“เพียงฝัน แกมองอะไร พี่เห็นมองคุณอนาวินตั้งนานแล้วนะ”
พี่นิ่มหัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์บริษัทส่งออกอาหารแช่แข็งอันดับต้นๆของประเทศเอ่ยทักสาวรูปร่างอวบอ้วนที่นั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ของบริษัท เพราะเห็นหล่อนมองตามเจ้าของบริษัทไม่วางตา จนอดทักท้วงไม่ได้
“เปล่าค่ะไม่มีอะไร” เธอยิ้มเขิน ๆ บอกปฏิเสธออกไปซึ่งมันช่างตรงกันข้ามกับท่าทางที่แสดงออกเสียจริง
“ฮั่นแน่ แอบชอบคุณอนาวินใช่ไหม เลิกฝันได้เลยจ้า เรากับเขามันคนละระดับชั้นกัน”
คราวนี้เป็นพี่ฤทัยที่เดินเข้ามาเอ่ยดักคอ เพียงฝันไม่ได้ตอบอะไรได้แค่เพียงส่งยิ้มบาง ๆ ให้แล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
ผู้ชายร่างสูงที่เพิ่งเดินผ่านหน้าไปคือคนที่เธอแอบมองมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน เธอทำได้แค่เฝ้าแอบรัก ไม่กล้าแม้แต่จะเดินผ่านเพียงเพราะเจียมเนื้อเจียมตัวและเข้าใจกับวาสนาที่ตัวเองมี
แม้อนาวินจะเรียนจบออกไปหลายปีแต่เธอไม่เคยลืมหน้าเขาเลยเสียด้วยซ้ำ วันแรกที่มาสมัครงานที่นี่ เธอเจอรูปเขาโชว์หราอยู่หน้าตึกว่าเป็นประธานบริษัท ก้อนเนื้อหัวใจก็กลับมาเต้นอีกครั้ง
วันนั้นเธอตั้งจิตอธิษฐานเบิกบุญเก่าที่เคยทำมาขอให้ได้ทำงานที่นี่ จะตำแหน่งอะไรก็ช่างขอแค่ได้เห็นหน้าเขาทุกวันก็พอแล้วเธอจะรีบฝากบุญใหม่เข้าไปเก็บไว้ใช้ในคราวหน้า
และสิ่งที่หวังไว้ก็สมปรารถนา เธอได้ทำงานที่นี่จริงๆ ซึ่งเธอก็ทำมาได้เกือบ6เดือนแล้ว เพียงแค่เห็นเงาของเขาเพียงฝันก็มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
ยามเย็นหลังเลิกงานหญิงสาวก็รีบตรงดิ่งกลับไปที่บ้านเพื่อไปช่วยแม่เธอเก็บร้านยำมะม่วงสูตรเด็ดที่ใคร ๆ ต่างก็เลื่องลือและมีบ่อยครั้ง ที่พี่ๆในบริษัทมักแวะเวียนมาทิ้งออเดอร์ไว้ จนเธอต้องหิ้วถุงพะรุงพะรังมาทำงานแทบทุกเช้า
“มาแล้ว ๆ รอฝันนานไหม ขอโทษนะที่ฝันมาช้า รถติดอ่าแม่”
ยังไม่ทันที่จะวางกระเป๋าเธอก็รีบเอ่ยปากแก้ตัวกับคนเป็นแม่แล้วเดินไปโอบกอดด้านหลังออดอ้อนราวกับเด็กน้อย
“โอ้ย ยัยฝันแม่จั๊กจี้ปล่อยเลย เห็นไหมว่าแม่กำลังยำมะม่วงปลากรอบให้กับคุณศจีอยู่”
รำพึงหันไปเอ็ดลูกสาวแล้วหันไปเอ่ยขอโทษหญิงวัยกลางคนซึ่งแต่งตัวภูมิฐานกำลังยืนส่งยิ้มมาให้ด้วยความเอ็นดู
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ถือ เห็นแบบนี้แล้วก็อยากมีลูกสาวมาอ้อนบ้าง มีลูกชายคนเดียวก็เอาแต่ทำงาน นาน ๆ จะเจอหน้ากันที”
“ป้าจีมีลูกชายด้วยเหรอคะ รู้จักกันมาเป็นปีไม่เห็นเล่าให้ฝันฟังเลย”
ใบหน้าอวบอิ่มหันไปทำหน้าแป้นแล่นจนศจีอดขำไม่ได้ แต่ทว่าเพียงฝันถึงกับร้องโอ๊ยเมื่อโดนแม่แจกมะเหงกไปหนึ่งที ที่เธอเสียมารยาทกับลูกค้าระดับวีไอพี
“อย่าไปดุแกเลยรำพึง ฉันไม่ถือหรอก ป้ามีลูกชายจ๊ะ ถามทำไมเหรอหรือว่าอยากสมัครมาเป็นลูกสะใภ้” หญิงวัยกลางคนเอ่ยแกมหยอก
“ได้เหรอคะ ถ้างั้นเดี๋ยวหนูไปสู่ขอเลยนะคะ สินสอดให้เป็นกินยำมะม่วงฟรีตลอดชีวิตเลย ดีไหมคะ?”
