Share

บทที่9

last update Last Updated: 2025-03-05 19:52:10

กริ๊ง

เสียงประตูร้านที่ดังขึ้นยามเมื่อมีคนเปิดประตูเข้ามาทำให้ พนักงานที่อยู่ในร้านหันมามองก็เห็นเจ้านายสาวของตัวเองเดินเข้ามาด้วยสภาพที่ไม่ว่าดูยังไงคนที่เป็นเจ้านายก็สวยอย่างหาที่ติไม่ได้ แต่ครั้งนี้คงจะไม่ใช่เมื่อสายตาของลูกน้องเห็นรอยแดงช้ำตรงแขนทั้งสองข้าง

"คุณปิ่น แขนไปโดนอะไรมาคะเนี้ย"

"เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ เดี๋ยวขนมช่วยไปซื้อยามาให้ฉันหน่อยนะนี่จ้ะเงิน"ธนาบัตรใบสีม่วงถูกยื่นไปให้พนักงานภายในร้าน ทั้งที่เจ็บแขนแทบยกขึ้นไม่ไหวแต่เธอก็ต้องแสดงสีหน้าเรียบนิ่งเอาไว้

"ค่ะ เดี๋ยวขนมจะรีบไปซื้อมาให้เลยค่ะ"

"เดี๋ยวจ้ะขนม เอายาถุงนี้ไปทิ้งด้วยนะมันใกล้จะหมดอายุแล้วฉันไม่อยากใช้ กลัวเป็นผื่นคัน"

"ได้ค่ะคุณปิ่น"ขนมรับถุงจากมือของเจ้านายก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปซื้อยาให้ผู้เป็นนายจากร้านขายยาที่อยู่ไม่ไกล

ปิ่นมุกเดินเข้ามานั่งบนโซฟาภายในห้องทำงานก่อนจะยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาดู รอยแดงช้ำในตอนนี้มันคงจะอยู่ติดตัวของเธอไปหลายวันเอาเป็นว่าตอนนี้เธอคงจะไม่เข้าไปในบ้านใหญ่สักพัก และเธอก็ภาวะนาให้รอยช้ำที่แขนทั้งสองข้างหายทันก่อนที่จะถึงวันแต่งงานภายในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า ฤกษ์ที่แม่ของขุนเขาหามามันตรงกับอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าพอดีซึ่งโชคชะตาเล่นตลกก็เธอหรือเปล่าก็ไม่รู้เมื่อวันแต่งงานของเธอดันตรงกับวันแห่งความรัก 'วันวาเลนไทน์' วันที่คนสองคนที่เป็นคนรักจะได้มีความสุขร่วมกับแต่มันกลับไม่ใช่ความสุขของเธอ อำนาจเงินสามารถบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างให้แล้วเสร็จ ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ชุดแต่งงานที่ส่งตรงมาจากฝรั่งด้วยอภินันทนาการจากแม่สามีที่ใจดี สั่งให้นักออกแบบชุดแต่งงานชื่อดังตัดชุดเจ้าสาวให้เธอโดยมีการออกแบบที่ไม่เหมือนและซ้ำกับใคร เธอควรดีใจใช่ไหมที่จะได้แต่งงานกับลูกชายเจ้าสัวที่มีสมบัติไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนล้าน

"นี่ค่ะคุณปิ่นยา หนูซื้อทั้งยาทาแล้วก็ยาทานมาให้เลยนะคะ"

"ขอบใจจ๊ะ"

"แขนคุณปิ่นไปโดนอะไรมากันคะเนี่ย ดูสิช้ำหมดเลย แต่ดู ๆ แล้วเหมือนรอยนิ้วมือเลยนะคะ"

"ชั่งมันเถอะจ้ะ ขนมไปทำงานเถอะฉันไม่เป็นอะไรแล้ว"ตอนนี้เธออยากจะอยู่คนเดียวเสียมากกว่า สายตาของขนมมองมายังที่เจ้านายด้วยความเป็นห่วง

