Masuk“คนไข้ไม่เป็นอะไรมากนะครับ แค่ข้อเท้าเคล็ดนิดหน่อย เวลาเดินอย่าลงน้ำหนักไปที่เท้ามากเกินไปสองสามวันก็น่าจะหาย”
หมอหนุ่มวัยกลางคนเอ่ยบอกเพียงฝันเมื่อตรวจดูอาการและ ผลเอ็กซ์เรย์แล้วก็เห็นว่าคนไข้อาการปกติไม่มีส่วนไหนแตกหัก
“โล่งอกไปทีค่ะ ฝันนึกว่าจะเดี้ยงจนต้องเข้าเฝือกซะแล้ว”
เธอยิ้มเจื่อน ๆ แล้วปลายตามองร่างสูงที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ไม่ไกลหากเธอเป็นอะไรไปมากกว่านี้มีหวังคงโดนเขาเขมือบลงท้องแน่ ๆ เพราะทั้งวันเธอกับเขาเจอกันทีไรก็มีเรื่องทุกที
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมพาคนไข้กลับบ้านได้แล้วใช่ไหมครับ”
“ครับ เดี๋ยวผมสั่งยาให้กลับไปทานแล้วก็ทา”
อนาวินพยักหน้าให้แล้วก็เดินนำออกไปโดยให้พยาบาลสาวเป็นคนเข็นรถที่มีเพียงฝันนั่งอยู่ตามออกไป
“เอ่อ คุณอนาวินกลับไปก่อนก็ได้นะคะ รับยาเสร็จแล้วเดี๋ยวฝันกลับเองได้ค่ะ แล้วก็ฝันขอโทษสำหรับเรื่องวันนี้ด้วยนะคะ”
หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ขอโทษแต่สายตาก็ยังคงหลุบมองพื้นไม่กล้าสบตาโดยตรง
“แน่ใจเหรอว่าจะกลับเองได้ เท้าก็เจ็บเดินก็ไม่ถนัด”
อนาวินจ้องมองคนเจ้าปัญหาตาไม่กระพริบ ไม่รู้ว่าเป็นวันอะไรกันแน่ที่ทำให้เขาเจอแต่เรื่องกับคนเดิม ๆ
แค่คิดเขาก็ถอนหายใจออกมาเสียงดังจนทำให้ร่างอวบตรงหน้าถึงกับเม้มปากเข้าหากันเพราะรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันพาเธอไปส่งเอง ฉันเป็นคนผิดเองที่ขับรถไม่ระวัง บอกมาว่าบ้านเธออยู่ที่ไหน”
“แต่ว่า...”
ยังไม่ทันที่จะบอกปัดปฏิเสธเขาเลยเสียด้วยซ้ำแค่เงยหน้าขึ้นใบหน้าดุก็ส่งสายตาพิฆาตให้เธอยอมทำตามจนเธอตอบรับสั้น ๆ แค่คำว่า “ค่ะ”
รถหรูวิ่งผ่านตรอกซอกซอยจนมาจอดที่บ้านไม้ครึ่งปูนย่านกลางเมืองซึ่งความจริงแล้วก็อยู่ไม่ได้ไกลจากบ้านของอนาวินเสียสักเท่าไรห่างกันแค่ไม่กี่ซอยเอง
“เธอพักอยู่แถวนี้เหรอ”
“ใช่ค่ะ ทำไมเหรอคะ”
“ก็ไม่ทำไม แค่แปลกใจเพราะมันใกล้บ้านฉัน แต่ทำไมถึงไม่เคยเห็นเธอเลยล่ะ”
“เหรอคะ”
เธอยิ้มรับแบบเสียไปที จะให้เจอได้อย่างไรล่ะก็เพราะเธอแทบจะไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลยต่างหาก ขนาดสมัยเรียนเดินเฉียดแค่คืบเขายังมองผ่านเธอไปเลย
“ลงไปได้แล้วมั่ง ถึงบ้านแล้ว เดินเข้าไปไหวไหม”