เพียงฝันหยอกเย้าด้วยความสนุกสนานสร้างเสียงหัวเราะให้กับศจีอยู่ไม่น้อย เธอรู้สึกชอบและเอ็นดูหญิงสาวอยู่ไม่น้อยตั้งแต่แรกที่เห็น แต่พอเหลือบดูป้ายพนักงานที่ห้อยติดคอเพราะเพียงฝันลืมถอดออกก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“หนูฝันทำงานอยู่ที่SG FOODเหรอ”
“ใช่ค่ะ ทำอยู่แผนกต้อนรับค่ะ”
“หนูไม่แปลกใจที่ป้ารู้จักบริษัทนี่เหรอ” ศจีมองหน้าหญิงสาวเพื่อรอคำตอบ
“ไม่เลยค่ะ ใคร ๆ ก็ต้องรู้จักที่นี่อยู่แล้วเพราะมีโฆษณาตามทีวีหรือโซเชียลออกบ่อยค่ะ”
เพียงฝันตอบไปก็หยิบจับช่วยคนเป็นแม่เอาของใส่ถุงให้ลูกค้า หญิงสาวยกมือไหว้ร่ำลาเมื่อมองเห็นรถที่ศจีนั่งประจำมาจอดรอรับอยู่ถนนฝั่งตรงข้ามนานแล้ว
“แม่ แล้วยัยฟ้ายังไม่กลับจากโรงเรียนอีกเหรอ นี่ก็เย็นมากแล้วนะ”
หลังจากที่ลูกค้าคนสุดท้ายเดินออกจากร้านไปและเธอก็ช่วยคนเป็นแม่เก็บร้านเกือบเสร็จเหลือบมองดูนาฬิกาบนข้อมือก็เห็นว่าล่วงเลยเวลาเลิกเรียนมานานแล้ว
“ฟ้าอยู่นี่ค่ะ เพิ่งมาถึง”
เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มสวมชุดมัธยมปลายเดินถือกระเป๋าเหงื่อท่วมตัวตะโกนบอกมาแต่ไกลเพราะเธอได้ยินแว่ว ๆ เหมือนกำลังเอ่ยถึงตนเองอยู่
“แม่ ฝันถามจริงๆเถอะ ฝันกับยัยฟ้านี่พ่อเดียวกันไหม ทำไมน้องสาวหนูมันสวยขนาดนี้เนี่ยแล้วดูฝันสิ อย่างกับตุ่มเดินได้”
เพียงฝันหันไปถามคนเป็นแม่ พร้อมกับยื่นมือไปหยิกแก้มน้องสาวด้วยความหมั่นเขี้ยว เพียงฟ้าถึงกับร้องโอ้ยออกมาแล้วตีไปที่แขนพี่สาวเบา ๆ
“ฟ้าเจ็บนะพี่ฝัน ถามแบบนี้อีกล่ะ ก็ดูพี่ฝันดิ กินเก่งอย่างกับนักแข่งกินจะไม่ให้อ้วนได้ไง”
“ก็จริงของน้องมัน ชาวบ้านเขากินกันทีละจาน แต่แกกินทีละหม้อ”
รำพึงหันไปพูดสำทับลูกสาวคนเล็กแล้วส่ายหัวให้ เพียงฝันจึงเข้ามาเกาะแขนคนเป็นแม่
“ก็ใครบอกให้แม่ทำกับข้าวอร่อยล่ะคะ ฝันเสียดายของอ่า”
“แบบนี้ทุกทีแล้วก็บ่นว่าตัวเองอ้วน”
“พูดแล้วมาย้อน ว่าแต่แกเถอะ ที่วันนี้มาช้า ไปรวมกลุ่มกับเพื่อนปั่นวิววงGET7มาใช่ไหม ฉันรู้นะ”
คราวนี้เพียงฝันรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีแล้วหรี่ตาจ้องจับผิดน้องสาว เพราะเธอรู้ดีว่าเพียงฟ้าชอบนักร้องเกาหลีวงนี้มาก ๆ แม้ปีที่แล้ววงนี้จะประกาศหมดสัญญากับค่ายเพลงเก่าแต่พวกเขาก็ให้สัญญากับแฟนคลับว่าจะกลับมาแล้วพวกเขาก็กลับมาจริง ๆ พร้อมกับอัลบั้มใหม่และสังกัดค่ายเพลงใหม่
