LOGINมาร์โบโล คอฟอร์ด ไม่ปรารถนาจะเหลือบแลตุ๊กตาดิ้นได้ที่ถูกนำตัวขึ้นมาประมูลบนเรือสำราญสุดหรูของตนเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังแสดงท่าทีรังเกียจอย่างเปิดเผย ทว่าอยู่ๆ แม่สาวน้อยในชุดหูกระต่ายสีชมพูหวานแหววที่เขาปรามาสด้วยความสมเพชก็หล่นตุ้บลงบนตัก ครั้นจะไม่รับไว้ไอ้เพื่อนตัวแสบที่ยกให้กลับลอยหน้าบอกว่าจะมอบเธอให้แก่ผู้ชายกลัดมันทั้งหลาย ถึงแม้จะไม่พิสมัยสาวเจ้าสักกระผีก หากแต่มนุษยธรรมเล็กๆ ในใจกลับกระตุ้นให้เขารับเธอไว้เอง และนั่นก็ทำให้ ลักษณ์ณารา สุขวิมล รอดพ้นจากการเป็นโสเภณีเต็มขั้น ทว่าที่สุดเธอกลับได้รู้ซึ้งว่าตัวเองได้หนีเสือปะจระเข้เข้าเสียแล้ว เพราะในทันทีที่เขารู้ว่าเธอเป็นน้องสาวของผู้ชายที่เขา 'เเค้น' เขาก็ตอบเเทนเธอด้วยความ 'รักจอมปลอม' หลอกล่อให้เธอรักอย่างหมดใจ ก่อนจะเฉดหัวทิ้งให้สาสมกับความเเค้นที่อัดเเน่นในอก “อย่าทำอะไรบ้าๆ กับน้ำในที่ทำงานนะ” “ว้าย!” “จะทำอะไร! อย่านะ! ทำที่นี่ไม่ได้!” “เซ็กส์ไม่จำเป็นต้องเกิดในห้องนอนอย่างเดียวหรอกนะทูนหัว ขอเพียงกายพร้อม ใจพร้อม เราทำได้” “แต่น้ำไม่พร้อมนี่นา” “ผมจะทำให้คุณพร้อมเองทูนหัว”
View Moreห้าปีที่แล้ว
ผืนนภาที่ปกคลุมกรุงสตอกโฮล์ม เมืองหลวงของประเทศสวีเดน ในเย็นย่ำค่ำวันนี้ดูมืดครึ้มและมัวหม่น อันเนื่องมาจากพายุได้เริ่มตั้งเค้าโหมกระหน่ำตั้งแต่ตอนหัวค่ำ เม็ดฝนห่าใหญ่เทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาราวกับฟ้ารั่ว สลับกับเสียงฟ้าคำรามดังสนั่นหวั่นไหว บ้างก็มีแสงแปลบปลาบจากสายฟ้าแหวกม่านนภากาศฟาดดิ่งลงสู่พสุธา เป็นปกติของการย่างเข้าสู่ฤดูฝน หน้าฝนปีนี้มาเร็วกว่าทุกปี
มาร์โบโล คอฟอร์ด เจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลแห่งน่านน้ำท้องทะเลบอลติก กำลังกอดอกนั่งตัวตรงอยู่บนรถยนต์คันหรูจากค่ายรถชั้นนำของโลกที่กำลังวิ่งฝ่าสายฝนมาด้วยความเร็วปานจรวด ใบหน้าหล่อเหลาฉายชัดไปด้วยความกลัดกลุ้มกังวลใจมากล้น นัยน์ตาสีควันบุหรี่เครียดเขม็งและมัวหม่น ริมฝีปากหยักโค้งราวคันศรที่มักเอื้อนเอ่ยคำประกาศิตอยู่เป็นนิจ มาบัดนี้มันกลับถูกเจ้าตัวเม้มสนิทเกือบเป็นเส้นตรง จนลูกน้องที่ทำหน้าที่เป็นสารถีและนั่งมาด้วยกันในรถไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ หรือปริปากแย้งเมื่อเจ้านายออกคำสั่งให้เหยียบคันเร่งอย่างไม่คิดชีวิต ความอึดอัดกำลังแผ่ซ่านปกคลุมไปทั่วทั้งคันรถ