“วะ ไหวค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง”
เธอยกมือขึ้นไหว้เขาเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ ชายหนุ่มก็ทำได้แค่เพียงพยักหน้ารับก่อนจะเห็นร่างอวบเดินกะเผลก ๆ เข้าบ้านไปแล้วจึงสตาร์ทรถขับออกไป
เพียงฝันยังไม่ได้เดินเข้าบ้านอย่างที่เข้าใจ เธอชะเง้อคอมองตามหลังรถที่อนาวินขับออกไปจนสุดลูกตา
นี่มันคงเป็นมากกว่าฝันแน่เลยแอบชอบเขามาตั้งหลายปีแม้แต่พูดคุยก็ยังไม่เคยแต่วันนี้กลับได้ทำทุกอย่างแถมเขายังมาส่งที่บ้านอีก ถึงแม้จะเจ็บตัวก็คุ้มละวะ ช่างเป็นบุญวาสนาเสียจริง
คิดไปก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปจนไม่ทันได้สังเกตว่าคนเป็นแม่ซึ่งกลับมาจากตลาดนั้นยืนมองอยู่นานแล้ว
“ลูกสาวฉันเป็นบ้าแล้วเหรอเนี่ยมายืนยิ้มอยู่คนเดียวตรงหน้าบ้าน”
“โธ่ แม่! มาตั้งแต่เมื่อไร ไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลย ฝันตกใจหมด”
“ก็มาทันเห็นเองยืนยิ้มบิดไปบิดมาเหมือนคนบ้านั่นแหละ”
“ก็หนูมีความสุขอ่าแม่ แต่วันนี้ก็มีเรื่องซวยด้วย”
เธอพูดพร้อมกับส่งสัญญานให้แม่ก้มมองไปที่เท้าของเธอ
“ตายแล้ว แกไปโดนอะไรมายัยฝัน เจ็บมากไหม ใครทำอะไรเอง”
เมื่อมองเห็นข้อเท้าที่ถูกพันผ้าเอาไว้ข้าวของในมือถึงกับร่วงลงพื้นเพราะความตกใจแล้วก็ย่อตัวลงจับข้อเท้าคนเป็นลูกดูด้วยความเป็นห่วง
“โอ้ย แม่ เจ็บๆ”
“เออๆ โทษ ๆไม่ทันระวัง ว่าแต่ไปโดนอะไรมา”
เพียงฝันชักเท้ากลับมาที่เดิม รำพึงจึงช่วยพยุงลูกเข้าบ้านขืนปล่อยให้เดินเข้าไปเองอีกสองชั่วโมงก็คงเดินไม่ถึง
เหตุการณ์วันนี้เพียงฝันเล่าให้แม่ฟังทุกอย่างแล้วก็บอกว่าคงรับ ออเดอร์จากพี่ที่ทำงานมาให้ไม่ได้แล้วเพราะไม่งั้นคราวนี้ก็คงโดนไล่ออกไม่ได้เซ็นแค่ใบเตือนแบบคราวนี้แน่นนอน
รำพึงพยักหน้าเข้าใจลูกพร้อมกับตะโกนเรียกลูกสาวคนเล็กมาพยุงพี่กลับห้อง
สายของวันใหม่อนาวินเดินเท้าเข้าภายในบริษัทโดยมีเลขาและบวรเดินตามมาติด ๆ พร้อมกับรายงานว่าวันนี้เขาต้องทำอะไรบ้าง
ขณะที่กำลังจะเดินผ่านเคาน์เตอร์ไปเข้าลิฟต์ตัวในที่มีไว้สำหรับผู้บริหารโดยตรง ดวงตาคมก็เหลือบไปเห็นร่างอวบที่คุ้นเคยกำลังยืนคุยกับลูกค้าบางกลุ่มอยู่
ชายหนุ่มหยุดฝีเท้าลงกระทันหันจนทำให้บวรที่เดินตามมาหยุดเดินแทบไม่ทัน
‘มาทำงานไหวด้วยเหรอ นึกว่าจะหยุดเสียอีก’
“ใครเหรอครับนาย”
“ก็...”
