ช่วงสายของอีกวันเหมือนฝันรู้สึกตัวตื่น แน่นอนว่างกายเธอยังอยู่ในอ้อมแขนเขาอยู่ดี มืออวบค่อย ๆ ปลดล็อควงแขนแผ่วเบาเพราะกลัวว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน แล้วจึงย่องเบาลงจากเตียงคว้ากระเป๋าสะพาย
ใบจิ๋วรีบออกจากห้องทันที
กระจกใสในลิฟต์โรงแรมทำเอาหญิงสาวตกใจสภาพตัวเองอยู่ไม่ใช่น้อยเสื้อผ้ายับยู่ยี่ผมเผ้าชี้ฟูไม่เป็นทรงหากใครเห็นคงคิดว่าเธอถูกรุมโทรมมาแน่นอน เหมือนฝันจึงรีบจัดทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนลิฟต์จะเปิดออก
“อ้าว...เหมือนฝัน” เสียงหนึ่งทักทายขึ้นเธอรีบเงยหน้ามอง
“พี่การันต์”
ยิ้มฝืดทักทายไม่คิดว่าจะเจอคนรู้จักตอนนี้ สายโด่งมากแล้วเธอคิดว่าคนในบริษัทน่าจะกลับกันไปหมดแล้ว
“เมื่อคืนค้างที่นี่เหมือนกันเหรอ”
“ค่ะ มันดึกมากแล้ว เลยไม่อยากนั่งแท็กซี่กลับคนเดียว”
“เหมือนกันเลยพี่ดื่มเข้าไปเยอะ ไม่อยากเมาแล้วขับ”
ใบหน้าหล่อยิ้มหวานแล้วนึกขึ้นได้ว่าบ้านของตัวเองเป็นทางผ่านบ้านของเหมือนฝัน
ครั้งหนึ่งรถเขาเสียที่บริษัทยืนรอช่างมาซ่อมตั้งนานสุดท้ายซ่อมไม่ได้ต้องลากไปซ่อมยังอู่อยู่ดี เหมือนฝันผ่านมาเจอก็เลยอาสาขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งบ้าน ชายหนุ่มถึงได้รู้ว่าบ้านเราอยู่ใกล้กัน
“จะกลับบ้านใช่ไหม เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“อุ้ย ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ เดี๋ยวฝันกลับเอง” รีบเอ่ยปฏิเสธด้วยความเกรงใจ
“เอาน่า ยังไงทางกลับบ้านพี่ก็ต้องผ่านบ้านน้องฝันอยู่แล้ว” เขายกมือขึ้นวางทาบบนศีรษะด้วยความเอ็นดู
“งั้นฝันรบกวนหน่อยนะคะ”
ในเมื่อพี่เขาเต็มใจไปส่งเธอก็ไม่เกรงใจแล้วนะอีกทั้งรู้สึกเพลียร่างกายเต็มทีแถมช่วงล่างของเธอตอนนี้ปวดแสบไปหมดจนต้องเดินหนีบขาเพื่อให้บรรเทาอาการเจ็บลงบ้าง
ตลอดเวลาที่รถเคลื่อนตัวบนท้องถนนเหมือนฝันเอาแต่นั่งเงียบไม่คุ้ยจ้อเหมือนเคยจนการันต์เองก็อดแปลกใจไม่ได้ซึ่งถือว่าผิดปกติเป็นอย่างมาก ยิ่งสีหน้าเธอตอนนี้เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
“แวะกินข้าวเช้าวก่อนไหม พี่รู้จักร้านอาหารรสเด็ดอยู่ร้านหนึ่ง”
การันต์หันไปถามเพื่อทำลายความเงียบลงทว่ากลับไม่ได้รับคำตอบจนต้องใช้มืออีกข้างเอื้อมไปสะกิดเจ้าตัวถึงกับสะดุ้งโหยง
“ฮะ..คะ พี่รันต์มีอะไรเหรอคะ”
“เหม่อลอยอะไรขนาดนั้น พี่ถามว่าแวะกินข้าวก่อนไหม พี่รู้จักร้านข้าวรสเด็ดอยู่ร้านหนึ่ง” ทั้งหันไปพูดทั้งหันกลับมามองทางด้านหน้า