เมื่อทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งว่าน้องสาวของเขา ที่เจ็บออดๆ แอดๆ มาเป็นเวลาเกือบสองเดือนเต็มมีอาการกำเริบขั้นรุนแรง มาร์โบโลก็โยนหน้าที่รับผิดชอบทั้งหมดในค่ำคืนนี้ให้ที่ปรึกษาอาวุโสของบริษัทรับช่วงดำเนินการต่อ แล้วร่างสูงสง่าก็เดินลิ่วมาขึ้นเครื่องบินส่วนตัว แต่เนื่องจากสภาพอากาศไม่เป็นใจ ทำให้เจ้าพ่อหนุ่มต้องสั่งให้นักบินเอาเครื่องลงที่ลานจอดบนดาดฟ้าของอาคารสำนักงานแกรนด์เพิร์ลในกรุงสตอกโฮล์ม ก่อนที่พายุลูกใหญ่จะมาถึงในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้าตามคำพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา จากนั้นก็สั่งให้ลูกน้องบึ่งรถกลับบ้านของตนในเมืองคาลมาร์ด่วนที่สุดเท่าที่จะทำได้
มิเชล คอฟอร์ด ต้องทำการผ่าตัดเอาเด็กในครรภ์ซึ่งมีอายุครบแปดเดือนออกอย่างเร่งด่วน ตอนนี้หมอกำลังรอญาติคนไข้มาเซ็นใบอนุญาตอยู่ นั่นก็หมายความว่าหากเขาไม่เซ็นยินยอมให้หมอทำตามเห็นสมควร เขาก็อาจจะต้องเสียทั้งน้องสาวและหลานไปในคราเดียวกัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่มาร์โบโลรับไม่ได้ และคงจะไม่มีวันยอมรับมันไปชั่วชีวิต
‘ทำไมพระเจ้าถึงได้ใจร้ายนัก หัวใจของท่านทำด้วยอะไร ถึงไม่ปรานีมนุษย์ตาดำๆ อย่างเขาบ้าง’ เจ้าพ่อหนุ่มได้แต่รำพึงรำพันด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่คนเดียวเงียบๆ กระแทกลมหายใจร้อนระอุออกมายืดยาว ก่อนจะยกฝ่ามือใหญ่ขึ้นลูบใบหน้าคร้ามคม ดวงตาฉายแววหม่นเศร้าระคนเจ็บปวด
“ขับให้มันเร็วกว่านี้ไม่ได้เหรอไงวะ ไอ้ฟรานซิส” น้ำเสียงกระด้างของมาร์โบโล คอฟอร์ด เอ่ยกับผู้ทำหน้าที่สารถีเป็นหนที่สอง
ตั้งแต่ก้าวขาขึ้นรถคันหรู หัวใจของเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ก็บีบคั้นจนแทบแหลกสลาย ความรู้สึกยากจะบรรยายกำลังถาโถมเข้ามาไม่ต่างจากมรสุมลูกใหญ่ และหนึ่งในนั้นคือความหวาดกลัวกับการสูญเสีย ทั้งที่คนอย่างมาร์โบโล คอฟอร์ด ไม่เคยต้องครั่นคร้ามกับอะไรมาก่อนในชีวิต หากแต่ครั้งนี้เขากลับกลัวว่าน้องสาวที่รัก ผู้เปรียบเสมือนครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่จะทิ้งเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ
“ต้องขออภัยด้วยครับนาย รถคงไม่สามารถวิ่งด้วยความเร็วได้มากไปกว่านี้แล้ว” สองหนุ่มที่นั่งคู่กันอยู่ตอนหน้าของรถยนต์ราคาหลายสิบล้านต่างมองหน้ากันไปมาสักพักราวกับชั่งใจว่าใครจะเป็นคนต่อกรกับผู้เป็นเจ้านาย แล้วอึดใจต่อมาคาร์ลอสก็เอี้ยวตัวมาค้อมหัวให้นายเป็นเชิงขอโทษ
“ทำไมวะ รถซื้อมาคันละตั้งหลายล้าน ถ้าไม่ใช้สอยให้ตอบสนองตามความต้องการของเจ้าของ แล้วจะซื้อมาทำไมไม่ทราบ!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหงุดหงิดไม่ได้ดั่งใจก็พลอยพาลพาโลให้รถที่กำลังขับเคลื่อนฝ่าสายฝน เออหนอ…หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้เจ้าพ่อหนุ่มยังเคืองได้แม้กระทั่งรถยนต์จากค่ายหรู