กำลังจะตอบแต่พอนึกขึ้นได้ว่ามันก็ไม่สำคัญอะไรอนาวินจึงเลือกที่จะส่ายหน้าแทนคำตอบว่าไม่มีอะไรแล้วก็เดินเข้าลิฟต์ไป ปล่อยให้บวรทำหน้างุนงง
แม้ว่าปากจะคุยอยู่กับลูกค้าที่เข้ามาติดต่องานแต่หางตาก็ยังคงทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีว่าคนที่เธอเฝ้ามองเขาทุกวันเพิ่งมาถึงที่ทำงาน
เพียงแค่รับรู้ว่าอนาวินอยู่ในโซนพื้นที่ที่ใช้หายใจร่วมกันเท่านี้เพียงฝันก็รู้สึกมีความสุขมากแล้ว
“ยัยฝัน วันนี้ทำงานไหวเหรอ ขาเดี้ยงซะขนาดนั้น”
“ไหวสิพี่ฤทัย แค่เคล็ดนิดหน่อยเดี๋ยวก็หายวันนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว อีกอย่างงานที่เราทำไม่ได้ยืนคุยทั้งวันสักหน่อย ไม่ไหวก็นั่งสบายจะตาย”
“เอางั้นเหรอ แล้วรู้หรือยังว่าอาทิตย์หน้าบริษัทมีงานเลี้ยงประจำปี”
“รู้แล้วค่ะ เห็นพี่HRเอากระดาษไปแปะไว้ตรงบอร์ดประชาสัมพันธ์”
“พี่เห็นว่าตรีมงานปีนี้เป็นชุดเดรสนะ เขาเน้นย้ำมาว่าให้เป็นสีฉูดฉาด”
พี่นิ่มที่เดินกลับมาจากห้องน้ำได้ยินเรื่องที่สองสาวกำลังสนทนาจึงเอ่ยบอกเรื่องนี้อีกครั้ง
“ฝันไม่อยากจะใส่เลยกระโปรงเนี่ย เดินก็ยากทำอะไรก็ไม่สะดวก”
ใบหน้าหวานง่ำลงพร้อมกับบุยปากคว่ำแค่คิดว่าต้องแต่งตัวเธอก็ท้อเสียแล้วเพราะโดยปกติเธอไม่ค่อยแต่งตัวเสียสักเท่าไร บางวันมาทำงานยังเป็นอีเพิ้งหัวฟูอยู่เลยแล้วนี่ต้องไปหาเลือกชุดมาใส่ไปงานอีก
“ป้าไก่คะ ฝันรบกวนดูตาหนูสักครู่นะคะ”เพียงฝันยื่นหนูน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มเพิ่งคลอดได้สามเดือนกว่าให้กับป้าแม่บ้าน ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับอดีตนางเอกชื่อดังอย่างลิตาที่มาหาเธอถึงบ้าน“ไม่เจอกันนานเลยนะคะ คุณลิตา”“ ค่ะ ก็นับตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้น ฉันก็บินไปอยู่ต่างประเทศเพิ่งกลับมาไม่กี่วันก่อน” หญิงสาวยิ้มให้พร้อมกับยกน้ำตรงหน้าขึ้นดื่ม“ฝันสียใจเรื่องลูกของคุณด้วยนะคะ” ในฐานะคนเป็นแม่เหมือนกันหล่อนย่อมเข้าใจดีว่ามันรู้สึกอย่างไร“ขอบคุณค่ะ ที่ลิตามาหาคุณวันนี้ก็เพราะอยากจะมาขอโทษเรื่องที่ผ่านมา ทำให้คุณกับวินเข้าใจผิดจนเกือบพรากพ่อลูกกันแล้ว”หลังจากที่เกิดเรื่องวันนั้นเธอก็รับรู้ว่าเพียงฝันตั้งท้องลูกของอนาวินจากการันต์ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดบาปที่คิดทำอะไรเอาความสะใจเป็นที่ตั้ง