Masukราวกับถูกราดรดด้วยน้ำเย็นเฉียบ...
ภูริลุกพรวดขึ้นจากโซฟาทันทีที่ได้ยินบิดาเอ่ยจบประโยค แต่งงานอย่างนั้นหรือ!? คนโสดที่กำลังใช้ชีวิตประชดรักเก่าอย่างสนุกสนาน มองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องกลายเป็นผู้ชายมีเจ้าของเลยสักนิด เขาหลับนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า มีสุรานารีข้างกายทุกวัน แล้วทำไมเขาจะต้องหาเรื่องใส่ตัวด้วยการมีเมียเดียวด้วยเล่า
“จะให้ผมแต่งงานกับใครนะครับ? ลูกสาวของเพื่อนคุณพ่อเหรอ...โธ่! คุณพ่อครับ นี่มันยุคไหนแล้ว ไม่มีใครเขาใช้วิธีคลุมถุงชนกันแล้วนะครับ” ชายหนุ่มทำเสียงยียวน
“พ่อแค่ช่วยแกเลือกผู้หญิงดีๆ จะได้เลิกทำตัวสำมะเลเทเมา แล้วกลับมาเป็นผู้เป็นคนขึ้นกว่านี้บ้าง”
“คุณพ่อหวังดีกับภูนะลูก หนูดาเธอน่ารัก นิสัยดี เพียบพร้อมทุกอย่าง แม่ว่าถ้าภูลองเปิดใจคบหากับน้อง ภูจะต้องชอบน้องแน่” อัมพิกาสนับสนุนความคิดของชาติชายผู้เป็นสามี ด้วยไม่อยากทนเห็นลูกชายคนเดียวทำตัวไร้หลักอีกแล้ว
“นี่คุณแม่ก็เอากับคุณพ่อด้วยเหรอครับ”
“อะไรที่มันดีสำหรับภู แม่ก็เห็นด้วยทุกอย่าง”
“ถ้าชอบผู้หญิงคนนั้นนัก คุณพ่อก็รับเธอมาเป็นเมียอีกคนสิ ผมว่าคุณแม่คงไม่ถือ เพราะคุณแม่เองก็ดูจะชอบลูกสาวของเพื่อนคุณพ่ออยู่ไม่น้อยเหมือนกัน” เขาแสยะยิ้ม คำพูดคำจาร้ายกาจจนคนเป็นพ่อทนไม่ไหว
“หุบปากไปเลยนะ! อย่ามาลามปามแบบนี้!” ชาติชายโกรธจนตัวสั่น ชี้หน้าลูกชายแล้วเอ่ยต่อด้วยสุ้มเสียงดุดัน “ถ้าแกไม่แต่งงานกับหนูดา ฉันจะยึดรถ ยืดคอนโด ยืดทุกอย่างคืนมาทั้งหมด! ส่วนเงินเดือนที่แกถลุงเล่นอยู่ทุกเดือน นั่นก็จะไม่มีอีกเหมือนกัน อยากรู้นักว่าคนเก่งหยิ่งยโสอย่างแกจะทำยังไงต่อไป!”