“หากขับเร็วกว่านี้ เราเกรงว่ามันจะไม่ปลอดภัยต่อสวัสดิภาพของเจ้านายนะครับ หากเจ้านายเป็นอะไรไป คุณมิเชลจะทำอย่างไร”
ถึงแม้จะรีบร้อนยังไง ความปลอดภัยของเจ้านายก็ต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก คาร์ลอสกล้าที่จะพูดเตือนสติคนที่กำลังนั่งทำหน้าตึง เพราะครอบครัวของเขารับใช้ตระกูลคอฟอร์ดมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่อยากไปให้ถึงที่หมายเร็วๆ เหมือนกับเจ้านาย แต่ในเมื่อฝนฟ้าไม่เป็นใจจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อให้รถขับเคลื่อนพาผู้โดยสารทุกคนไปถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ
เมื่อเจ้าพ่อผู้กุมอำนาจการเงินของสวีเดนได้ฟังคำคัดค้านอย่างประนีประนอมและสมเหตุสมผล ซึ่งในน้ำเสียงที่มีหลักการของเลขาฯหนุ่มนั้น มันแฝงไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอย่างแท้จริงจนทำให้เขาต้องเลิกเอ็ดตะโร กระแทกลมหายใจร้อนรนออกมาทางริมฝีปากหยักได้รูปอย่างยืดยาว ราวกับจะให้มันช่วยผ่อนปรนความรู้สึกที่กำลังสุมแน่นในทรวงให้ลดระดับลง หลังจากนั้นรถทั้งคันก็ตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงทอดถอนใจแรงๆ ของมาร์โบโลดังออกมาเป็นระยะ
เอี๊ยด!!!
ฟรานซิสกระแทกปลายเท้าเหยียบเบรคจนตัวโก่ง เมื่อเหลือบแลเห็นว่าบนพื้นผิวถนนข้างหน้าอีกยี่สิบเมตรมีต้นไม้ล้มขวางทางอยู่ เสียงล้อรถยนต์ครูดกับพื้นถนนดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมกับไอควันจากการบดอัดของยางรถยนต์ลอยละล่องออกมาฟุ้งกระจายเป็นควันสีขาวคละเคล้าไปในอากาศ
“หยุดรถทำไมวะ ไอ้ฟรานซิส แกก็รู้อยู่นี่นาว่าฉันรีบ” จากที่กำลังนั่งจมจ่อมอยู่กับความหมกมุ่น เมื่อรถหยุดอย่างกะทันหันจนแทบหัวทิ่มหัวตำ มาร์โบโลก็กระชากเสียงห้วนระคนดุดันใส่คนที่นั่งประจำตำแหน่งพลขับ สายตาอำมหิตของเจ้านายที่ใช้มองจิกอย่างตำหนิติเตียน ทำให้ฟรานซิสอยากจะกลั้นใจตายให้มันรู้แล้วรู้รอด
“เอ่อ…มีต้นไม้ล้มขวางถนนครับนาย” พายุที่โหมกระหน่ำได้กวาดเอาต้นสนริมทางที่ขึ้นมากว่าห้าปีล้มขวางเส้นทางการจราจร
ฟรานซิสหันมาตอบเจ้านายอย่างตะกุกตะกัก ถ้าไม่จำเป็นเขาไม่อยากจะปริปากเอ่ยอะไรกับเจ้านายในเวลานี้เสียด้วยซ้ำ คนอะไรดุและน่ากลัวยิ่งกว่ามัจจุราช ทั้งที่รับใช้มาร์โบโลมาหลายปีพอๆ กับคาร์ลอส ฟรานซิสก็ยังไม่ชินกับอารมณ์โมโหร้าย ถ้าเจ้านายเกิดพิโรธทีไรเขาก็ต้องกลัวจนหัวหดอยู่ร่ำไป ไม่เหมือนคาร์ลอส รายนั้นเอาแต่ทำหน้านิ่งราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“บ้าเอ๊ย…ทำไมมันถึงมีแต่อุปสรรคอย่างนี้วะ” นี่เป็นคำสบถที่มาร์โบโลพ่นออกมาจากริมฝีปากหยักเป็นครั้งที่เท่าไรไม่อาจทราบได้ รู้แต่ว่าขณะนี้ไฟโทสะกำลังโหมกระพือจนเกือบจะลุกท่วมไหม้รถทั้งคัน
