Masukเสีงเอะอะจากห้องทำงานชั้นล่างของคฤหาสน์อาภาชนะโชติ ดึงให้อัมพิการีบก้าวเท้ายาวๆ เพื่อหวังจะเข้าไปห้ามศึกระหว่างสามีกับลูกชายเพียงคนเดียว ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็ถึงกับต้องอ้าปากค้าง เพราะบนใบหน้าบริเวณโหนกแก้มของภูริผู้เป็นลูกชาย มีเลือดไหลซึมออกจากบาดแผลที่ปริแตกเล็กน้อย เมื่อหันไปมองทางฝ่ายสามี พบว่าเขากำลังโกรธจัดจนเลือดขึ้นหน้า สังเกตไม่ยากเลยจากทรวงอกที่หอบสะท้านและมือที่กำแน่นอยู่ข้างตัว
“คุณชาติ! นี่ถึงกับต้องทำร้ายลูกเลยหรือคะ”
อัมพิกาถามเสียงสั่น ปราดเข้าไปหาลูกชายและย่นจมูกทันทีที่ได้กลิ่นเหล้าโชยมา
“ผมไม่ได้ทำ! ลูกชายคุณเมาแล้วล้มไปฟาดกับเหลี่ยมโต๊ะเองต่างหากล่ะ ถึงผมจะโกรธเจ้าภูแค่ไหน แต่ผมไม่มีทางทำร้ายลูกหรอกนะคุณอัม” ชาติชายมองคนที่ยืนแทบไม่อยู่ด้วยสายตาเอือมระอาเกินทน ตั้งแต่ภูริกลับมาเมืองไทย ไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่ทำตัวให้ปวดหัว มีเรื่องชกต่อยบ้าง หิ้วผู้หญิงเข้าบ้านไม่ซ้ำหน้าบ้าง เมาหัวราน้ำบ้าง แต่ละวันทำเอาต้องรับมือจนเหนื่อย อายุสามสิบปีแล้ว ยังทำตัวเหมือนพวกวัยรุ่นสิ้นคิดขาดการอบรมอยู่ได้
“โธ่! ตาภู!” อัมพิกาถลันเข้าไปประคองได้ทันพอดี
“คุณจัดการต่อแล้วกัน ผมจะไปบ้านเด่นเลย อุตส่าห์รอมันกลับบ้านเพื่อที่จะได้ออกไปด้วยกัน แต่ดันเมาเหมือนหมาตั้งแต่เย็นเอาเสียได้!” ชาติชายเอ่ยเสียงขุ่น ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานโดยไม่เสียเวลาหันหลังกลับมามอง ทิ้งให้ภรรยารับมือกับลูกชายขี้เมาต่อเอง
ชาติชายบอกให้สาวใช้นำอาหารที่เตรียมไว้ขึ้นไปบนรถ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งแถบชานเมืองเพื่อพบกับเพื่อนรักตามนัด เด่นเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยม แม้จะเติบโตมาในครอบครัวที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ทั้งคู่เข้ากันได้ดีและเพื่อนเป็นที่คอยช่วยเหลือกันมาตลอด จนกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัยถึงได้ห่างกันไป เพราะต่างคนต่างมีหน้าที่และครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ กระนั้นก็ใช่ว่าจะขาดการติดต่อไปเลยเสียทีเดียว ยังได้พบเจอถามไถ่กันบ้างในหลายๆ โอกาส
หลังจากรู้ว่าเด่นเป็นมะเร็ง ชาติชายที่ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีก็รีบเสนอตัวเข้าช่วยเหลือทันที ทว่าเด่นปฏิเสธอย่างนุ่มนวล บอกว่าตราบใดที่มีลมหายใจ เขาจะพยายามด้วยตัวเองจนถึงที่สุด หากชาติชายมีความปรารถนาดีต่อเขาจริงๆ ขอให้ช่วยดูแลลูกสาวเพียงเดียวอย่างดารินญาไม่ให้ตกระกำลำบากนักก็พอ
ตอนนี้ชาติชายคิดออกแล้วว่าควรทำอย่างไร...
