Mag-log inประตูห้องพักฟื้นคนไข้วีไอพีเลื่อนเปิดออกด้วยฝีมือคูเปอร์
“ทำไมมาช้าวะ คนอื่นต้องรอมึงคนเดียว” ทันทีที่ร่างสูงใหญ่เข้ามาในห้องเป็นคนสุดท้าย เคนตะพี่ชายคนกลางเอ่ยขึ้นพร้อมส่ายหน้าที่ต้องมานั่งรอ น้องชายคนเล็กอย่าง ‘คูเปอร์’
“มันก็มาแล้วนี่ไง จะบ่นทำไมวะ” คริสเตียนพี่ชายคนโตกล่าวต่อ
“ตกลงจะย้ายปู่ไปรักษาที่ไหน” คูเปอร์ไม่อยากพูดให้มากความ เลยเข้าเรื่องที่ต้องนัดกันมาโรงพยาบาลแห่งนี้
“กลับไปรักษาตัวที่บ้าน”
“...” คูเปอร์ฟังเงียบ ๆ
“ทางเดียวที่จะทำให้ปู่กลับมาเป็นเหมือนเดิม คือรักษาสภาพจิตใจและเยียวยาด้วยสิ่งที่ปู่รัก” คนเป็นพี่บอกตามที่ฟังคำอธิบายจากหมอให้น้อง ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน
“แล้วอะไรล่ะ สิ่งที่ปู่รัก!?” เคนตะเงยหน้ามองคริสเตียนสลับกับคูเปอร์เพื่อช่วยกันคิดหาคำตอบ
“ยังไม่รู้ ต้องพาปู่กลับไปที่บ้านก่อน แล้วค่อยสังเกตกัน”
ด้วยความที่คางูยะปู่ของพวกเขาเป็นคนเก็บตัวและไม่เปิดเผยตัวตนเท่าไรนัก พวกหลาน ๆ จึงไม่สามารถรับรู้ ถึงแม้จะอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ทว่านาน ๆ ครั้งถึงจะพบหน้า
อีกด้าน
“เดือนหน้า แพรว่าไง” หมอติณณ์เข้าเรื่องที่ทำให้ร่างบางตรงหน้ามาหาเขาในวันนี้ พร้อมยื่นซองเอกสารให้เธอ
แพร์พีญาเผยรอยยิ้มดีใจเมื่อรู้ว่าได้คิวการรักษาแล้ว แต่ต่อมาใบหน้าเฉี่ยวกลับสลดเศร้าเมื่อรับเอกสารมาอ่านรายละเอียดการรักษาและค่าใช้จ่ายที่สูงลิบลิ่ว “ห้าแสน!”
หมับ!
“แพรไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย พี่จะจัดการให้เอง” ติณณภพยื่นมือไปกุมมือบางที่วางบนโต๊ะไว้
ฟึ่บ! แต่แล้วแพร์พีญาก็เลื่อนมือออกจากการเกาะกุม เปลี่ยนมาวางบนหน้าขาตัวเองแทน
“พี่หมอเองก็มีภาระเหมือนกัน เรื่องนี้แพรจะหาทางจัดการเองได้ค่ะ” เพราะตั้งแต่เธอกลับเข้าไปเรียนต่อในรั้วมหา’ลัยอีกครั้งและได้รู้จักกับติณณภพ แพร์พีญาได้รับความช่วยเหลือจากเขามาโดยตลอด
ทั้งที่เขาเองเป็นแค่เด็กทุนและทางบ้านลำบากไม่ต่างจากเธอ เขายังอุตส่าห์มีน้ำใจช่วยเหลือ
เพราะงั้นจะให้เธอยกภาระหน้าที่ของตัวเองให้คนอื่น เธอทำไม่ได้
“อย่าเกรงใจพี่เลยนะ พี่เต็มใจอยากช่วย…”
“…พี่ไม่เคยคิดว่าแพรเป็นคนอื่นและพี่ก็รักพีพีเหมือนลูกสาวพี่เอง” ติณณภพมองใบหน้าเฉี่ยวเพื่อดูเชิง อยากจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวแพร์พีญามาตลอด ทว่าเธอไม่เคยเปิดโอกาสให้เขาเลยสักครั้ง
“แพรอยากหาเงินรักษาพีพีเองค่ะ”
“แต่...”
