พี่นิ่มที่เดินกลับมาจากห้องน้ำได้ยินเรื่องที่สองสาวกำลังสนทนาจึงเอ่ยบอกเรื่องนี้อีกครั้ง
“ฝันไม่อยากจะใส่เลยกระโปรงเนี่ย เดินก็ยากทำอะไรก็ไม่สะดวก”
ใบหน้าหวานง่ำลงพร้อมกับบุยปากคว่ำแค่คิดว่าต้องแต่งตัวเธอก็ท้อเสียแล้วเพราะโดยปกติเธอไม่ค่อยแต่งตัวเสียสักเท่าไร บางวันมาทำงานยังเป็นอีเพิ้งหัวฟูอยู่เลยแล้วนี่ต้องไปหาเลือกชุดมาใส่ไปงานอีก
สามสาวพูดคุยกันได้ไม่นานก็ปรากฎร่างระหงของสาวสวยมายืนอยู่ตรงหน้า
ผมยาวตรงถูกปล่อยสยายลงกลางหลัง ตรงใบหน้าแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางอ่อน ๆ แต่ปากเรียวหยักกลับแต่งแต้มด้วยสีแดงเข้มให้ดูโดดเด่น
“สวัสดีค่ะ ฉันมาพบคุณอนาวิน ไม่ทราบว่าเขาอยู่ไหมคะ”
“คะ คุณลิตา”
พี่ฤทัยถึงกับพูดตะกุกตะกักเมื่อเห็นว่าสาวสวยที่เอ่ยถามเป็นใคร ในประเทศนี้จะมีใครไม่รู้จักเธอบ้าง
“รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวดิฉันติดต่อเลขาคุณอนาวินให้”
เพียงฝันตอบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ เพราะเธอเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันกับอนาวินตั้งแต่สมัยเรียนจนมีข่าวลือว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน แต่ปัจจุบันก็คงเป็นแค่เพื่อนนั่นแหละเพราะหล่อนเองก็ประกาศว่ามีคู่แล้ว
เพียงฝันต่อสายไปยังเลขาฯหน้าห้องทันทีเมื่อได้คำตอบแล้วเธอจึงหันมาบอกให้สาวสวยตรงหน้าให้ขึ้นไปพบได้
“คุณลิตาสวยจังเลยเนอะ ถ้าไม่ติดว่ามีแฟนพี่เชียร์ให้เป็นแฟนเจ้านายเราแล้ว”
“ไม่มีทาง!”
พี่ฤทัยพูดจบประโยคไม่ทันไรเสียงขุ่นของเพียงฝันก็ตะเบ่งสวนขึ้นมาทันทีจนทำให้ทั้งพี่นิ่มและพี่ฤทัยต่างหันกลับไปมองด้วยความตกใจ
“เป็นอะไรเพียงฝัน พวกพี่ก็แค่พูดเล่น”
“เออ ฝันขอโทษค่ะ คิดอะไรเพลินไปหน่อยแต่ฝันไม่ได้ว่าพวกพี่ ๆ นะคะ”
เพียงฝันรีบแก้ตัวทันทีแม้ในใจจะแย้งว่าเธอไม่อยากให้อนาวินมีใครก็ตามแต่พอนึกได้ว่าสิ่งที่เธอกระทำก็ไม่ต่างอะไรกับโรคจิตที่คอยหวงก้างก็ถึงกับถอนหายใจออกมา
“วินคะ ทำไมเมื่อวานลิตาโทรมาคุณถึงไม่รับสายล่ะ”
“เมื่อวานผมยุ่งนิดหน่อยน่ะ กว่าจะเคลียร์ทุกอย่างเสร็จก็ดึกมากแล้วคงคิดว่าคุณน่าจะนอนแล้ว”
ชายหนุ่มเงยหน้าจากแฟ้มเอกสารตรงหน้าแล้วลุกขึ้นเดินไปนั่งยังโซฟาฝั่งตรงข้ามกับลิตา
“เหรอคะ แต่สำหรับลิตาต่อให้ดึกแค่ไหนคุณก็โทรมาได้เสมอนะคะ”
เธอยิ้มยั่วยวนเล็กน้อยบริหารเสน่ห์กับผู้ชายตรงหน้าเข้าไว้วันละเล็กละน้อย หากคราใดที่เธอเลิกกับแฟนอย่างน้อยก็ยังหลงเหลือผู้ชาย คนนี้ไว้เป็นทางเลือกอีกทาง