ดารินญาเป็นเด็กสาวที่มีความสุภาพเรียบร้อย รูปร่างหน้าตาไม่เป็นรองใคร ออกจะโดดเด่นเข้าตาเสียด้วยซ้ำ เขาเห็นเธอมาตั้งแต่วันแรกที่เกิด ได้เจอกันหลังจากนั้นอีกเป็นระยะ ทำให้เขาพอรับรู้ได้ว่าดารินญาเป็นเด็กดีเพียงใด ไม่เคยทำตัวเสื่อมเสีย แม้จะเติบโตมาโดยไม่มีมารดาคอยอบรมสั่งสอนถึงความเป็นกุลสตรี แต่เด่นได้ทำหน้าที่นั้นแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ เขาเชื่อว่าคิดไม่ผิดแน่ถ้าเลือกเธอมาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านอาภาชนะโชติ
เมื่อรถเลี้ยวเข้าไปจอดตรงหน้าบ้าน ร่างบอบบางของสาวน้อยในชุดกระโปรงสีครีมพอดีตัวก็เดินออกมาต้อนรับ ดารินญายกมือไหว้ ยิ้มให้และช่วยถือของที่หิ้วมาพะรุงพะรัง ก่อนจะเชื้อเชิญให้เข้าไปข้างใน
ชาติชายยิ้มทักทายเด่น เข้าไปตบไหล่เพื่อนรักเบาๆ ขณะซ่อนแววตาที่เป็นกังวลนั้นไว้อย่างมิดชิด ไม่เจอกันแค่สัปดาห์เดียว เด่นซูบผอมลงมากจนเรียกได้ว่าหนังหุ้มกระดูก ขอบตาลึกโหลดำคล้ำ ใบหน้าซีดเซียวดูไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเมื่อก่อน
“ดีใจจังที่นายมา” เสียงของคนป่วยแผ่วระโหยเต็มทน
“ฉันตั้งใจจะมาให้บ่อยๆ เลย” ชาติชายยิ้มบาง
“คุยกันไปก่อนนะคะ เดี๋ยวดาขอตัวไปเตรียมอาหารใส่จานก่อนค่ะ” ดารินญาบอกกับผู้ใหญ่ทั้งสอง ก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัว
“นึกว่าภูจะมาด้วยเสียอีก”
“ฉันก็ตั้งใจแบบนั้นแหละ แต่...ภูติดธุระเลยมาด้วยไม่ได้น่ะ ส่วนอัมก็เพิ่งกลับจากบริษัท เห็นว่ามีประชุมเรื่องเปิดตัวเครื่องเพชรชุดใหม่ ดูเหนื่อยๆ ฉันเลยไม่ได้ชวน” คนเป็นพ่อย่อมไม่พูดถึงลูกในไส้ในทางแย่ๆ ชาติชายไม่ได้อยากโกหก แต่บางทีการพูดความจริงมันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร
“อืม ไม่เป็นไรหรอก แค่นายมาฉันก็ดีใจแล้ว” เด่นยิ้มให้เพื่อนรัก ชาติชายพยักหน้าและเอื้อมมือไปแตะบ่า ก่อนจะหันมองไปทางห้องครัว เพราะมีเรื่องบางอย่างที่อยากพูดกับเด่นโดยไม่มีดารินญาอยู่ด้วย
“เด่น ฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะคุย” ชาติชายเปิดฉาก
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“เรื่องหนูดาน่ะ นายเคยปฏิเสธการช่วยเหลือจากฉัน แต่บอกว่าให้เก็บความปรารถนาดีไว้ให้หนูดาแทนใช่ไหม นายคงยังไม่ลืมหรอกนะ”
“ใช่ ฉันไม่ลืมหรอก วันนี้ฉันเองก็มีเรื่องจะคุยกับนายเหมือนกัน ฉันรู้ตัวดีว่าเวลากำลังจะหมดลงไปทุกวัน ฉันอยากจัดการเรื่องลูกให้เรียบร้อยก่อนตาย”
“พูดอะไรแบบนั้นเล่า”
“มันคือความจริงนี่ นายคิดว่าฉันจะไม่รู้ตัวเองเลยหรือไงว่าร่างกายมันแย่แค่ไหนแล้ว” เด่นหัวเราะเบาๆ ประกอบคำพูดในท้ายประโยค เขาเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าอีกไม่นาน มัจจุราชก็จะมาเอาลมหายใจเฮือกสุดท้ายไป
“นายนี่มัน...”
“เอาน่าชาติ มีอะไรก็ว่ามาได้แล้ว” เด่นโบกมือตัดบท
“ฉัน...ฉันอยากจะขอหนูดาไปเป็นลูกสะใภ้น่ะ ภูยังโสด ไม่ได้คบหากับใคร ทำตัวลอยชายไปวันๆ ฉันอยากให้ภูแต่งงานมีลูกมีเมียไปซะ เผื่อจะเติบโตขึ้นสมอายุบ้าง หนูดาเป็นเด็กน่ารักอ่อนหวาน ผู้ชายที่ไหนเห็นก็ต้องหลงรักทั้งนั้น”
“แน่ใจเหรอว่าภูจะตอบตกลง?”