“ถ้าแพรไม่ไหวจริง ๆ แพรจะนึกถึงพี่หมอเป็นคนแรก” ร่างบางตัดบทสนทนาทันที การที่เธอทำกับข้าวมาให้ไม่ใช่ทำในฐานะอื่น แต่เธอแค่อยากตอบแทนในฐานะน้องสาวคนหนึ่งก็เท่านั้น
และแพร์พีญามั่นใจว่าติณณภพรับรู้สถานะนี้เป็นอย่างดี
.
.
สามพี่น้องเข้ามาในลานจอดรถโรงพยาบาล ต่างแยกย้ายไปที่รถตัวเอง
“มึงขับรถมาเองเหรอวะ” เคนตะถามออกไปเมื่อเหลียวมองรถบิ๊กไบก์น้องชาย
“...” คูเปอร์ไม่ตอบ ทว่าตวัดขาขึ้นคร่อมรถบิ๊กไบก์คันโปรด
“พูดบ้างก็ได้ไอ้เปอร์ เงียบซะ”
“มึงจะไปเซ้าซี้มันทำไม มันก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว” คริสเตียนถอดเสื้อสูทออกจากตัวแล้วก้าวขึ้นไปนั่งในรถตู้ที่มีลูกน้องเปิดประตูรถก่อนหน้านี้
“พี่คริสชิน แต่ผมไม่ชิน พูดกับมันทีไรเหมือนพูดกับหุ่นยนต์” ส่วนเคนตะยังคงยืนกับที่ ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่ายและไม่ยอมกลับไปขึ้นรถตัวเอง
“สรุปผมไปได้ยัง” ทำให้คูเปอร์หันไปถามเสียงนิ่ง
“เรื่องของมึง”
ทันทีที่เคนตะเอ่ยจบ รถบิ๊กไบก์เคลื่อนที่ออกตัวด้วยความแรง
“เฮ้ย! ในเมืองน่ะเว้ย ขับช้า ๆ หน่อย” เคนตะตะโกนตามหลังอย่างห่วง ๆ เพราะไม่เคยคาดเดาอารมณ์น้องชายคนนี้ได้เลยสักครั้ง
ร่างสูงใหญ่บิดคันเร่งออกไปไกลเท่าที่ใจอยากจะไป ไม่สนว่ารถรางจะมากหรือการจราจรจะติดขัด ความชำนาญในการใช้รถทำให้เขาใช้เวลาไม่นานก็สามารถขับออกนอกเส้นทางได้ และมุ่งตรงไปในทางถนนโล่งเหมาะสำหรับการท้าทายความเร็ว
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งค่อนวันกว่าล้อแม็กซ์จะหยุดนิ่งกับที่
ฟุบ!
สองขายาวก้าวลงจากรถ ก่อนจะตามด้วยหมวกกันน็อกที่ลอยไปด้านหน้ากระทบกับพื้นตามแรงเหวี่ยงของมือหนา
‘อิจฉาคุณหมอติณณ์จัง มีแฟนทั้งสวยทั้งน่ารักแถมยังเอาใจเก่งอีก ดูสิอุตส่าห์ทำกับข้าวมาส่งด้วย’
ภาพเหตุการณ์ในลิฟต์ย้อนเข้ามาในสมอง ทุกคำพูด ทุกท่าที มันฝังลึกและจำได้อย่างแม่นยำ
อารมณ์ฟุ้งซ่านไม่สามารถดับได้เพียงแค่การปาสิ่งของ ทว่าเขากลับระบายมันออกมาด้วยการชกต่อยไปที่เสาไฟฟ้าเต็มแรงเหนี่ยว
ตุบ!
ตุบ!
ตุบ!
“โธ่เว้ย!” คูเปอร์ตะคอกอย่างเจ็บใจ
ทุกสิ่งที่เห็น ทุกคำพูดที่ได้ยิน มันทำให้แผลเก่าโดนสะกิดขึ้นมาอีกครั้ง
‘เป็นไร พี่เรียกเราไม่ได้ยินเหรอ แล้วทำไมหน้าซีด ๆ’ มือหนาเอื้อมไปจับไหล่มน
ไหล่มนที่เคยเป็นของเขาเพียงคน
‘เปล่าค่ะ แค่อากาศร้อน’ ร่างบางยิ้มตอบด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยม
และรอยยิ้มนั่นมันก็เคยเป็นของเขา
“ฉันปล่อยให้เธอมีความสุขมามากพอแล้ว...”