“รอบนี้ฝันขอปฏิเสธนะคะ คือบอกแม่ไว้ว่าจะรีบกลับบ้านแต่นี่ก็เกือบ11โมงแล้ว” เธอยกข้อมือขึ้นดูเวลาแล้วปฏิเสธด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
“แปลกนะเนี่ย ปกติชวนไปไม่เคยพลาด”
“นี่ พี่รันต์จะบอกว่าปกติฝันเห็นแก่กินใช่ไหมคะ”
หญิงสาวยู่หน้าค้อนมองเขาตาเขียวปัดจนชายหนุ่มต้องกลั้วหัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยขอโทษ
“ไม่รับคำขอโทษเป็นคำพูดค่ะ รับเป็นของกินวันจันทร์นี้เท่านั้นค่ะ”
เธอตอบกลับด้วยสีหน้ายียวนจนทำเอาการันต์ยกมือยีหัวแล้วรับปากว่าจะจัดชุดใหญ่ให้ถือว่าเป็นการเลี้ยงฉลองการกลับมาทำงาน
“พี่รันต์จอดตรงนี้เลยค่ะ ฝันจะแวะซื้อของสักหน่อย” ชี้นิ้วไปยังปากทางเข้าซอยบ้านซึ่งมีร้านค้าตั้งเรียงรายอยู่หลายร้าน
“แน่ใจเหรอว่าไม่ให้พี่รอแล้วไปส่งที่บ้าน”
“ไม่ดีกว่าค่ะเผื่อฝันเลือกซื้อของนาน พี่รันต์กลับไปก่อนเถอะค่ะ”
เหมือนฝันเอ่ยปฏิเสธอีกครั้งแล้วยกมือไหว้ลา เมื่อเห็นไฟท้ายรถขับเคลื่อนออกไปไกลแล้วเธอจึงรีบสาวเท้ายาว ๆ มาหยุดยืนอยู่หน้าร้าน
ขายยา
“เป็นอะไรมาคะ” เภสัชกรสาวสวยเอ่ยทักทาย
“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ แค่ต้องการยาคุมฉุกเฉินกล่องหนึ่ง”
เหมือนฝันตอบด้วยความเคอะเขิน เภสัชสาวหันกลับไปหยิบกล่องยาขนาดเล็กส่งมาให้พร้อมกลับเตือนเรื่องการใช้ยานิดหน่อย
“แนะนำอย่ากินเกินสองกล่องต่อเดือนนะคะ เพราะจะส่งผลต่อร่างกาย ทางที่ดีครั้งต่อไปแนะนำเป็นยาคุมปกติทั่วไปดีกว่านะคะ”
“ค่ะ” เธอยิ้มแบ่งรับแบ่งสู้ก่อนจะหยิบเงินจ่ายแล้วรีบเดินออกจาก
ร้านขายยาทันที
ความสับสนเริ่มประกอบร่างขึ้นมากลายเป็นเครื่องหมายคำถามแต่แล้วก็ต้องสะบัดหัวไล่ความฟุ้งซ่านออกไปเมื่อเดินมาถึงหน้าบ้านแล้วมองเห็นแม่ตัวเองกำลังเดินหอบหิ้ววัตถุดิบที่เพิ่งไปซื้อจากตลาดมาเธอจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วย
ทางด้านวายุหลังจากรู้สึกตัวตื่นเขาก็ควานหาร่างอวบที่ได้นอนก่ายกอดตลอดทั้งคืนทว่ามันกลับเจอแต่ความว่างเปล่า
ชายหนุ่มรู้สึกหัวเสียเล็กน้อยหญิงสาวไม่ฟังในสิ่งที่เขาพูดเมื่อคืนเลยแม้แต่น้อย เสนอเงินให้ก็ไม่ยอมเอาไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไรกันแน่
...ทั้งที่รู้ว่าเป็นเขาแต่เมื่อคืนเธอกลับสมยอมเสียอย่างนั้น
หลังจากอบน้ำเสร็จแล้ววายุเดินออกมาจากห้องต้นเรื่องแล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นผู้ช่วยคนสนิทกำลังจะเดินผ่านไปพอดี ชินมัยมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเจ้านายตัวเองนอนห้องนี้ซึ่งไม่ใช่ห้องที่เขาจัดเตรียมไว้ให้เมื่อคืน