แต่สุดท้ายบทเรียนที่เธอได้รับมันก็สมควรแล้วขณะที่สองสาวคุยกันอยู่นั้นร่างสูงของอนาวินก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาจากด้านนอกเมื่อได้ยินป้าไก่พูดว่าลิตามาหาเพียงฝัน“วิ่งหน้าตื่นเข้ามาเลยนะคะวิน ลิตาไม่ทำอะไรเมียคุณหรอกค่ะ”ดวงหน้าหวานยิ้มรับเมื่อเห็นเพื่อนทำสีหน้าเหมือนว่าตนจะมาทำร้ายเมียก็อดขำไม่ได้“คุณลิตาเขามา
จากวันเลื่อนเป็นสัปดาห์อนาวินก็ยังคงปักหลักอยู่ที่ต่างจังหวัดเพื่อที่จะง้อเมียให้กลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม โดยที่ตัวเองก็เทียวบินขึ้นบินลงเพื่อไปประชุมกับบอร์ดผู้บริหาร“หนูฝันเอ้ย เสร็จหรือยัง เดี๋ยวจะไปไม่ทันพระฉันท์เช้านะ”เสียงผู้เฒ่าผู้แก่สองสามคนมาตะโกนเรียกเพียงฝันอยู่หน้าบ้านทำให้อนาวินที่กำลังง่วนอยู่กับการเซ็นต์เอกสารต้องรีบวางปากกาแล้ววิ่งออกมา“คุณยายจะพากันไปไหนเหรอครับ”“ไปวัดจ้า วันนี้วันพระใหญ่” คุณยายใจดีหันกลับมาตอบด้วยท่าทีเป็นมิตร“ผมไปด้วยได้ไหม” อนาวินกระตือรือร้นเดินเข้าไปคว้าตะกร้าจากมือเพียงฝัน“ไม่ได้” เธอปฏิเสธเสียงห้วน“คิดว่าห้ามผมได้เหรอ” เขายิ้มกริ่ม “มาครับคุณยายผมช่วยถือ” เขาไม่สนใจคำปฏิเสธของคนเจ้าเนื้อที่ยืนกระฟัดกระเฟียดอยู่ทางด้านหลังเสียด้วยซ้ำบนศาลาใหญ่ผู้คนจากทั่วทั้งหมู่บ้านต่างมาทำบุญเช้านี้กันอย่างคับคั่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่ร่างสูงเป็นตาเดียว จนกระทั่งมีป้าคนหนึ่งใจกล้าเอ่ยถามขึ้นมา“หนูฝันผู้ชายที่มาด้วยใช่สามีหรือเปล่า เห็นเขาลือกันทั้งหมู่บ้าน” ผู้คนบนศาลาต่างเงียบเพื่อรอฟังคำตอบราวกับกำลังลุ้นจับฉลากรางวัลป
ท่ามกลางสายตาผู้คนอนาวินก็ยังคงโอบกอดร่างกลมตรงหน้าไม่ยอมปล่อย ชายหนุ่มยอมรับว่าตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาเขาคิดถึงผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหนความอึดอัดทำให้เพียงฝันขืนตัวแล้วผลักร่างสูงออกจนเจ้าตัวเซถลาเล็กน้อยแต่ยังดีที่อนาวินดึงตัวเธอเอาไว้ได้“ระวังหน่อยสิ เดี๋ยวลูกก็เป็นอะไรไปหรอก” เขาดุเล็ก ๆ แต่แววตาแฝงไปด้วยความเป็นห่วง“คุณมาที่นี่ทำไม ฝันว่าเราไม่ควรจะเจอกันอีกเสียด้วยซ้ำ”“ที่มาหาเพราะคิดถึงคุณกับลูก” เขาตอบด้วยความสัตย์จริง“เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของคุณ กลับไปเถอะ”“จะไม่ใช่ได้ยังไงคุณทำเองคนเดียวไม่ได้หรอกนะ อย่าทำแบบนี้เลยนะฝัน ยังไงผมก็เป็นพ่อของลูกเรานะ”...