Share

บทที่ 4 ~ เมียบำเรอ

last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-26 21:58:03

บทที่ 4 ~ เมียบำเรอ

แอร์ในรถเย็นฉ่ำขณะที่วิ่งออกนอกตัวอำเภอขึ้นบนเขาเพื่อกลับไปยังไร่

“นี่ไม่คิดจะพูดอะไรสักคำหรือไง”

ศศินาเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินน้ำเสียงหยอกเย้าของคนด้านข้าง

“พ่อเลี้ยงบอกว่ามีเรื่องต้องคุย”

เธอพลันรู้สึกได้ถึงบรรยากาศในรถที่เปลี่ยนไป มีเสียงลมหายใจกระชั้นขึ้นเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงต่ำ

“เดือนรู้หรือเปล่าว่าไร่ถูกเปลี่ยนมือไปแล้ว”

“ได้ยังไง?”

มีแววตระหนกในน้ำเสียงของศศินา ใบหน้าหวานจ้องเขารอคอยคำตอบ

“ไร่ของเดือนแทบไม่ได้ทำกำไรในช่วงปีหลัง ๆ แล้วผู้จัดการไร่ก็ยักยอกหอบเงินหนี จนป่านนี้ยังตามจับตัวไม่ได้”

ศศินาไม่ได้ทำหน้าประหลาด เรื่องพวกนี้เธอพอทราบอยู่แล้วไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างไร

“พ่อเลี้ยงตาสอบตกสองสมัย แต่ยังใช้เงินมือเติบเหมือนเมื่อก่อน”

ศศินาผินหน้ากลับไปมองทางที่มืดสนิทนาน ๆ ทีจึงจะมีรถแล่นสวนผ่านสักคัน

“นั่นไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร ฉันพอทราบแล้วว่าพ่อขัดสนเรื่องเงินทองบ้าง แต่มันไม่น่าจะทำให้ถึงขนาดต้องขายไร่”

พันแสงเหลือบมองสาวน้อยที่นั่งด้านข้างรถ ใบหน้าหวานมีแววกังวลใจ เขารู้ว่าไร่เดือนฉายสำคัญต่อเธอมากเพราะเป็นไร่ของแม่เธอ ไร่ที่ตกทอดมาจากฝั่งตระกูลจิตกูร แต่แม่ของเธอเลือกคู่ชีวิตผิด พ่อเลี้ยงตาหลังจากที่ได้ไร่สมใจก็ไม่เหลียวแลแม่และลูกสาวอีกเลย โดยเฉพาะศศินาที่ถูกทิ้งขวางมาโดยตลอด

“เมื่อเลือกตั้งปีที่แล้ว พ่อเลี้ยงตาต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้อเสียง จึงเอาไร่มาจำนำไว้กับฉัน”

นี่สินะสิ่งที่เขากำลังจะบอก

คงไม่มีเรื่องประหลาดใจใดในชีวิตอีกแล้ว ศศินานิ่งคิด ตลอดหลายปีแม้ว่าเธอไม่ได้กลับมาที่ไร่แห่งนี้ แต่เธอรู้ว่าเขาได้จัดการฟื้นตัวเองขึ้นจากการเกือบล้มละลายเมื่อหกปีก่อนได้อย่างสง่างาม การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วทำให้พ่อของเธอไม่พอใจมาก

อารมณ์ขุ่นเคืองจากการรุกคืบของไร่ข้างเคียงทำให้เขาโทรศัพท์มาระบายความโกรธกับเธอหลายครั้ง และตลอดเวลาเอาแต่ด่าทอเจ้าของไร่ข้างเคียง ที่ตอนนี้กลายเป็นพ่อเลี้ยงพันแสงแล้ว

“ก่อนที่พ่อเลี้ยงตาจะเกิดอุบัติเหตุได้นำสร้อยเก่าแก่มาจำนำไว้อีกหนึ่งเส้น”