“ทำไมคุณวายุถึงมาอยู่ห้องนี้ครับ”
“เออ...คือว่า”
กำลังจะเอ่ยอธิบายแต่แล้วทั้งสองคนต่างก็หันกลับไปมองสาวสวยร่างระหงที่เดินตรงมาหาชินมัย
“ไหนคุณบอกให้ฉันไปรอเจ้านายคุณในห้องไง รอทั้งคืนก็ไม่เห็นแม้แต่แมลงบินเข้าไป เงินก็ไม่ได้แถมยังเสียเวลาอีกรู้อย่างนี้ฉันรับแขกคนอื่นยังจะดีเสียกว่า”
“เมื่อคืนเจ้านายผมไม่ได้ไปนอนกับคุณเหรอครับ”
ชินมัยชี้กลับไปยังคนเป็นเจ้านาย ซึ่งสาวให้บริการเหลือบตามองแล้วอ้าปากค้างพลางพยักหน้าแล้วรู้สึกเสียดายของดีตรงหน้า
“ขอโทษที่ทำให้เสียเวลาแล้วกัน นายช่วยจัดการจ่ายค่าเสียเวลาให้เธอด้วยนะ”
วายุตบไหล่ชินมัยเบา ๆ แล้วเร่งฝีเท้าออกไปจากตรงนั้นเพราะรู้ดีว่าหากอยู่นานกว่านั้นตนเองจะถูกเซ้าซี้ไม่หยุดและความลับอาจถูกเปิดเผยก็ได้
สองวันที่ผ่านมาชายหนุ่มเฝ้าแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องคืนนั้นว่าเขาพลาดตรงไหนกันจนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าห้องทำงานตัวเอง ปลายเท้าหยุดอยู่ครู่ใหญ่แล้วหันขวับไปหาเอนจอยซึ่งยืนทำหน้าเหรอหราไม่รู้ว่าเจ้านายจะสั่งงานอะไรหรือไม่
“คุณช่วยเอาประวัติของพนักงานเราที่ชื่อเหมือนฝัน ชนินธรณ์มาให้หน่อยนะ ยิ่งได้เบอร์โทรหรือที่อยู่ยิ่งดี”
“ไม่ทราบว่าท่านประธานจะเอาไปทำอะไรคะ” เธอย้อนถามแล้วก็ต้องหน้าเจื่อนลงเมื่อเขาทำหน้าดุ
“ผมขอภายในสิบนาทีนะ” เขาสั่งย้ำอีกครั้ง
“ค่ะ ได้ค่ะท่านประธาน”
เมื่อรับคำสั่งเสร็จแล้วเอนจอยรีบยกหูโทรศัพท์โทรหาHRบริษัททันที ไม่นานก็ได้รับคำตอบเธอจึงเอาประวัติทั้งหมดไปให้วายุทันที
รูปถ่ายหน้าตรงกับแก้มกลม ดวงตาโต ๆ ยังอยู่ในสายตาของวายุ เขาอ่านประวัติของเธอวนไปวนมาหลายรอบอีกทั้งเทียวลุกเทียวยืนทำท่าจะเดินออกจากห้องทำงานแต่แล้วก็กลับมานั่งเก้าอี้ทำงานเหมือนเดิม
เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เกิดอาการกระวนกระวายแบบนี้ แม้จะเคยมีอะไรกับผู้หญิงมาหลายคนเมื่อถึงเวลาจ่ายเงินไปก็จบแล้วต่างแยกย้ายแต่กับเหมือนฝันมันกลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย มันก่อเกิดความกังวลใจจนไม่เป็นอันทำงาน
...หรือที่เป็นแบบนี้เพราะเธอเป็นน้องสาวของเหมือนฟ้ากันแน่