“...แพร์พีญา!”
หลังจากที่แพร์พีญากลับจากโรงพยาบาลก็นัดเจอกับน้องชายในฟู้ดคอร์ทศูนย์อาหารในห้างสรรพสินค้า มือบางยื่นซองรายละเอียดการรักษาให้น้องชายเปิดอ่าน
“โอ้! พี่แพร” ทำเอาคิ้วหนาขมวดเข้าหาอย่างเคร่งเครียดทันที เมื่อรับรู้ค่าใช้จ่ายก้อนโต
“...” แพร์พีญาเอง สีหน้าท่าทาง ไม่ต่างจากพีรภัทรสักนิด ถ้าหากรอคิวโรงพยาบาลทั่วไปก็กลัวว่าอาการพีพีจะกำเริบขึ้นมาอีก เธอไม่อยากให้พีพีต้องเป็นอะไรไปมากกว่านี้แล้ว
เพราะพีพีมีภาวะผิดปกติทางหัวใจตั้งแต่แรกเกิด จนถึงตอนนี้พีพีมีอายุครบสี่ขวบ
“กู้ไหม” พีรภัทรเอ่ยติดตลกแต่แฝงความจริงจังไปด้วย
“จะบ้าเหรอ จะเอาอะไรไปกู้ได้ เราไม่มีสินทรัพย์สักอย่างเลยนะ” ความจริงเธอก็อยากจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน ทว่าติดตรงที่เธอไม่มีอะไรให้ยื่นกู้ได้เลย
“ผมหมายถึงกู้นอกระบบน่ะ”
บ๊อก!
ทันทีที่โดนหลังมือฟาดเข้าให้ตรงหน้าผาก พีรภัทรร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ยยยย พี่แพรเจ็บนะเว้ย” พร้อมกับยกมือขึ้นมาถูไถหน้าผากตัวเอง
“พูดไม่คิดเอง คนยิ่งเครียด ๆ อยู่”
“หรือให้พี่หมอติณณ์ไปกู้ให้ก่อน เราค่อยหามาคืนเขาทีหลัง” คราวนี้พีรภัทรคิดหาวิธีอื่น
“งือ ทางนี้ยิ่งไม่ได้” แพร์พีญาส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“โอ๊ยอะไรวะ นู้นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ ผมว่าพี่แพรน่าจะไปทำบุญบ้างนะ เผื่อจะได้เจอครอบครัวผู้ที่ดีๆ” เพราะเขารู้สาเหตุที่พี่สาวพยายามไม่เข้าไปยุ่งขอความช่วยเหลือจากติณณภพดี
ทำไมผู้ชายที่เข้าหาพี่สาวต้องมีพื้นหลังแบบเดียวกันตลอด
“เอาอย่างนี้ พี่แพรลองไปทำงานกับเพื่อนผมดู ถ้าพี่แพรรับแค่งานอาร์ต คงหาเงินไม่ทันแน่”
“...” แพร์พีญาคิดไว้ตั้งแต่เดินทางมาที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ว่าครั้งนี้จะลองทำงานที่ตัวเองไม่ถนัดดู
“และถ้าพี่แพรห่วงเรื่องชุดมันโป๊ เดี๋ยวผมคุยกับเพื่อนไว้ให้” พีรภัทรโน้มน้าวต่อ
“พี่แพรเองก็อยากรับพีพีมาอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ ทางเดียวที่พี่แพรจะหาเงินได้เยอะในเวลาแค่นี้ พี่แพรต้องใช้หน้าตาเท่านั้น”
“อืม ตกลง! พี่จะรับงานนี้”
“จริงนะ” พีรภัทรขมวดคิ้วถามซ้ำอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“อือ”
“ไม่เปลี่ยนใจทีหลังนะ!?”