“แล้วนี่ลิตามาหาผมถึงบริษัทมีธุระอะไรหรือเปล่า”
“วันนี้ลิตาว่างค่ะก็เลยมาชวนคุณไปทานมื้อกลางวัน”
อนาวินยกนาฬิกาขึ้นดูเวลาก็เห็นว่าเหลือเวลาอีกตั้งชั่วโมงกว่าจะเที่ยง
“ผมขอทำงานก่อนสักชั่วโมงนะ พอดีมีงานค้างอยู่ ลิตารอผมได้ไหม”
“ได้สิคะ ลิตารอคุณได้เสมอ”
อนาวินพยักหน้าให้แล้วก็ลุกขึ้นกลับไปทำงานต่อแม้ภายนอกจะพยายามเก็บอาการดีใจที่ผู้หญิงที่แอบชอบมาหาถึงที่ทำงานแต่เพราะต้องรักษาระยะเรื่องความสัมพันธ์เอาไว้ชายหนุ่มจึงต้องวางมาดคั่นกลางความสัมพันธ์เอาไว้
เวลาเกือบเที่ยงพี่นิ่มกับพี่ฤทัยที่ออกไปทานข้าวก่อนก็เดินกลับเข้ามาผลัดเปลี่ยนให้เพียงฝันออกไปทานข้าวบ้าง เพราะว่าตรงนี้จะทิ้งที่ทำงานไปไม่ได้จึงต้องผลัดเปลี่ยนกันไป
“เดินไปไหวไหมยัยฝัน”
“สบายมากพี่นิ่ม เดี๋ยวฝันมานะ”
เธอยกมือขึ้นบอกว่าโอเคพร้อมกับเดินเขย่งออกไปช้า ๆ จนไปถึงประตูทางเข้าบริษัท มืออวบยกขึ้นผลักประตูด้วยความทุลักทุเลแต่แล้วก็เหมือนมีมือของใครบางคนเอื้อมผลักประตูเหนือหัวของเธอออกไป
“อุ้ย ขอบคุณนะคะ”
ด้วยความสูงของคนที่เปิดประตูให้นั้นสูงกว่าจึงทำให้เพียงฝันเดินออกไปพ้นแล้วจึงค่อยหันกลับมาก้มหัวขอบคุณ
“ถ้ารู้ว่าตัวเองยังเจ็บอยู่ทำไมเธอถึงไม่ลาหยุดไป”
“คะ คุณอนาวิน เออ คือว่ามันก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากมายค่ะ ฝันยังพอทำงานไหวก็เลยมาทำค่ะ”
หญิงสาวเมื่อรู้ตัวว่าใครเป็นคนเปิดประตูให้ก็ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองสบตาแล้วเขยิบตัวหลบทางให้ลิตากับอนาวินเดิน
“ถ้าสองสามวันแล้วข้อเท้ายังไม่ดีขึ้นให้ไปหาหมอนะ ส่วนค่ารักษาให้ไปแจ้งเลขาหน้าห้องได้เลย เขาจะเป็นคนเบิกจ่ายให้เอง”
อนาวินสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบเพียงฝันได้แต่พยักหน้ารับก่อนที่คนทั้งคู่จะเดินไปขึ้นรถที่ขับมาจอดรอแล้วเคลื่อนตัวออกไปจนลับสายตา
เพียงฝันได้ยักยิ้มมุมปากเล็กน้อยถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเพียงแค่คนนอกสายตาแต่อย่างน้อยเขาก็ยังแสดงความเป็นห่วงและมีน้ำใจให้กับเธออยู่บ้าง แล้วแบบนี้จะไม่ให้เธอหลงรักเขาได้อย่างไร
หญิงสาวได้แต่เพ้อรำพึงภายในใจเพราะไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังสักคนด้วยรูปลักษณ์ภายนอกและหน้าตาของเธอไม่อาจเอื้อมจึงทำได้แค่ชื่นชมอยู่ห่าง ๆ หากใครรู้ว่าเธอหลงรักเขาก็คงมีคนหัวเราะเยาะเธอแน่นอน.....
