LOGIN“นานขนาดนั้นเลยเหรอวะ” พอได้รับรู้ถึงกำหนดกลับของน้องสาว อธิปก็ส่อแววกระวนกระวายในน้ำเสียงที่ส่งมาตามสายโทรศัพท์ ซึ่งคนฟังก็ช่างสังเกตจึงจับพิรุธความผิดปกติได้ไม่ยาก
“พี่อธิปมีอะไรหรือเปล่าคะ” ถามคล้ายกับจะชักนำพี่ชายเข้าเรื่อง เพราะคนอย่างอธิปคงไม่แค่โทรมาถามเฉยๆ ว่าเธออยู่ไหน ทำอะไรอยู่เป็นแน่แท้ พี่ชายของเธอเปลี่ยนไปเป็นคนใหม่แล้ว คนใหม่ที่ไร้ความรู้สึกห่วงใยน้องสาวดังเดิม และดูท่าว่าคนเก่าจะกลับมายากเสียเหลือเกิน
“พี่อยากได้เงินซักห้าหมื่น” เป็นอย่างที่หญิงสาวคิดไว้ไม่มีผิด อธิปโทรมาคงไม่พ้นเรื่องเงิน หากแต่จำนวนตัวเลขมหาศาลก็ทำให้ลักษณ์ณาราอ้าปากค้างได้เหมือนกัน
“ห้าหมื่น!” เจ้าของร่างบอบบางน่ารักทำตาโต อุทานเสียงดัง ดูเหมือนจำนาวนเงินที่พี่ชายขอมาจะเพิ่มระดับขึ้นตามจำนวนครั้งเสียแล้ว
“พี่จะเอาเงินไปทำอะไรตั้งเยอะแยะ” ลักษณ์ณาราซักไซ้อีกฝ่ายเสียงแข็ง หัวอกแทบมอดไหม้กับความหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น
“พี่จะเอาไปจ่ายหนี้พนันที่ค้างเขาไว้” อธิปสวนกลับอย่างไม่รู้สำนึกที่เอาเงินน้องสาวไปผลาญให้กับอบายมุข ลักษณ์ณาราอยากจะกู่ก้องร้องตะโกนให้สมกับความคับข้องใจนัก
“อีกแล้วเหรอคะ พี่อธิป เมื่อไหร่พี่จะเลิกเล่นการพนันสักที”
หญิงสาวขึ้นเสียงบ่นอย่างไม่พอใจ หากพี่ชายขอเงินไปทำอย่างอื่นเธอคงไม่ว่า แต่นี่ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าการพนันไม่เคยทำให้ใครร่ำรวย ถึงแม้จะมือขึ้นในแรกเริ่มประเดิม แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่กลยุทธ์ที่ทางเจ้ามือวางเอาไว้ล่อให้พวกนักพนันหน้าใหม่ตายใจ หลอกล่อให้ลูกค้าติด เมื่อผีพนันเข้าสิงอย่างเต็มตัว เงินที่เคยได้ไปจากการเล่นในคราแรกก็จะกลับคืนมาหาเจ้ามือดังเดิม แถมคนเล่นพนันบางรายยังต้องขายทรัพย์สินที่มีมาทุ่มลงในวงพนันเพื่อหวังจะถอนทุนคืน แต่ทุกอย่างก็สูญเปล่า ยิ่งเล่นก็ยิ่งล่มจม จนบางรายสิ้นเนื้อประดาตัว ซึ่งลักษณ์ณาราไม่อยากให้พี่ชายเป็นอย่างหนึ่งในหลายๆ ตัวอย่างที่เธอเคยได้ยินได้ฟังมา
“อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ แกเป็นน้อง ไม่ใช่แม่” อธิปเริ่มของขึ้นจึงตะคอกใส่น้องสาวด้วยน้ำเสียงกร้าวกระด้าง พร้อมกันนั้นไฟโทสะก็แล่นมาเป็นริ้วๆ
