หน้าหลัก / โรแมนติก / เมียบำเรอพ่อเลี้ยง / บทที่ 3 ~ พ่อเลี้ยงพันแสง

แชร์

บทที่ 3 ~ พ่อเลี้ยงพันแสง

ผู้เขียน: พริมริน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-26 21:57:42

บทที่ 3 ~ พ่อเลี้ยงพันแสง

ร่างเล็กบอบบางสวมกางเกงขายาวสีดำเสื้อเชิ้ตพอดีตัวสีดำเช่นกัน รวบผมมวยต่ำไว้ด้านหลังไร้การแต่งเติมใดใดบนใบหน้า ก้าวเท้าขึ้นบนศาลาตั้งศพที่เงียบเหงาร้างผู้คน

พ่อเลี้ยงตา ปรวี จิตกูร พ่อของเธอได้ทำบาปทำกรรมไว้มากมาย เขาทั้งรุกล้ำผืนป่าโดยใช้อำนาจการเมืองในมือ ขับไล่ชาวบ้านให้ออกนอกพื้นที่เพื่อที่จะได้เข้าครอบครอง ยังไม่นับรวมเรื่องอื่นที่หมกเม็ดไว้แม้แต่เธอซึ่งเป็นลูกสาวยังไม่อาจรับรู้เรื่องพวกนั้นได้จนหมด

เธอมองโลงศพเรียบง่ายมีเพียงดอกไม้สดไม่มากนักและพวงหรีดจากเพื่อนไม่กี่คน แต่ที่สะดุดตาเธอที่สุดคงเป็นของคุณน้าระพีแม่ของพ่อเลี้ยงพันแสง

ดอกไม้สดราคาแพงสีขาวนวลตา ไม่มีคำกล่าวแสดงความอาลัย มีเพียงชื่อเท่านั้นที่ติดอยุ่บนพวงหรีด

ร่างเล็กยังยืนนิ่งเมื่อขึ้นมาบนศาลา ศศินานึกถึงงานศพอีกงานยามเธอยังเด็ก แม่ของเธอเองก็ด่วนจากไปเสียก่อนแต่เธอยังพอจดจำท่านได้ในบางความทรงจำ

ถือเป็นความโชคดีของแม่แล้วที่ไม่ต้องอยู่รับรู้เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับไร่เดือนฉายที่ท่านรัก

“มาสักทีนะพวกคนกรุง”

เสียกระแหนะกระแหนดังขึ้นด้านหลังเธอ ศศินากลับหลังหันมองถึงได้เห็นคุณน้าศรีนวล เมียใหม่ของพ่อและลูกติด เธอมองคนทั้งคู่อย่างละเอียดมากกว่าครั้งยังวัยเยาว์  

“ค่ะไม่ได้เจอกันเสียนาน หวังว่าคงสบายดีนะคะ”

“สบายกับผีน่ะสิ พ่อแกไม่ทิ้งทรัพย์สมบัติไว้สักกระผีก มีแต่หนี้สินกองท่วมหัว โอ้ย! มานี่ก็ดีช่วยจ่ายค่างานศพให้ด้วย แต่ละวันค่าศาลาเอย ค่าอาหารเลี้ยงแขก ไหนจะใส่ซองพระอีก”

“ไหนแม่อุ๊บอกว่าพ่อเลี้ยงพันแสงจัดการแล้วยังไงคะ”

ศรีนวลเม้มปากหน้าแดงซ่านขึ้นทันควันเมื่อศศินาสวนกลับอย่างรู้ทัน จ้องตอบเธอไม่ลดละแม้จะร่างเล็กกว่า

“เขาจะจ่ายให้ได้ยังไง เขาไม่ได้เป็นอะไรกับเรา”

ศรีนวลเอ่ยค้านน้ำเสียงประชดประชัน แล้วกระแทกเท้าเดินย่ำส้นเข้าไปด้านในศาลาจุดธูปไหว้ศพแล้วไปนั่งรอพระสวด

ดวงหน้าหวานของศศินาได้แต่มองตามแม่เลี้ยงหน้าง้ำลากลูกติดที่เป็นหญิงสาวหน้าตาดีอายุไล่ ๆ กับเธอให้ตามไปด้วย