“นี่คุณพ่อขู่ผมเหรอครับ!” ภูริอึ้ง
“ฉันไม่ได้ขู่ แต่ฉันทำจริง!” ชาติชายยืนยัน
“เชื่อคุณพ่อเถอะนะภู ลูกใช้ชีวิตจนคุ้มค่าแล้ว แม่ว่าพอเถอะนะ แต่งงานมีครอบครัว เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีได้แล้วนะลูก เราสองคนอยากให้ลูกมีความรับผิดชอบมากกว่านี้”
“ใช่ ถึงเวลาที่แกจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วนะภู แกอกหักรักคุดมา ฉันเข้าใจ แต่มาประชดชีวิตแบบนี้ แกคิดว่าคนในอดีตของแกเขาจะรู้สึกอะไรด้วยเหรอฮะ! ผู้หญิงคนนั้นแต่งงานมีความสุขไปแล้ว ส่วนแกก็เอาเวลามาทำร้ายตัวเอง ก้าวตามใครไม่ทันสักที”
“ผมไม่แต่ง!” ชายหนุ่มยืนกรานเสียงแข็ง
“ได้...ไม่แต่งก็ได้ แต่แกต้องไปทำงานที่บริษัทเพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเอง ไม่ใช่ในตำแหน่งลูกชายฉันนะ แต่แกต้องสมัครเข้าไปตามระเบียบ เริ่มต้นจากพนักงานธรรมดา จนกว่าฉันจะเห็นว่าแกเก่งพอที่จะเลื่อนขึ้นมาในฐานะทายาทคนเดียวของฉันได้ แต่ถ้าแกยอมแต่งงานมีครอบครัว เลิกทำตัวให้ฉันขายหน้า ฉันจะให้แกเข้าไปทำงานในฐานะรองประธานบริษัท คุณรำไพจะเป็นคนสอนแกเอง” ชาติชายยื่นคำขาด ยอมอ่อนข้อให้ลูกชายหัวดื้อคนนี้มาเยอะแล้ว ตามใจจนเสียคน ถึงเวลาที่ต้องใช้ไม้แข็งเสียที ดูเหมือนคำพูดของคนเป็นพ่อจะทำให้ภูริอึ้งไปครั้งแล้วครั้งเล่า เขากำมือแน่น ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นด้วยความโกรธขึ้งสุดจะเอ่ย อัมพิกามองตามหลังลูกชายไป ถอนหายใจเฮือกก่อนหันมาถามสามี
“ทำไมไม่บอกลูกไปละคะว่าอีกเหตุผลหนึ่งที่เราเลือกหนูดา เพราะพ่อของเธอกำลังจะตาย”
“บอกไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกคุณ ภูไม่สนใจหรือคิดจะเห็นใจหนูดาเพราะเรื่องนี้หรอก เราสองคนเลี้ยงลูกมาแบบผิดๆ กว่าจะตัดใจดัดนิสัยได้ก็เกือบจะกลายเป็นไม้แก่แล้ว หวังว่าการแต่งงานจะทำให้ภูทำตัวดีขึ้น หนูดาน่ารักขนาดนั้น ผมเชื่อว่าภูจะต้องใจอ่อนได้สักวัน” ชาติชายเอ่ยอย่างเหนื่อยใจ ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาแล้วยกมือขึ้นกุมขมับ อัมพิกาเห็นแบบนั้นก็ขยับไปนั่งข้างๆ หวังจะปลอบใจ แต่เสียงโทรศัพท์มือของสามีที่ร้องดั่นขึ้นมาบนโต๊ะรับแขก ทำให้เธอต้องนิ่งเงียบ มองดูเขาหยิบมันขึ้นมาดู
“นี่มันเบอร์โทร.ของหนูดานี่?” เขาย่นคิ้ว
“รีบรับสายสิคะ เผื่อมีธุระอะไรสำคัญ” ภรรยากระตุ้น ชาติชายจึงพยักหน้าเร็วๆ แล้วกดรับสายทันที
“คุณลุงคะ...” เสียงที่เอ่ยขึ้นมาสั่นเครือจนใจคอไม่ดี ดารินญาสะอื้น เงียบไปอึดใจหนึ่งเหมือนพยายามตั้งสติ แล้วรีบเอ่ยต่อ “พ่อ...พ่อเสียแล้วค่ะคุณลุง ดาไม่รู้จักใคร...ดา...”