“แน่นอน ใครจะปฏิเสธคนอย่างหนูดาได้ลง”
“ถ้านายมั่นใจแบบนั้น ฉันคงตายตาหลับ เพราะเรื่องที่ฉันจะพูดวันนี้ก็คือเรื่องเดียวกับที่นายพูดนั่นแหละชาติ ฉันอยากฝากฝังลูกไว้กับนาย พอได้ยินแบบนี้ฉันก็โล่งใจแล้ว ดาจะได้มีคนดูแลแทนฉัน” ดวงตาของคนเป็นพ่อวูบไหว แม้ไม่รู้ว่าลูกชายของเพื่อนสนิทจะรักและดูแลดารินญาได้ดีเพียงใด แต่เขาเชื่อว่าความดีจะทำให้ลูกได้พบเจอแต่สิ่งดีๆ ตอบแทนแน่นอน
ขาติชายยิ้มให้เพื่อนรัก มั่นใจว่าเรื่องที่คุยกันคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำหรับดารินญา ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นสดใสร่าเริง เมื่อหญิงสาวยกสำรับอาหารออกมาวางบนโต๊ะ มื้อนี้ทุกคนคุยกันอย่างออกรส เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสนุกสนาน คนป่วยกินข้าวได้มากกว่าทุกวัน ซึ่งนั่นทำให้ดารินญานึกขอบคุณชาติชายเหลือเกินที่มาร่วมโต๊ะกันในเย็นวันนี้ ไม่มีสิ่งใดทำให้หัวใจเธอพองโตได้เท่ากับการเห็นบิดากินอิ่มนอนหลับ
เธออยากเห็นพ่อยิ้มให้มากที่สุด อยากจดจำคืนวันแสนสุขที่มีร่วมกัน ก่อนที่วาระสุดท้ายของพ่อจะมาถึง เธอสัญญาว่าจะทุกอย่างตามความต้องการของพ่อ อยากให้ท่านจากไปพร้อมกับความสบายใจและหมดห่วง
แม้ว่าเธอจะต้องแต่งงานกับคนแปลกหน้าก็ตาม...
งานสีดำผ่านพ้นไปแล้วโดยไร้เงาของภูริ ดารินญายังจมอยู่กับความโศกเศร้าไม่จางหาย แม้จะมีเวลาทำใจมาก่อนแล้ว แต่ใครเล่าจะอยากสูญเสียคนที่รักไป แล้วต้องระหกระเหินย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของคนอื่นอย่างนี้ ชาติชายกับภรรยาดีต่อเธอมาก จนเธอสัญญากับตัวเองว่าจะตอบแทนและกตัญญูต่อผู้ใหญ่ทั้งสองให้สมกับที่ได้รับความเมตตา คนในบ้านต่างก็ดีและเป็นมิตร เธอย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านอาภาชนะโชติได้สองสัปดาห์แล้ว แต่ก็แปลกที่ยังไม่เคยได้พบกับลูกชายคนเดียวของผู้มีพระคุณเลยผู้ชายที่เธอจะต้องแต่งงานกับเขา...ชาติชายบอกเรื่องนี้เมื่อสัปดาห์ก่อน ว่าการแต่งงานกับภูริจะทำให้ชีวิตของเธอมั่นคง แต่ก็ขอร้องด้วยเช่นกันว่าให้อดทนต่อความดื้อรั้นของชายหนุ่ม เนื่องด้วยเป็นพวกหัวแข็ง ไม่ฟังใคร แล้วก็มีนิสัยเอาแต่ใจตัวเองมาก ได้ยินแบบนั้นดารินญาก็ชักไม่แน่ใจว่าการมีเขาเป็นคู่ชีวิต นั่นเป็นทางเลือกที่ถูกต้องจริงหรือไม่ แต่เมื่อนึกถึงความเป็นห่วงของพ่อที่อุตส่าห์ฝากฝังเธอไว้กับเพื่อนรัก เธอจึงบอกตัวเองว่าคงต้องลองสู้ดูสักตั้ง หากไม่เป็นดั่งใจคิด เธอก็มีสิทธิ์ที่จะถอนตัวได้ทุกเมื่อ“คุณดาครับ” เสียงของเอกราชดังขึ้นจากทางด้านหลัง ดารินญา