พอใกล้เวลาสวดบนศาลายิ่งเงียบเหงา คนที่มามีเพียงชาวบ้านไม่กี่คนที่ยังพอมีน้ำใจมางาน และเข้ามาแสดงความเสียใจด้วยกับเธอ

ศศินาทำได้เพียงพยักหน้ารับคำพูดแสดงอาการเสียใจโดยที่เธอไม่รู้สึกเช่นนั้นแม้น้อยนิด ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของเธอ เขาทิ้งเธอไว้ที่ไร่แล้วย้ายไปอยู่กับแม่เลี้ยงคนใหม่ เธอเติบโตขึ้นมาโดยที่มีแม่อุ๊คอยดูแลและคุณน้าระพีไร่ข้างเคียงคอยช่วยเหลือ ผู้จัดการไร่ทำหน้าที่นำเงินมามอบให้ที่บ้านทุกต้นเดือนสม่ำเสมอ

ตอนนี้พระได้สวดอภิธรรมจบเรียบร้อย คงถึงเวลาต้องกลับเช่นกัน พ่อเลี้ยงพันแสงจัดการแทนเธอทุกอย่างก่อนที่เธอจะกลับขึ้นมา ทำให้ศพของพ่อเธอตั้งอยู่ในตัวอำเภอ แทนที่จะตั้งอยู่ในวัดในหมู่บ้าน

“พ่อเลี้ยงมา!!”

ศศินาได้ยินเสียงศรีนวลกระซิบบอกลูกสาวน้ำเสียงตื่นเต้น พ่อเลี้ยง? คงจะหมายถึงพ่อเลี้ยงพันแสงสินะ เธอสังเกตว่าแม่เลี้ยงฉุดมือลูกสาวขึ้นเดินออกไปยังด้านนอกศาลา ร่างเล็กบอบบางยังนั่งแผ่นหลังเหยียดตรงอยู่ที่เดิม

“เดือน”

เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือศีรษะ เสียงต่ำนุ่มที่เธอจำได้เสมอมา มีเงาทอดลงผ่านปลายเท้าของเธอก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงไอร้อนด้านข้าง

“พ่อเลี้ยงเดี๋ยวศรีนวลจุดธูปเคารพศพให้นะคะ”

เสียงแม่เลี้ยงของเธอประจบประแจงเอาใจฉุดมือลูกสาวให้เดินไปยังธูปเทียนหน้าโลง

“ไม่ต้อง”

ศศินาบิดมุมปากเมื่อได้ยินเสียงของพันแสงเอ่ยสั่งขึ้น เธอไม่แปลกใจสักนิดที่เขาไม่เคารพศพคนตาย แต่เธอใคร่สงสัยเช่นกันว่าเขาจะมาทำไม

แม่เลี้ยงศรีนวลชะงักมือที่กำลังเอื้อมหยิบธูป มองหน้าลูกสาวเลิ่กลั่ก

พันแสงยังจ้องศศินาเขม็งตั้งแต่เขาก้าวขึ้นศาลาตั้งศพ ร่างบอบบางของศศินาไม่เปลี่ยน หากเพียงมีน้ำมีนวลขึ้นเพราะความสาวสะพรั่งกว่าวัยเยาว์ ใบหน้าอิ่มนวลแม้จะซีดเซียวจากการเดินทางไกล เขารู้ว่าเธอไม่เสียใจแม้แต่น้อยที่พ่อเลี้ยงตาเสียชีวิตลง

“เดี๋ยวฉันไปส่งที่ไร่”

“คงไม่ต้องรบกวนพ่อเลี้ยงหรอกค่ะ ป้ออุ๊ยคำจะเป็นคนไปส่งฉันเอง”

“ฉันให้ลุงคำกลับไปแล้ว”

คำนี้เรียกความสนใจจากหญิงสาวได้ในที่สุด พันแสงจ้องดวงตากลมโตดุจกวางที่บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกทุกอย่าง ยามเธอหัวเราะดวงตาของเธอจะสดใสดั่งกวางน้อยที่วิ่งเล่นในป่ากว้าง แต่หากยามหวาดกลัวดวงตากลมโตดวงนี้จะดูราวกวางวิ่งหนีไฟป่าดั่งเช่นที่เขาเคยเห็นเมื่อยามเธอเป็นเด็กสาว พ่อเลี้ยงตาไม่ใช่พ่อที่ดีสักเท่าไร