ประโยคนี้เรียกความสนใจของศศินาได้อย่างรุนแรง เธอจำได้ว่าสร้อยทับทิมสยามเก่าแก่ที่ตกทอดมาตั้งแต่ครั้งต้นตระกูลครั้งยังเป็นเจ้าเมือง เก็บไว้ที่เซฟของธนาคารเป็นอย่างดีและต้องเป็นเธอเท่านั้นถึงจะเปิดนำออกมาได้

ดวงตากลมโตดั่งกวางตื่นตระหนกจ้องมองนายพรานที่กำลังล่า มือแกร่งบังคับพวกมาลัยเลี้ยวเข้าทางลงเนินเพื่อเข้าสู่พื้นป่าและกำลังจะผ่านเนินเขาไร่ชาเขียวที่เธอเห็นเมื่อเช้า

เขาตลบรถลงจอดริมถนนลูกรังเพื่อจ้องตอบ แววตาเย็นชาดำมืดสนิทใต้ปีกของคิ้วเรียวอย่างชายแท้ จมูกโด่งโค้งงุ้มสวยรับไปกับริมฝีปากหนากว้าง แนวเคราครึ้มเป็นรอยตลอดกรามแกร่งจรดปรายคางและหนวดบาง ๆ ด้านบนริมฝีปาก

“นั่นมันสร้อยของแม่ฉัน” เสียงเล็กดั่งเสียงกระซิบค่อยเอ่ยขึ้นเมื่อรับรู้ได้ถึงบางอย่าง

พันแสงใส่เบรกมือเพื่อจะหันความสนใจมาที่สาวร่างเล็กด้านข้างทั้งหมด ใบหน้างามแดงก่ำโกรธกรุ่นแม้ดวงตาจะมีแววหวาดระแวงและตื่นตระหนก

“ใช่ ตอนนี้สร้อยเส้นนั้นและไร่ทั้งหมดอยู่ในมือของฉัน ศศินา”

ดวงหน้าหวานเรียวเล็กอวบอิ่มมีน้ำมีนวลดั่งสตรี งามเปล่งปลั่งส่องประกายท่ามกลางความมือในรถที่มีเพียงแสงจากแผงควบคุมรถ ริมฝีปากแดงระเรื่อธรรมชาติเผยอค้าง ศศินากำลังค้นหาเสียงของตัวเองเพื่อเอ่ยคำถามที่แม้แต่ตัวเองก็กลัวคำตอบ

“คุณต้องการอะไร พ่อเลี้ยงพันแสง”

“ฉันต้องการเธอ ศศินา ฉันต้องการให้เธอมาเป็นเมียของฉัน”

ร่างเล็กผงะออกเบา ๆ เล็กน้อยก่อนจะตั้งสติได้ จ้องมองเขาไม่หลบสายตาพร้อมส่ายหน้า

“มันเป็นไปไม่ได้พ่อเลี้ยง เราไม่เหมาะสมกัน ถ้าจะให้ฉันแต่งงานแล้วต้องอยู่กับคุณไปตลอด..นั่น ”

เธอเห็นมุมปากของพ่อเลี้ยงพันแสงยกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหุบลง ดวงตาคมกริบหลุบลงกวาดไปทั่วร่างบอบบางของเธอแล้วตวัดขึ้นสบสายตากลมโต

“มันไม่ใช่การแต่งงานศศินา ฉันต้องการเธอบนเตียงนอนของฉัน ต้องการมาโดยตลอด และเธอต้องทำทุกอย่างให้ฉันมีความสุข เธอจะต้องมอบร่างกายที่สวยงามนี้ให้ฉันโดยไม่เกี่ยงงอนไม่ว่าเวลาไหน”

“พะ พ่อเลี้ยงหมายความว่า พ่อเลี้ยงต้องการให้ฉันไปเป็นเมียเก็บ เป็นเมียที่คอยทำหน้าที่บำเรอคุณอย่างเดียว?”