“สวยและเซ็กซี่อย่างเธอคงทำเงินให้ฉันได้ไม่น้อย” พูดกับตัวเองอย่างพออกพอใจ ยอมรับด้วยสายตาประจักษ์ว่าน้องสาวไอ้อธิปมันสวยชนิดหาตัวจับยากและเซ็กซี่ขยี้ใจ เหมือนที่พี่ชายมันเคยคุยโวโอ้อวดเอาไว้ไม่มีผิด อยากจะพาขึ้นเตียงไปท่องสวรรค์ชั้นฟ้า แต่ก็ต้องหักใจเพราะงานใหญ่และเงินกำลังรออยู่“แล้วเสี่ยจะเอายังไงต่อไปครับ” ผู้ที่นั่งในตำแหน่งคนขับเอี้ยวหน้ากลับมาถามไถ่ผู้เป็นนายเพียงนิด ก่อนจะหันกลับไปมองเบื้องหน้าของท้องถนนดังเดิม“ส่งตัวเธอขึ้นเรือไปสวีเดนทันทีที่ถึงท่าเรือ” สั่งลูกน้องเสร็จเสี่ยวันชัยก็เมินหน้าเหลี่ยมๆ ของตัวเองออกไปมองนอกกระจกรถด้วยเกรงว่าหากจับจ้องที่ใบหน้าสวยสะพรั่งดั่งดอกไม้แรกแย้มของคนที่กำลังนอนหลับตาพริ้มไปนานๆ จะทำให้เขาตบะแตกขึ้นมาได้“ครับเสี่ย” ลูกน้องหน้าเหี้ยมรับคำผู้เป็นนายอย่างแข็งขัน พลางเหยียบคันเร่งตรงไปยังท่าเรือที่เสี่ยวันชัยใช้ในการส่งผู้หญิงไปยังต่างแดนเป็นประจำเมื่อลักษณ์ณารารู้สึกตัวอีกที เท้าน้อยทั้งสองข้างของเธอก็ไม่ได้เหยียบอยู่บนผืนแผ่นดินถิ่นสยามอีกแล้ว สิ่งที่เธอเหยียบอยู่มันคือพื้นของเรือขนส่งสินค้าลำใหญ่ที่กำลังล่องลอยอยู่ในน่านน้ำที่ไหนสักแห่ง
ปึง…ปึง…ปึงเสียงทุบประตูของผู้มาเยือนในเวลาค่ำมืดดังแรงระรัวติดกันสามที ทำให้ร่างงดงามที่นอนแผ่หราเอามือก่ายหน้าผากอยู่บนเตียงนุ่มหลังน้อยถึงกับสะดุ้งโหยง กระเด้งตัวผุดลุกขึ้นจากพื้นเตียง แล้วค่อยๆ ย่องออกจากห้องนอนมายืนชิดประตูบานใหญ่ของบ้าน และเงี่ยหูฟังเสียงคนกระทำการอุกอาจถือวิสาสะบุกรุกบ้านคนอื่นในยามวิกาล ใจดวงน้อยเริ่มเต้นโครมครามจนจะทะลุออกมานอกอกซ้าย หวาดกลัวว่าคนภายนอกจะเป็นโจรผู้ร้าย ครั้นจะเรียกให้เพื่อนบ้านในละแวกนั้นมาช่วย เสียงเคาะประตูด้วยแรงเน้นหนักกว่าเดิมก็ดังขึ้นอีกครา“ไอ้อธิป ฉันรู้ว่าแกอยู่ที่นี่ เปิดประตู!” เสียงตวาดที่ดังขึ้นชิดอีกฟากฝั่งของประตูทำให้คนฟังครั่นคร้าม เรือนกายเพรียวระหงสั่นเทา ยกมือขึ้นปิดปาก เบิกตาโพลง สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้กลับมา ก่อนจะตัดสินใจทำใจกล้าเปิดประตูออกไปเผชิญหน้ากับคนภายนอก เพราะคิดว่าคงหนีไม่พ้นแล้ว ก็อีกฝ่ายเล่นมาจวนตัวเสียขนาดนี้เสียงเปิดประตูแผ่วเบาพร้อมกับใบหน้าพริ้มเพราของลักษณ์ณาราโผล่พ้นขอบประตูออกมาเล็กน้อย พยายามใช้แรงเท่ามดดึงรั้งประตูในฝั่งของตนไม่ให้แง้มมากเกินกว่าที่เธออยากจะให้เป็น แต