ดวงตากวางน้อยตัวนี้กำลังแปรเปลี่ยนเป็นโกรธขึ้งและวาวแสง ใบหน้าหวานที่เห็นเค้าลางความสวยเมื่อวัยเยาว์กลายเป็นสาวโฉมงามในที่สุด

“คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นพ่อเลี้ยง”

“เราแค่มีเรื่องต้องคุยกัน”

หางตากลมโตของศศินาเห็นแม่เลี้ยงและลูกสาวของหล่อนเดินวนไปวนมาใกล้ ๆ แม้ใจไม่อยากอยู่ใกล้เขา แต่ในเมื่อปัญหาไม่อาจหลีกหนีได้ ศศินาจึงพยักหน้าตอบตกลง

“งั้นกลับกันเลย ไม่อยากให้ดึก”

พ่อเลี้ยงพันแสงลุกขึ้นยืนรอให้ศศินาลุกตาม เธอลุกขึ้นช้า ๆ หยิบกระเป๋าสะพายไหล่แล้วออกเดินตามโดยไม่เอ่ยลาแม่เลี้ยงที่มองตามด้วยแววตาแค้นเคือง

ศศินามองไหล่กว้างในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มของคนทำงาน กางเกงยีนส์สีเข้มแนบไปกับต้นขาใหญ่แกร่งที่ก้าวเท้าอย่างคนมีความมุ่งมั่นและเด็ดขาด

รูปร่างพ่อเลี้ยงพันแสงเปลี่ยนไปมากนับจากที่เธอเห็นเขาครั้งสุดท้าย ปีนี้เขาคงอายุสามสิบสองแล้วสินะ เธอยังจดจำวันที่ฉลองวันเกิดครั้งสุดท้ายกับเขาได้แม่นยำ เค้กวันเกิดที่เธอหัดทำครั้งแรกและพังไม่เป็นท่า เสียงหัวเราะต่ำและรอยยิ้มกว้างใบหน้าสีทองแดงยังติดตรึงอยู่ในใจเธอ

“เชิญ”

เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นพร้อมเปิดประตูฝั่งซ้ายของคนขับ เธอมองรถกระบะสี่ประตูยกสูงที่เหมาะสำหรับใช้งานในไร่และลุยน้ำได้ยามหน้าฝน

ศศินาก้าวขาเหยียบบันไดข้างรถมือจับประตูไว้กำลังจะโหนตัวเองขึ้นทุลักทุเลเล็กน้อย พลันมือร้อนจับเอวเล็กของเธอยกขึ้นวางบนเบาะ เธอได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ด้านหลังยิ่งทำให้เธอขุ่นเคืองใจ

ปัง!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทพิเศษ 2

    บทพิเศษ 2ใจดวงเล็กทั้งตื่นตระหนก ทั้งตื่นเต้นปะปนคละเคล้ากันไป กายสาวสั่นระริกไปทั่วร่าง สัมผัสแปลกใหม่ทำสาวแรกรุ่นใจเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งอยากรู้อยากลอง ต้องการเป็นของเขาทั้งตัวทั้งใจ ยินยอมขยับต้นขาเปิดออกให้ปลายนิ้วแทรกลงกลางไรขนอ่อนนุ่มราวผ้าไหม“เดือน อ่า นุ่มมือมาก”หน้าเข้มขยับเลื่อนขึ้นซอกคอสูดกลิ่นกายสาวดูดขบเม้มเนื้ออ่อนใกล้จุดชีพจรแสนอ่อนไหวตรงฐานลำคอนิ้วสัมผัสกายสาวฉ่ำชื้นแทรกลงตรงกลางกลีบแหวกออก ส่งนิ้วชี้ลูบไล้จนกระทั่งพบเม็ดเล็กกลางร่องงาม ร่างเล็กสะดุ้งขึ้นยามเขากดลงแรงคลึงเม็ด“เดือนจ๋า คนดี พี่ขอได้ไหม”สาวน้อยไร้ประสบการณ์ไม่เข้าใจสิ่งที่พันแสงถาม เธอเอียงหน้าไปอีกทางยามเขาซุกไซ้ลำคอ มือแกร่งด้านล่างยังล้วงลึก อีกมือกอบกุมทรวงงามบีบเคล้นลงแรงเต็มมือ ร่างเล็กนอนระทวยทำได้เพียงแอ่นร่างรับไฟพิศวาสส่งเสียงครางในลำคอ กระทั่งนิ้วของคนด้านบนเริ่มสอดใส่เข้าไปทางร่องรักจึงได้รู้สึกตัว“พี่แสง อ่า ไม่ได้นะ อื้อ อ่า อย่า อย่าสอดนิ้วเข้าไป”เสียงห้ามปรามแผ่วเบาปนกระเส่า น้ำหวานเอ่อล้นสวนทางกลับเสียงร้องทักท้วง นิ้วยาวเรียวส่งเข้าทาง แม้ว่าไม่ถนัดถนี่นักแต่ยังพอเข้าไปได้“โอ้! เด

