“
ชั้นสามของตึกกรุงทองย่านประตูน้ำเจ้าของร่างอวบสูง160 หนัก 75 เดินอ้อยอิ่งทอดน่องสอดส่งสายตามองหาเสื้อผ้าในหุ่นทีละร้านเพื่อเลือกตัวที่เข้ากับตัวเองได้มากที่สุด
ดวงตากวาดมองทว่าสมองกลับคิดถึงใบหน้าของพี่ลมอยู่ตลอดเวลา เธอยังคงไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะกลายมาเป็นเจ้านายเธอได้
“พี่ฝันทางนี้ ๆ ตัวนี้เหมาะกับพี่มากเลย”
ทอรุ้งกวักมือเรียกไวไวทำให้ดึงสติคนเจ้าเนื้อกลับมา ฝีเท้าจึงเร่งก้าวไปยังร้านเสื้อทันที
ทอรุ้งยื่นชุดเดรสซึ่งทำมาจากผ้าซีฟองสีชมพูโอรสขนาดยาวคลุมเข่ามาให้ เธอเพ่งพิศครู่หนี่งแล้วส่ายหน้าบอกว่ามันไม่เข้ากับตัวเองเพราะหน้าอกมันคว้านลึกเกินไป
“พี่ว่าตัวนั้นสวยกว่า”
ชี้นิ้วไปยังชุดเดรสสีแดงสดแขนยาวถึงข้อมือ ช่วงหน้าอกออกแบบให้รับกับอกอิ่ม ตรงหน้าท้องเว้านิดหน่อยเพื่อโชว์ผิวส่วนความยาวสูงขึ้นเหนือเข่าเล็กน้อย
“ไหนพี่บอกว่าตรีมงานเป็นชุดราตรีไง”
เด็กสาวรีบยิงทันทีอันที่จริงมันก็ได้แหละแต่เธอมองว่ามันไม่เหมาะกับพี่สักเท่าไร เหมือนฝันได้ยินอย่างนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ทว่ามันก็สวยจนต้องยมควักเงินซื้อก่อนจะเดินไปหาร้านใหม่เผื่อจะถูกใจมากกว่านี้
ไม่นานปลายเท้าของเหมือนฝันก็มาหยุดยืนตรงหน้าหุ่นตัวหนึ่ง
ริมฝีปากหยักโค้งขึ้นเล็กน้อยเมื่อเจอชุดที่ถูกใจแล้วเธอได้แต่เอื้อมมือไปลูบไล้ตามเนื้อผ้า
“หูว ตัวนี้สวยอ่าพี่ฝัน ไซส์พี่ฝันเลยนะเนี่ย”
ทอรุ้งอุทานออกมาเมื่อเดินตามมาทันแล้วเห็นชุดตรงหน้าพอดี มันช่างเหมาะกับคนเจ้าเนื้อแบบพี่เธอเหลือเกินทั้งทรวดทรงออกแบบมารับกับหุ่นและสีของชุดที่ช่วยในการขับผิว ราคาจับต้องได้แถมยังถูกใจอีกต่างหาก
ขณะยื่นเงินจ่ายแม่ค้าเรียบร้อยเสียงสมาร์ตโฟนจากโทรศัพท์ของเหมือนฝันก็ดังขึ้น เธอจึงบอกให้ทอรุ้งรอรับเงินทอนแล้วเดินออกไปรับสายด้านนอก
เรียวคิ้วสวยย่นเข้าหากันเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของเหมือนฟ้าโทรเข้ามาเพราะโดยปกติแล้วคนเป็นพี่สาวแทบจะไม่เคยโทรหาเธอเลยเสียด้วยซ้ำ ซึ่งเหมือนฟ้าเคยบ่นเรื่องรูปลักษณ์ของเธอว่าแตกต่างกันเกินไปเลยไม่ค่อยอยากจะเดินไปไหนมาไหนด้วยเพราะรู้สึกอายคนอื่น
[แกอยู่ที่ไหนยัยฝัน] กดรับสายยังไม่ทันได้เอ่ยทักทายเหมือนฟ้าก็รีบถามขึ้นมาทันด้วยน้ำเสียงผิดปกติ
“หนูมาซื้อเสื้อผ้าที่ตึกกรุงทองกับยัยรุ้งค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
[ดีเลย เย็นนี้ออกมากินข้าวเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ]
“เย็นนี้เหรอคะ?”