น้ำเสียงตระหนกตกใจพร้อมกายสาวที่แข็งตึงดั่งคันธนู ร่างเล็กตึงเครียดราวกับสัตว์ตัวน้อยที่ถูกนายพรานป่าเถื่อนออกล่า คอยระแวงระวังหาทางหนี

ศศินามองมือใหญ่อันหยาบกร้านจากการทำงานหนักยื่นออกมา เขาปัดปอยผมสีน้ำตาลคาราเมลออกจากปลายคางแล้วทาบมือไปตามลำคอโค้งมน รวบต้นคอเธอไว้แล้วใช้นิ้วโป้งดันปลายคางเธอขึ้นให้จ้องเขาตอบ พันแสงโน้มใบหน้าแกร่งลงมาหาเธอใกล้จนเธอได้กลิ่นลมหายใจ กลิ่นกายชายผสมโคโลญจน์ กลิ่นบุหรี่

จมูกโด่งคมสันของพ่อเลี้ยงบานออก สูดดมกลิ่นกายสาวตรงหน้าดั่งพ่อม้าเจอคู่ กายแกร่งขยับไหวใต้เข็มขัดตั้งแต่เขาเห็นเธอบนศาลา ดวงตากลมโตคู่นี้ตามหลอกหลอนเขามาตลอดหกปี ช่างเป็นเวลาที่ยาวนาน และตอนนี้หมดเวลาสำหรับเธอแล้ว เขาจะไม่ยอมให้เธอหนีหายไปไหนอีก

ความต้องการครอบครองเป็นเจ้าของทำให้เขาต้องสูดลมหายใจสะกดกลั้นอาการกระโจนเข้าใส่ร่างเธอไว้ เขาจะทำให้เธอยอมจำนนทุกอย่าง ทุกวิถีทาง และเตียงนอนคือภาพที่เขาวาดไว้ในใจกับเธอ

“ใช่ ศศินา ฉันต้องการให้เธอมาเป็นเมียบำเรอของฉัน”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทพิเศษ 2

    บทพิเศษ 2ใจดวงเล็กทั้งตื่นตระหนก ทั้งตื่นเต้นปะปนคละเคล้ากันไป กายสาวสั่นระริกไปทั่วร่าง สัมผัสแปลกใหม่ทำสาวแรกรุ่นใจเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งอยากรู้อยากลอง ต้องการเป็นของเขาทั้งตัวทั้งใจ ยินยอมขยับต้นขาเปิดออกให้ปลายนิ้วแทรกลงกลางไรขนอ่อนนุ่มราวผ้าไหม“เดือน อ่า นุ่มมือมาก”หน้าเข้มขยับเลื่อนขึ้นซอกคอสูดกลิ่นกายสาวดูดขบเม้มเนื้ออ่อนใกล้จุดชีพจรแสนอ่อนไหวตรงฐานลำคอนิ้วสัมผัสกายสาวฉ่ำชื้นแทรกลงตรงกลางกลีบแหวกออก ส่งนิ้วชี้ลูบไล้จนกระทั่งพบเม็ดเล็กกลางร่องงาม ร่างเล็กสะดุ้งขึ้นยามเขากดลงแรงคลึงเม็ด“เดือนจ๋า คนดี พี่ขอได้ไหม”สาวน้อยไร้ประสบการณ์ไม่เข้าใจสิ่งที่พันแสงถาม เธอเอียงหน้าไปอีกทางยามเขาซุกไซ้ลำคอ มือแกร่งด้านล่างยังล้วงลึก อีกมือกอบกุมทรวงงามบีบเคล้นลงแรงเต็มมือ ร่างเล็กนอนระทวยทำได้เพียงแอ่นร่างรับไฟพิศวาสส่งเสียงครางในลำคอ กระทั่งนิ้วของคนด้านบนเริ่มสอดใส่เข้าไปทางร่องรักจึงได้รู้สึกตัว“พี่แสง อ่า ไม่ได้นะ อื้อ อ่า อย่า อย่าสอดนิ้วเข้าไป”เสียงห้ามปรามแผ่วเบาปนกระเส่า น้ำหวานเอ่อล้นสวนทางกลับเสียงร้องทักท้วง นิ้วยาวเรียวส่งเข้าทาง แม้ว่าไม่ถนัดถนี่นักแต่ยังพอเข้าไปได้“โอ้! เด