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทพิเศษ 1

    บทพิเศษ 1หกปีที่แล้ว“มา ๆ หนูเดือน มากินกัน”ศศินารีบวิ่งนำพันแสงมาจากทางเนินเขาหลังบ้านเมื่อได้ยินเสียงคุณน้าระพีร้องเรียกแต่ไกล“พี่แสง เร็ว ๆ สิ เดือนหิวแล้วนะ”เสียงหัวเราะหวานใสบนใบหน้าของเด็กสาววัยสิบเจ็ด พวงแก้มยุ้ยออกเล็กน้อยด้วยโฮร์โมนวัยรุ่น ผมเลยติ่งหูแต่ไม่ประบ่าพันแสงมองตามร่างเล็กในชุดกางเกงยีนส์สีซีดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งลายสก็อตสีแดงตัวเก่งที่ศศินาชอบสวม เธอวิ่งไปหัวเราะไปจนเสียงฝีเท้ากระทบพื้นดินหยอกล้อไปกับเสียงหวานใสผสมผสานเสียงของลมหนาวที่กำลังพัดผ่าน นำกลิ่นใบยาสูบที่บ่มอยู่ในโรงบ่มกำจายโดยรอบบ้านไม้สองชั้นกลางไร่ยาสูบชัยสงคราม“ค่อยเดินสิ ประเดี๋ยวก็ล้ม”“ไม่หรอกค่ะ ฮ่า ฮ่า เร็วสิ พี่แสงเดินอย่างกับคนแก่”“พี่ไม่ใช่คนแก่สักหน่อย”ศศินาหยุดแล้วหันหลังกลับมายืนเท้าสะเอวมองตรงไปทางร่างสูงใหญ่ผิวสีเข้มผิดไปจากคนเหนือทั่วไป เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มใส่ในกางเกงยีนส์คาดเข็มขัดหนังสีน้ำตาลธรรมดา สวมรองเท้าบูธสำหรับใส่ในไร่สีดำ ผมยุ่งเหยิงจากแรงลมที่พัดไปมารอบตัว ดวงตาสีนิลจ้องตอบเธอเปล่งประกายเจิดจ้ามีความสุขวันนี้พันแสงเรียนจบปริญญาโทดั่งที่ตั้งใจไว้ เขากลับมาอยู่บ้านเพื่