“อือ ฉันคิดมาก่อนจะโทรหาแกแล้วพีท!” ทำให้แพร์พีญายื่นหน้าเข้าหาแล้วกระแทกเสียงใส่หน้าน้องชาย
“โธ่ ผมก็บิ้วทั้งนาน คิดว่าจะไม่รับซะอีก”
“หึ” ท่าทางของพีรภัทรพอจะเรียกเสียงหัวเราะให้เธอคลายความเครียดลงบ้าง “เดี๋ยวพี่โทรบอกแม่ก่อน แม่จะได้เตรียมตัวมาส่งพีพีที่นี่”
มือบางล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าสะพาย นิ้วเรียวกดหมายเลขปลายทางทันที
(คุณแม่~ น้องพีคิดถึงคุณแม่ที่สุดเลย)
ทว่าเสียงปลายสายที่กดรับคือ...ลูกสาวตัวน้อย
“แม่ก็คิดถึงพีพี อยู่กับคุณยาย หนูดื้อบ้างไหมคะ”
(ไม่เลยค่า น้องพีเป็นเด็กดี เชื่อฟังคุณยายทุกอย่าง)
“หึ แล้วคุณยายล่ะคะ”
(คุณยายไปตักข้าวให้น้องพีค่ะ คุณแม่ทำอะไรอยู่ค่ะ ทำงานเหนื่อยรึเปล่า น้องพีเป็นห่วงคุณแม่~)
“อึก!”
แพร์พีญาจุกในอกเอ่ยต่อไม่ออก กำลังใจเดียวที่ทำให้เธอไม่เคยท้อก็คือ...พีพี
(ฮาโหลคุณแม่ ได้ยินรึเปล่าคะ)
“ค่ะ แม่ฟังอยู่” เธอเบนหน้าหนีไปทางอื่นไม่อยากให้น้องชายเห็น เพราะตอนนี้มีน้ำใส ๆ กำลังเอ่อล้นออกมา ทั้งที่กลั้นเอาไว้แล้ว
(น้าพีทล่ะคะ เกเรไม่เชื่อคุณแม่อยู่อีกไหม พีพีจะได้ไปจัดการให้)
“โอ้ ตัวแค่นี้จะทำอะไรน้าได้หะ” เสียงที่เล็ดลอดจนพีรภัทรที่นั่งฟังตั้งแต่ต้นโต้ตอบกลับ
(คิกๆ น้าพีทได้ยินหมดเลย น้องพีล้อเล่น)
ความน่ารัก สดใสของพีพี สามารถเรียกรอยยิ้มให้แก่คนเป็นแม่แพรและน้าพีทได้อย่างเต็มเปี่ยม
(คุณยายมาพอดีเลย งั้นคุณแม่คุยกับคุณยายต่อนะคะ)
(ว่าไง โทรหาแม่แต่หัววัน มีอะไรเปล่าแพร)
“พอดีแพรจะบอกให้แม่เตรียมตัวพาพีพีเข้ามารักษาตัวน่ะ”
(ได้คิวรักษาแล้วเหรอลูก)
“ค่ะแม่”
(แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายล่ะ จะหาทันไหม)
“ทันค่ะ” แพร์พีญาตอบกลับอย่างมั่นใจ เพราะเธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้พีพีกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่ว ๆ ไป ถึงแม้โรคหัวใจจะรักษาไม่หายขาด ทว่าอย่างน้อย ๆ ก็ขอให้อาการดีขึ้น
ทางเดียวในตอนนี้คือเธอต้องหาเงินจ่ายค่าผ่าตัดให้ทันเวลา...
