Beranda / โรแมนติก / เมียบำเรอพ่อเลี้ยง / บทที่ 2 ~ ไร่เดือนฉาย

Share

บทที่ 2 ~ ไร่เดือนฉาย

last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-26 21:57:21

บทที่ 2 ~ ไร่เดือนฉาย

ไร่เดือนฉาย หรือบ้านของเธอ เป็นของพ่อเลี้ยงตา หรือ ปรวี จิตกูร บิดาแท้ ๆ ของศศินา เดิมทีไร่นี้เคยทำไร่ใบยาสูบซึ่งทำกำไรในปีหนึ่งมหาศาลทั้งจากการส่งออกและส่งโรงผลิตบุหรี่ในประเทศ หากแต่พอพ่อเลี้ยงตาเริ่มลงเล่นการเมือง ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

พ่อนำเงินที่ได้จากกำไรไร่ยาสูบนำไปลงในการเมืองและไม่หันมาเหลียวแลสนใจไร่ใบยาสูบจนปล่อยให้ผู้จัดการไร่โกงเงินไปเป็นจำนวนมาก  จนถึงตอนนี้ศศินายังไม่แน่ใจนักว่าไร่เดือนฉายนั้นสภาพการเงินเป็นเช่นไร

เธอจากบ้านไปเกือบหกปีจนเรียนจบคหกรรม และระหว่างที่เรียนอยู่กรุงเทพเธอไม่เคยกลับมาเยี่ยมบ้านอีกเลย

สายลมก่อนเข้าหน้าหนาวของที่นี่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งหนาวเย็นทั้งแห้งแล้ง และพัดกลิ่นบ่มใบยาจากโรงบ่มที่ยังหลงเหลือของคนในหมู่บ้านแวกนี้

ทางเข้าไร่เดือนฉายลาดด้วยถนนยางมะตอยธรรมดาเป็นหลุมเป็นบ่อเพราะไม่ได้รับการดูแลรักษา แต่ยังไม่ถึงกับขรุขระมากนัก

“ขอบคุณลุงมากนะคะ”

ศศินาลากกระเป๋าลงจากรถกระบะของลุงแล้วจัดการจ่ายค่าโดยสาร ก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มของหญิงวัยกลางคนค่อนไปทางวัยชรา

“คุณหนูมาแล้ว”

เธอเงยหน้าจากหูกระเป๋าที่ก้มลงมอง เงยหน้าหวานซึ้งขึ้นมองตัวบ้านไม้หลังขนาดย่อมกลางไร่ที่ทรุดโทรมเต็มทนไร้การบำรุงรักษา เห็นแม่บ้านคนเก่าแก่อยู่มานานวิ่งลงมาจากบันไดบ้าน

“แม่อุ๊ สวัสดีค่ะ”

ศศินาพนมมือไหว้ก่อนเข้าสวมกอดแม่อุ๊ด้วยความคิดถึง แม่อุ๊อยู่ที่บ้านหลังนี้มานานตั้งแต่เธอยังเด็ก ดูแลเธอแทนแม่แท้ ๆ มาโดยตลอด

“มา เข้าบ้านก่อนเถอะค่ะ”

เธอยังเดินกอดแม่บ้านเข้าสู่ตัวบ้านทำจากไม้ทั้งหลังรูปแบบภาคเหนือ หลังคาทรงจั่วมีกาแลแกะสลักไขว้ด้านบน ซึ่งแต่เดิมกาแลยังสดใหม่เห็นลวดลายชัดเจนจนบัดนี้ผุพังและซีดจาง ตัวบ้านเป็นบ้านแฝดสองหลังติดกัน เดิมทีเมื่อก่อนด้านล่างใต้ถุนบ้านเปิดโล่งจนเธอมักผูกเปลนอนใต้ถุนบ้านเสมอยามบ่าย แต่เดี๋ยวนี้ต่อเติมบางส่วนไว้เป็นครัวและพื้นที่นั่งเล่นรับแขก

“งานเป็นอย่างไรบ้างคะแม่อุ๊”

“คุณหนูมาเหนื่อย ๆ ยังไม่ต้องไปวัดหรอกค่ะ พอจะมีคนช่วยงาน อยู่บ้าง พักก่อนให้หายเหนื่อย เย็นนี้ค่อยไปฟังสวด”