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 30  ~ จบบริบูรณ์

    บทที่ 30 ~ จบบริบูรณ์พันแสงหยุดรถกลางทางมองศศินาที่หันจ้องหน้าเขาแววตาสงสัย หน้าคมเข้มยิ้มกว้างยกมือเล็กขึ้นจูบ“วันนี้คนที่บ้านเยอะหน่อยนะ”“อะไรนะคะ คนอะไรกันคะ คนงาน?”พันแสงหัวเราะเบา ๆ ชะโงกหน้าจูบปากหวานจิ้มลิ้มแล้วถอยห่างออกมา“เราจะไปไร่ชัยสงครามกัน”“อ้าว ทำไมคะ เดือนจะกลับบ้านนะ”พ่อเลี้ยงปล่อยมือสาวร่างเล็ก หันไปขับรถต่อแต่เลี้ยวเข้าทางไร่ชัยสงครามปล่อยให้ศศินามึนงงสงสัย กระทั่งเข้ามาถึงปากทางเข้าบ้านจึงเห็นลานบ้านมีแต่โต๊ะงานเลี้ยงและเวทีเล็ก ๆ กลางลาน“มีงานเหรอคะ งานอะไรกัน”ศศินาชะเง้อมองคนงานที่กำลังทำอาหารกันวุ่นวาย มีแขกมาบ้างแล้วนั่งอยู่ที่โต๊ะ“งานแต่งงาน”“หื้อ งานแต่งงานใครคะ”ศศินาเอี้ยวใบหน้าหวานคมกลับมาที่พันแสง เห็นสีหน้ายิ้มกรุ่มกริ่มไม่พูดอะไรแล้วลงจากรถไปเธอรอให้เขาอุ้มร่างเล็กลงรถแล้วประคองเธอเดินตัดผ่านลานบ้านไปยังตีนบันไดขึ้นบ้าน“มากันแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาว”ศศินาทวนคำในใจ เจ้าบ่าวเจ้าสาว เธอมองบนบ้านห้อยทั้งสายสิญจน์และดอกไม้ประดับประดาเต็มเรือน“ไปห้องพี่ก่อน”ศศินาถูกจูงมือแม้เธอจะยังเหลียวหลังมองข้าวของบนเรือน ทั้งบายศรี และยังพานพุ่มดอกไม้เธอก้า

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 29 ~ ได้โปรด

    บทที่ 29 ~ ได้โปรดพันแสงขับรถด้วยความเร็วลงเนินเขา ใจเต้นโครมครามเมื่อนึกถึงใบหน้างาม เขามีเรื่องจะบอกเธอ คำพูดที่เขาติดค้างเธอไว้เมื่อหกปีก่อนชายหนุ่มลดความลงเร็วเมื่อถึงโค้งหักศอกใกล้ตีนเขา สังเกตเห็นรถมูลนิธิข้างทางและรถของฝูงชนที่มุงดูเหตุการณ์อีกฝั่งเป็นรถหกล้อบรรทุกรวงข้าวคงกำลังเร่งเพื่อไปให้ทันโรงสีปิดจนเกิดเหตุเขาชะลอรถเพื่อดูรถของผู้เสียหาย แสงอาทิตย์ยามเย็นพาดผ่านเหลี่ยมเขาแมกไม้เป็นเงาทอดยาวสีทองส่องไปยังรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่“ไม่ ไม่ ไม่!!”“เอี๊ยด!!”เขาตบพวงมาลัยเข้าข้างทางกะทันหัน ลงจากรถวิ่งข้ามถนนไปยังรถเกิดเหตุอย่า! ขอเถอะ! อย่าเป็นอย่างที่เขาคิด อย่า! ได้โปรด!ช่วงเวลาช่างยาวนานในระหว่างที่เขากระโดดก้าวข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม หัวใจเต้นถี่รัวและบีบรัดแน่น ช่องท้องมวนขึ้นตีจนจุกถึงลิ้นปี่“ป้อเลี้ยง! มาทำอะไรครับ เดี๋ยวครับ”พันแสงไม่ฟังเสียงห้าม เขาแหวกคนมูลนิธิเข้าไปใกล้รถที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่เห็นร่างเล็กในรถ“เธออยู่นี่ครับ”พันแสงมองหน้าคนมูลนิธิ สติยังไม่กลับคืนมา เขามึนจนแยกไม่ออกว่าเสียงที่พูดหมายถึงอะไร“ป้อเลี้ยง ป้อเลี้ยง รู้จักคนในรถเหรอครับ”หน้าคม