"ถ้าอย่างงั้นขนมไปทำงานก่อนนะคะ ถ้าคุณปิ่นเจ็บตรงไหนตะโกนเรียกขนมได้เลยนะคะ"น้ำเสียงที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงทำให้ปิ่นมุกอดที่จะซาบซึ้งในความเป็นห่วงของพนักงานคนนี้ไม่ได้

"ขอบใจมากนะขนมที่คอยเป็นห่วงฉัน"

"ไม่เป็นอะไรค่ะ คุณปิ่นเป็นทั้งเจ้านายและพี่สาวที่ขนมนับถืออีก"

"ขนมไปทำงานเถอะถ้าฉันต้องการอะไรเดี๋ยวฉันจะออกไปเรียกเอง"

"ค่ะ"หลังจากที่ขนมเดินออกไปเธอก็หันมาสนใจกับรอยช้ำบนเรียวแขนของตัวเอง หลังจากที่เธอจัดการทายาและทานยาเสร็จก็ถึงเวลาที่จะต้องลุยงานที่ยังค้างคาให้แล้วเสร็จ เพราะอีกไม่ถึงสองเดือนเธอจะเปิดตัวเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ แถมครั้งนี้เธอจะจัดให้มีการเดินแบบเพื่อขยายธุรกิจเสื้อผ้าของเธอให้ครอบคลุมกับผู้คนทุกวัยได้รู้จักเสื้อผ้าที่เธอเป็นคนออกแบบและตัดเย็นเองให้มากขึ้น

"สู่ ๆ นะปิ่นมุก เธอต้องทำได้"นี่คือคำพูดที่เธอมักจะพูดกับตัวเองเป็นประจำก่อนที่จะเริ่มลงมือทำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก

"ขุนคะ ทำไมวันนี้ขุนไม่มาหารุ้งล่ะคะ"เสียงออดอ้อนที่ดังมาตามสายทำเอาคนที่นั่งดูเอกสารอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานถึงกับใจสั่น เสียงออดอ้อนของแฟนสาวนั้นมันทำให้เขาอยากจะทะลุเข้าไปในโทรศัพท์เพื่อไปหาเธอ

"วันนี้ขันเข้าบริษัทครับ รุ้งไม่งอแงนะครับคนดีของขุน"

"แต่ว่ารุ้งอยากเจอขุนตอนนี้นี่หน่า ขุนมารุ้งนะคะรุ้งคิดถึงขุนจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว ซี๊ด อ๊า"

"ทุเรศไปไหมยะหล่อน เป็นสาวเป็นแซ่แต่กลับเชิญชวนให้ผู้ชายไปหาถึงที่ หน้าไม่อาย"แม่ของขุนเขาที่ไม่รู้เดินเข้ามาในห้องทำงานตอนไหนคว้าโทรศัพท์ของลูกชายขึ้นมาถือไว้ก่อนที่จะตะโกนใส่โทรศัพท์ของลูกชายจนปลายสายแทบจะยกโทรศัพท์ออกจากหูไม่ทัน

"อุ้ย คุณหญิงแม่เองเหรอคะนึกว่าใครสวัสดีค่ะ"

"แกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่ ฉันไม่มีลูกอย่างแกนางตอแหล"

"กรี๊ดนี่คุณแม่กล้าด่ารุ้งอย่างนั้นเหรอคะ"

"ทำไมฉันจะไม่กล้าด่า กะอีแค่ผู้หญิงชอบยุ่งกับสามีคนอื่น"

"เอ่อแค่นี้ก่อนนะครับรุ้งเดี๋ยวขุนจะโทรหาใหม่"คุณหญิงกิ่งกาญจน์มองลูกชายตัวดีที่แย่งโทรศัพท์จากมือเธอไปด้วยความโกรธ ใช่เธอโกรธเป็นอย่างมากที่ลูกชายของเธอยังอาลัยอาวรณ์แม่นางแบบนั้นทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ลูกชายของเธอมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้ว

"คุณแม่ครับ"

"ไม่ต้องมาเรียกแม่ว่าแม่ถ้าลูกยังไม่เลิกกับนางม่านรุ้ง"คุณหญิงกิ่งกาญจน์สะบัดหน้าหันไปมองทางอื่น นี่ถ้าเธอไม่เข้ามาหาลูกชายที่บริษัทแม่นางแบบนั้นก็คงลากตัวลูกชายของเธอไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