ลูกของเราอย่างนั้นเหรอ ตลกสิ้นดี“คุณกล้าใช้คำว่าลูกของเราทั้งที่ก่อนหน้านี้คุณบอกกับคุณลิตาว่าจะรับเป็นพ่อของลูกเธอแล้วขอหย่ากับฉันเนี่ยนะ”หญิงสาวยกยิ้มเยาะทั้งเจ็บทั้งเสียใจกับสิ่งที่เธอได้เจอมา“ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าคุณท้องนี่ คุณไม่ยอมบอกอะไรผมสักอย่าง”“แล้วคุณล่ะ เคยสนใจฉันบ้างหรือเปล่า อ่อ ลืมไปเราแต่งงานกันเพราะสัญญาที่คุณสร้างขึ้นมานี่นา ก่อนหน้านี่คุณอยากจะหย่ากับฉันใจแทบขาดแล้วตอนนี้จะมาเรียกร้องอะไร เราสองคนไม่มีอะไรเก
หกเดือนผ่านไป...“ท้องได้กี่เดือนแล้วนังหนู แล้วผัวเองไปไหน”มันยังคงเป็นคำถามเดิม ๆ ซ้ำ ๆที่เพียงฝันยังคงต้องตอบจากคนที่อาศัยอยู่หมู่บ้านเดียวกันเธอก็ยังคงยิ้มให้เหมือนเคย...ไร้ซึ่งคำตอบ...แต่พวกเขาก็มีความพยายามดีเหลือเกินที่ยังคงสอบถามเรื่อย ๆ แม้จะรู้ว่าไม่ได้คำตอบจากเธอ พอเธอไม่ได้บอกก็นำเรื่องราวไปใส่สีตีไข่แล้วบอกต่อๆ กันไปว่าเธอปล่อยให้ตัวเองท้องจนไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็กแรก ๆ เธอก็เคืองจนอยากจะตามไปถอนหงอกถึงบ้านแต่มาคิดดูแล้วมันก็เป็นเรื่องปกติของคนต่างจังหวัดที่มักจะจับกุมนินทากันเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วมืออวบลูบหน้าท้องที่นูนออกมาไม่มากเพราะเป็นท้องแรกจึงไม่ค่อยโตเสียสักเท่าไร เจ้าตัวเล็กคงรับรู้ว่าเธอกำลังลูบท้องถึงตอบสนองด้วยการถีบเสียยกใหญ่“กลับมาแล้วเหรอคะแม่ ฝันกำลังจะขับรถออกไปตามพอดีเลย ไม่เห็นแม่กลับมาสักที”“จะไปตามทำไมกำลังท้องกำลังไส้แม่ไม่อยากให้แกขับรถมันอันตราย” รำพึงเอ็ดคนเป็นลูกที่แม้ว่าท้องกำลังโตแต่ก็ยังทำตัวคล่องแคล่วเหมือนตัวเองไม่ได้มีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้อง“ก็ฝันเป็นห่วงแม่นี่จ๊ะ ดูสิแก่ขนาดนี้ยังต้องทำงานแถมยังมีฝันกับลูกมาเป็นภาระอีกต่างหาก