“ใจเย็นนะหนูดา เดี๋ยวลุงกับป้าจะรีบไปหาหนูเอง ทำใจดีๆ ไว้นะลูกนะ” ชาติชายปลอบเสียงสลด อัมพิกายกมือขึ้นปิดปาก รู้ได้ทันทีว่าคงเกิดเรื่องร้ายขึ้นเป็นแน่ เมื่อสามีกดวางสายแล้วหันมาสบตา ดวงตาที่แดงก่ำของเขาก็บอกเรื่องราวทั้งหมดทันที
“เสียใจด้วยนะคะคุณ ฉันรู้ค่ะว่าคุณกับคุณเด่นเป็นเพื่อนที่รักและสนิทสนมกันมาก” อัมพิกาบีบมือสามีแน่น “ไปค่ะ ไปหาหนูดากัน เดี๋ยวฉันจะขับรถให้คุณเองนะคะ”
“ขอบคุณนะคุณอัม” ชาติชายยิ้มเศร้า ก้มหน้าลงซ่อนความเสียใจ ตั้งสติอยู่ไม่กี่นาที ก่อนจะออกจากบ้านไปพร้อมกับคู่ชีวิตที่คอยเคียงข้างกันทุกสถานการณ์
เมื่อขับรถไปถึงบ้านของเด่น รถโรงพยาบาลก็แล่นเข้าจอดเกือบจะพร้อมเพรียงกัน ดารินญาร้องไห้กอดร่างที่แน่นิ่งของบิดาไว้แน่น จนชาติชายกับอัมพิกาต้องเข้าไปปลอบประโลมเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ทำตามหน้าที่ หญิงสาวร้องไห้ปานจะขาดใจอยู่ในอ้อมแขนของอัมพิกา มีชาติชายคอยลูบไหล่ลูบหลังเบาๆ ไม่ห่างไปไหน นั่นทำให้การสูญเสียของเธอไม่ได้โดดเดี่ยวมากนัก
ไม่อยากเชื่อเลยว่าการพบกันเมื่อวานนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของเพื่อนรัก ชาติชายมองร่างที่นอนหลับตาพริ้มแล้วเม้มปากแน่น สะกดกลั้นอารมณ์อ่อนไหวไว้ให้ลึกสุดหัวใจ เขาจะจัดการพิธีศพของเด่นอย่างสมเกียรติ และสัญญาว่าจะดูแลดารินญาเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง
“หมดห่วงได้แล้วนะเด่น ฉันจะดูแลหนูดาแทนนายเอง”
งานสีดำผ่านพ้นไปแล้วโดยไร้เงาของภูริ ดารินญายังจมอยู่กับความโศกเศร้าไม่จางหาย แม้จะมีเวลาทำใจมาก่อนแล้ว แต่ใครเล่าจะอยากสูญเสียคนที่รักไป แล้วต้องระหกระเหินย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของคนอื่นอย่างนี้ ชาติชายกับภรรยาดีต่อเธอมาก จนเธอสัญญากับตัวเองว่าจะตอบแทนและกตัญญูต่อผู้ใหญ่ทั้งสองให้สมกับที่ได้รับความเมตตา คนในบ้านต่างก็ดีและเป็นมิตร เธอย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านอาภาชนะโชติได้สองสัปดาห์แล้ว แต่ก็แปลกที่ยังไม่เคยได้พบกับลูกชายคนเดียวของผู้มีพระคุณเลยผู้ชายที่เธอจะต้องแต่งงานกับเขา...ชาติชายบอกเรื่องนี้เมื่อสัปดาห์ก่อน ว่าการแต่งงานกับภูริจะทำให้ชีวิตของเธอมั่นคง แต่ก็ขอร้องด้วยเช่นกันว่าให้อดทนต่อความดื้อรั้นของชายหนุ่ม เนื่องด้วยเป็นพวกหัวแข็ง ไม่ฟังใคร แล้วก็มีนิสัยเอาแต่ใจตัวเองมาก ได้ยินแบบนั้นดารินญาก็ชักไม่แน่ใจว่าการมีเขาเป็นคู่ชีวิต นั่นเป็นทางเลือกที่ถูกต้องจริงหรือไม่ แต่เมื่อนึกถึงความเป็นห่วงของพ่อที่อุตส่าห์ฝากฝังเธอไว้กับเพื่อนรัก เธอจึงบอกตัวเองว่าคงต้องลองสู้ดูสักตั้ง หากไม่เป็นดั่งใจคิด เธอก็มีสิทธิ์ที่จะถอนตัวได้ทุกเมื่อ“คุณดาครับ” เสียงของเอกราชดังขึ้นจากทางด้านหลัง ดารินญา
ราวกับถูกราดรดด้วยน้ำเย็นเฉียบ...ภูริลุกพรวดขึ้นจากโซฟาทันทีที่ได้ยินบิดาเอ่ยจบประโยค แต่งงานอย่างนั้นหรือ!? คนโสดที่กำลังใช้ชีวิตประชดรักเก่าอย่างสนุกสนาน มองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องกลายเป็นผู้ชายมีเจ้าของเลยสักนิด เขาหลับนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า มีสุรานารีข้างกายทุกวัน แล้วทำไมเขาจะต้องหาเรื่องใส่ตัวด้วยการมีเมียเดียวด้วยเล่า“จะให้ผมแต่งงานกับใครนะครับ? ลูกสาวของเพื่อนคุณพ่อเหรอ...โธ่! คุณพ่อครับ นี่มันยุคไหนแล้ว ไม่มีใครเขาใช้วิธีคลุมถุงชนกันแล้วนะครับ” ชายหนุ่มทำเสียงยียวน“พ่อแค่ช่วยแกเลือกผู้หญิงดีๆ จะได้เลิกทำตัวสำมะเลเทเมา แล้วกลับมาเป็นผู้เป็นคนขึ้นกว่านี้บ้าง”“คุณพ่อหวังดีกับภูนะลูก หนูดาเธอน่ารัก นิสัยดี เพียบพร้อมทุกอย่าง แม่ว่าถ้าภูลองเปิดใจคบหากับน้อง ภูจะต้องชอบน้องแน่” อัมพิกาสนับสนุนความคิดของชาติชายผู้เป็นสามี ด้วยไม่อยากทนเห็นลูกชายคนเดียวทำตัวไร้หลักอีกแล้ว“นี่คุณแม่ก็เอากับคุณพ่อด้วยเหรอครับ”“อะไรที่มันดีสำหรับภู แม่ก็เห็นด้วยทุกอย่าง”“ถ้าชอบผู้หญิงคนนั้นนัก คุณพ่อก็รับเธอมาเป็นเมียอีกคนสิ ผมว่าคุณแม่คงไม่ถือ เพราะคุณแม่เองก็ดูจะชอบลูกสาวของเพื่อนคุณพ่ออยู่
เสีงเอะอะจากห้องทำงานชั้นล่างของคฤหาสน์อาภาชนะโชติ ดึงให้อัมพิการีบก้าวเท้ายาวๆ เพื่อหวังจะเข้าไปห้ามศึกระหว่างสามีกับลูกชายเพียงคนเดียว ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็ถึงกับต้องอ้าปากค้าง เพราะบนใบหน้าบริเวณโหนกแก้มของภูริผู้เป็นลูกชาย มีเลือดไหลซึมออกจากบาดแผลที่ปริแตกเล็กน้อย เมื่อหันไปมองทางฝ่ายสามี พบว่าเขากำลังโกรธจัดจนเลือดขึ้นหน้า สังเกตไม่ยากเลยจากทรวงอกที่หอบสะท้านและมือที่กำแน่นอยู่ข้างตัว“คุณชาติ! นี่ถึงกับต้องทำร้ายลูกเลยหรือคะ”อัมพิกาถามเสียงสั่น ปราดเข้าไปหาลูกชายและย่นจมูกทันทีที่ได้กลิ่นเหล้าโชยมา“ผมไม่ได้ทำ! ลูกชายคุณเมาแล้วล้มไปฟาดกับเหลี่ยมโต๊ะเองต่างหากล่ะ ถึงผมจะโกรธเจ้าภูแค่ไหน แต่ผมไม่มีทางทำร้ายลูกหรอกนะคุณอัม” ชาติชายมองคนที่ยืนแทบไม่อยู่ด้วยสายตาเอือมระอาเกินทน ตั้งแต่ภูริกลับมาเมืองไทย ไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่ทำตัวให้ปวดหัว มีเรื่องชกต่อยบ้าง หิ้วผู้หญิงเข้าบ้านไม่ซ้ำหน้าบ้าง เมาหัวราน้ำบ้าง แต่ละวันทำเอาต้องรับมือจนเหนื่อย อายุสามสิบปีแล้ว ยังทำตัวเหมือนพวกวัยรุ่นสิ้นคิดขาดการอบรมอยู่ได้“โธ่! ตาภู!” อัมพิกาถลันเข้าไปประคองได้ทันพอดี“คุณจัดการต่อแล้วกัน ผมจะไป