ภายในซอกซอยของตึกกรุงทองย่านประตูน้ำซึ่งถือว่าเป็นแหล่งรวมเสื้อผ้าแฟชั่นส่งออกไปทั่วประเทศร่างบางของเพียงฟ้ากำลังกวาดสายตามองหาชุดเดรสให้กับคนเป็นพี่สาวซึ่งตอนนี้กำลังเดินหรือคลานต้วมเตี้ยมอยู่ด้านหลัง"พี่ฝันไหวไหมเนี่ย ถ้ารู้ว่าตัวเองยังเจ็บอยู่ก็น่าจะมาดูวันหลัง”“พี่ไหวน่า จะมาดูวันหลังอะไร งานเลี้ยงบริษัทจะเริ่มมะรืนนี้อยู่แล้ว”เพียงฝันย่นคิ้วใส่น้องสาวเล็กน้อยถ้าไม่อยากได้เงินซื้ออัลบั้มวงโปรดเธอมั่นใจได้เลยว่ายัยน้องสาวตัวแสบคงไม่มาเลือกซื้อเสื้อผ้าเป็นเพื่อนแน่นอนหญิงสาวเองก็ไม่รู้ว่าจะไปหาเลือกซื้อเสื้อผ้าไซน์ขนาดเธอได้จากที่ไหนก็เลยจำใจนั่งรถเมล์มาซื้อที่นี่แทน“พี่ฝันตัวนี้สวยมากเลยอ่า เข้ากับตรีมงานเดรสสีฉูดฉาดพอดีเลย”เพียงฟ้าจูงแขนคนเป็นพี่สาวไปยังร้านเสื้อร้านหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าซึ่งตัวคนขายเองก็ยืนต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเดรสสีเขียวเหมือนเหล้าชาร์ทรุสที่โชว์อยู่บนหุ่นจำลองช่างสะดุดตาเธอยิ่งนัก ช่วงแขนถูกออกแบบให้เปิดไหล่แขนยาวเกือบถึงศอก ส่วนหน้าอกเป็นรูปโบคล้าย ๆเกาะอก ใต้หน้าอกเว้าโชว์ให้เห็นส่วนพุงเล็กน้อย ตัวกระโปรงยาวถึงเข่า“อือ ตัวนี้สวยมากเลยอ่า งั้นเอาตัวน
พี่นิ่มที่เดินกลับมาจากห้องน้ำได้ยินเรื่องที่สองสาวกำลังสนทนาจึงเอ่ยบอกเรื่องนี้อีกครั้ง“ฝันไม่อยากจะใส่เลยกระโปรงเนี่ย เดินก็ยากทำอะไรก็ไม่สะดวก”ใบหน้าหวานง่ำลงพร้อมกับบุยปากคว่ำแค่คิดว่าต้องแต่งตัวเธอก็ท้อเสียแล้วเพราะโดยปกติเธอไม่ค่อยแต่งตัวเสียสักเท่าไร บางวันมาทำงานยังเป็นอีเพิ้งหัวฟูอยู่เลยแล้วนี่ต้องไปหาเลือกชุดมาใส่ไปงานอีกสามสาวพูดคุยกันได้ไม่นานก็ปรากฎร่างระหงของสาวสวยมายืนอยู่ตรงหน้าผมยาวตรงถูกปล่อยสยายลงกลางหลัง ตรงใบหน้าแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางอ่อน ๆ แต่ปากเรียวหยักกลับแต่งแต้มด้วยสีแดงเข้มให้ดูโดดเด่น“สวัสดีค่ะ ฉันมาพบคุณอนาวิน ไม่ทราบว่าเขาอยู่ไหมคะ”“คะ คุณลิตา”พี่ฤทัยถึงกับพูดตะกุกตะกักเมื่อเห็นว่าสาวสวยที่เอ่ยถามเป็นใคร ในประเทศนี้จะมีใครไม่รู้จักเธอบ้าง“รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวดิฉันติดต่อเลขาคุณอนาวินให้”เพียงฝันตอบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ เพราะเธอเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันกับอนาวินตั้งแต่สมัยเรียนจนมีข่าวลือว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน แต่ปัจจุบันก็คงเป็นแค่เพื่อนนั่นแหละเพราะหล่อนเองก็ประกาศว่ามีคู่แล้วเพียงฝันต่อสายไปยังเลขาฯหน้าห้องทันทีเมื่อได้คำตอบแล้วเธอจึงหัน