“คนไข้ปลอดภัยดีนะครับ แต่หมอต้องขอแสดงความเสียใจด้วยที่ไม่สามารถรักษาเด็กในท้องไว้ได้”“เด็กในท้องหมายความว่ายังไงครับ” อณุปากคอสั่นเมื่อได้ยินผลการรักษา ลิตาท้องจริงอย่างนั้นเหรอ“คุณลิตาน่าจะตั้งครรภ์อ่อน ๆ โดยที่ไม่รู้ตัวนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ”อณุแทบล้มทั้งยืน ร่างกายอ่อนปวกเปียกจนอนาวินและการันต์ต้องเข้ามาพยุงร่างเอาไว้ชายหนุ่มยกมือสั่นเทาขึ้นดูพร้อมกับน้ำตาลูกผู้ชายที่ไหลอาบสองแก้ม...เขาทำให้ลิตาแท้งลูกของตัวเองอย่างนั้นเหรอ“ไอ้นุ ใจเย็น ๆ แกต้องตั้งสติทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอก คนที่แกต้องห่วงตอนนี้คือลิตา”การันต์ตบไหล่ปลอบเพื่อนจึงทำให้อณุตั้งสติได้ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องพักฟื้นร่างบอบบางนอนมองเพดานด้วยดวงตาเหม่อลอยแต่น้ำตายังคงไหลออกมา หญิงสาวไม่รู้ว่าต้องรู้สึกอย่างไรกันแน่ที่รู้ว่าตัวเองท้องจริง ๆ แต่ก็มาเสียลูกในท้องไปพร้อมกัน“ลิตา คุณเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”อณุนั่งลงด้านข้างพร้อมกับเอื้อมไปจับมือเธอขึ้นมากุมไว้ หญิงสาวหันมองหน้าเขาช้า ๆ แล้วก็สะอื้นออกมา“คุณคิดว่าฉันรู้สึกยังไงล่ะ ที่หลอกทุกคนว่าท้องทั้งที่ต
“ทุกคนมากันครบแล้วแกมีอะไรจะพูดก็พูดมา ฉันมีเวลาไม่มากต้องทำงาน”อนาวินหันกลับไปจ้องหน้าอณุแต่เจ้าตัวกลับมีสีหน้าเรียบเฉยแล้วเสมองไปยังร่างเล็กที่นั่งถัดไปไม่กี่เมตร“ก่อนอื่นผมต้องขอโทษคุณลุงกับคุณป้าก่อนนะครับที่เสียมารยาทเรียกออกมาแต่ถ้าผมไม่เรียกออกมา ไอ้วินก็คงไม่ออกไปพบพวกผมโดยพร้อมหน้ากันแน่นอน” อณุยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง“ไม่เป็นไรจ๊ะ ป้าเข้าใจ ว่าแต่มีอะไรก็รีบพูดมาเถอะจ๊ะ ต้องหายใจร่วมกับใครบางคนป้าหายใจไม่ค่อยออก” ว่าพลางปลายตามองลิตา“ถ้างั้นผมเข้าเรื่องเลยนะครับ ตอนนี้ผมคิดว่าคุณป้ากับคุณลุงคงเข้าใจว่าลิตาท้องกับอนาวิน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ครับ” อณุพูดออกมาช้า ๆ แต่เน้นย้ำทุกคำแต่มีหรือลิตาจะยอมอยู่เฉยเธอรีบเอ่ยขัด“หยุด ปล่อยให้อณุพูดทุกอย่างออกมา หล่อนอย่าเพิ่งขัด” คราวนี้เป็นเสียงทุ้มแต่น่าเกรงขามของคฑาเอ่ยขึ้นทุกคนจึงไม่มีใครกล้าแย้งใด ๆชายแก่ปล่อยให้ตัวเองนิ่งเงียบเรื่องของลูกชายมานานแล้วถึงเวลาที่ต้องจัดการทุกอย่างให้มันเรียบร้อยสักทีปล่อยให้มันกลายเป็นเรื่องยุ่งยากจนเกิดหย่าร้างมานานเกินไปแล้ว“แล้วยังไงต่อจ๊ะ เล่ามันออกมาเลย”คุณหญิงศจีจีบปากจีบคอพลางเยาะเย้