ราวกับถูกราดรดด้วยน้ำเย็นเฉียบ...ภูริลุกพรวดขึ้นจากโซฟาทันทีที่ได้ยินบิดาเอ่ยจบประโยค แต่งงานอย่างนั้นหรือ!? คนโสดที่กำลังใช้ชีวิตประชดรักเก่าอย่างสนุกสนาน มองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องกลายเป็นผู้ชายมีเจ้าของเลยสักนิด เขาหลับนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า มีสุรานารีข้างกายทุกวัน แล้วทำไมเขาจะต้องหาเรื่องใส่ตัวด้วยการมีเมียเดียวด้วยเล่า“จะให้ผมแต่งงานกับใครนะครับ? ลูกสาวของเพื่อนคุณพ่อเหรอ...โธ่! คุณพ่อครับ นี่มันยุคไหนแล้ว ไม่มีใครเขาใช้วิธีคลุมถุงชนกันแล้วนะครับ” ชายหนุ่มทำเสียงยียวน“พ่อแค่ช่วยแกเลือกผู้หญิงดีๆ จะได้เลิกทำตัวสำมะเลเทเมา แล้วกลับมาเป็นผู้เป็นคนขึ้นกว่านี้บ้าง”“คุณพ่อหวังดีกับภูนะลูก หนูดาเธอน่ารัก นิสัยดี เพียบพร้อมทุกอย่าง แม่ว่าถ้าภูลองเปิดใจคบหากับน้อง ภูจะต้องชอบน้องแน่” อัมพิกาสนับสนุนความคิดของชาติชายผู้เป็นสามี ด้วยไม่อยากทนเห็นลูกชายคนเดียวทำตัวไร้หลักอีกแล้ว“นี่คุณแม่ก็เอากับคุณพ่อด้วยเหรอครับ”“อะไรที่มันดีสำหรับภู แม่ก็เห็นด้วยทุกอย่าง”“ถ้าชอบผู้หญิงคนนั้นนัก คุณพ่อก็รับเธอมาเป็นเมียอีกคนสิ ผมว่าคุณแม่คงไม่ถือ เพราะคุณแม่เองก็ดูจะชอบลูกสาวของเพื่อนคุณพ่ออยู่
เสีงเอะอะจากห้องทำงานชั้นล่างของคฤหาสน์อาภาชนะโชติ ดึงให้อัมพิการีบก้าวเท้ายาวๆ เพื่อหวังจะเข้าไปห้ามศึกระหว่างสามีกับลูกชายเพียงคนเดียว ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็ถึงกับต้องอ้าปากค้าง เพราะบนใบหน้าบริเวณโหนกแก้มของภูริผู้เป็นลูกชาย มีเลือดไหลซึมออกจากบาดแผลที่ปริแตกเล็กน้อย เมื่อหันไปมองทางฝ่ายสามี พบว่าเขากำลังโกรธจัดจนเลือดขึ้นหน้า สังเกตไม่ยากเลยจากทรวงอกที่หอบสะท้านและมือที่กำแน่นอยู่ข้างตัว“คุณชาติ! นี่ถึงกับต้องทำร้ายลูกเลยหรือคะ”อัมพิกาถามเสียงสั่น ปราดเข้าไปหาลูกชายและย่นจมูกทันทีที่ได้กลิ่นเหล้าโชยมา“ผมไม่ได้ทำ! ลูกชายคุณเมาแล้วล้มไปฟาดกับเหลี่ยมโต๊ะเองต่างหากล่ะ ถึงผมจะโกรธเจ้าภูแค่ไหน แต่ผมไม่มีทางทำร้ายลูกหรอกนะคุณอัม” ชาติชายมองคนที่ยืนแทบไม่อยู่ด้วยสายตาเอือมระอาเกินทน ตั้งแต่ภูริกลับมาเมืองไทย ไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่ทำตัวให้ปวดหัว มีเรื่องชกต่อยบ้าง หิ้วผู้หญิงเข้าบ้านไม่ซ้ำหน้าบ้าง เมาหัวราน้ำบ้าง แต่ละวันทำเอาต้องรับมือจนเหนื่อย อายุสามสิบปีแล้ว ยังทำตัวเหมือนพวกวัยรุ่นสิ้นคิดขาดการอบรมอยู่ได้“โธ่! ตาภู!” อัมพิกาถลันเข้าไปประคองได้ทันพอดี“คุณจัดการต่อแล้วกัน ผมจะไป