"คุณพ่อกับคุณแม่อคติอะไรกับรุ้งเธอนักหนาครับ ทำไมถึงเอาแต่บอกให้ผมเลิกกับเธอ ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นคนดีไม่เคยคิดร้ายอะไรกับใคร"

"เหอะ นี่ลูกกำลังเห็นกรงจักรเป็นดอกบัวรู้หรือเปล่าขุนเขา แม่นั่นมันไม่ได้รักลูกจริงมันหวังแค่เพียงเงินจากลูกเท่านั้น"

"แต่ที่ผ่านมารุ้งไม่เคยขออะไรจากผมเลยนะครับ"ตลอดเวลาที่คบกันมาม่านรุ้งไม่เคยขอหรืออยากจะได้อะไรจากเขาเลย มีแต่เขาที่มอบทุกสิ่งให้กับเธอเองโดยที่เธอไม่เคยได้เอ่ยปากขออะไรสักอย่าง

"ก็เพราะลูกประเคนให้มันเองทุกอย่างไง แม่ไม่เข้าใจเลยนะขุนทำไมลูกถึงได้รักแม่นี่นักหนา ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ลูกมีหนูปิ่นเป็นภรรยาอยู่แล้ว"เกิดความเงียบภายในห้องทำงานโดยทันที สองแม่ลูกต่างมองหน้ากันอย่างไม่ยอมละสายตา จนเป็นขุนเขาเองที่ทนต่อสายตาที่รุ่นแรงของผู้เป็นแม่ไม่ไหวจนต้องเบื่อนหน้าหนี

"แม่ขอสั่งให้ลูกเลิกกับแม่นางแบบนั่น แล้วเย็นนี้ลูกต้องไปรับหนูปิ่นไปส่งที่บ้านด้วย อย่าขัดคำสั่งของแม่ ลูกก็รู้ว่าไม่มีใครขัดคำสั่งแม่ได้แม้แต่คุณพ่อ"ขุนเขาถึงกับถอนหายใจออกมา แววตาคมกริบของผู้เป็นแม่มันทำให้เขาไม่กล้าที่จะปฎิเสธ อำนาจทุกอย่างภายในบ้านคุณหญิงกิ่งกาญจน์คือคนที่อยู่เหนือว่าทุกคนไม่เว้นแม้แต่สามียังต้องเชื่อฟัง

"ว่าไงตาขุนเย็นนี้จะไปรับหนูปิ่นตามที่แม่บอกไหม"

"ไปครับ"

"ดี แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้แม่อยากให้ลูกพาหนูปิ่นไปทานข้าวที่ร้านอาหารหรู ๆ บรรยากาศโรแมนติก ๆ กันแบบสองต่อสองจะได้ไหม"แล้วคนอย่างขุนเขาจะเลือกอะไรได้บ้างไหมนอกเสียจาก

"ครับคุณแม่"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมียที่ไม่ต้องการ   บทที่63