“คนไข้ไม่เป็นอะไรมากนะครับ แค่ข้อเท้าเคล็ดนิดหน่อย เวลาเดินอย่าลงน้ำหนักไปที่เท้ามากเกินไปสองสามวันก็น่าจะหาย”หมอหนุ่มวัยกลางคนเอ่ยบอกเพียงฝันเมื่อตรวจดูอาการและ ผลเอ็กซ์เรย์แล้วก็เห็นว่าคนไข้อาการปกติไม่มีส่วนไหนแตกหัก“โล่งอกไปทีค่ะ ฝันนึกว่าจะเดี้ยงจนต้องเข้าเฝือกซะแล้ว”เธอยิ้มเจื่อน ๆ แล้วปลายตามองร่างสูงที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ไม่ไกลหากเธอเป็นอะไรไปมากกว่านี้มีหวังคงโดนเขาเขมือบลงท้องแน่ ๆ เพราะทั้งวันเธอกับเขาเจอกันทีไรก็มีเรื่องทุกที“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมพาคนไข้กลับบ้านได้แล้วใช่ไหมครับ”“ครับ เดี๋ยวผมสั่งยาให้กลับไปทานแล้วก็ทา”อนาวินพยักหน้าให้แล้วก็เดินนำออกไปโดยให้พยาบาลสาวเป็นคนเข็นรถที่มีเพียงฝันนั่งอยู่ตามออกไป“เอ่อ คุณอนาวินกลับไปก่อนก็ได้นะคะ รับยาเสร็จแล้วเดี๋ยวฝันกลับเองได้ค่ะ แล้วก็ฝันขอโทษสำหรับเรื่องวันนี้ด้วยนะคะ”หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ขอโทษแต่สายตาก็ยังคงหลุบมองพื้นไม่กล้าสบตาโดยตรง“แน่ใจเหรอว่าจะกลับเองได้ เท้าก็เจ็บเดินก็ไม่ถนัด”อนาวินจ้องมองคนเจ้าปัญหาตาไม่กระพริบ ไม่รู้ว่าเป็นวันอะไรกันแน่ที่ทำให้เขาเจอแต่เรื่องกับคนเดิม ๆแค่คิดเขาก็ถอนหายใจออกมาเสียง
ทางด้านอนาวินเมื่อก้าวขาพ้นประตูลิฟต์เจ้าตัวเดินออกมาพร้อมกับกลิ่นพริก กลิ่นน้ำปลา จนเลขาสาวหน้าห้องถึงกับต้องยกมือขึ้นอังจมูกตัวเองเล็กน้อย แต่สายตาก็ชำเลืองมองคนเป็นนายเพื่อไม่ให้เสียมารยาท“เดี๋ยวคุณช่วยส่งชุดนี้ไปซักให้ผมด้วยนะ”อนาวินเปิดประตูห้องทำงานออกมาพร้อมกับยื่นถุงกระดาษที่มีชุดสูทอยู่ข้างในให้กับเลขา ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนเป็นชุดสูทตัวใหม่เรียบร้อยแล้ว โชคยังดีที่ด้านหลังโต๊ะทำงานเขา เป็นห้องส่วนตัวที่ตบแต่งคล้ายห้องชุดในคอนโดเอาไว้นอนเวลาที่เขาต้องอยู่ทำงานดึกดื่นจนขับรถกลับไม่ไหว จึงทำให้มีเสื้อผ้าติดไว้เปลี่ยนเวลาจำเป็นอยู่บ้าง“แล้วเรียกคุณบวรขึ้นมาพบผมด้วย”ก่อนจะหันหลังกลับเขาก็ยังหันไปสั่งกำชับงานเพิ่มอีก เลขาสาวได้แต่พยักหน้ารับคำ แล้วรีบต่อสายหาลูกน้องมือขวาของท่านประธานทันที เธอไม่กล้าตอบโต้เจ้านายมากนักเพราะรู้สึกได้ว่าท่านกำลังอารมณ์ไม่ค่อยดี“คุณอนาวินเรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ แต่ถ้าจะถามเรื่องพนักงานหญิงเมื่อเช้า ผมจัดการเรียบร้อยแล้วนะครับ เธอเซ็นเตือนเรียบร้อยแล้ว”บวรไม่ต้องรอให้คนเป็นเจ้านายถามเขารีบชิงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อนเพราะดูจากสีหน้าแล้วอนาวินคงยั
