะปกตินัสรินไม่ค่อยมีท่าทีเหม่อลอยให้เห็นบ่อยนักนัสรินมองหน้าบุพการีทั้งสองอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจขอคำปรึกษาเพราะเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับเธอคนเดียว มันเกี่ยวข้องกับบิดามารดาของเธอด้วย“เมื่อกี้นี้พี่ปรัชญ์เพิ่งจะบอกว่าพี่ปรัชญ์มีคนรักอยู่แล้ว และอยากให้นัสแต่งงานกับคุณปราณต์แทนค่ะ”“ว่าไงนะลูก!” คุณนิภาอุทา
บทที่ 95“แต่คุณปราณต์ไม่ได้ชอบนัสนะคะ อีกอย่างคุณปราณต์อาจจะมีคนรักอยู่แล้วเหมือนที่พี่ปรัชญ์มี” น่าแปลกที่คราวนี้เธอกลับแคร์ความรู้สึกของปราณต์ขึ้นมาเสียมากมาย เดือดเนื้อร้อนใจไปหมดกับความจริงที่ว่าเขาอาจมีคนรักอยู่แล้วก็ได้ ทั้งๆ ที่ตอนถูกพ่อแม่บังคับให้หมั้นกับปรัชญ์เธอกลับไม่ตระหนักเลยว่าปรัชญ์อาจจะมีคนรักอยู่แล้ว คิดแต่ว่าหากปรัชญ์ยอมหมั้นเธอก็ยอมหมั้นตามที่ผู้ใหญ่ต้องการเท่านั้นก็พอ“พี่ปราณต์ยังไม่มีใครหรอก ถ้านัสอยากแต่งกับพี่ปราณต์พี่จัดการให้ได้” “แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับมัดมือชกคุณปราณต์เลยนะคะพี่ปรัชญ์” “ก็เหมือนกับที่แม่บังคับพี่ให้แต่งงานกับนัสนั่นละ แม่ก็คิดแค่ว่าพี่ยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ที่พี่พูดอย่างนี้นัสอย่าคิดว่าตัวเองไม่มีค่าหรือถูกโยนให้คนนั้นทีคนนี้ทีนะ แต่พี่ไม่อยากทรยศหัวใจตัวเองและไม่อยากให้ธรินดาต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้” “นัสเข้าใจค่ะและขอบคุณที่พี่ปรัชญ์บอกนัสตรงๆ แต่นัสขอถามอะไรตรงๆ บ้างได้มั้ยคะ” นัสรินยังหนักอึ้งในเรื่องที่ปรัชญ์เสนอมา แต่เธอก็ยังอยากจะรู้ความจริงจากใจเขาให้หมดเปลือกเสียก่อน“ได้ส
บทที่ 94 สี่เดือนก่อน... รถซีดานแบรนด์ยุโรปราคาสองล้านกว่าๆ แล่นออกจากอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่ หลังจากที่ปรัชญ์บอกว่าจะพาคู่หมั้นสาวไปส่ง นัสรินหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนขับที่เมื่อครู่นี้ยังพูดจากวนประสาทแม่ของเขาอย่างมีสีสันอยู่เลย ทว่าบัดนี้เขาอยู่ในอิริยาบถที่เงียบขรึมราวกับเป็นคนละคน แม้จะไม่ถึงกับทำให้อึดอัด แต่คนคุยไม่เก่งแบบเธอก็ไม่กล้าชวนคุย นี่เป็นครั้งที่สองที่เขากับเธอได้พบกัน หลังจากหมั้นเสร็จปรัชญ์ก็ไม่เคยติดต่อหรือมาเยี่ยมเยือนในฐานะคู่หมั้นเลยสักครั้ง นัสรินรู้ดีว่าปรัชญ์เองก็คงจะถูกบังคับให้หมั้นเช่นเดียวกับเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจหากเขาจะไม่ใส่ใจหรือทำตัวไม่เหมือนกับคู่หมั้นคู่อื่นๆ “นัสรีบกลับบ้านหรือเปล่า” ปรัชญ์หันมาถามเป็นประโยคแรกหลังจากที่รถแล่นออกมาพ้นอาณาเขตบ้านได้พักใหญ่ “เปล่าค่ะ นัสว่างทั้งวันค่ะพี่ปรัชญ์” “งั้นแวะดื่มกาแฟกับพี่ก่อนนะ ข้างหน้ามีร้านบรรยากาศดี กาแฟก็อร่อย” ปรัชญ์ชวนด้วยท่าทีเป็นกันเองทำให้นัสรินรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น “ได้ค่ะ” หญิงสาวรับคำและยิ้มบางๆ
บทที่ 93“เปิดดูสิ เปิดตอนนี้เลยนะเล็ก” ปรัชญ์เชียร์ทั้งปาก ทั้งสายตา ทั้งสีหน้าที่เหมือนอยากจะให้เธอได้เห็นเหลือเกินว่าของที่อยู่ในกล่องคืออะไร ซึ่งตอนแรกธรินดากะว่าจะเก็บไว้เปิดพรุ่งนี้เช้า แต่เมื่อสามีคะยั้นคะยอเช่นนั้น เธอจึงต้องค่อยๆ แกะโบที่ผูกอย่างสวยงามนั้นออก ก่อนจะเปิดฝากล่องเป็นลำดับสุดท้าย และแล้วสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นก็ทำให้แก้มนวลแดงซ่าน เธอหยิบมันขึ้นมาดูสลับกับมองคนให้อย่างเขินอายสุดกำลัง“นี่มันอะไรกันคะคุณปรัชญ์”“ก็ชุดนอนไง มีหลายชุดด้วย ผ้าดีๆ ทั้งนั้นเลยนะ” ปรัชญ์ตอบอย่างรื่นรมย์“แล้วทำไมมันโป๊แบบนี้ล่ะคะ” ธรินดาถามเพราะถึงแม้ว่าชุดนอนแต่ละชุดที่อยู่ในกล่องนั้นมันสวยและผ้านิ่มมากก็จริง แต่มันกลับเซ็กซี่สุดๆ ทุกตัวล้วนแต่คอเว้าลึกอย่างไม่ต้องสงสัยว่าเวลาใส่จะต้องโชว์เนินอกแน่ๆ แถมยังสั้นเต่อจนเกือบถึงโคนขา บางชุดก็เป็นแบบสองชิ้น ชิ้นบนเป็นเสื้อสายเดี่ยวในลักษณะอวดโชว์เนินเนื้อ ชิ้นล่างเป็นแค่กางเกงชิ้นน้อย เหมือนกับออกแบบมาเพื่อขยี้ใจชายโดยเฉพาะ แล้วเธอจะกล้าใส่ได้อย่างไร“โป๊ที่ไหน เขาเรียกว่าเซ็กซี่ต่างหาก ฉันอยากเห็นเมียเซ็กซี่บ้างไม่ได้เหรอ”“ถ้าชอบผู้หญิงเซ็ก