ภายในซอกซอยของตึกกรุงทองย่านประตูน้ำซึ่งถือว่าเป็นแหล่งรวมเสื้อผ้าแฟชั่นส่งออกไปทั่วประเทศร่างบางของเพียงฟ้ากำลังกวาดสายตามองหาชุดเดรสให้กับคนเป็นพี่สาวซึ่งตอนนี้กำลังเดินหรือคลานต้วมเตี้ยมอยู่ด้านหลัง"พี่ฝันไหวไหมเนี่ย ถ้ารู้ว่าตัวเองยังเจ็บอยู่ก็น่าจะมาดูวันหลัง”“พี่ไหวน่า จะมาดูวันหลังอะไร งานเลี้ยงบริษัทจะเริ่มมะรืนนี้อยู่แล้ว”เพียงฝันย่นคิ้วใส่น้องสาวเล็กน้อยถ้าไม่อยากได้เงินซื้ออัลบั้มวงโปรดเธอมั่นใจได้เลยว่ายัยน้องสาวตัวแสบคงไม่มาเลือกซื้อเสื้อผ้าเป็นเพื่อนแน่นอนหญิงสาวเองก็ไม่รู้ว่าจะไปหาเลือกซื้อเสื้อผ้าไซน์ขนาดเธอได้จากที่ไหนก็เลยจำใจนั่งรถเมล์มาซื้อที่นี่แทน“พี่ฝันตัวนี้สวยมากเลยอ่า เข้ากับตรีมงานเดรสสีฉูดฉาดพอดีเลย”เพียงฟ้าจูงแขนคนเป็นพี่สาวไปยังร้านเสื้อร้านหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าซึ่งตัวคนขายเองก็ยืนต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเดรสสีเขียวเหมือนเหล้าชาร์ทรุสที่โชว์อยู่บนหุ่นจำลองช่างสะดุดตาเธอยิ่งนัก ช่วงแขนถูกออกแบบให้เปิดไหล่แขนยาวเกือบถึงศอก ส่วนหน้าอกเป็นรูปโบคล้าย ๆเกาะอก ใต้หน้าอกเว้าโชว์ให้เห็นส่วนพุงเล็กน้อย ตัวกระโปรงยาวถึงเข่า“อือ ตัวนี้สวยมากเลยอ่า งั้นเอาตัวน
พี่นิ่มที่เดินกลับมาจากห้องน้ำได้ยินเรื่องที่สองสาวกำลังสนทนาจึงเอ่ยบอกเรื่องนี้อีกครั้ง“ฝันไม่อยากจะใส่เลยกระโปรงเนี่ย เดินก็ยากทำอะไรก็ไม่สะดวก”ใบหน้าหวานง่ำลงพร้อมกับบุยปากคว่ำแค่คิดว่าต้องแต่งตัวเธอก็ท้อเสียแล้วเพราะโดยปกติเธอไม่ค่อยแต่งตัวเสียสักเท่าไร บางวันมาทำงานยังเป็นอีเพิ้งหัวฟูอยู่เลยแล้วนี่ต้องไปหาเลือกชุดมาใส่ไปงานอีกสามสาวพูดคุยกันได้ไม่นานก็ปรากฎร่างระหงของสาวสวยมายืนอยู่ตรงหน้าผมยาวตรงถูกปล่อยสยายลงกลางหลัง ตรงใบหน้าแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางอ่อน ๆ แต่ปากเรียวหยักกลับแต่งแต้มด้วยสีแดงเข้มให้ดูโดดเด่น“สวัสดีค่ะ ฉันมาพบคุณอนาวิน ไม่ทราบว่าเขาอยู่ไหมคะ”“คะ คุณลิตา”พี่ฤทัยถึงกับพูดตะกุกตะกักเมื่อเห็นว่าสาวสวยที่เอ่ยถามเป็นใคร ในประเทศนี้จะมีใครไม่รู้จักเธอบ้าง“รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวดิฉันติดต่อเลขาคุณอนาวินให้”เพียงฝันตอบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ เพราะเธอเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันกับอนาวินตั้งแต่สมัยเรียนจนมีข่าวลือว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน แต่ปัจจุบันก็คงเป็นแค่เพื่อนนั่นแหละเพราะหล่อนเองก็ประกาศว่ามีคู่แล้วเพียงฝันต่อสายไปยังเลขาฯหน้าห้องทันทีเมื่อได้คำตอบแล้วเธอจึงหัน