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทพิเศษ 1

    บทพิเศษ 1หกปีที่แล้ว“มา ๆ หนูเดือน มากินกัน”ศศินารีบวิ่งนำพันแสงมาจากทางเนินเขาหลังบ้านเมื่อได้ยินเสียงคุณน้าระพีร้องเรียกแต่ไกล“พี่แสง เร็ว ๆ สิ เดือนหิวแล้วนะ”เสียงหัวเราะหวานใสบนใบหน้าของเด็กสาววัยสิบเจ็ด พวงแก้มยุ้ยออกเล็กน้อยด้วยโฮร์โมนวัยรุ่น ผมเลยติ่งหูแต่ไม่ประบ่าพันแสงมองตามร่างเล็กในชุดกางเกงยีนส์สีซีดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งลายสก็อตสีแดงตัวเก่งที่ศศินาชอบสวม เธอวิ่งไปหัวเราะไปจนเสียงฝีเท้ากระทบพื้นดินหยอกล้อไปกับเสียงหวานใสผสมผสานเสียงของลมหนาวที่กำลังพัดผ่าน นำกลิ่นใบยาสูบที่บ่มอยู่ในโรงบ่มกำจายโดยรอบบ้านไม้สองชั้นกลางไร่ยาสูบชัยสงคราม“ค่อยเดินสิ ประเดี๋ยวก็ล้ม”“ไม่หรอกค่ะ ฮ่า ฮ่า เร็วสิ พี่แสงเดินอย่างกับคนแก่”“พี่ไม่ใช่คนแก่สักหน่อย”ศศินาหยุดแล้วหันหลังกลับมายืนเท้าสะเอวมองตรงไปทางร่างสูงใหญ่ผิวสีเข้มผิดไปจากคนเหนือทั่วไป เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มใส่ในกางเกงยีนส์คาดเข็มขัดหนังสีน้ำตาลธรรมดา สวมรองเท้าบูธสำหรับใส่ในไร่สีดำ ผมยุ่งเหยิงจากแรงลมที่พัดไปมารอบตัว ดวงตาสีนิลจ้องตอบเธอเปล่งประกายเจิดจ้ามีความสุขวันนี้พันแสงเรียนจบปริญญาโทดั่งที่ตั้งใจไว้ เขากลับมาอยู่บ้านเพื่

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 30  ~ จบบริบูรณ์

    บทที่ 30 ~ จบบริบูรณ์พันแสงหยุดรถกลางทางมองศศินาที่หันจ้องหน้าเขาแววตาสงสัย หน้าคมเข้มยิ้มกว้างยกมือเล็กขึ้นจูบ“วันนี้คนที่บ้านเยอะหน่อยนะ”“อะไรนะคะ คนอะไรกันคะ คนงาน?”พันแสงหัวเราะเบา ๆ ชะโงกหน้าจูบปากหวานจิ้มลิ้มแล้วถอยห่างออกมา“เราจะไปไร่ชัยสงครามกัน”“อ้าว ทำไมคะ เดือนจะกลับบ้านนะ”พ่อเลี้ยงปล่อยมือสาวร่างเล็ก หันไปขับรถต่อแต่เลี้ยวเข้าทางไร่ชัยสงครามปล่อยให้ศศินามึนงงสงสัย กระทั่งเข้ามาถึงปากทางเข้าบ้านจึงเห็นลานบ้านมีแต่โต๊ะงานเลี้ยงและเวทีเล็ก ๆ กลางลาน“มีงานเหรอคะ งานอะไรกัน”ศศินาชะเง้อมองคนงานที่กำลังทำอาหารกันวุ่นวาย มีแขกมาบ้างแล้วนั่งอยู่ที่โต๊ะ“งานแต่งงาน”“หื้อ งานแต่งงานใครคะ”ศศินาเอี้ยวใบหน้าหวานคมกลับมาที่พันแสง เห็นสีหน้ายิ้มกรุ่มกริ่มไม่พูดอะไรแล้วลงจากรถไปเธอรอให้เขาอุ้มร่างเล็กลงรถแล้วประคองเธอเดินตัดผ่านลานบ้านไปยังตีนบันไดขึ้นบ้าน“มากันแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาว”ศศินาทวนคำในใจ เจ้าบ่าวเจ้าสาว เธอมองบนบ้านห้อยทั้งสายสิญจน์และดอกไม้ประดับประดาเต็มเรือน“ไปห้องพี่ก่อน”ศศินาถูกจูงมือแม้เธอจะยังเหลียวหลังมองข้าวของบนเรือน ทั้งบายศรี และยังพานพุ่มดอกไม้เธอก้า