ช่วงเช้าวันใหม่เพียงฝันจอดรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจที่ขับขี่มาจากบ้าน พอถึงที่ทำงานก็ต้องรีบจอดให้เร็วที่สุดเพราะวันนี้เธอออกจาบ้านมาก็สายมากแล้ว เหลือบมองดูนาฬิกาบนข้อมือก็เหลือเวลาอีกแค่5นาทีเท่านั้นก็จะถึงเวลาสแกนนิ้วเข้าทำงานสองมือหอบหิ้วถุงยำมะม่วงที่แยกน้ำแยกเนื้อมาอย่างพะรุงพะรัง ผมเผ้าที่แห้งสนิทแต่ชี้ฟูกระเซอะกระเซิงไม่ได้มัดรวบให้เรียบร้อยเพราะเมื่อเช้าเธอสระผมมา ไม่ได้ไดร์ให้แห้งจึงอาศัยลมธรรมชาติจากการขับรถมาทำงานเป่าให้แห้งเสียเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลาสองเท้าอวบเร่งฝีเท้าเพื่อให้ทันเวลา ความเร่งรีบทำให้เธอไม่ทันได้มองว่ามีร่างสูงของใครอีกคนกำลังเดินสวนมาจากอีกทาง“ปั๊ก!”เพียงฝันชนเข้ากับผู้ชายตรงหน้าอย่างจังจนล้มลงก้นจ้ำเบ้าถุงน้ำยำที่รำพึงแยกมาให้ตกลงแตก ทำให้น้ำปลาร้าหกเลอะเทอะส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ“โอ๊ย เดินยังไงเนี่ยไม่ดูตาม้าตาเรือดูสิของฉันตกแตกเสียหายหมดเลย”น้ำเสียงขุ่นสบถด่าออกมาโดยที่ไม่ได้เงยหน้ามอง จะไม่ให้เธอโมโหได้อย่างไร ของที่จะนำส่งลูกค้าดันเสียหาย แถมเธอยังต้องถูกหักเงินที่เข้างานสายอีกด้วย“เสียหายมากไหม”“ก็มากนะสิ...”เธอตอบกลับทันควันพร้อมกับเ
“สมกับเป็นพี่สาวที่แสนดีของน้องจริง ๆ รู้ใจไปหมดทุกอย่าง แต่ถ้าจะให้ดีขอเงินซื้ออัลบั้มหน่อยนะ”เพียงฟ้าส่งสายตาปริบ ๆ ให้กับคนเป็นพี่ แต่ทว่าคนเป็นพี่กลับแกล้งไม่ได้ยินแล้วเดินหนีเข้าบ้าน แต่มีหรือคนอย่างเพียงฟ้าจะยอม จึงเดินตามไปอ้อนเพื่อขอในสิ่งที่อยากได้รำพึงมองตามลูกสาวสองคนทั้งยิ้มทั้งส่ายหัว เธอดีใจที่ลูกสาวสองคนรักกันแน่นแฟ้น หากสามีเธอไม่ได้ตายจากอุบัติเหตุเมื่อสิบปีก่อน เขาคงต้องภูมิใจและดีใจมากแน่ ๆ ที่ลูกทั้งสองคนเป็นเด็กดีไม่เคยทำเรื่องอะไรให้คนเป็นแม่เสียใจสักครั้ง“วันนี้คุณแม่อารมณ์ดีจังเลยนะครับ ผมได้ยินเสียงฮัมเพลงตั้งแต่ทางเข้าประตูบ้าน”เสียงทุ้มดังขึ้นจากทางด้านหลัง คุณหญิงศจีที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารเย็นกับแม่บ้านถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย เธอหันกลับไปมองเมื่อเห็นว่าเป็นอนาวินลูกชายเพียงคนเดียวก็ปรับสีหน้าเรียบเฉยแกล้งทำเป็นงอน“ป้าไก่ ได้ยินเสียงนกเสียงกาแถวนี้ไหม”“ได้ยินค่ะ นก กาที่ว่าน่าจะตัวใหญ่ด้วยนะคะ”หญิงแก่แม่บ้านประจำหันไปหาคุณหนูของบ้านแล้วยักคิ้วให้ เพื่อบ่งบอกว่าคุณหญิงของบ้านน้อยใจคนเป็นลูกชายที่แทบจะไม่แวะเวียนกลับมาหาเลย“แม่ครับ อย่าโกรธผมเลย