[อือ ใช่ ฉันขอร้อง] ครานี้น้ำเสียงเศร้าลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“แล้วพี่ตรีไปไหนทำไมถึงได้ปล่อยให้พี่กินข้าวคนเดียว”
[อย่าพูดเรื่องตรีได้ไหม สรุปแกจะมาหรือไม่มา]
“ไป ๆ เดี๋ยวฉันพาไอ้รุ้งไปด้วยนะ ส่งโลเคชั่นมาให้ด้วย”
[อือ]
เหมือนฟ้าตอบรับคำของน้องสาวแล้วกดวางสายก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาตัวใหญ่ในห้องรับแขก
น้องสาวเธอกล้าถามหาสามีที่ลืมแม้กระทั่งวันครบรอบแต่งงานได้อย่างไร เขาเอาแต่ทำงานจนละเลยความสัมพันธ์และความรู้สึกของเธอเสียด้วยซ้ำ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาลืมแต่ไม่ว่าจะเป็นวันสำคัญอะไรเขาก็จำมันไม่เคยได้อยู่ดี
...แล้วแบบนี้จะไม่ให้เธอน้อยใจได้อย่างไร
ร้านอาหารสไตล์ยุโรปตกแต่งสวยงามมีสวนน้ำพุด้านนอกและรูปปั้นเทวดาตัวน้อยคอยต้อนรับแขก นอกจำนั้นยังมีต้นไม้น้อยใหญ่ให้บรรยากาศร่มรื่นแม้จะอยู่ในตัวเมืองก็ตาม
โซนตรงกลางของร้านถูกล้อมด้วยห้องกระจกเป็นโอเพ่นคิกเช่นเพื่อให้ลูกค้าสามารถมองเห็นขั้นตอนการปรุงอาหารของพ่อครัวตั้งแต่ต้นจนจบ ภายในร้านเปิดเพลงคลอเบา ๆ เพื่อเพิ่มบรรยากาศและอรรถรสของการรับประทานอาหารอีกด้วย
“พี่ลม ยิ้มหน่อยสิคะ ถ้ายัยณิมาถึงคงเข้าใจผิดว่าน้ำบังคับพี่มา
แน่เลย”
วารินทร์เอียงตัวเข้าไปกระซิบบอกคนเป็นพี่ชายซึ่งนั่งหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับ
“ก็มันจริงไม่ใช่เหรอ แกบังคับพี่มาจริง ๆ”
เขาตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายแล้วเบือนหน้าหนีซึ่งก็ประจวบเหมาะกับกรรณิการ์เดินเข้ามาในร้านพอดี
“ยัยณิ ทางนี้” วารินทร์รีบโบกไม้โบกมือเรียกเพื่อน
กรรณิการ์เป็นดาราและนักแสดงเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทยสะสมชื่อเสียงมายาวนานเพราะเข้าวงการมาตั้งแต่เด็กและเขาก็มักจะเห็นเธอมาที่บ้านอยู่บ่อยครั้ง ทว่าเขากลับไม่เคยสนใจเลยอย่างมากก็แค่ทักทายแล้วก็เดินหนีไปก็เท่านั้น
“สวัสดีค่ะ คุณลุง สวัสดีค่ะพี่วายุ”
สาวสวยใบหน้าอ่อนหวานยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม วายุยกมือรับไหว้แล้วพยักหน้าให้เล็กน้อย
“นั่งก่อนสิณิ...พี่ลม”
วารินทร์หันไปเรียกชื่อพี่ชายพลางเพยิดหน้าไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามตัวเอง วายุจึงจำใจลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ด้านข้างตัวเองให้กรรณิการ์ได้นั่ง
ขณะกำลังจะย่อตัวลงนั่งเหมือนกันพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างระหงของเหมือนฟ้าเดินเข้ามา รอยยิ้มมุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อยชายหนุ่มจึงถือวิสาสะร้องเรียก
“ฟ้า!”