“น้ำรู้ค่ะว่าพี่อธิปเป็นพี่ชายของน้ำ” หญิงสาวสวนกลับทันควัน ความไม่พอใจเริ่มกรุ่นอยู่ในหัวอก ทำไมพี่ชายของเธอจึงได้กลายเป็นคนกระด้างได้ถึงเพียงนี้นะ
“รู้ก็ดี แล้วก็รีบโอนเงินมาให้ฉันด้วยล่ะ” น้ำเสียงพอฟังกว่าเมื่อสักครู่ เมื่อรับรู้ได้จากคำพูดว่าน้องสาวว่าเธอกำลังจะใจอ่อน หากไม่เอาเงินไปจ่ายภายในสามวันนี้ ลูกน้องเสี่ยวันชัยคงตามมากระทืบเขาถึงบ้านแน่ๆ ทีนี้ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต หรือไม่ก็อาจจะถึงขั้นสิ้นชื่ออธิป สุขวิมลไปเลยก็ได้
“วันนี้คงจะไม่ได้หรอกค่ะ เพราะน้ำอยู่บนดอย ที่นี่ไม่มีตู้เอทีเอ็ม” ถึงแม้จะขึ้นเสียงทำท่าไม่พอใจให้อีกฝ่าย แต่เธอก็ยอมโอนเงินไปให้ตามที่พี่ชายต้องการ เพราะไม่รู้ว่าหากอธิปไม่นำเงินไปใช้หนี้จะเกิดอะไรขึ้น พวกเจ้าของบ่อนยิ่งขึ้นชื่อเรื่องความโหดและหน้าเลือดอยู่
“เออ…วันหลังก็ได้ แต่อย่าให้เกินสามวันก็แล้วกัน” เมื่อรู้แน่แล้วว่าตนจะได้เงินจากน้องสาวอธิปก็ปั้นน้ำเสียงให้ดูน่าฟังมากยิ่งขึ้น ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสมใจหมายปอง
“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะคะ ที่น้ำจะช่วยพี่ใช้หนี้พนัน”
ลักษณ์ณาราย้ำชัดในน้ำเสียงว่าเธอจะไม่ยอมให้พี่ชายเอาเงินไปละลายในบ่อนอีกแล้ว เงินทุกบาททุกสตางค์เธอหามันมาด้วยความยากลำบาก เพราะฉะนั้นก็ควรจะใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าและประหยัด ซื้อในสิ่งที่จำเป็นและควรค่าแก่การใช้สอย จะใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายมือเติบอย่างพวกเศรษฐี ผู้ดี ไฮโซ คงจะไม่ได้ เพราะไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าในอนาคตภายภาคหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับครอบครัวเล็กๆ ของเธอกับพี่ชายบ้าง ทุกอย่างไม่อาจกำหนดให้ตายตัวได้
“เออ…ยังไงก็ได้ ขอให้แกส่งเงินห้าหมื่นมาให้ฉันก่อน แค่นั้นก็เพียงพอ” แม้จะไม่พอใจอยู่มาก แต่อธิปก็ยังฉลาดพอที่จะทำใจเย็น ตกปากรับคำไปส่งเดชเสียก่อน เพราะถ้าหากโวยวายไปมากกว่านี้ก็เกรงว่าน้องสาวจะเปลี่ยนใจไม่ให้เงินตามที่ขอ
เมื่อจบบทสนทนาลงด้วยเรื่องชวนให้ปวดหัว ลักษณ์ณาราก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างยืดยาว ดึงสายตาว่างเปล่าที่มองไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมายเมื่อสักครู่เบือนกลับมายังภาพที่วาดค้างคาไว้บนผืนผ้าใบ กระแทกสะโพกงามงอนหย่อนลงยังเก้าอี้ตัวเดิม แล้วฉวยกระบอกน้ำร้อนออกมาเทใส่แก้วใบเล็ก
“ขอให้มันเป็นครั้งสุดท้ายทีเถอะ พี่อธิป แล้วน้ำจะไม่เสียดายเงินที่ให้พี่ในครั้งนี้เลย” รำพึงกับตัวเองด้วยความหนักใจไปพร้อมกับภาวนาว่าพี่ชายจะเลิกการพนันได้อย่างเด็ดขาด เพราะด้วยกำลังของผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอ คงไม่สามารถที่จะหาเงินมาใช้หนี้พนันให้เขาได้ตลอดไป
สะบัดศรีษะที่ปกคลุมด้วยผมสลวยขนาดประบ่า เพื่อขับไล่เรื่องราวของพี่ชายออกไปจากหัวสมอง แล้วหันมาดื่มด่ำไปกับบรรยากาศอันร่มรื่นและสวยงามเบื้องหน้า พร้อมกับการจิบกาแฟร้อนๆ ทว่าหอมกรุ่น จนใจเย็นลงถึงได้วางถ้วยกาแฟเปล่าไว้บนโต๊ะ แล้วตั้งสมาธิให้กลับมาจดจ่อเพื่อที่จะได้วาดภาพให้เสร็จ ก่อนกลุ่มหมอกควันที่ปกคลุมต้นซากุระจะเลือนหายไปพร้อมกับแสงตะวันที่เข้ามาแทนที่และให้ความอบอุ่น
ครบกำหนดเวลากับการทำงานให้แม่เลี้ยงคำหล้า เมื่องานทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์และผ่านพ้นไปด้วยดี ลักษณ์ณาราก็ตีตั๋วรถทัวร์กลับบ้านที่อยู่ฝังธนบุรีของกรุงเทพมหานครทันที กว่าจะกลับถึงบ้านได้ก็เป็นเวลาพลบค่ำ กดกริ่งหน้าบ้านไปหลายทีก็ไร้วี่แววพี่ชายมาเปิด จึงไขประตูเข้าไปภายในบ้านหลังน้อยที่มืดสนิท
ซึ่งก็เป็นไปตามคาด บ้านเงียบสงัดไร้เงาของพี่ชาย อธิปคงจะอยู่ที่ไหนไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ในวงพนันของบ่อนการพนันที่ไหนสักแห่ง สิ่งที่เธอวาดหวังว่าพี่ชายจะหันหลังให้การพนันอย่างที่เขารับปากอย่างแกนๆ คงไม่เป็นผล เพราะขนาดติดหนี้มากถึงห้าหมื่นเขาก็ยังไม่คิดที่จะเลิกนิสัยเดิมๆ สักที
“สวยและเซ็กซี่อย่างเธอคงทำเงินให้ฉันได้ไม่น้อย” พูดกับตัวเองอย่างพออกพอใจ ยอมรับด้วยสายตาประจักษ์ว่าน้องสาวไอ้อธิปมันสวยชนิดหาตัวจับยากและเซ็กซี่ขยี้ใจ เหมือนที่พี่ชายมันเคยคุยโวโอ้อวดเอาไว้ไม่มีผิด อยากจะพาขึ้นเตียงไปท่องสวรรค์ชั้นฟ้า แต่ก็ต้องหักใจเพราะงานใหญ่และเงินกำลังรออยู่“แล้วเสี่ยจะเอายังไงต่อไปครับ” ผู้ที่นั่งในตำแหน่งคนขับเอี้ยวหน้ากลับมาถามไถ่ผู้เป็นนายเพียงนิด ก่อนจะหันกลับไปมองเบื้องหน้าของท้องถนนดังเดิม“ส่งตัวเธอขึ้นเรือไปสวีเดนทันทีที่ถึงท่าเรือ” สั่งลูกน้องเสร็จเสี่ยวันชัยก็เมินหน้าเหลี่ยมๆ ของตัวเองออกไปมองนอกกระจกรถด้วยเกรงว่าหากจับจ้องที่ใบหน้าสวยสะพรั่งดั่งดอกไม้แรกแย้มของคนที่กำลังนอนหลับตาพริ้มไปนานๆ จะทำให้เขาตบะแตกขึ้นมาได้“ครับเสี่ย” ลูกน้องหน้าเหี้ยมรับคำผู้เป็นนายอย่างแข็งขัน พลางเหยียบคันเร่งตรงไปยังท่าเรือที่เสี่ยวันชัยใช้ในการส่งผู้หญิงไปยังต่างแดนเป็นประจำเมื่อลักษณ์ณารารู้สึกตัวอีกที เท้าน้อยทั้งสองข้างของเธอก็ไม่ได้เหยียบอยู่บนผืนแผ่นดินถิ่นสยามอีกแล้ว สิ่งที่เธอเหยียบอยู่มันคือพื้นของเรือขนส่งสินค้าลำใหญ่ที่กำลังล่องลอยอยู่ในน่านน้ำที่ไหนสักแห่ง
ปึง…ปึง…ปึงเสียงทุบประตูของผู้มาเยือนในเวลาค่ำมืดดังแรงระรัวติดกันสามที ทำให้ร่างงดงามที่นอนแผ่หราเอามือก่ายหน้าผากอยู่บนเตียงนุ่มหลังน้อยถึงกับสะดุ้งโหยง กระเด้งตัวผุดลุกขึ้นจากพื้นเตียง แล้วค่อยๆ ย่องออกจากห้องนอนมายืนชิดประตูบานใหญ่ของบ้าน และเงี่ยหูฟังเสียงคนกระทำการอุกอาจถือวิสาสะบุกรุกบ้านคนอื่นในยามวิกาล ใจดวงน้อยเริ่มเต้นโครมครามจนจะทะลุออกมานอกอกซ้าย หวาดกลัวว่าคนภายนอกจะเป็นโจรผู้ร้าย ครั้นจะเรียกให้เพื่อนบ้านในละแวกนั้นมาช่วย เสียงเคาะประตูด้วยแรงเน้นหนักกว่าเดิมก็ดังขึ้นอีกครา“ไอ้อธิป ฉันรู้ว่าแกอยู่ที่นี่ เปิดประตู!” เสียงตวาดที่ดังขึ้นชิดอีกฟากฝั่งของประตูทำให้คนฟังครั่นคร้าม เรือนกายเพรียวระหงสั่นเทา ยกมือขึ้นปิดปาก เบิกตาโพลง สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้กลับมา ก่อนจะตัดสินใจทำใจกล้าเปิดประตูออกไปเผชิญหน้ากับคนภายนอก เพราะคิดว่าคงหนีไม่พ้นแล้ว ก็อีกฝ่ายเล่นมาจวนตัวเสียขนาดนี้เสียงเปิดประตูแผ่วเบาพร้อมกับใบหน้าพริ้มเพราของลักษณ์ณาราโผล่พ้นขอบประตูออกมาเล็กน้อย พยายามใช้แรงเท่ามดดึงรั้งประตูในฝั่งของตนไม่ให้แง้มมากเกินกว่าที่เธออยากจะให้เป็น แต
“นานขนาดนั้นเลยเหรอวะ” พอได้รับรู้ถึงกำหนดกลับของน้องสาว อธิปก็ส่อแววกระวนกระวายในน้ำเสียงที่ส่งมาตามสายโทรศัพท์ ซึ่งคนฟังก็ช่างสังเกตจึงจับพิรุธความผิดปกติได้ไม่ยาก“พี่อธิปมีอะไรหรือเปล่าคะ” ถามคล้ายกับจะชักนำพี่ชายเข้าเรื่อง เพราะคนอย่างอธิปคงไม่แค่โทรมาถามเฉยๆ ว่าเธออยู่ไหน ทำอะไรอยู่เป็นแน่แท้ พี่ชายของเธอเปลี่ยนไปเป็นคนใหม่แล้ว คนใหม่ที่ไร้ความรู้สึกห่วงใยน้องสาวดังเดิม