“แล้วนี่ใครเป็นคนช่วยจัดการเรื่องพวกนี้คะ”

ศศินาเห็นแม่อุ๊เงียบไปแสร้งเดินเอากระเป๋าเก็บเข้าห้องนอนเก่าที่เธอเคยพักแต่ยังดูแลรักษาจนสะอาดเรียบร้อย

“พ่อเลี้ยงพันแสงค่ะ เป็นคนช่วยจัดการ”

“อะไรนะคะ แล้วนี่มันเรื่องของครอบครัวเรา ไปเกี่ยวข้องกับเขาได้ยังไงคะ”

แม่อุ๊ดึงมือคุณหนูของเธอให้นั่งลงบนเตียง ลูบแขนเบา ๆ เพื่อปลอบให้ใจเย็นลง

“ก็พอเกิดเรื่องขึ้น ญาติฝั่งพ่อเลี้ยงตา แม้แต่น้องแท้ ๆ อย่างอาต้องจิตเองก็ไม่หันมาดูดำดูดี กระทั่งศพยังไม่ยอมไปรับออกมาจากโรงพยาบาล”

ใบหน้าหวานหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อฟังเรื่องจากปากแม่อุ๊ จริงอยู่ที่พ่อของเธอไม่ใช่คนดี จะเรียกว่าเป็นคนเลวเลยก็น่าจะถูก แต่ในเมื่อคนตายไปแล้วทำไมต้องรังเกียจเดียดฉันท์กันด้วย

“คุณหนูค่ะ อย่าเพิ่งคิดมากเลยค่ะ พักผ่อนก่อน เย็นนี้แม่อุ๊จะให้ป้ออุ๊ย[1]คำพาไปวัด”

แม่อุ๊จัดแจงผละขอตัวไปเตรียมอาหารเย็นให้คุณหนู ก่อนเดินออกไปยังเหลือบมองดวงหน้าซีดเซียวของคุณหนูด้วยความเวทนา แม่ของคุณหนูมาด่วนจากไปตั้งแต่เด็กทิ้งให้เธอเผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง มีพ่อก็เหมือนไม่มี

พ่อเลี้ยงตาไม่เคยสนใจใยดีลูกสาวคนนี้ทิ้งเธอไว้ให้อยู่ที่ไร่เดือนฉาย แล้วย้ายตัวเองไปอยู่ในเมืองพร้อมกับเมียใหม่ นี่เธอยังไม่ทันได้เล่าเรื่องเมียใหม่พ่อเลี้ยงตามาขอรื้อค้นบ้านเพื่อหาทรัพย์สมบัติ เพราะพ่อเลี้ยงตาเหลือแต่เปลือกและทิ้งหนี้ไว้ให้ก้อนโต

ศศินาล้มตัวลงนอนเอาแรงหลังจากที่เดินทางร่วมสิบกว่าชั่วโมงจากกรุงเทพเพื่อมายังเมืองเหนือสุดของแดนสยาม

ในใจเห็นภาพชายหนุ่มพ่อเลี้ยงพันแสง หรือ อ้ายแสงที่เธอเคยเรียกอยู่เสมอยามเป็นเด็กน้อย ชายหนุ่มลูกเจ้าของไร่ยาสูบข้างเคียงที่เธอมักจะไปคลอเคลียขอให้เขาคอยสอนงานในไร่

ภาพทรงจำทะลักทลายหลั่งไหลเข้ามาดั่งเธอนั่งมองภาพจากม้วนฟิลม์ซึ่งแม้ว่าจะสีซีดจางและลางเลือนไปบ้างบางส่วน แต่ความรู้สึกของวันนั้นยังแจ่มชัดกระทั่งยังรู้สึกได้ถึงความร้อนจากเปลวเพลิงที่ลุกไหม้

อ้ายแสงในใบหน้ากร้าวกระด้างผิวคล้ำแดดดวงตาลุกโชนมองเปลวไฟที่กำลังลามไหม้อย่างรวดเร็วของไร่ยาสูบ รวมไปถึงโรงบ่มที่ตากใบยาไว้เพื่อเตรียมนำส่งโรงยา