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 29 ~ ได้โปรด

    บทที่ 29 ~ ได้โปรดพันแสงขับรถด้วยความเร็วลงเนินเขา ใจเต้นโครมครามเมื่อนึกถึงใบหน้างาม เขามีเรื่องจะบอกเธอ คำพูดที่เขาติดค้างเธอไว้เมื่อหกปีก่อนชายหนุ่มลดความลงเร็วเมื่อถึงโค้งหักศอกใกล้ตีนเขา สังเกตเห็นรถมูลนิธิข้างทางและรถของฝูงชนที่มุงดูเหตุการณ์อีกฝั่งเป็นรถหกล้อบรรทุกรวงข้าวคงกำลังเร่งเพื่อไปให้ทันโรงสีปิดจนเกิดเหตุเขาชะลอรถเพื่อดูรถของผู้เสียหาย แสงอาทิตย์ยามเย็นพาดผ่านเหลี่ยมเขาแมกไม้เป็นเงาทอดยาวสีทองส่องไปยังรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่“ไม่ ไม่ ไม่!!”“เอี๊ยด!!”เขาตบพวงมาลัยเข้าข้างทางกะทันหัน ลงจากรถวิ่งข้ามถนนไปยังรถเกิดเหตุอย่า! ขอเถอะ! อย่าเป็นอย่างที่เขาคิด อย่า! ได้โปรด!ช่วงเวลาช่างยาวนานในระหว่างที่เขากระโดดก้าวข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม หัวใจเต้นถี่รัวและบีบรัดแน่น ช่องท้องมวนขึ้นตีจนจุกถึงลิ้นปี่“ป้อเลี้ยง! มาทำอะไรครับ เดี๋ยวครับ”พันแสงไม่ฟังเสียงห้าม เขาแหวกคนมูลนิธิเข้าไปใกล้รถที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่เห็นร่างเล็กในรถ“เธออยู่นี่ครับ”พันแสงมองหน้าคนมูลนิธิ สติยังไม่กลับคืนมา เขามึนจนแยกไม่ออกว่าเสียงที่พูดหมายถึงอะไร“ป้อเลี้ยง ป้อเลี้ยง รู้จักคนในรถเหรอครับ”หน้าคม