แพร์พีญาเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเดินทาง หลังจากกลับถึงห้องพัก ถึงแม้เธอจะได้ค่าตอบแทนไม่ถึงครึ่งซะด้วยซ้ำ แต่ยังไงก็ตั้งใจจะไปรับพีพีขึ้นมารักษาตัวและเมื่อกลับมาถึงห้องเธอรู้ได้ทันทีว่าพีรภัทรยังไม่กลับห้องตั้งแต่เมื่อวาน เธอหวังลึก ๆ ว่าพีรภัทรจะใจเย็นลงบ้างแล้ว มือบางกดต่อสายหาน้องชายทว่าก็ไร้การตอบรับ ไม่รับสาย ไม่อ่านข้อความไลน์หรือช่องทางการติดต่ออื่น ๆทำให้ร่างบางสะพานกระเป๋าเตรียมตัวไปขนส่งโดยไม่ลังเล เวลาของเธอสำคัญกว่ามานั่งเสียใจเรื่องซ้ำ ๆ เดิม ๆ อีกแล้ว ถึงจะไม่ได้เงินครบตามจำนวน แต่เธอก็ต้องไปรับพีพีมาพักรอการรักษาตัวก่อน..ร่างสูงโปร่งยืนพิงประตูรถญี่ปุ่นหน้าหอพัก คนที่เดินลงมาจากตึกเข้าใจสิ่งที่เห็นว่าใครเป็นคนบอกให้เขาต้องมาจอดรถรอที่นี่ ณ เวลานี้“พี่หมอ” แพร์พีญาเข้าไปทักทายอย่างเลี่ยงไม่ได้“จะกลับบ้านทำไมไม่บอกพี่ละ วันก่อนเราคุยกันแล้วนะ” ทันทีที่คนตัวเล็กเอ่ยเรียก เขาก็ยิงคำถามกลับมา“คือแพร...” เธอไม่รู้จะบอกยังไงดี ได้แต่ยืนก้มหน้าหาคำแก้ตัว“ไม่อยากรบกวน” ทว่าร่างสูงรู้ทัน เอื้อมมือไปวางบนศีรษะ คล้ายกับว่าเอ็นดูในท่าทีหญิงสาว“...” ดวงตากลมโตเงยขึ้นไปสบต
รถสปอร์ตหักเลี้ยวเข้าข้างทางกะทันหัน นัยน์ตาสีนิลบัดนี้แทบจะร้อนระอุเป็นเพลิงไฟ คล้ายกับคนสติแตกโกรธตัวเอง!?ไม่!...เขาสมควรทำอย่างนั้น ทำไมต้องรู้สึกกับสิ่งที่ทำลงไป เขาเองก็โดนทำร้ายจนสาหัสไม่ต่างกันดีไม่ดีมีแค่เขาเท่านั้นที่เจ็บปวดกับเรื่องราวในอดีต‘แกจะรักผู้หญิงคนนั้นไม่ได้!’เขาไม่เคยคิดจะฟังคำเตือน ต่อให้เขาจะโดนบี้แค่ไหนก็ตาม ‘ถ้าแกยังดื้อด้าน ฉันจะไม่ให้สมบัติแกสักสลึงเดียว’เขาไม่สนเพราะเชื่อว่าตัวเองสามารถเลี้ยงดูคนรักได้โดยไม่ต้องง้อสมบัติเก่าเขายอมทิ้งทุกอย่างได้เพื่อเธอแต่แล้ว...ทุกอย่างกลับพังทลายไม่คู่ควรกับคำว่ารักที่เขามอบให้สักนิดเดียวโดนหักหลัง โดนหลอก พร้อมภาพและคำพูดทุกอย่างตอกย้ำว่าเธอเป็นอย่างที่เขาได้ยินมา‘หนูจะขายให้ฉันไหม’‘ขายค่ะ’‘หนูแพรแน่ใจน่ะ’‘ทำไมถามอย่างนั้นล่ะคะ เสี่ยมีพระคุณกับครอบครัวหนู ให้ฟรีหนูยังให้ได้เลย’ ตุบ!นิ้วเรียวกำหมัดแน่นฟาดลงไปบนพวงมาลัยรถเต็มแรงประโยคเหล่านั้นยังวกวนในหัวสมองตลอดห้าปี มันคือฝันร้ายที่ทำให้ความเจ็บปวดตอกย้ำซ้ำ ๆทว่าจู่ ๆ ความสุขที่เขาได้รับเมื่อคืนย้อนเข้ามาลบภาพจำในอดีตรสจูบที่หอมหวาน กลิ่นกายชวนหลงใหล