ในสมัยนั้นไร่ของพ่อเลี้ยงพันแสงไม่ได้ร่ำรวยเหมือนดั่งตอนนี้ ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือเพียงพอสำหรับรับมือไฟที่โหมไหม้ทั้งเร็วและแรงได้ ร่างสูงตระหง่านจึงทำได้เพียงวิ่งทะลุพื้นป่า ถือถังน้ำสีดำพยายามตักน้ำไปรดโรงบ่มให้มากที่สุดกับคนงานเพียงหยิบมือ แต่มันก็เปล่าประโยชน์ อากาศแห้งของภาคเหนือมักโหดร้ายเสมอเมื่อถึงยามหน้าแล้ง

เชื้อเพลิงจากการเผาไหม้ใบยาเกิดควันสีดำพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมเปลวเพลิงสีแดงฉาน ชายหนุ่มร่างสูงเกร็งทรุดลงคุกเข่ากระแทกพื้นดินด้านหน้า ใบหน้ากราดเกรี้ยวก่อนจะแหงนหน้าขึ้นฟ้าตะโกนร้องออกอย่างสุดเสียง ดังเสียจนนกกระพรือปีกบินแตกออกจากรัง เสียงร้องโหยหวนกรีดแทงเข้าไปในหัวใจของศศินา เด็กสาววัยสิบเจ็ดปีที่ได้แต่ยืนมองเขาและโรงบ่มที่เผาไหม้

“ลูก แสง ลูก”

ศศินาประคองระพีแม่ของพันแสงไว้ฉุดเธอไม่ให้วิ่งเข้าไป ร่างอวบเตี้ยขาวจัดดั่งคนเหนือทรุดลงคุกเข่าที่พื้นเช่นกันน้ำตาไหลอาบแก้ม

“คุณน้าคะ”

ระพีเกาะแขนของศศินาไว้แน่นดั่งเถาวัลย์เพื่อประคองร่างของตัวเองไม่ให้ล้มลง ดวงตาร้าวรานมองภาพตรงหน้าผ่านม่านน้ำตา

“หมดแล้วเดือน หมดสิ้นทุกอย่างแล้ว”

จังหวะนี้ที่พันแสงพลันลุกขึ้น เธอเห็นใบหน้ากร้าวก้มต่ำลงมองมายังเธอ เปลวเพลิงยังลุกโชนแสงอยู่ด้านหลังเกิดเป็นเงาสีแดงโหมแรง

“เพราะบ้านเธอ เดือน พ่อของเธอเป็นคนทำ เขาต้องได้ชดใช้ บ้านของเธอต้องได้ชดใช้หนี้ในครั้งนี้”

แววตาวาวโรจน์ดั่งอสูรร้ายจ้องอาฆาตมาทางเธอ ส่งเสียงกดต่ำสะกดกลั้นความโกรธ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เธอกับเขาสูญสิ้นความผูกพันธ์ที่มีให้กัน และเธอไม่เคยเจอพันแสงอีกเลย

ศศินาลืมตาขึ้นจากภาพความทรงจำเหล่านั้น เธอได้แต่อ้อนวอนสวดภาวนา ขออย่าให้เธอได้เจออ้ายแสง พี่แสง หรือพ่อเลี้ยงพันแสงอีกเลย