และดูท่าว่าคนเก่าจะกลับมายากเสียเหลือเกิน“พี่อยากได้เงินซักห้าหมื่น” เป็นอย่างที่หญิงสาวคิดไว้ไม่มีผิด อธิปโทรมาคงไม่พ้นเรื่องเงิน หากแต่จำนวนตัวเลขมหาศาลก็ทำให้ลักษณ์ณาราอ้าปากค้างได้เหมือนกัน“ห้าหมื่น!” เจ้าของร่างบอบบางน่ารักทำตาโต อุทานเสียงดัง ดูเหมือนจำนาวนเงินที่พี่ชายขอมาจะเพิ่มระดับขึ้นตามจำนวนครั้งเสียแล้ว“พี่จะเอาเงินไปทำอะไรตั้งเยอะแยะ” ลักษณ์ณาราซักไซ้อีกฝ่ายเสียงแข็ง หัวอกแทบมอดไหม้กับความหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น“พี่จะเอาไปจ่ายหนี้พนันที่ค้างเขาไว้” อธิปสวนกลับอย่างไม่รู้สำนึกที่เอาเงินน้องสาวไปผลาญให้กับอบายมุข ลักษณ์ณาราอยากจะกู่ก้องร้องตะโกนให้สมกับความคับข้องใจนัก“อีกแล้วเหรอคะ พี่อธิป เมื่อ
ดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงรายในปลายเดือนธันวาคมที่อยู่ในช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ หากคนขี้หนาวก็คงบอกว่าหนาวจับขั้วหัวใจ แต่ถึงแม้จะหนาวเหน็บสักเพียงใด ลักษณ์ณารา สุขวิมล สาวน้อยโฉมสะคราญวัยยี่สิบสามปีก็ยังเดินทางออกมาจากรีสอร์ตที่พักในช่วงเวลาเช้าตรู่ ขับรถคันเล็กกะทัดรัดจากค่ายรถยอดนิยมสัญชาติญี่ปุ่นที่ไปหาเช่ามาใช้ในช่วงที่อยู่เชียงราย ขึ้นเขาทางลาดชันอย่างระมัดระวังมาเพื่อทำงาน หลังจากแหกขี้ตาตื่นและล้างหน้าล้างตา แต่งตัวในชุดรัดกุมต้านลมหนาวเรียบร้อยแล้ว ดีที่ที่พักของเธออยู่ไม่ไกลจากทุ่งดอกซากุระเมืองไทยหรือดอกนางพญาเสือโคร่งซึ่งกำลังออกดอกบานสะพรั่ง เพราะถ้าหากขับรถมาในเวลาเช้ามืดที่มีหมอกลงจัดจนทำให้ทัศนวิสัยไม่กระจ่างตา ก็อาจจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ลักษณ์ณาราเป็นจิตรกร หญิงสาวเรียนมาทางวาดภาพจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศไทย ด้วยใจรักจึงเลือกที่จะเรียนสาขาวิชาที่มีความเสี่ยงต่อการกลายเป็นนักวิจัยฝุ่นเพราะตกงาน ค่อนข้างมีรายได้น้อย หากไม่มีชื่อเสียงหรือฝีมือไม่เข้าขั้น ก็อาจจะต้องผันตัวไปทำงานอื่นที่ไม่ตรงกับสายงานที่ได้ร่ำเรียนมา แต่ยังดีที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอไม่โชคร้ายขน