“นานขนาดนั้นเลยเหรอวะ” พอได้รับรู้ถึงกำหนดกลับของน้องสาว อธิปก็ส่อแววกระวนกระวายในน้ำเสียงที่ส่งมาตามสายโทรศัพท์ ซึ่งคนฟังก็ช่างสังเกตจึงจับพิรุธความผิดปกติได้ไม่ยาก“พี่อธิปมีอะไรหรือเปล่าคะ” ถามคล้ายกับจะชักนำพี่ชายเข้าเรื่อง เพราะคนอย่างอธิปคงไม่แค่โทรมาถามเฉยๆ ว่าเธออยู่ไหน ทำอะไรอยู่เป็นแน่แท้ พี่ชายของเธอเปลี่ยนไปเป็นคนใหม่แล้ว คนใหม่ที่ไร้ความรู้สึกห่วงใยน้องสาวดังเดิม และดูท่าว่าคนเก่าจะกลับมายากเสียเหลือเกิน“พี่อยากได้เงินซักห้าหมื่น” เป็นอย่างที่หญิงสาวคิดไว้ไม่มีผิด อธิปโทรมาคงไม่พ้นเรื่องเงิน หากแต่จำนวนตัวเลขมหาศาลก็ทำให้ลักษณ์ณาราอ้าปากค้างได้เหมือนกัน“ห้าหมื่น!” เจ้าของร่างบอบบางน่ารักทำตาโต อุทานเสียงดัง ดูเหมือนจำนาวนเงินที่พี่ชายขอมาจะเพิ่มระดับขึ้นตามจำนวนครั้งเสียแล้ว“พี่จะเอาเงินไปทำอะไรตั้งเยอะแยะ” ลักษณ์ณาราซักไซ้อีกฝ่ายเสียงแข็ง หัวอกแทบมอดไหม้กับความหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น“พี่จะเอาไปจ่ายหนี้พนันที่ค้างเขาไว้” อธิปสวนกลับอย่างไม่รู้สำนึกที่เอาเงินน้องสาวไปผลาญให้กับอบายมุข ลักษณ์ณาราอยากจะกู่ก้องร้องตะโกนให้สมกับความคับข้องใจนัก“อีกแล้วเหรอคะ พี่อธิป เมื่อ
ดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงรายในปลายเดือนธันวาคมที่อยู่ในช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ หากคนขี้หนาวก็คงบอกว่าหนาวจับขั้วหัวใจ แต่ถึงแม้จะหนาวเหน็บสักเพียงใด ลักษณ์ณารา สุขวิมล สาวน้อยโฉมสะคราญวัยยี่สิบสามปีก็ยังเดินทางออกมาจากรีสอร์ตที่พักในช่วงเวลาเช้าตรู่ ขับรถคันเล็กกะทัดรัดจากค่ายรถยอดนิยมสัญชาติญี่ปุ่นที่ไปหาเช่ามาใช้ในช่วงที่อยู่เชียงราย ขึ้นเขาทางลาดชันอย่างระมัดระวังมาเพื่อทำงาน หลังจากแหกขี้ตาตื่นและล้างหน้าล้างตา แต่งตัวในชุดรัดกุมต้านลมหนาวเรียบร้อยแล้ว ดีที่ที่พักของเธออยู่ไม่ไกลจากทุ่งดอกซากุระเมืองไทยหรือดอกนางพญาเสือโคร่งซึ่งกำลังออกดอกบานสะพรั่ง เพราะถ้าหากขับรถมาในเวลาเช้ามืดที่มีหมอกลงจัดจนทำให้ทัศนวิสัยไม่กระจ่างตา ก็อาจจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ลักษณ์ณาราเป็นจิตรกร หญิงสาวเรียนมาทางวาดภาพจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศไทย ด้วยใจรักจึงเลือกที่จะเรียนสาขาวิชาที่มีความเสี่ยงต่อการกลายเป็นนักวิจัยฝุ่นเพราะตกงาน ค่อนข้างมีรายได้น้อย หากไม่มีชื่อเสียงหรือฝีมือไม่เข้าขั้น ก็อาจจะต้องผันตัวไปทำงานอื่นที่ไม่ตรงกับสายงานที่ได้ร่ำเรียนมา แต่ยังดีที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอไม่โชคร้ายขน