[1] ตา

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทพิเศษ 2

    บทพิเศษ 2ใจดวงเล็กทั้งตื่นตระหนก ทั้งตื่นเต้นปะปนคละเคล้ากันไป กายสาวสั่นระริกไปทั่วร่าง สัมผัสแปลกใหม่ทำสาวแรกรุ่นใจเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งอยากรู้อยากลอง ต้องการเป็นของเขาทั้งตัวทั้งใจ ยินยอมขยับต้นขาเปิดออกให้ปลายนิ้วแทรกลงกลางไรขนอ่อนนุ่มราวผ้าไหม“เดือน อ่า นุ่มมือมาก”หน้าเข้มขยับเลื่อนขึ้นซอกคอสูดกลิ่นกายสาวดูดขบเม้มเนื้ออ่อนใกล้จุดชีพจรแสนอ่อนไหวตรงฐานลำคอนิ้วสัมผัสกายสาวฉ่ำชื้นแทรกลงตรงกลางกลีบแหวกออก ส่งนิ้วชี้ลูบไล้จนกระทั่งพบเม็ดเล็กกลางร่องงาม ร่างเล็กสะดุ้งขึ้นยามเขากดลงแรงคลึงเม็ด“เดือนจ๋า คนดี พี่ขอได้ไหม”สาวน้อยไร้ประสบการณ์ไม่เข้าใจสิ่งที่พันแสงถาม เธอเอียงหน้าไปอีกทางยามเขาซุกไซ้ลำคอ มือแกร่งด้านล่างยังล้วงลึก อีกมือกอบกุมทรวงงามบีบเคล้นลงแรงเต็มมือ ร่างเล็กนอนระทวยทำได้เพียงแอ่นร่างรับไฟพิศวาสส่งเสียงครางในลำคอ กระทั่งนิ้วของคนด้านบนเริ่มสอดใส่เข้าไปทางร่องรักจึงได้รู้สึกตัว“พี่แสง อ่า ไม่ได้นะ อื้อ อ่า อย่า อย่าสอดนิ้วเข้าไป”เสียงห้ามปรามแผ่วเบาปนกระเส่า น้ำหวานเอ่อล้นสวนทางกลับเสียงร้องทักท้วง นิ้วยาวเรียวส่งเข้าทาง แม้ว่าไม่ถนัดถนี่นักแต่ยังพอเข้าไปได้“โอ้! เด

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทพิเศษ 1

    บทพิเศษ 1หกปีที่แล้ว“มา ๆ หนูเดือน มากินกัน”ศศินารีบวิ่งนำพันแสงมาจากทางเนินเขาหลังบ้านเมื่อได้ยินเสียงคุณน้าระพีร้องเรียกแต่ไกล“พี่แสง เร็ว ๆ สิ เดือนหิวแล้วนะ”เสียงหัวเราะหวานใสบนใบหน้าของเด็กสาววัยสิบเจ็ด พวงแก้มยุ้ยออกเล็กน้อยด้วยโฮร์โมนวัยรุ่น ผมเลยติ่งหูแต่ไม่ประบ่าพันแสงมองตามร่างเล็กในชุดกางเกงยีนส์สีซีดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งลายสก็อตสีแดงตัวเก่งที่ศศินาชอบสวม เธอวิ่งไปหัวเราะไปจนเสียงฝีเท้ากระทบพื้นดินหยอกล้อไปกับเสียงหวานใสผสมผสานเสียงของลมหนาวที่กำลังพัดผ่าน นำกลิ่นใบยาสูบที่บ่มอยู่ในโรงบ่มกำจายโดยรอบบ้านไม้สองชั้นกลางไร่ยาสูบชัยสงคราม“ค่อยเดินสิ ประเดี๋ยวก็ล้ม”“ไม่หรอกค่ะ ฮ่า ฮ่า เร็วสิ พี่แสงเดินอย่างกับคนแก่”“พี่ไม่ใช่คนแก่สักหน่อย”ศศินาหยุดแล้วหันหลังกลับมายืนเท้าสะเอวมองตรงไปทางร่างสูงใหญ่ผิวสีเข้มผิดไปจากคนเหนือทั่วไป เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มใส่ในกางเกงยีนส์คาดเข็มขัดหนังสีน้ำตาลธรรมดา สวมรองเท้าบูธสำหรับใส่ในไร่สีดำ ผมยุ่งเหยิงจากแรงลมที่พัดไปมารอบตัว ดวงตาสีนิลจ้องตอบเธอเปล่งประกายเจิดจ้ามีความสุขวันนี้พันแสงเรียนจบปริญญาโทดั่งที่ตั้งใจไว้ เขากลับมาอยู่บ้านเพื่