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 28 ~ พราวพิลาส

    บทที่ 28 ~ พราวพิลาสมือใหญ่ยังตัดขนมสาคูไส้หมูออกเป็นสองชิ้นก่อนจะใช้ส้อมเล็กจิ้มเข้าปากตามด้วยพริกเม็ดใหญ่และผักสด มองหน้าแม่รอคำถามต่อไป“เรื่องหนูเดือน”“ครับหนูเดือน”“เขาลือว่าเห็นลูกจูบกันกับหนูเดือนที่หน้าร้านเบเกอรี่ที่หนูเดือนเป็นเจ้าของ จริงหรือเปล่า”“ครับ จริง”เขาจิ้มสาคูชิ้นที่เหลือเข้าปากตามด้วยพริกสดและผัก“ฝีมือแม่อร่อยเหมือนเคย แล้วยังไงครับ”“กะ ก็ มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ทำไมแม่ไม่รู้”เขาวางส้อมลงแล้วหยิบน้ำขึ้นดื่ม เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะวางแก้วน้ำลง“ก็ประมาณสามเดือนครับแม่ ตั้งแต่เดือนกลับมางานศพพ่อเลี้ยงตา”ระพีสะดุ้งตกใจ สามเดือนนั้นมันถือว่านานพอสมควร แล้วลูกชายของเธอก็ปิดบังเรื่องนี้มาตลอด“ตอนนี้ผมกับเดือน เรา เอาเป็นว่าอยู่ด้วยกันแล้วครับแม่”“ได้ยังไง ก็ ก็ลูกอยู่บ้านตลอด”“ผมจะไปเฉพาะช่วงกลางคืนแล้วค่อยกลับมานอนบ้านครับ”“แสง!!”ระพีร้องอุทาน เธอนึกถึงเด็กสาวอายุสิบเจ็ดร่างเล็กที่เธอเห็นครั้งสุดท้ายในวันเพลิงไหม้ มือเล็กของศศินาประคองร่างเธอไว้ไม่ให้ล้มโดยที่พันแสงยืนชี้หน้าเด็กสาวคนนั้น“แสง แสงบอกแม่สิว่า แสงไม่ได้ทำลงไปเพราะอยากจะแก้แค้น”พันแ

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 27 ~ อดีตยากจะฝังกลบ

    บทที่ 27 ~ อดีตยากจะฝังกลบ“แม่อุ๊”แม่อุ๊ร่างท้วมวางไม้กวาดทางมะพร้าวพิงไว้กับเสาบ้าน เดินไปหาพ่อเลี้ยงพันแสงที่ยืนเสียงอยู่ตรงตีนบันได“เจ้า ป้อเลี้ยง”“ฉันมีเรื่องจะถาม”พันแสงเดินลงมุดเข้าใต้ถุนบ้านที่เตี้ยเกินไปสำหรับเขานั่งลงบนแคร่ไม้ข้างใต้บทที่“ป้อเลี้ยงจะถามหยั่งข้าเจ้า”“เรื่องรอยบนหลังของเดือน”แม่อุ๊สะดุ้งจ้องหน้าเข้มดุเอาเรื่อง นึกสงสัยพ่อเลี้ยงเห็นรอยแผลของคุณหนูได้ยังไง“คุณหนูบ่หื้อผู้ใด๋อู้”“แต่แม่อุ๊ต้องพูด”ร่างท้วมเหลียวมองไปบนบ้านยังได้ยินเสียงน้ำไหลจากในห้องน้ำแล้วจึงหันกลับมาหาพ่อเลี้ยง“ก็เมื่อปี๋นั้นคืนที่ฉลองงานรับปริญญา ป้อเลี้ยงจำได้ก๋า”พันแสงพยักหน้า เขาจะจำไม่ได้ได้อย่างไรในเมื่อเขาพาสาวน้อยแวะเข้าข้างทางแล้วทำให้เธอต้องเสียสาวเป็นครั้งแรก“ป้อเลี้ยงมาส่งเปิ้นสะค่อนดึ๋ก ป้อเลี้ยงตาเกี้ยดนั่ก[1] เจ๊า[2]มาหื้อคนงานมัดคุณหนูกับเสาพู้น”พันแสงมองตามมือแม่อุ๊ไปที่เสากลมหน้าสุดของใต้ถุนบ้าน หน้าคมเข้มเริ่มเปลี่ยนสี“มัด?”“เจ้า เปิ้นสั่งคนงานมาหันเปิ้นลงแส้ แฮงนั่ก ตะโกนลั่น หื้อจำไว้บ่าต้องแอ่วบ้านป้อเลี้ยงอีก ไม่งั้นเปิ้นจะเผาไฟไร่ชัยสงคราม โอ้ย!ป้อเลี้ย

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status