เจ้าพ่อหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตอย่างเสียไม่ได้ ที่สุดมาร์โบโลก็ต้องยอมจำนนต่อคำอธิบายของแพทย์ด้วยหัวใจเจ็บปวดรวดร้าว ราวกับมีใครกำลังเอามีดมากระหน่ำจ้วงแทงไม่ยั้ง ใจจริงเขาไม่อยากจะสูญเสียใครไปแม้แต่คนเดียว อยากจะเก็บไว้ทั้งน้องสาวและหลานตัวน้อย หากแต่ไม่อาจฝืนชะตาฟ้าลิขิตได้ บางทีเขากับมิเชลอาจจะทำบุญร่วมกันมาเพียงเท่านี้ก็เป็นได้ แต่เขายังหวังว่าจะได้ทำหน้าที่คุณลุง คอยเลี้ยงดูอุ้มชูลูกของมิเชลที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลกแทนผู้เป็นแม่ที่แสนดี หากแต่ไม่มีวาสนาพอที่จะได้อยู่ดูแลแก้วตาดวงใจของเธอด้วยตัวของตัวเอง“ทำเถอะครับหมอ ขอให้ช่วยชีวิตหลานผมไว้ให้ได้ก็แล้วกัน” ท้ายประโยคคล้ายกับการออกคำสั่งเสียงแข็ง ก่อนจะระบายลมหายใจออกมายืดยาว ราวกับจะให้มันช่วยปลดปล่อยความอัดอั้นให้คลายตัวลงเมื่อได้ใบเบิกทางจากมหาเศรษฐีหนุ่ม ทั้งหมอและพยาบาลก็เตรียมเครื่องมือผ่าตัดเอาเด็กในครรภ์ของผู้ป่วยออก ทุกขั้นตอนจะต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างที่สุด เพื่อช่วยชีวิตน้อยๆ ที่มีอายุแปดเดือนในครรภ์มารดาให้ออกมาลืมตาดูโลกด้วยความปลอดภัย“คุณมิเชลคะ เราจะผ่าเอาเด็กออกนะคะ” คนที่กำลังนอนหายใจรวยริ
“นายนั่งรออยู่ในรถสักครู่นะครับ ผมสองคนจะลงไปเคลียร์ทางให้รถวิ่งผ่านไปได้” คาร์ลอสหันมาบอกเจ้านายด้วยท่าทางนอบน้อม แล้วพยักพเยิดให้แก่ฟรานซิส กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถในฝั่งของตน แต่เลขามาดนิ่งก็ต้องชะงักมือไว้เพียงเท่านั้น เมื่อเสียงทรงอำนาจของมาร์โบโลหลุดออกมาจากปาก ที่เพิ่งคลายจากการเม้มสนิทเพราะความไม่ได้ดั่งใจของเจ้าตัว“เปลี่ยนไปใช้เส้นทางลัดแทน” เจ้าพ่อหนุ่มบอกลูกน้องด้วยโทนเสียงราบเรียบติดจะดุ นัยน์ตาที่เครียดขรึมอยู่แล้วมาบัดนี้ยิ่งแดงฉานน่าสะพรึงกลัวสองหนุ่มผู้ต้องคำประกาศิตหันสีหน้าอันสุดแสนกระอักกระอ่วนมาสบสานสายตาซึ่งกันและกันราวกับจะใช้สายตาฟาดฟันประหัตประหารว่าหากใครเพลี่ยงพล้ำ คนนั้นก็จะต้องเป็นฝ่ายทำหน้าที่คัดค้านเจ้านาย ที่สุดฟรานซิสก็พ่ายแพ้ให้แก่หนุ่มมาดนิ่ง เพียงคาร์ลอสใช้สายตาขู่เข็ญแกมบังคับ เขาก็ยอมที่จะเปิดปากห้ามปรามเจ้านายอย่างไม่คิดจะโต้แย้งให้มากความ“แต่ว่าทางนั้นมันมืดนะครับ อีกอย่างถนนก็ไม่ดีด้วย”ใช่ว่าจะใช้เส้นทางที่เจ้านายกำลังกล่าวถึงสัญจรไม่ได้ แต่ฟรานซิสไม่อยากใช้มันในเวลาฝนฟ้าคะนองเช่นนี้ เพราะขนาดในเวลาปกติหากไม่รีบจัดจนเกินไปก็จะหลีกเลี่ยง






Comments