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 30  ~ จบบริบูรณ์

    บทที่ 30 ~ จบบริบูรณ์พันแสงหยุดรถกลางทางมองศศินาที่หันจ้องหน้าเขาแววตาสงสัย หน้าคมเข้มยิ้มกว้างยกมือเล็กขึ้นจูบ“วันนี้คนที่บ้านเยอะหน่อยนะ”“อะไรนะคะ คนอะไรกันคะ คนงาน?”พันแสงหัวเราะเบา ๆ ชะโงกหน้าจูบปากหวานจิ้มลิ้มแล้วถอยห่างออกมา“เราจะไปไร่ชัยสงครามกัน”“อ้าว ทำไมคะ เดือนจะกลับบ้านนะ”พ่อเลี้ยงปล่อยมือสาวร่างเล็ก หันไปขับรถต่อแต่เลี้ยวเข้าทางไร่ชัยสงครามปล่อยให้ศศินามึนงงสงสัย กระทั่งเข้ามาถึงปากทางเข้าบ้านจึงเห็นลานบ้านมีแต่โต๊ะงานเลี้ยงและเวทีเล็ก ๆ กลางลาน“มีงานเหรอคะ งานอะไรกัน”ศศินาชะเง้อมองคนงานที่กำลังทำอาหารกันวุ่นวาย มีแขกมาบ้างแล้วนั่งอยู่ที่โต๊ะ“งานแต่งงาน”“หื้อ งานแต่งงานใครคะ”ศศินาเอี้ยวใบหน้าหวานคมกลับมาที่พันแสง เห็นสีหน้ายิ้มกรุ่มกริ่มไม่พูดอะไรแล้วลงจากรถไปเธอรอให้เขาอุ้มร่างเล็กลงรถแล้วประคองเธอเดินตัดผ่านลานบ้านไปยังตีนบันไดขึ้นบ้าน“มากันแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาว”ศศินาทวนคำในใจ เจ้าบ่าวเจ้าสาว เธอมองบนบ้านห้อยทั้งสายสิญจน์และดอกไม้ประดับประดาเต็มเรือน“ไปห้องพี่ก่อน”ศศินาถูกจูงมือแม้เธอจะยังเหลียวหลังมองข้าวของบนเรือน ทั้งบายศรี และยังพานพุ่มดอกไม้เธอก้า

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 29 ~ ได้โปรด

    บทที่ 29 ~ ได้โปรดพันแสงขับรถด้วยความเร็วลงเนินเขา ใจเต้นโครมครามเมื่อนึกถึงใบหน้างาม เขามีเรื่องจะบอกเธอ คำพูดที่เขาติดค้างเธอไว้เมื่อหกปีก่อนชายหนุ่มลดความลงเร็วเมื่อถึงโค้งหักศอกใกล้ตีนเขา สังเกตเห็นรถมูลนิธิข้างทางและรถของฝูงชนที่มุงดูเหตุการณ์อีกฝั่งเป็นรถหกล้อบรรทุกรวงข้าวคงกำลังเร่งเพื่อไปให้ทันโรงสีปิดจนเกิดเหตุเขาชะลอรถเพื่อดูรถของผู้เสียหาย แสงอาทิตย์ยามเย็นพาดผ่านเหลี่ยมเขาแมกไม้เป็นเงาทอดยาวสีทองส่องไปยังรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่“ไม่ ไม่ ไม่!!”“เอี๊ยด!!”เขาตบพวงมาลัยเข้าข้างทางกะทันหัน ลงจากรถวิ่งข้ามถนนไปยังรถเกิดเหตุอย่า! ขอเถอะ! อย่าเป็นอย่างที่เขาคิด อย่า! ได้โปรด!ช่วงเวลาช่างยาวนานในระหว่างที่เขากระโดดก้าวข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม หัวใจเต้นถี่รัวและบีบรัดแน่น ช่องท้องมวนขึ้นตีจนจุกถึงลิ้นปี่“ป้อเลี้ยง! มาทำอะไรครับ เดี๋ยวครับ”พันแสงไม่ฟังเสียงห้าม เขาแหวกคนมูลนิธิเข้าไปใกล้รถที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่เห็นร่างเล็กในรถ“เธออยู่นี่ครับ”พันแสงมองหน้าคนมูลนิธิ สติยังไม่กลับคืนมา เขามึนจนแยกไม่ออกว่าเสียงที่พูดหมายถึงอะไร“ป้อเลี้ยง ป้อเลี้ยง รู้จักคนในรถเหรอครับ”หน้าคม