    "พี่จัดการตามที่เห็นสมควรได้เลยครับ" "แกไม่ติดใจอะไรกับผู้หญิงคนนั้นแล้วแน่นะ"ปลายสายถามอย่างต้องการความแน่ใจ "หึ ไม่แล้วล่ะครับ ผู้หญิงแบบนั้นผมคงไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อนร่วมโลกแล้วล่ะครับ"นัยน์ตาอ่อนแสงมองแผ่นหลังขาวนวลของผู้เป็นภรรยา ริมฝีปากหยักหนาขยับพูดกับคนในที่อยู่ในสายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก "แกใจเด็ดมากเลยรู้ไหมขุนเขา ฉันล่ะยอมรับในตัวของแกจริง ๆ " "อะไรที่ทำให้พี่คิดแบบนั้นครับ"ดวงตาคมกริบยังคงทอดมองไปยังร่างอุ้ยอ้ายของภรรยาที่กำลังอุ้มท้องลูกชายวัยเจ็ดเดือนของเขาอยู่ ใบหน้าสวยของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มหวานเมื่อได้ออกมาเที่ยวพักผ่อนหลังจากนอนอุดอู้อยู่แต่บ้านเพราะด้วยอาการแพ้ท้องมาหลายเดือน สองเท้าเรียวเล็กถูกสวมด้วยรองเท้าแตะสีเดียวเข้ากับชุดคลุมสีขาวเดินก้าวไปตามหาดทายสีขาว ด้านหน้าของเธอนั้นคือท้องทะเลสีครามกับบรรยากาศในช่วงเย็น และอีกไม่กี่นาทีดวงตะวันก็คงจะลาลับขอบฟ้าก่อนจะเปลี่ยนท้องฟ้าให้เป็นแสงจันทราแทน "ไม่รู้สิ แต่ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นก็คงยังมีความรู้สึกดี ๆ หลงเหลือให้กับแฟนเก่าอยู่บ้าง" "ความรู้สึกพวกนั้นมันตายจากผมไปหมดแล้วครับ ตั้งแต่เรื่องที่เ

  • เมียที่ไม่ต้องการ   บทที่62

    ความเงียบยังคงปกคลุมภายในห้องรับแขกเมื่อทั้งสองครอบครัวต่างนั่งมองหน้าสบตากันด้วยความหนักใจ เห็นแต่จะมีเพียงขุนเขาคนเดียวที่นั่งกระสับกระส่ายอย่างคนร้อนรุ่มอยู่ในใจ "ทุกคนเงียบกันทำไมครับ ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่มีความคิดที่จะหย่ากับปิ่นเลยสักนิด ทุกคนก็รู้ ปิ่นเองก็รู้ดีว่าผมรักปิ่น"แววตาของเขาฉายแววแน่วแน่ยามเมื่อลอบมองเธอ "ขุนเขา ใจเย็น ๆ แล้วฟังหนูปิ่นพูดก่อนนะลูก" "เมียกำลังจะขอหย่าจะให้ผมใจเย็นได้ยังไงครับแม่"คุณหญิงกิ่งกาญจน์ถึงกับมีสีหน้าหนักใจ ไม่รู้วันนี้ลูกชายของตัวเองไปกินอะไรผิดสำแดงมา ถึงค้านหัวชนฝาไม่ฟังความอะไรเลย "ไอ้ขุน พ่อว่าแกใจเย็น ๆ ตามที่แม่แกบอกก่อนนะ แกเงียบปากให้หนูปิ่นได้พูดอะไรบ้าง แกเอาแต่แหกปากโวยวายแล้วหนูปิ่นจะมีโอกาสพูดได้อย่างไร" "พ่อไม่เป็นผมพ่อไม่เข้าใจหรอกว่าการที่จะต้องถูกเมียทิ้งมันเจ็บปวดขนาดไหน" "เห้อ อาการหนักแล้วลูกกู"เจ้าสัวรังสิมันต์ถึงกับถอนหายใจออกมาพร้อมกับส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับการคิดเองเออเองของเจ้าลูกชาย "ขุนเขาลูก นั่งลงก่อนนะคะเด็กดี"คำพูดเปรียบดั่งสายน้ำเย็นเฉียบของคุณหญิงเพียงเพ็ญทำเอาคนเจ้าอารมณ์เริ่มสงบนิ่งลง เธอรู้ดีว่าการ