บ่ายนี้อากาศดูไม่ค่อยดีนัก ท้องฟ้าหม่นหมองมืดครึ้มคล้ายกับว่าพายุลูกใหญ่กำลังจะเคลื่อนตัวเข้ามา ไม่ทันไรเสียงฟ้าร้องครืนคำรามลั่นก็ดังขึ้นประกอบความคิด ดารินญารีบกระวีกระวาดเปิดประตูออกมาข้างนอก เก็บเสื้อผ้าทุกชิ้นที่ตากอยู่บนราวลงในตะกร้าใบใหญ่ แล้วยกมันกลับเข้าไปในบ้านก่อนที่ฝนจะเทลงมาอย่างหวุดหวิด“ฝนตกอีกแล้วเหรอดา” เสียงทุ้มสั่นเครือนั่นดังขึ้นข้างหลัง ดารินญาที่ยืนกอดอกมองสายฝนอยู่ตรงประตูกระจกแบบบานเลื่อน รีบหันกลับไปมองคนต้นเสียงด้วยสีหน้าตื่นตกใจ“พ่อ! ลุกขึ้นมาจากเตียงทำไมคะ” หญิงสาวรีบปราดเข้าไปประคอง พาบิดานั่งลงบนโซฟาตัวยาวด้วยความระมัดระวัง“พ่อเบื่อ นอนทั้งวัน”“แต่หมอบอกให้พ่อพักผ่อนมากๆ นะคะ หลังให้คีโมร่างกายต้องพักฟื้นมากกว่าปกติ นี่พ่อหายคลื่นไส้เวียนหัวหรือยังคะ” คนเป็นลูกถามอย่างห่วงใยเด่นยกมือขึ้นลูบศีรษะลูกสาว ดารินญาอายุครบยี่สิบปีไปเมื่อเดือนก่อน ไม่มีงานเลี้ยงวันเกิด ไม่มีเค้กหรือการขอพรพร้อมเป่าเทียน มีเพียงคำอวยพรที่เขามอบให้ลูกสาว ก่อนเข้ารับคีโมเพื่อรักษาโรคมะเร็งที่กว่าจะตรวจพบก็แพร่กระจายไปแล้วหลายจุดดารินญาถูกผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าแม่ ทอดทิ้งไปตั้งแต่
“เป็นอะไรนักหนาฮะ! โดนเอาแค่นี้ทำเหมือนจะเป็นจะตาย ผู้หญิงแรดร่านอย่างเธอน่ะ อีกหลายครั้งก็น่าจะไหวนี่” ภูริจ้องมองคนที่นอนร้องไห้อยู่บนเตียงด้วยสายตาเหยียดหยัน“ฉันเป็นคนนะคะคุณภู ฉัน...ฮึก...ฉันไม่ใช่ตุ๊กตาที่คุณจะจับรวบแขนถ่างขาข่มขืนได้ตามอำเภอใจ” ดารินญาตัดพ้อเสียงขุ่น เจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์กาย หลังจากทำหน้าที่ในคืนเข้าหอไปตามความพอใจของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีครั้งแล้วครั้งเล่า“สมควรแล้วนี่ อยากเป็นเมียฉันนักไม่ใช่เหรอ ก็นี่ไง...หน้าที่ที่คนเป็นเมียต้องทำ โดยเฉพาะเมียที่กล้าเพ้อถึงผู้ชายคนอื่นให้ผัวได้ยิน!” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ แต่ท้ายประโยคตวาดลั่นจนหญิงสาวสะดุ้งด้วยความตื่นตกใจ“ถ้าเกลียดกันนัก เราควรหย่ากันเลยจะดีกว่านะคะ ถึงเราจะเพิ่งจดทะเบียนกันได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม ฉันจะอธิบายทุกอย่างกับคุณพ่อคุณแม่ของคุณเอง”“หย่าเหรอ? โอ้...ไม่หรอกคนดี ขืนทำแบบนั้น เธอก็ต้องลำบากไปถ่างขาให้ผู้ชายคนอื่นน่ะสิ ลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองทั้งร่านทั้งเห็นแก่เงิน ถ้าไม่มีขุมสมบัติอย่างฉันให้ถลุง คนอย่างเธอก็คงทำได้แค่ขายตัว!”“ก็อาจจะใช่ค่ะ บางทีการเป็นผู้หญิงขายตัว อาจจะมีความสุขกว่าการเป็น