“อ้าว ลม มาทานข้าวที่นี่เหมือนกันเหรอ”
ขาเรียวก้าวเข้ามาหาแล้วเหลือบตามองคนบนโต๊ะอาหารซึ่งกำลังมองมายังเธอตาไม่กระพริบเหมือนกัน
“อืมใช่ อ้อ นี่พ่อเรา ส่วนนี้น้องสาวเราแล้วก็กรรณิการณ์เป็นเพื่อนของน้องสาวเราเอง”
วายุแนะนำทุกคนด้วยท่าทีกระตือรือร้นโดยทิ้งมาดคนเย็นชาจนหมดสิ้นไม่เหมือนพี่ลมคนเดิมสักนิด
วารินทร์จับสังเกตและอาการของคนเป็นพี่ชายและฟันธงในใจว่าเขาต้องมีใจให้กับผู้หญิงคนนี้แน่นอน แต่แล้วก็ต้องสรุปใหม่อีกรอบเมื่อผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเป็นเมียของพี่ตรีวิทย์เพื่อนสนิทของพี่ชายตัวเอง
...แอบรักเมียเพื่อนคำนี้ไม่เกินจริง
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าคุณภูริจะเป็นคนอยู่เบื้องหลังแล้วก็ทุจริตบริษัทเราไปมากมายขนาดนั้น”พี่นิดารำพึงออกมา แม้ทุกคนจะไม่ได้พูดแต่ก็คิดเหมือนกันเพราะภาพลักษณ์เวลาภูริอยู่ในบริษัทคือผู้ชายอบอุ่นใจดี เข้าใจหัวอกพนักงานแต่เบื้องหลังก็คือคนร้ายนี่เอง“แล้วนี่น้องฝันจะกลับมาทำงานวันไหนอ่า คิดถึงเสียงหัวเราะลั่นห้องจะแย่” พี่สมรทำหน้าเหงาหง่อย“ไม่รู้สิ ก็คุณวายุถูกยิงขนาดนั้นก็คงนานอยู่หรอก” พี่กุ๊กพูดเสริมแล้วทุกคนในแผนกก็ต่างต้องหันไปทางประตูเหมือนว่ามีใครอีกคนกำลังเปิดประตูเข้ามา“มีใครบ่นคิดถึงเหรอคะ”“น้องฝัน!” ทุกคนกรูกันเข้าไปหาแล้วจับหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อสำรวจว่าน้องเล็กของทีมได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า“ฝันไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องห่วงวันนี้เลยแวะมาทำงานช่วงเช้าแล้วก็ช่วงบ่ายจะไปโรงพยาบาลต่อคุณหมดนัดตรวจเจ้าตัวเล็กค่ะ”พูดพร้อมกับลูบหน้าท้องน้อยทุกคนต่างหันมองหน้ากันไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อได้แต่ยกมือเร้า ๆสะกิดกัน ก่อนพี่กุ๊กจะพูดขึ้นเสียงดัง“ฉันกำลังจะได้เป็นป้าของลูกท่านประธานแล้ว” ประโยคนี้เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดีเหตุการณ์วันนั้นสร้างความอยากรู้ให้กับเพื่อนร่วมงานเหมือนฝันจึ
“กี่เดือนแล้ว” เขาเงยหน้าขึ้นถาม“สองเดือนค่ะ”“รู้ตอนไหนว่าท้องทำไมไม่บอกพี่เลย” น้ำเสียงนั้นมีความน้อยใจแฝงอยู่“รู้ตอนวันเกิดคุณลุงค่ะ”“ตอนที่ฝันบอกพี่ว่าไปหาหมอนะเหรอ” เหมือนฝันพยักหน้ารับงึก ๆ ทว่าคนฟังกลับมองด้วยสายตาตัดพ้อเขาไม่ได้อยู่ในวันที่รับรู้ข่าวดีว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของเราแถมยังปล่อยให้ไปหาหมอเพียงลำพังอีกต่างหาก“อย่าทำสีหน้าอย่างนั้นสิคะ”“ถ้าไม่ให้ทำสีหน้าแบบนี้จะให้ทำสีหน้าแบบไหนล่ะครับ เมียไปหาหมอคนเดียวและรู้ว่าท้องก็ยังไม่บอกอีก”น้ำเสียงเริ่มขึ้นจมูกพลันน้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลออกมาง่ายๆ ยิ่งเธอปลอบเท่าไรเขาก็ร้องไห้หนักขึ้นเท่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อนหลังจากอยู่ดูแลคนถูกยิงจนหายดีแล้วเพราะแผลไม่ได้ถูกจุดสำคัญหมอก็ให้วายุกลับไปพักฟื้นที่บ้านและแน่นอนว่าเจ้าตัวก็คอยออดอ้อนคนเป็นเมียอยู่ร่ำไปหากใครมาเห็นคงไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือคุณวายุ“ป้ามาลีทำอะไรมาให้ผมกินครับเนี่ย ทำไมเหม็นแบบนี้” มือหนาเลื่อนถ้วยข้าวต้มออกแล้วยกมือขึ้นอังจมูก“ก็ข้าวต้มของโปรดคุณลมยังไงคะ ป้าเพิ่งยกลงจากเตาเมื่อกี้สด ๆ ร้อน ๆเลย” แม่บ้านประจำตระกูลหน้าตื่นวินไทยกับวารินทร์ก้ม
ไม่รู้ว่าสายอะไรต่อสายอะไรห้อยระโยระยางเต็มไปหมด คนถูกยิงได้แต่นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียง ต่อให้เหมือนฝันอยากเข้าไปหาแค่ไหนก็ทำได้แค่มองผ่านกระจกใสอันเล็กของประตูกั้นก็เท่านั้นวายุปลอดภัยแล้วแต่ก็ยังต้องอยู่ในความดูแลของหมออย่างใกล้ชิดจึงยังต้องงดเยี่ยมไปก่อนจนกว่าจะฟื้นขึ้นมาบางคนทยอยกลับกันไปบ้างแล้วเหลือเพียงเหมือนฝันเท่านั้นที่ยังคงนั่งรออยู่ที่เดิมเพราะกลัวว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงนั้น“พี่ว่าแกกลับบ้านไปพักก่อนไหม ถ้าไม่เห็นแก่ตัวเองก็เห็นแก่ลูกในท้องหน่อยก็ดีนะ”เหมือนฟ้าเดินเข้ามาตบไหล่น้องสาวแล้วทรุดตัวนั่งลงด้านข้าง“ฝันอยากอยู่ดูว่าเขาฟื้นแล้ว”“พี่รู้ว่าแกเป็นห่วงลม แต่แกก็ต้องห่วงตัวเองกับลูกด้วย”หญิงสาวช่างใจอยู่ครู่หนึ่งแววความกังวลผุดขึ้นในดวงตา ส่วนอีกมือก็ลูบหน้าท้องน้อยต้องเรียกว่าความโชคดีหรือเปล่านะที่เธอแทบจะไม่มีอาการแพ้ท้องเหมือนคนอื่นเลยแถมยังผ่านเรื่องเครียดมาตั้งมากมายเจ้าก้อนในท้องกลับไม่ทำให้เหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด“ก็ได้ค่ะ แต่ขอฝันอยู่ดูพี่ลมอีกสักนิดก่อนได้ไหมคะ”“ตามใจ เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อนจะได้ไปส่งแกด้วย แล้ววันนี้กลับไปนอนบ้านค
เหมือนฝันกุมหน้าตัวเองแน่นขึ้นพร้อมกับคิดหาทางออกแต่คิดอย่างไรก็ไม่เป็นผลในเมื่อปลายกระบอกปืนจ่ออยู่ที่ขมับด้านซ้าย หากเธอตุกติกแม้แต่นิดเดียวมีหวังลูกตะกั่วได้วิ่งเข้าไปทักทายมันสมองเธอแน่นอนวายุรู้สึกหวาดหวั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดขณะที่หัวใจเต้นรัว ดวงตาที่สบกับเหมือนฝันนั้นมันมีอะไรบางอย่างบอกเอาไว้และเขาอ่านมันออกหญิงสาวพยักหน้าให้กับเขาเพื่อเตรียมตัวทำอะไรบางอย่างแต่เขากลับส่ายหัวให้เธออยู่เฉยๆ อย่าทำอะไรทว่ามันกลับไม่ทันเสียแล้วเหมือนฝันใช้วิชาเอาตัวรอดจากการถูกจับเป็นตัวประกันที่ได้เรียนมาเมื่อตอนเข้าชมรมสมัยมหาวิทยาลัยแล้วกระทุ้งหน้าท้องคนร้ายก่อนจะบิดแขนข้างที่มีปืนให้ยกขึ้นฟ้าความชุลมุนเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวเหมือนฝันรีบวิ่งไปหาวายุ ภูริโกรธขึ้นขีดสุดเลยเล็งปืนไปยังเหมือนฝันแล้วเหนียวไกยิงทว่าคนที่รับกระสุนแทนกลับเป็นวายุ เขาใช้ตัวเองบังร่างอวบนั้นไว้แล้วทรุดตัวล้มลง“พี่ลม”หญิงสาวกรี๊ดออกมาสุดเสียงแล้วประคองร่างเลือดท่วมนั้นเอาไว้ จากนั้นเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัดจากการวิสามัญคนร้าย“พี่ลม ไม่นะ อย่าเป็นอะไรนะ ฟื้นสิ” เธอพยายามตบหน้าเขาเบา