“คนไข้ไม่เป็นอะไรมากนะครับ แค่ข้อเท้าเคล็ดนิดหน่อย เวลาเดินอย่าลงน้ำหนักไปที่เท้ามากเกินไปสองสามวันก็น่าจะหาย”หมอหนุ่มวัยกลางคนเอ่ยบอกเพียงฝันเมื่อตรวจดูอาการและ ผลเอ็กซ์เรย์แล้วก็เห็นว่าคนไข้อาการปกติไม่มีส่วนไหนแตกหัก“โล่งอกไปทีค่ะ ฝันนึกว่าจะเดี้ยงจนต้องเข้าเฝือกซะแล้ว”เธอยิ้มเจื่อน ๆ แล้วปลายตามองร่างสูงที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ไม่ไกลหากเธอเป็นอะไรไปมากกว่านี้มีหวังคงโดนเขาเขมือบลงท้องแน่ ๆ เพราะทั้งวันเธอกับเขาเจอกันทีไรก็มีเรื่องทุกที“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมพาคนไข้กลับบ้านได้แล้วใช่ไหมครับ”“ครับ เดี๋ยวผมสั่งยาให้กลับไปทานแล้วก็ทา”อนาวินพยักหน้าให้แล้วก็เดินนำออกไปโดยให้พยาบาลสาวเป็นคนเข็นรถที่มีเพียงฝันนั่งอยู่ตามออกไป“เอ่อ คุณอนาวินกลับไปก่อนก็ได้นะคะ รับยาเสร็จแล้วเดี๋ยวฝันกลับเองได้ค่ะ แล้วก็ฝันขอโทษสำหรับเรื่องวันนี้ด้วยนะคะ”หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ขอโทษแต่สายตาก็ยังคงหลุบมองพื้นไม่กล้าสบตาโดยตรง“แน่ใจเหรอว่าจะกลับเองได้ เท้าก็เจ็บเดินก็ไม่ถนัด”อนาวินจ้องมองคนเจ้าปัญหาตาไม่กระพริบ ไม่รู้ว่าเป็นวันอะไรกันแน่ที่ทำให้เขาเจอแต่เรื่องกับคนเดิม ๆแค่คิดเขาก็ถอนหายใจออกมาเสียง
ทางด้านอนาวินเมื่อก้าวขาพ้นประตูลิฟต์เจ้าตัวเดินออกมาพร้อมกับกลิ่นพริก กลิ่นน้ำปลา จนเลขาสาวหน้าห้องถึงกับต้องยกมือขึ้นอังจมูกตัวเองเล็กน้อย แต่สายตาก็ชำเลืองมองคนเป็นนายเพื่อไม่ให้เสียมารยาท“เดี๋ยวคุณช่วยส่งชุดนี้ไปซักให้ผมด้วยนะ”อนาวินเปิดประตูห้องทำงานออกมาพร้อมกับยื่นถุงกระดาษที่มีชุดสูทอยู่ข้างในให้กับเลขา ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนเป็นชุดสูทตัวใหม่เรียบร้อยแล้ว โชคยังดีที่ด้านหลังโต๊ะทำงานเขา เป็นห้องส่วนตัวที่ตบแต่งคล้ายห้องชุดในคอนโดเอาไว้นอนเวลาที่เขาต้องอยู่ทำงานดึกดื่นจนขับรถกลับไม่ไหว จึงทำให้มีเสื้อผ้าติดไว้เปลี่ยนเวลาจำเป็นอยู่บ้าง“แล้วเรียกคุณบวรขึ้นมาพบผมด้วย”ก่อนจะหันหลังกลับเขาก็ยังหันไปสั่งกำชับงานเพิ่มอีก เลขาสาวได้แต่พยักหน้ารับคำ แล้วรีบต่อสายหาลูกน้องมือขวาของท่านประธานทันที เธอไม่กล้าตอบโต้เจ้านายมากนักเพราะรู้สึกได้ว่าท่านกำลังอารมณ์ไม่ค่อยดี“คุณอนาวินเรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ แต่ถ้าจะถามเรื่องพนักงานหญิงเมื่อเช้า ผมจัดการเรียบร้อยแล้วนะครับ เธอเซ็นเตือนเรียบร้อยแล้ว”บวรไม่ต้องรอให้คนเป็นเจ้านายถามเขารีบชิงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อนเพราะดูจากสีหน้าแล้วอนาวินคงยั