  • เมียที่ไม่ต้องการ   บทที่61

    คำบอกรักในคืนวันนั้นก่อเกิดเป็นความรักอันแสนเปี่ยมล้นในวันนี้ ช่วงเวลาชั่งพัดผ่านไปเร็วเสียจริง ๆ แต่ก็นั่นเถอะความรักของทั้งเขาและเธอก็ยังคงมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง ความกังวลหายไปจากใจเมื่อความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายถูกเปิดเผยกันออกมาอย่างหมดเปลือก ความรู้สึกของทั้งคู่ที่คิดตรงต่อกันนั้นมันทำให้ทั้งสองเปิดใจศึกษาเรียนรู้การใช้ชีวิตคู่มากยิ่งขึ้น ดวงตากลมโตมองแท่งสีขาวที่อยู่ในมือ ไออุ่นไร้รูปร่างที่ไม่อาจจะบรรยายได้เอ่อล้นขึ้นมาเติมหัวใจทีละเล็ก ขีดสีแดงสองขีดนั้นมันทำให้คนที่กำลังจะได้เป็นแม่ถึงกับน้ำตาเอ่อคลอ ฝ่ามือเรียวเล็กอันสั่นเทาค่อย ๆ ยกขึ้นมาวางนาบบนหน้าท้องแบบราบซึ่งตอนนี้กำลังมีเจ้าก้อนความรักของเธออยู่ในนั้น หลังจากความเลวร้ายผ่านพ้นไป ชีวิตเธอก็เปรียบเหมือนเจ้าหญิงในนิยายที่มีเจ้าชายคอยดูแลเป็นอย่างดี ใครเล่าจะคิดว่าผู้ชายไม่เอาไหนอย่างขุนเขา จะเข้าไปบริหารงานในบริษัทจนทำให้ตอนนี้ตนเองเป็นที่ยอมรับของคณะกรรมการและผู้บริหารคนอื่น ๆ เมื่อเขาสามารถทำให้มูลค่าของกำไรไตรมาสของปีนี้เพิ่มขึ้นได้อีกเท่าตัว นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง สร้างความภูมิใจให้กับเจ้าสัวรังสิมันต์แ

  • เมียที่ไม่ต้องการ   บทที่60

    "นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ห้ะ แล้วนี่พี่มาเมืองไทยเมื่อไหร่ทำไมไม่บอกผม"ฝ่ามือหนายกขึ้นมาเท้าสะเอว น้ำเสียงติดเข้มเอ่ยถามลูกพี่ลูกน้องของตัวเองที่ยืนเก๊กหล่อจิบเหล้าอย่างสบายใจ "ก็แค่มาพักผ่อน อีกสองสามวันเดี๋ยวก็กลับ" "อย่ามาโกหก คนที่มีงานกองเป็นภูเขาจนท่วมหัวอย่างพี่น่ะหรือจะมีเวลามาพักผ่อน"ดวงตาคมกริบมองพี่ชายด้วยสายตาจับผิด คนอย่างเซบาสเตียนเจ้าพ่อมาเฟียนะหรือมีเวลาว่างมาพักผ่อนถึงเมืองไทย ใครจะไปเชื่อลง "ตั้งแต่มีเมียรู้สึกว่าแกฉลาดมากขึ้นเลยนะขุนเขา" "นี่พี่คงไม่กำลังหลอกด่าผมอยู่ใช่หรือเปล่า" "ก็แล้วแต่แกจะคิด"เซบาสเตียนยกไหล่ทั้งสองข้าง ฝ่าเท้าใหญ่ก้าวมายังโซฟาสีขาวตรงกลางห้อง ร่างกำยำกระแทกตัวนั่งลงจิบเหล้าในแก้วอย่างสบายใจ ต่างจากน้องชายอีกคนที่ยืนมองเขาหน้าตูม "พี่ใช่ไหมที่เป็นคนส่งข้อความบ้า ๆ นั่นไปหาผม" "ใช่ ฉันเป็นคนส่งไปเอง"คำตอบของเซบาสเตียนทำเอาอารมณ์ของขุนเขาเดือดพล่าน ขายาว ๆ ทั้งสองข้างก้าวมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าด้วยสายตาโกรธเคืองอย่างถึงขีดสุด มือที่ถือปืนถึงกับเกิดอาการสั่นจนทำเขาต้องควบคุมมันเอาไว้ "แล้วตอนนี้เมียผมอยู่ที่ไหน พี่ได้ทำอะไรเธอหรือเปล่า" "แ