บ่ายนี้อากาศดูไม่ค่อยดีนัก ท้องฟ้าหม่นหมองมืดครึ้มคล้ายกับว่าพายุลูกใหญ่กำลังจะเคลื่อนตัวเข้ามา ไม่ทันไรเสียงฟ้าร้องครืนคำรามลั่นก็ดังขึ้นประกอบความคิด ดารินญารีบกระวีกระวาดเปิดประตูออกมาข้างนอก เก็บเสื้อผ้าทุกชิ้นที่ตากอยู่บนราวลงในตะกร้าใบใหญ่ แล้วยกมันกลับเข้าไปในบ้านก่อนที่ฝนจะเทลงมาอย่างหวุดหวิด“ฝนตกอีกแล้วเหรอดา” เสียงทุ้มสั่นเครือนั่นดังขึ้นข้างหลัง ดารินญาที่ยืนกอดอกมองสายฝนอยู่ตรงประตูกระจกแบบบานเลื่อน รีบหันกลับไปมองคนต้นเสียงด้วยสีหน้าตื่นตกใจ“พ่อ! ลุกขึ้นมาจากเตียงทำไมคะ” หญิงสาวรีบปราดเข้าไปประคอง พาบิดานั่งลงบนโซฟาตัวยาวด้วยความระมัดระวัง“พ่อเบื่อ นอนทั้งวัน”“แต่หมอบอกให้พ่อพักผ่อนมากๆ นะคะ หลังให้คีโมร่างกายต้องพักฟื้นมากกว่าปกติ นี่พ่อหายคลื่นไส้เวียนหัวหรือยังคะ” คนเป็นลูกถามอย่างห่วงใยเด่นยกมือขึ้นลูบศีรษะลูกสาว ดารินญาอายุครบยี่สิบปีไปเมื่อเดือนก่อน ไม่มีงานเลี้ยงวันเกิด ไม่มีเค้กหรือการขอพรพร้อมเป่าเทียน มีเพียงคำอวยพรที่เขามอบให้ลูกสาว ก่อนเข้ารับคีโมเพื่อรักษาโรคมะเร็งที่กว่าจะตรวจพบก็แพร่กระจายไปแล้วหลายจุดดารินญาถูกผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าแม่ ทอดทิ้งไปตั้งแต่
“เป็นอะไรนักหนาฮะ! โดนเอาแค่นี้ทำเหมือนจะเป็นจะตาย ผู้หญิงแรดร่านอย่างเธอน่ะ อีกหลายครั้งก็น่าจะไหวนี่” ภูริจ้องมองคนที่นอนร้องไห้อยู่บนเตียงด้วยสายตาเหยียดหยัน“ฉันเป็นคนนะคะคุณภู ฉัน...ฮึก...ฉันไม่ใช่ตุ๊กตาที่คุณจะจับรวบแขนถ่างขาข่มขืนได้ตามอำเภอใจ” ดารินญาตัดพ้อเสียงขุ่น เจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์กาย หลังจากทำหน้าที่ในคืนเข้าหอไปตามความพอใจของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีครั้งแล้วครั้งเล่า“สมควรแล้วนี่ อยากเป็นเมียฉันนักไม่ใช่เหรอ ก็นี่ไง...หน้าที่ที่คนเป็นเมียต้องทำ โดยเฉพาะเมียที่กล้าเพ้อถึงผู้ชายคนอื่นให้ผัวได้ยิน!” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ แต่ท้ายประโยคตวาดลั่นจนหญิงสาวสะดุ้งด้วยความตื่นตกใจ“ถ้าเกลียดกันนัก เราควรหย่ากันเลยจะดีกว่านะคะ ถึงเราจะเพิ่งจดทะเบียนกันได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม ฉันจะอธิบายทุกอย่างกับคุณพ่อคุณแม่ของคุณเอง”“หย่าเหรอ? โอ้...ไม่หรอกคนดี ขืนทำแบบนั้น เธอก็ต้องลำบากไปถ่างขาให้ผู้ชายคนอื่นน่ะสิ ลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองทั้งร่านทั้งเห็นแก่เงิน ถ้าไม่มีขุมสมบัติอย่างฉันให้ถลุง คนอย่างเธอก็คงทำได้แค่ขายตัว!”“ก็อาจจะใช่ค่ะ บางทีการเป็นผู้หญิงขายตัว อาจจะมีความสุขกว่าการเป็น