“เฮ้ย! พวกนั้นหายไปไหน” ชายใบหน้าดุดันมีรอยบากระหว่างหัวคิ้วร้องตะโกนขึ้นสุดเสียงชายที่เหลือวิ่งหน้าตั้งเข้ามาแล้วกวาดตามองรอบบริเวณไม่เห็นแม่แต่เงาของพวกผู้หญิงที่พวกเขาจับมาเป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่ ทิ้งไว้เพียงหนวดกุ้งรัดแขนเอาไว้ให้ดูต่างหน้าก็เท่านั้น“ไปตามหาตัวพวกมันสิวะ แล้วเอาตัวกลับมาให้ได้ยืนเซ่ออยู่ทำไม”ภูริตวาดลูกน้องลั่นแล้วไล่ด้วยความเดือดดาลก่อนจะวิ่งไปอีกทางเพื่อตามหาเพราะเหลือเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นก็ได้เวลานัดกับวายุแล้วบริเวณริมป่าละเมาะเหมือนฝันกึ่งเดินกึ่งวิ่งนำหน้าเพื่อมองหาลู่ทางและเข้าใกล้เขตหมู่บ้านคนเพื่อขอความช่วยเหลือทว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่ความมืดมิดเสียงวิ่งจากเบื้องหลังด้วยความเร็วพร้อมกับแสงไฟฉายสาดส่องไปมาทำให้รู้ว่าพวกมันใกล้เข้ามาถึงเต็มทีแล้ว“คุณณิ คุณน้ำ เร็วกว่านี้หน่อยค่ะ พวกมันตามมาแล้ว”เหมือนฝันเร่งสองสาวที่เดินรั้งท้ายส่วนตัวเองนั้นก็เริ่มเหนื่อยหอบเพราะสุขภาพไม่แข็งแรง“เฮ้ย พวกมันอยู่นั้น หยุดนะเว้ย”ความกลัวทำให้วารินทร์สั่นไปทั้งตัววิ่งมองหลังจนไม่ทันระวังสะดุดหินล้มลงบนทางลูกรังจนข้อเท้าพลิกทำให้ลุกขึ้นเดินต่อไม่ได้ พอมอ
ทุกคนมานั่งประจำที่ตัวเองกันหมดแล้วยกเว้นเพียงเหมือนฝันเท่านั้นที่ยังไม่กลับมา“ยัยฝันไปไหน ตั้งแต่แม่ยกถาดอาหารออกมายังไม่เห็นเลย”“น่าจะเอาเสื้อไปเก็บมั่งครับ แต่ก็ไปนานแล้วนะครับ” ตรีวิทย์บอกแล้วยืดคอขึ้นมองไปยังโรงจอดรถ“ถ้างั้นเดี๋ยวป้าไปตามให้นะคะ” ป้ามาลีอาสแล้วก็เดินออกไปไม่นานก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับมาด้วยสีหน้าตื่นในมือมีรองเท้าอยู่ข้างหนึ่งซึ่งวายุจำได้เป็นอย่างดีว่าเป็นของเหมือนฝัน หัวใจเขากระตุกวูบขึ้นมาแล้วรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาเปิดกล้องวงจรปิดดูทันทีเขาขบกรามแน่นเมื่อเห็นผู้ชายตัวใหญ่สองคนกำลังหิ้วปีกร่างไร้สติออกไปจากบ้านอย่างเงียบ ๆ โดยหลบเลี่ยงสายตาจากคนทั้งบ้านโดยไม่มีใครสังเกตเห็น“ต้องเป็นฝีมือไอ้ภูริแน่นอน” วายุสบถออกมา“คนเดียวกันกับที่เคยจับฟ้าไปน่ะเหรอ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับอนุชได้ยินแบบนั้นก็เข่าอ่อนทำท่าจะเป็นลมจนเหมือนฟ้าต้องรีบพยุงและพาไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุด ป้ามาลีรีบไปหายาดมมาให้ทันที“ผมพลาดเองที่ละหลวมความปลอดภัยเพราะคิดว่าคนอยู่เยอะกันขณะนี้มันคงไม่กล้าลงมือ”สองมือกำแน่นเข้าหากันเพราะรู้สึกเป็นห่วงเหมือนฝันจับใจ ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นตอนแรก