ขาเรียวยาวตวัดเกี่ยวเอวสอบเอาไว้ผ่อนคลายไปตามแรงปรารถนา ไม่ใช่หลงไหลในบทรักของเขา แต่ต้องการให้ทุกอย่างที่ตั้งใจราบรื่นเร็วที่สุด“แน่น...แน่นเหมือนเดิม”คูเปอร์พึมพำด้วยความพึ่งพอใจ“แพร” ไม่วายยังจะเอ่ยเรียกชื่อร่างบางเสียงกระเส่า ลืมตัวไปหมดสิ้นว่ากำลังลงโทษแพร์พีญาให้หลาบจำทำเอาคนใต้ร่างถึงกับชะงักเพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดชื่อของเธอ ตั้งแต่กลับมาเจอกันไม่มีสักครั้งที่เขาจะเรียกชื่อเธอเหมือนอย่างตอนนี้ทว่าบางทีเขาแค่ใกล้จะปลดปล่อยเลยระบายมันออกมาต่างหาก‘แพรจ๋า’‘พี่เปอร์..เบาหน่อยน้องเจ็บไปหมดแล้ว’ มือบางประคองใบหน้าคมที่จู่โจมเธอตั้งแต่ย่างกร่างเข้ามาในคอนโดของเขา ‘พี่ขอโทษ’คูเปอร์โน้มลงไปจูบแนบชิดเพื่อให้เธอผ่อนคลาย จูบไล้ตั้งแต่หน้าผากจนถึงปลายคางมน ซุกหน้าคมคายเข้าไปในซอกคอ สูดดมกลิ่มหอมประจำตัวให้ชื่นหัวใจ ‘อื้ออ..พี่คูเปอร์’‘ดีขึ้นไหม’เธออมยิ้มพยักหน้าตอบกลับ ‘จะทำไรคะ’ ก่อนจะชะโงกหน้าขึ้นมาดูเมื่อเขาถอดบางอย่างที่แข็งแรงออกจากตัว‘เปลี่ยนท่า’เสียงเรียบราบบอกเพียงสั้น ๆ แต่กลับบ่งบอกถึงอารมณ์ใคร่ได้เป็นอย่างดีเขาจับร่างบางพลิกนอนคว่ำจากนั้นค่อยสอดแทรกตัวตนเข้าไปลึกสุดใ
“อย่าเพิ่งทำหน้าอย่างนั้น คืนนี้เธอต้องทรมานอีกหลายยก”แพร์พีญาดันมือหนาที่กำลังรังแกเธอออกอย่างไว แต่แล้วสายตาของเธอก็สังเกตเห็นบางอย่าง เธอจึงก้มมองตามร่างกำยำที่คุ้นชิน ทว่าบัดนี้เปลี่ยนไปจากเดิมเขาไม่ชอบให้มีลวดลายบนตัวแม้กระทั่งลายสักประจำตระกูลแต่...ตอนนี้แทบจะไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับเนื้อหนังอีกแล้วดวงตากลมโตเบิกตามองแขนทั้งสองข้าง แผ่นอกตรงหน้าไล่ยาวมาจนถึงหน้าท้องแกร่ง“ทำไม...” ปากอวบอิ่มเผยอถามได้เพียงเท่านั้น“โดนเข็มแทงยังเจ็บน้อยกว่าคบกับผู้หญิงหิวเงิน”คูเปอร์รู้ทันทีว่าคำถามนั้นคืออะไร เขาจึงตอบกลับทันควันโดยไม่ต้องรอคำถามจบประโยค“ฉันไม่ได้เป็นแบบที่นายกล่าวหา”“จะแก้ตัวตอนนี้คงไม่ทันแล้ว ฉันมีเวลาให้เธอตัดสินใจก่อนมาที่นี่...สุดท้ายเธอก็ไม่เปลี่ยนใจ”“เพราะฉัน...อื้อออ” หมดคำพูดจากปากบางเมื่อเข้าจู่โจมเพื่อไม่ฟังคำพูดไร้สาระนั่นบทเรียนในอดีตเขาจะทำให้เธอรู้ว่าใครเจ็บปวดกว่ากันร่างกำยำเข้าแนบชิดบดเบียดจนแผ่นหลังร่างบางเสียดสีกับผนังหินอ่อน ลิ้นหนาตวัดดูดรัดเรียวลิ้นเล็กด้วยความร้อนแรง บดขยี้ซ้ำ ๆ จนแพร์พีญารับมือแทบไม่ไหว สองมือประคองท้ายทอยให้รับกับจูบเร้าร้อน ส่ว