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 28 ~ พราวพิลาส

    บทที่ 28 ~ พราวพิลาสมือใหญ่ยังตัดขนมสาคูไส้หมูออกเป็นสองชิ้นก่อนจะใช้ส้อมเล็กจิ้มเข้าปากตามด้วยพริกเม็ดใหญ่และผักสด มองหน้าแม่รอคำถามต่อไป“เรื่องหนูเดือน”“ครับหนูเดือน”“เขาลือว่าเห็นลูกจูบกันกับหนูเดือนที่หน้าร้านเบเกอรี่ที่หนูเดือนเป็นเจ้าของ จริงหรือเปล่า”“ครับ จริง”เขาจิ้มสาคูชิ้นที่เหลือเข้าปากตามด้วยพริกสดและผัก“ฝีมือแม่อร่อยเหมือนเคย แล้วยังไงครับ”“กะ ก็ มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ทำไมแม่ไม่รู้”เขาวางส้อมลงแล้วหยิบน้ำขึ้นดื่ม เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะวางแก้วน้ำลง“ก็ประมาณสามเดือนครับแม่ ตั้งแต่เดือนกลับมางานศพพ่อเลี้ยงตา”ระพีสะดุ้งตกใจ สามเดือนนั้นมันถือว่านานพอสมควร แล้วลูกชายของเธอก็ปิดบังเรื่องนี้มาตลอด“ตอนนี้ผมกับเดือน เรา เอาเป็นว่าอยู่ด้วยกันแล้วครับแม่”“ได้ยังไง ก็ ก็ลูกอยู่บ้านตลอด”“ผมจะไปเฉพาะช่วงกลางคืนแล้วค่อยกลับมานอนบ้านครับ”“แสง!!”ระพีร้องอุทาน เธอนึกถึงเด็กสาวอายุสิบเจ็ดร่างเล็กที่เธอเห็นครั้งสุดท้ายในวันเพลิงไหม้ มือเล็กของศศินาประคองร่างเธอไว้ไม่ให้ล้มโดยที่พันแสงยืนชี้หน้าเด็กสาวคนนั้น“แสง แสงบอกแม่สิว่า แสงไม่ได้ทำลงไปเพราะอยากจะแก้แค้น”พันแ

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 27 ~ อดีตยากจะฝังกลบ

    บทที่ 27 ~ อดีตยากจะฝังกลบ“แม่อุ๊”แม่อุ๊ร่างท้วมวางไม้กวาดทางมะพร้าวพิงไว้กับเสาบ้าน เดินไปหาพ่อเลี้ยงพันแสงที่ยืนเสียงอยู่ตรงตีนบันได“เจ้า ป้อเลี้ยง”“ฉันมีเรื่องจะถาม”พันแสงเดินลงมุดเข้าใต้ถุนบ้านที่เตี้ยเกินไปสำหรับเขานั่งลงบนแคร่ไม้ข้างใต้บทที่“ป้อเลี้ยงจะถามหยั่งข้าเจ้า”“เรื่องรอยบนหลังของเดือน”แม่อุ๊สะดุ้งจ้องหน้าเข้มดุเอาเรื่อง นึกสงสัยพ่อเลี้ยงเห็นรอยแผลของคุณหนูได้ยังไง“คุณหนูบ่หื้อผู้ใด๋อู้”“แต่แม่อุ๊ต้องพูด”ร่างท้วมเหลียวมองไปบนบ้านยังได้ยินเสียงน้ำไหลจากในห้องน้ำแล้วจึงหันกลับมาหาพ่อเลี้ยง“ก็เมื่อปี๋นั้นคืนที่ฉลองงานรับปริญญา ป้อเลี้ยงจำได้ก๋า”พันแสงพยักหน้า เขาจะจำไม่ได้ได้อย่างไรในเมื่อเขาพาสาวน้อยแวะเข้าข้างทางแล้วทำให้เธอต้องเสียสาวเป็นครั้งแรก“ป้อเลี้ยงมาส่งเปิ้นสะค่อนดึ๋ก ป้อเลี้ยงตาเกี้ยดนั่ก[1] เจ๊า[2]มาหื้อคนงานมัดคุณหนูกับเสาพู้น”พันแสงมองตามมือแม่อุ๊ไปที่เสากลมหน้าสุดของใต้ถุนบ้าน หน้าคมเข้มเริ่มเปลี่ยนสี“มัด?”“เจ้า เปิ้นสั่งคนงานมาหันเปิ้นลงแส้ แฮงนั่ก ตะโกนลั่น หื้อจำไว้บ่าต้องแอ่วบ้านป้อเลี้ยงอีก ไม่งั้นเปิ้นจะเผาไฟไร่ชัยสงคราม โอ้ย!ป้อเลี้ย

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status