  • เมียที่ไม่ต้องการ   บทที่59

    "พวกโง่ แค่เมียกูคนเดียวยังไม่มีปัญญาหาเจอ"ใบหน้าสง่างามของขุนเขาเต็มไปด้วยความดุร้าย แววตาเกรี้ยวกราดกวาดมองลูกน้องของตัวเองที่เรียงแถวยืนก้มหน้าไม่กล้าสบสายตา ภายในห้องรับแขกชั่งร้อนระอุดังกับมีเปลวเพลิงสุมอยู่ เหล่าลูกน้องแทบจะก้มหน้าจนติดกับพื้น เมื่อเจ้านายตัวเองมองพวกเขาราวกับจะฉีกออกเป็นชิ้น ๆ "พวกผมขอโทษครับนาย แต่แถวนั้นมืดมากเราไม่สามารถเห็นรถต้องสงสัยหรือว่าสิ่งที่น่าเป็นพิรุธได้เลยครับ" "ดึกแบบนั้นมันจะมีรถกี่คันวิ่งออกจากโรงแรมล่ะไอ้พวกโง่ ไปเลยนะพวกมึงไปตามหาตัวของเมียกูให้เจอ ถ้าพวกมึงไม่เจอก็อย่ากลับมาให้กูเห็นหน้าอีก"สีหน้าดุร้ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อของเราลูกน้อง ทำเอาการ์ดนับสิบต้องรีบวิ่งออกไปจากห้องรับแขก "ไอ้พวกโง่"ร่างหนาใหญ่กระแทกตัวลงนั่งลงบนโซฟาอย่างกลัดกลุ้มใจ เพราะไม่รู้ว่าเมียของเขาหายตัวไปไหน เดินกลับมาที่รถก็เห็นข้าวของมากมายหล่นกระจายอยู่ข้างรถ ไร้วี่แววของคนเป็นภรรยา ในใจมันร้อนรุ่มกลัวว่าอีกคนจะเป็นอะไรหรือจะได้รับอันตราย จนต้องเกณฑ์ลูกน้องออกตามหา แต่มันก็ช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน เพราะมุมจอดรถของเขากล้องวงจรปิดดันมาเสีย แถมลานจอดรถตอนนั้นยังไร้

  • เมียที่ไม่ต้องการ   บทที่58

    ย้อนกลับไป ยามรุ่งเช้าของวันเดียวกัน ณ โกดังท่าเรือส่งสินค้า ของ ตระกูล สุริยะศิวา ซ่า น้ำสีขุนถังใหญ่ถูกสาดลงไปบนร่างเย้ายวนของคนหลับใหลอยู่บนพื้น ความเย็นบวกกับกลิ่นเหม็นทำให้คนที่นอนหลับอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ กรี๊ด "อ๊าย นี่มันอะไรกับเนี่ย ไอ้พวกบ้าพวกแกเล่นอะไรกัน"เสียงกรีดร้องโวยวายตามเมื่อได้ลืมตาตื่น ร่างเปียกปอนลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบากเพราะว่ามือทั้งสองข้างถูกจับไขว้หลังมัดติดกันเอาไว้ กรี๊ด "นี่มันอะไรกัน พวกแกมันฉันไว้ทำไม แก้มัดฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ"น้ำเสียงเกรี้ยวกราดตวาดใส่ชายชุดดำร่างใหญ่ ซึ่งเธอจำได้ว่าคนพวกนี้เป็นลูกน้องของเซบาสเตียน "เซบาสเตียน คุณอยู่ที่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ"นี่เขาต้องการเล่นบ้าอะไรกันทั้งที่ตกลงกันไว้แล้วว่าหลังจากได้ตัวของปิ่นมุกก็จะปล่อยเธอไป "จะเสียงดังไปทำไมกัน ไม่เจ็บคอหรือไง" "นี่คุณกำลังเล่นตลกอะไรกับฉันอยู่ แก้มัดฉันเดี๋ยวนี้เลยนะเซบาสเตียน"ดวงตาดุร้ายจ้องมองไปยังชายร่างกำยำที่เดินออกมาจากมุมมืด แววตาดุร้ายแฝงไปด้วยความอำมหิตโหดเหี้ยมมันทำให้คนแหกปากร้องในตอนแรกสะดุ้งด้วยความหวาดกลัว แววตานี้มันเหมือนกับแววตาที่เขาให้มอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status