เจ้าพ่อหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตอย่างเสียไม่ได้ ที่สุดมาร์โบโลก็ต้องยอมจำนนต่อคำอธิบายของแพทย์ด้วยหัวใจเจ็บปวดรวดร้าว ราวกับมีใครกำลังเอามีดมากระหน่ำจ้วงแทงไม่ยั้ง ใจจริงเขาไม่อยากจะสูญเสียใครไปแม้แต่คนเดียว อยากจะเก็บไว้ทั้งน้องสาวและหลานตัวน้อย หากแต่ไม่อาจฝืนชะตาฟ้าลิขิตได้ บางทีเขากับมิเชลอาจจะทำบุญร่วมกันมาเพียงเท่านี้ก็เป็นได้ แต่เขายังหวังว่าจะได้ทำหน้าที่คุณลุง คอยเลี้ยงดูอุ้มชูลูกของมิเชลที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลกแทนผู้เป็นแม่ที่แสนดี หากแต่ไม่มีวาสนาพอที่จะได้อยู่ดูแลแก้วตาดวงใจของเธอด้วยตัวของตัวเอง“ทำเถอะครับหมอ ขอให้ช่วยชีวิตหลานผมไว้ให้ได้ก็แล้วกัน” ท้ายประโยคคล้ายกับการออกคำสั่งเสียงแข็ง ก่อนจะระบายลมหายใจออกมายืดยาว ราวกับจะให้มันช่วยปลดปล่อยความอัดอั้นให้คลายตัวลงเมื่อได้ใบเบิกทางจากมหาเศรษฐีหนุ่ม ทั้งหมอและพยาบาลก็เตรียมเครื่องมือผ่าตัดเอาเด็กในครรภ์ของผู้ป่วยออก ทุกขั้นตอนจะต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างที่สุด เพื่อช่วยชีวิตน้อยๆ ที่มีอายุแปดเดือนในครรภ์มารดาให้ออกมาลืมตาดูโลกด้วยความปลอดภัย“คุณมิเชลคะ เราจะผ่าเอาเด็กออกนะคะ” คนที่กำลังนอนหายใจรวยริ
“นายนั่งรออยู่ในรถสักครู่นะครับ ผมสองคนจะลงไปเคลียร์ทางให้รถวิ่งผ่านไปได้” คาร์ลอสหันมาบอกเจ้านายด้วยท่าทางนอบน้อม แล้วพยักพเยิดให้แก่ฟรานซิส กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถในฝั่งของตน แต่เลขามาดนิ่งก็ต้องชะงักมือไว้เพียงเท่านั้น เมื่อเสียงทรงอำนาจของมาร์โบโลหลุดออกมาจากปาก ที่เพิ่งคลายจากการเม้มสนิทเพราะความไม่ได้ดั่งใจของเจ้าตัว“เปลี่ยนไปใช้เส้นทางลัดแทน” เจ้าพ่อหนุ่มบอกลูกน้องด้วยโทนเสียงราบเรียบติดจะดุ นัยน์ตาที่เครียดขรึมอยู่แล้วมาบัดนี้ยิ่งแดงฉานน่าสะพรึงกลัวสองหนุ่มผู้ต้องคำประกาศิตหันสีหน้าอันสุดแสนกระอักกระอ่วนมาสบสานสายตาซึ่งกันและกันราวกับจะใช้สายตาฟาดฟันประหัตประหารว่าหากใครเพลี่ยงพล้ำ คนนั้นก็จะต้องเป็นฝ่ายทำหน้าที่คัดค้านเจ้านาย ที่สุดฟรานซิสก็พ่ายแพ้ให้แก่หนุ่มมาดนิ่ง เพียงคาร์ลอสใช้สายตาขู่เข็ญแกมบังคับ เขาก็ยอมที่จะเปิดปากห้ามปรามเจ้านายอย่างไม่คิดจะโต้แย้งให้มากความ“แต่ว่าทางนั้นมันมืดนะครับ อีกอย่างถนนก็ไม่ดีด้วย”ใช่ว่าจะใช้เส้นทางที่เจ้านายกำลังกล่าวถึงสัญจรไม่ได้ แต่ฟรานซิสไม่อยากใช้มันในเวลาฝนฟ้าคะนองเช่นนี้ เพราะขนาดในเวลาปกติหากไม่รีบจัดจนเกินไปก็จะหลีกเลี่ยง