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าคุณภูริจะเป็นคนอยู่เบื้องหลังแล้วก็ทุจริตบริษัทเราไปมากมายขนาดนั้น”พี่นิดารำพึงออกมา แม้ทุกคนจะไม่ได้พูดแต่ก็คิดเหมือนกันเพราะภาพลักษณ์เวลาภูริอยู่ในบริษัทคือผู้ชายอบอุ่นใจดี เข้าใจหัวอกพนักงานแต่เบื้องหลังก็คือคนร้ายนี่เอง“แล้วนี่น้องฝันจะกลับมาทำงานวันไหนอ่า คิดถึงเสียงหัวเราะลั่นห้องจะแย่” พี่สมรทำหน้าเหงาหง่อย“ไม่รู้สิ ก็คุณวายุถูกยิงขนาดนั้นก็คงนานอยู่หรอก” พี่กุ๊กพูดเสริมแล้วทุกคนในแผนกก็ต่างต้องหันไปทางประตูเหมือนว่ามีใครอีกคนกำลังเปิดประตูเข้ามา“มีใครบ่นคิดถึงเหรอคะ”“น้องฝัน!” ทุกคนกรูกันเข้าไปหาแล้วจับหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อสำรวจว่าน้องเล็กของทีมได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า“ฝันไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องห่วงวันนี้เลยแวะมาทำงานช่วงเช้าแล้วก็ช่วงบ่ายจะไปโรงพยาบาลต่อคุณหมดนัดตรวจเจ้าตัวเล็กค่ะ”พูดพร้อมกับลูบหน้าท้องน้อยทุกคนต่างหันมองหน้ากันไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อได้แต่ยกมือเร้า ๆสะกิดกัน ก่อนพี่กุ๊กจะพูดขึ้นเสียงดัง“ฉันกำลังจะได้เป็นป้าของลูกท่านประธานแล้ว” ประโยคนี้เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดีเหตุการณ์วันนั้นสร้างความอยากรู้ให้กับเพื่อนร่วมงานเหมือนฝันจึ
“กี่เดือนแล้ว” เขาเงยหน้าขึ้นถาม“สองเดือนค่ะ”“รู้ตอนไหนว่าท้องทำไมไม่บอกพี่เลย” น้ำเสียงนั้นมีความน้อยใจแฝงอยู่“รู้ตอนวันเกิดคุณลุงค่ะ”“ตอนที่ฝันบอกพี่ว่าไปหาหมอนะเหรอ” เหมือนฝันพยักหน้ารับงึก ๆ ทว่าคนฟังกลับมองด้วยสายตาตัดพ้อเขาไม่ได้อยู่ในวันที่รับรู้ข่าวดีว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของเราแถมยังปล่อยให้ไปหาหมอเพียงลำพังอีกต่างหาก“อย่าทำสีหน้าอย่างนั้นสิคะ”“ถ้าไม่ให้ทำสีหน้าแบบนี้จะให้ทำสีหน้าแบบไหนล่ะครับ เมียไปหาหมอคนเดียวและรู้ว่าท้องก็ยังไม่บอกอีก”น้ำเสียงเริ่มขึ้นจมูกพลันน้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลออกมาง่ายๆ ยิ่งเธอปลอบเท่าไรเขาก็ร้องไห้หนักขึ้นเท่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อนหลังจากอยู่ดูแลคนถูกยิงจนหายดีแล้วเพราะแผลไม่ได้ถูกจุดสำคัญหมอก็ให้วายุกลับไปพักฟื้นที่บ้านและแน่นอนว่าเจ้าตัวก็คอยออดอ้อนคนเป็นเมียอยู่ร่ำไปหากใครมาเห็นคงไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือคุณวายุ“ป้ามาลีทำอะไรมาให้ผมกินครับเนี่ย ทำไมเหม็นแบบนี้” มือหนาเลื่อนถ้วยข้าวต้มออกแล้วยกมือขึ้นอังจมูก“ก็ข้าวต้มของโปรดคุณลมยังไงคะ ป้าเพิ่งยกลงจากเตาเมื่อกี้สด ๆ ร้อน ๆเลย” แม่บ้านประจำตระกูลหน้าตื่นวินไทยกับวารินทร์ก้ม