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 28 ~ พราวพิลาส

    บทที่ 28 ~ พราวพิลาสมือใหญ่ยังตัดขนมสาคูไส้หมูออกเป็นสองชิ้นก่อนจะใช้ส้อมเล็กจิ้มเข้าปากตามด้วยพริกเม็ดใหญ่และผักสด มองหน้าแม่รอคำถามต่อไป“เรื่องหนูเดือน”“ครับหนูเดือน”“เขาลือว่าเห็นลูกจูบกันกับหนูเดือนที่หน้าร้านเบเกอรี่ที่หนูเดือนเป็นเจ้าของ จริงหรือเปล่า”“ครับ จริง”เขาจิ้มสาคูชิ้นที่เหลือเข้าปากตามด้วยพริกสดและผัก“ฝีมือแม่อร่อยเหมือนเคย แล้วยังไงครับ”“กะ ก็ มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ทำไมแม่ไม่รู้”เขาวางส้อมลงแล้วหยิบน้ำขึ้นดื่ม เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะวางแก้วน้ำลง“ก็ประมาณสามเดือนครับแม่ ตั้งแต่เดือนกลับมางานศพพ่อเลี้ยงตา”ระพีสะดุ้งตกใจ สามเดือนนั้นมันถือว่านานพอสมควร แล้วลูกชายของเธอก็ปิดบังเรื่องนี้มาตลอด“ตอนนี้ผมกับเดือน เรา เอาเป็นว่าอยู่ด้วยกันแล้วครับแม่”“ได้ยังไง ก็ ก็ลูกอยู่บ้านตลอด”“ผมจะไปเฉพาะช่วงกลางคืนแล้วค่อยกลับมานอนบ้านครับ”“แสง!!”ระพีร้องอุทาน เธอนึกถึงเด็กสาวอายุสิบเจ็ดร่างเล็กที่เธอเห็นครั้งสุดท้ายในวันเพลิงไหม้ มือเล็กของศศินาประคองร่างเธอไว้ไม่ให้ล้มโดยที่พันแสงยืนชี้หน้าเด็กสาวคนนั้น“แสง แสงบอกแม่สิว่า แสงไม่ได้ทำลงไปเพราะอยากจะแก้แค้น”พันแ

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 27 ~ อดีตยากจะฝังกลบ

    บทที่ 27 ~ อดีตยากจะฝังกลบ“แม่อุ๊”แม่อุ๊ร่างท้วมวางไม้กวาดทางมะพร้าวพิงไว้กับเสาบ้าน เดินไปหาพ่อเลี้ยงพันแสงที่ยืนเสียงอยู่ตรงตีนบันได“เจ้า ป้อเลี้ยง”“ฉันมีเรื่องจะถาม”พันแสงเดินลงมุดเข้าใต้ถุนบ้านที่เตี้ยเกินไปสำหรับเขานั่งลงบนแคร่ไม้ข้างใต้บทที่“ป้อเลี้ยงจะถามหยั่งข้าเจ้า”“เรื่องรอยบนหลังของเดือน”แม่อุ๊สะดุ้งจ้องหน้าเข้มดุเอาเรื่อง นึกสงสัยพ่อเลี้ยงเห็นรอยแผลของคุณหนูได้ยังไง“คุณหนูบ่หื้อผู้ใด๋อู้”“แต่แม่อุ๊ต้องพูด”ร่างท้วมเหลียวมองไปบนบ้านยังได้ยินเสียงน้ำไหลจากในห้องน้ำแล้วจึงหันกลับมาหาพ่อเลี้ยง“ก็เมื่อปี๋นั้นคืนที่ฉลองงานรับปริญญา ป้อเลี้ยงจำได้ก๋า”พันแสงพยักหน้า เขาจะจำไม่ได้ได้อย่างไรในเมื่อเขาพาสาวน้อยแวะเข้าข้างทางแล้วทำให้เธอต้องเสียสาวเป็นครั้งแรก“ป้อเลี้ยงมาส่งเปิ้นสะค่อนดึ๋ก ป้อเลี้ยงตาเกี้ยดนั่ก[1] เจ๊า[2]มาหื้อคนงานมัดคุณหนูกับเสาพู้น”พันแสงมองตามมือแม่อุ๊ไปที่เสากลมหน้าสุดของใต้ถุนบ้าน หน้าคมเข้มเริ่มเปลี่ยนสี“มัด?”“เจ้า เปิ้นสั่งคนงานมาหันเปิ้นลงแส้ แฮงนั่ก ตะโกนลั่น หื้อจำไว้บ่าต้องแอ่วบ้านป้อเลี้ยงอีก ไม่งั้นเปิ้นจะเผาไฟไร่ชัยสงคราม โอ้ย!ป้อเลี้ย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status