ช่วงเช้าวันใหม่เพียงฝันจอดรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจที่ขับขี่มาจากบ้าน พอถึงที่ทำงานก็ต้องรีบจอดให้เร็วที่สุดเพราะวันนี้เธอออกจาบ้านมาก็สายมากแล้ว เหลือบมองดูนาฬิกาบนข้อมือก็เหลือเวลาอีกแค่5นาทีเท่านั้นก็จะถึงเวลาสแกนนิ้วเข้าทำงานสองมือหอบหิ้วถุงยำมะม่วงที่แยกน้ำแยกเนื้อมาอย่างพะรุงพะรัง ผมเผ้าที่แห้งสนิทแต่ชี้ฟูกระเซอะกระเซิงไม่ได้มัดรวบให้เรียบร้อยเพราะเมื่อเช้าเธอสระผมมา ไม่ได้ไดร์ให้แห้งจึงอาศัยลมธรรมชาติจากการขับรถมาทำงานเป่าให้แห้งเสียเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลาสองเท้าอวบเร่งฝีเท้าเพื่อให้ทันเวลา ความเร่งรีบทำให้เธอไม่ทันได้มองว่ามีร่างสูงของใครอีกคนกำลังเดินสวนมาจากอีกทาง“ปั๊ก!”เพียงฝันชนเข้ากับผู้ชายตรงหน้าอย่างจังจนล้มลงก้นจ้ำเบ้าถุงน้ำยำที่รำพึงแยกมาให้ตกลงแตก ทำให้น้ำปลาร้าหกเลอะเทอะส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ“โอ๊ย เดินยังไงเนี่ยไม่ดูตาม้าตาเรือดูสิของฉันตกแตกเสียหายหมดเลย”น้ำเสียงขุ่นสบถด่าออกมาโดยที่ไม่ได้เงยหน้ามอง จะไม่ให้เธอโมโหได้อย่างไร ของที่จะนำส่งลูกค้าดันเสียหาย แถมเธอยังต้องถูกหักเงินที่เข้างานสายอีกด้วย“เสียหายมากไหม”“ก็มากนะสิ...”เธอตอบกลับทันควันพร้อมกับเ
“สมกับเป็นพี่สาวที่แสนดีของน้องจริง ๆ รู้ใจไปหมดทุกอย่าง แต่ถ้าจะให้ดีขอเงินซื้ออัลบั้มหน่อยนะ”เพียงฟ้าส่งสายตาปริบ ๆ ให้กับคนเป็นพี่ แต่ทว่าคนเป็นพี่กลับแกล้งไม่ได้ยินแล้วเดินหนีเข้าบ้าน แต่มีหรือคนอย่างเพียงฟ้าจะยอม จึงเดินตามไปอ้อนเพื่อขอในสิ่งที่อยากได้รำพึงมองตามลูกสาวสองคนทั้งยิ้มทั้งส่ายหัว เธอดีใจที่ลูกสาวสองคนรักกันแน่นแฟ้น หากสามีเธอไม่ได้ตายจากอุบัติเหตุเมื่อสิบปีก่อน เขาคงต้องภูมิใจและดีใจมากแน่ ๆ ที่ลูกทั้งสองคนเป็นเด็กดีไม่เคยทำเรื่องอะไรให้คนเป็นแม่เสียใจสักครั้ง“วันนี้คุณแม่อารมณ์ดีจังเลยนะครับ ผมได้ยินเสียงฮัมเพลงตั้งแต่ทางเข้าประตูบ้าน”เสียงทุ้มดังขึ้นจากทางด้านหลัง คุณหญิงศจีที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารเย็นกับแม่บ้านถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย เธอหันกลับไปมองเมื่อเห็นว่าเป็นอนาวินลูกชายเพียงคนเดียวก็ปรับสีหน้าเรียบเฉยแกล้งทำเป็นงอน“ป้าไก่ ได้ยินเสียงนกเสียงกาแถวนี้ไหม”“ได้ยินค่ะ นก กาที่ว่าน่าจะตัวใหญ่ด้วยนะคะ”หญิงแก่แม่บ้านประจำหันไปหาคุณหนูของบ้านแล้วยักคิ้วให้ เพื่อบ่งบอกว่าคุณหญิงของบ้านน้อยใจคนเป็นลูกชายที่แทบจะไม่แวะเวียนกลับมาหาเลย“แม่ครับ อย่าโกรธผมเลย