ไม่รู้ว่าสายอะไรต่อสายอะไรห้อยระโยระยางเต็มไปหมด คนถูกยิงได้แต่นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียง ต่อให้เหมือนฝันอยากเข้าไปหาแค่ไหนก็ทำได้แค่มองผ่านกระจกใสอันเล็กของประตูกั้นก็เท่านั้นวายุปลอดภัยแล้วแต่ก็ยังต้องอยู่ในความดูแลของหมออย่างใกล้ชิดจึงยังต้องงดเยี่ยมไปก่อนจนกว่าจะฟื้นขึ้นมาบางคนทยอยกลับกันไปบ้างแล้วเหลือเพียงเหมือนฝันเท่านั้นที่ยังคงนั่งรออยู่ที่เดิมเพราะกลัวว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงนั้น“พี่ว่าแกกลับบ้านไปพักก่อนไหม ถ้าไม่เห็นแก่ตัวเองก็เห็นแก่ลูกในท้องหน่อยก็ดีนะ”เหมือนฟ้าเดินเข้ามาตบไหล่น้องสาวแล้วทรุดตัวนั่งลงด้านข้าง“ฝันอยากอยู่ดูว่าเขาฟื้นแล้ว”“พี่รู้ว่าแกเป็นห่วงลม แต่แกก็ต้องห่วงตัวเองกับลูกด้วย”หญิงสาวช่างใจอยู่ครู่หนึ่งแววความกังวลผุดขึ้นในดวงตา ส่วนอีกมือก็ลูบหน้าท้องน้อยต้องเรียกว่าความโชคดีหรือเปล่านะที่เธอแทบจะไม่มีอาการแพ้ท้องเหมือนคนอื่นเลยแถมยังผ่านเรื่องเครียดมาตั้งมากมายเจ้าก้อนในท้องกลับไม่ทำให้เหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด“ก็ได้ค่ะ แต่ขอฝันอยู่ดูพี่ลมอีกสักนิดก่อนได้ไหมคะ”“ตามใจ เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อนจะได้ไปส่งแกด้วย แล้ววันนี้กลับไปนอนบ้านค
เหมือนฝันกุมหน้าตัวเองแน่นขึ้นพร้อมกับคิดหาทางออกแต่คิดอย่างไรก็ไม่เป็นผลในเมื่อปลายกระบอกปืนจ่ออยู่ที่ขมับด้านซ้าย หากเธอตุกติกแม้แต่นิดเดียวมีหวังลูกตะกั่วได้วิ่งเข้าไปทักทายมันสมองเธอแน่นอนวายุรู้สึกหวาดหวั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดขณะที่หัวใจเต้นรัว ดวงตาที่สบกับเหมือนฝันนั้นมันมีอะไรบางอย่างบอกเอาไว้และเขาอ่านมันออกหญิงสาวพยักหน้าให้กับเขาเพื่อเตรียมตัวทำอะไรบางอย่างแต่เขากลับส่ายหัวให้เธออยู่เฉยๆ อย่าทำอะไรทว่ามันกลับไม่ทันเสียแล้วเหมือนฝันใช้วิชาเอาตัวรอดจากการถูกจับเป็นตัวประกันที่ได้เรียนมาเมื่อตอนเข้าชมรมสมัยมหาวิทยาลัยแล้วกระทุ้งหน้าท้องคนร้ายก่อนจะบิดแขนข้างที่มีปืนให้ยกขึ้นฟ้าความชุลมุนเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวเหมือนฝันรีบวิ่งไปหาวายุ ภูริโกรธขึ้นขีดสุดเลยเล็งปืนไปยังเหมือนฝันแล้วเหนียวไกยิงทว่าคนที่รับกระสุนแทนกลับเป็นวายุ เขาใช้ตัวเองบังร่างอวบนั้นไว้แล้วทรุดตัวล้มลง“พี่ลม”หญิงสาวกรี๊ดออกมาสุดเสียงแล้วประคองร่างเลือดท่วมนั้นเอาไว้ จากนั้นเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัดจากการวิสามัญคนร้าย“พี่ลม ไม่นะ อย่าเป็นอะไรนะ ฟื้นสิ” เธอพยายามตบหน้าเขาเบา