เมื่อแพร์พีญากลับมาถึงห้องทบทวนทุกอย่างอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งและมั่นใจว่าสิ่งที่จะทำต่อจากนี้คือทางที่ดีที่สุดแล้ว ร่างบอบบางลุกเข้าไปอาบน้ำเตรียมตัวทำหน้าที่เพื่อไม่ให้พลาดเงินก้อนนี้จนเธอออกมาจากห้องน้ำก็ยังไม่มีวี่แววว่าพีรภัทรจะกลับมา“ทำไมยังไม่กลับมาอีก” เพราะตอนนี้พีรภัทรไม่มีงานทำที่ไหนอย่างเมื่อก่อนแล้ว มันผิดปกติจากนิสัยเดิมน้องชาย ไม่รู้ว่าพีรภัทรจะเข้าใจเธอผิดมากเพียงใดกับการที่เธอร้องห้ามไม่ให้ด่าทอใส่พวกตระกูลนั้นเพราะเธอรู้ดีว่าถึงสู้ก็มีแต่คำว่าแพ้แพร์พีญาสลัดความคิดแล้วส่ายหน้าเรียกสติตัวเองกลับมา“แต่ก็ดี” ก่อนจะเอ่ยงึมงำกับตัวเองเพราะเธอเองก็ไม่อยากให้พีรภัทรต้องรับรู้ที่มาของเงินก้อนนี้อยู่แล้ว ไปทำหน้าที่ตัวเองให้เสร็จจะได้เอาเงินมารักษาพีพีและกลับไปอยู่ที่ที่ควรอยู่ ไม่ใช่ถิ่นฐานที่ใครบ้างคนเคยตอกหน้าไว้‘อย่ามาเหยียบที่นี่อีก หายสาปสูญไปเลยยิ่งดี’..จนกระทั่งถึงเวลานัดร่างบางย่างกรายเข้ามาในห้องที่มีชายหนุ่มนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขานั่งไขว่ห้างพร้อมกับแก้วไวน์ในมือ กระดกน้ำสีเข้มมันลงไปในคราวเดียว แล้วลุกขึ้นเต็มความสูงเมื่อสายตาประสานกันนัยน์ตาสีนิลฉายความว่า
ร่างบอบบางหนีจากความวุ่นวายไปอีกทางที่ไม่ใช่ทางกลับห้องพัก ไม่อยากพบหน้าใครในตอนนี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะเธอคนเดียว แพร์พีญาเดินตามทางเรื่อย ๆ นึกย้อนอดีตที่น่าจดจำในช่วงเวลาตอนนั้น‘อื้ออ~ พี่เปอร์’ เธอย่นซอกคอหลบหนีจากริมฝีปากร้ายที่กำลังซุกซนฝากรอยจูบเอาไว้‘คิดถึง’ คำสั้น ๆ ที่ล้วนความสุขแฝงอยู่ทุกการกระทำพร้อมกับอ้อมกอดจากทางด้านหลัง‘แพรไปเรียนมาแค่สองชั่วโมงเอง’ เธอหมุนตัวกลับไปหาเขา‘จะกี่นาทีก็ไม่อยากห่าง’ใบหน้าคมคายจับจ้องร่างบางในอ้อมกอดอย่างห่วงแห แพร์พีญาเองก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้นว่ามันคือ ‘ความรัก’ความรักที่คล้ายจะเป็นความจริง แต่วันนี้มันอาจจะแสดงให้เห็นแล้วว่ามันคือ ‘ความหลอกลวง’‘ผู้ชายเวลามันจะเอา มันทำได้ทุกอย่าง!’..เอี๊ยดดดด!รถสปอร์ตหรูหักเลี้ยวเข้าข้างทางกะทันหันทำเอาร่างบางที่เดินใจลอยอยู่ก่อนแล้วสะดุ้งตกใจ แต่แล้วเมื่อเห็นเจ้าของรถหรูที่เปิดประตูลงจากรถอย่างเอาเรื่อง สองขาเรียวก็รีบทำงานอัตโนมัติทันทีทว่า...ช้ากว่าที่จะหนีได้เพราะเพียงไม่กี่ก้าวที่เธอวิ่ง เขาก็เข้ามาประชิดตัวพร้อมทั้งกระชากแขนเล็กอย่างแรง“จะทำบ้าอะไรอีกห๊ะ!” มือบางพยายามแก