“เฮ้ย! พวกนั้นหายไปไหน” ชายใบหน้าดุดันมีรอยบากระหว่างหัวคิ้วร้องตะโกนขึ้นสุดเสียงชายที่เหลือวิ่งหน้าตั้งเข้ามาแล้วกวาดตามองรอบบริเวณไม่เห็นแม่แต่เงาของพวกผู้หญิงที่พวกเขาจับมาเป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่ ทิ้งไว้เพียงหนวดกุ้งรัดแขนเอาไว้ให้ดูต่างหน้าก็เท่านั้น“ไปตามหาตัวพวกมันสิวะ แล้วเอาตัวกลับมาให้ได้ยืนเซ่ออยู่ทำไม”ภูริตวาดลูกน้องลั่นแล้วไล่ด้วยความเดือดดาลก่อนจะวิ่งไปอีกทางเพื่อตามหาเพราะเหลือเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นก็ได้เวลานัดกับวายุแล้วบริเวณริมป่าละเมาะเหมือนฝันกึ่งเดินกึ่งวิ่งนำหน้าเพื่อมองหาลู่ทางและเข้าใกล้เขตหมู่บ้านคนเพื่อขอความช่วยเหลือทว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่ความมืดมิดเสียงวิ่งจากเบื้องหลังด้วยความเร็วพร้อมกับแสงไฟฉายสาดส่องไปมาทำให้รู้ว่าพวกมันใกล้เข้ามาถึงเต็มทีแล้ว“คุณณิ คุณน้ำ เร็วกว่านี้หน่อยค่ะ พวกมันตามมาแล้ว”เหมือนฝันเร่งสองสาวที่เดินรั้งท้ายส่วนตัวเองนั้นก็เริ่มเหนื่อยหอบเพราะสุขภาพไม่แข็งแรง“เฮ้ย พวกมันอยู่นั้น หยุดนะเว้ย”ความกลัวทำให้วารินทร์สั่นไปทั้งตัววิ่งมองหลังจนไม่ทันระวังสะดุดหินล้มลงบนทางลูกรังจนข้อเท้าพลิกทำให้ลุกขึ้นเดินต่อไม่ได้ พอมอ
ทุกคนมานั่งประจำที่ตัวเองกันหมดแล้วยกเว้นเพียงเหมือนฝันเท่านั้นที่ยังไม่กลับมา“ยัยฝันไปไหน ตั้งแต่แม่ยกถาดอาหารออกมายังไม่เห็นเลย”“น่าจะเอาเสื้อไปเก็บมั่งครับ แต่ก็ไปนานแล้วนะครับ” ตรีวิทย์บอกแล้วยืดคอขึ้นมองไปยังโรงจอดรถ“ถ้างั้นเดี๋ยวป้าไปตามให้นะคะ” ป้ามาลีอาสแล้วก็เดินออกไปไม่นานก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับมาด้วยสีหน้าตื่นในมือมีรองเท้าอยู่ข้างหนึ่งซึ่งวายุจำได้เป็นอย่างดีว่าเป็นของเหมือนฝัน หัวใจเขากระตุกวูบขึ้นมาแล้วรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาเปิดกล้องวงจรปิดดูทันทีเขาขบกรามแน่นเมื่อเห็นผู้ชายตัวใหญ่สองคนกำลังหิ้วปีกร่างไร้สติออกไปจากบ้านอย่างเงียบ ๆ โดยหลบเลี่ยงสายตาจากคนทั้งบ้านโดยไม่มีใครสังเกตเห็น“ต้องเป็นฝีมือไอ้ภูริแน่นอน” วายุสบถออกมา“คนเดียวกันกับที่เคยจับฟ้าไปน่ะเหรอ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับอนุชได้ยินแบบนั้นก็เข่าอ่อนทำท่าจะเป็นลมจนเหมือนฟ้าต้องรีบพยุงและพาไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุด ป้ามาลีรีบไปหายาดมมาให้ทันที“ผมพลาดเองที่ละหลวมความปลอดภัยเพราะคิดว่าคนอยู่เยอะกันขณะนี้มันคงไม่กล้าลงมือ”สองมือกำแน่นเข้าหากันเพราะรู้สึกเป็นห่วงเหมือนฝันจับใจ ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นตอนแรก