LOGINปึง…ปึง…ปึง
เสียงทุบประตูของผู้มาเยือนในเวลาค่ำมืดดังแรงระรัวติดกันสามที ทำให้ร่างงดงามที่นอนแผ่หราเอามือก่ายหน้าผากอยู่บนเตียงนุ่มหลังน้อยถึงกับสะดุ้งโหยง กระเด้งตัวผุดลุกขึ้นจากพื้นเตียง แล้วค่อยๆ ย่องออกจากห้องนอนมายืนชิดประตูบานใหญ่ของบ้าน และเงี่ยหูฟังเสียงคนกระทำการอุกอาจถือวิสาสะบุกรุกบ้านคนอื่นในยามวิกาล ใจดวงน้อยเริ่มเต้นโครมครามจนจะทะลุออกมานอกอกซ้าย หวาดกลัวว่าคนภายนอกจะเป็นโจรผู้ร้าย ครั้นจะเรียกให้เพื่อนบ้านในละแวกนั้นมาช่วย เสียงเคาะประตูด้วยแรงเน้นหนักกว่าเดิมก็ดังขึ้นอีกครา
“ไอ้อธิป ฉันรู้ว่าแกอยู่ที่นี่ เปิดประตู!” เสียงตวาดที่ดังขึ้นชิดอีกฟากฝั่งของประตูทำให้คนฟังครั่นคร้าม เรือนกายเพรียวระหงสั่นเทา ยกมือขึ้นปิดปาก เบิกตาโพลง สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้กลับมา ก่อนจะตัดสินใจทำใจกล้าเปิดประตูออกไปเผชิญหน้ากับคนภายนอก เพราะคิดว่าคงหนีไม่พ้นแล้ว ก็อีกฝ่ายเล่นมาจวนตัวเสียขนาดนี้
เสียงเปิดประตูแผ่วเบาพร้อมกับใบหน้าพริ้มเพราของลักษณ์ณาราโผล่พ้นขอบประตูออกมาเล็กน้อย พยายามใช้แรงเท่ามดดึงรั้งประตูในฝั่งของตนไม่ให้แง้มมากเกินกว่าที่เธออยากจะให้เป็น แต่เพียงไม่นานมือเรียวก็ต้องปล่อยจากขอบประตู แล้วผงะถอยหลังออกมาสามก้าว เมื่อเห็นลูกน้องหน้าเหี้ยมของอาเสี่ยพุงพลุ้ยนามว่าวันชัยใช้มือหยาบกร้านผลักประตูเข้ามาเต็มแรง
“พี่ชายเธอไปไหนจ๊ะ คนสวย” เสี่ยวันชัยเจ้าของบ่อนการพนันใหญ่ถามพลางใช้สายตาหยาบโลนมองโลมเลียตั้งแต่หัวจรดเท้าของลักษณ์ณาราโดยไม่คิดจะเกรงใจ ท่าทางและสายตากักขฬะสร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้เจ้าบ้านจนขนกายลุกเกรียว
“พี่อธิปเขาไม่อยู่ เสี่ยมีอะไรกับเขาก็ค่อยมาพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” ถึงแม้ภายในจิตใจจะหวาดหวั่น แต่ลักษณ์ณาราก็ยังข่มกลั้นบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นไหว มองหน้าคู่สนทนาตาไม่กะพริบ หากอีกฝ่ายคิดไม่ซื่อเธอจะได้หาทางหนีเอาตัวรอดได้ทันท่วงที
“พรุ่งนี้ไม่ได้หรอกสาวน้อย เพราะไอ้อธิปมันนัดให้เสี่ยมาเอาเงินวันนี้” ขณะที่พูดอยู่นั้นสายตาจาบจ้วงของเสี่ยวันชัยก็ยังคงมองแทะโลมทั่วทั้งร่างอรชรอ้อนแอ้นไม่เลิก
“พี่อธิปติดเงินเสี่ยอยู่เท่าไหร่” ถามพลางยกสองแขนเรียวเล็กขึ้นกอดอก เมื่อรู้สึกได้ว่าสายตาหยาบคายของอาเสี่ยหน้าเลือดกำลังจับจ้องอ้อยอิ่งอยู่ที่หน้าอกของเธอ
“ห้าแสน” เสี่ยวันชัยบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ห้าแสน!” ลักษณ์ณาราอุทานตาโตทวนคำเจ้าหนี้ของพี่ชาย ตกใจจนแทบล้มทั้งยืน นี่พี่ชายเธอมือเติบขนาดนี้เชียวหรือ หรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วก็ได้รับการยืนยันคำตอบเป็นการพยักหน้าจากเสี่ยวันชัย
“เงินมากมายขนาดนี้ฉันไม่มีให้เสี่ยหรอก เอาไว้ต้นเดือนหน้าก็แล้วกัน” ลักษณ์ณาราต่อรอง อย่าว่าแต่ห้าแสนเลย แสนเดียวเธอก็ไม่มีในตอนนี้ เพราะก่อนหน้านี้พี่ชายเธอก็ผลาญไปแล้วตั้งห้าหมื่น แล้วไหนจะยังค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าอื่นๆ อีกจิปาถะ
“ถ้าไม่มีเงิน เธอก็ต้องไปกับเรา” อาเสี่ยใจหยาบบอกเสียงแข็ง พร้อมบุ้ยปากส่งสัญญาณให้ลูกน้องหน้าเหี้ยมทั้งสองเข้าจับตัวลักษณ์ณารา เพียงชั่วพริบตาข้อมือน้อยก็ไปตกอยู่ในอุ้งมือหยาบกร้านของชายฉกรรจ์ที่มีหน้าตาไม่ต่างจากโจรห้าร้อย
“พวกแกจะพาฉันไปไหน ปล่อยฉันนะ!” เสียงแหลมหวีดร้องพร้อมทั้งดิ้นรนขัดขืนเพื่อให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม แต่การกระทำของเธอกลับไม่ทำให้ร่างสูงใหญ่สะเทือนเพียงนิด ไม่ต่างอะไรจากการเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง
“แล้วเธอคิดว่า ผู้ชายจะเอาผู้หญิงไปทำอะไรได้บ้างล่ะ สาวน้อย” เสี่ยพุงพลุ้ยยกมือหยาบกร้านขึ้นลูบปลายคางเหลี่ยมๆ พลางมองร่างดงามเบื้องหน้าตาเป็นมัน ส่งผลให้หญิงสาวขนกายลุกชูชันหวาดผวากับสายตาและท่าทางของเสี่ยใจหยาบ
“ฉันขอเวลาห้าวัน แล้วจะหาเงินมาคืนเสี่ยให้ครบทุกบาททุกสตางค์” เมื่อเห็นว่าเอากำลังเข้าแก้ปัญหาเป็นวิธีที่ไม่ได้ผล ลักษณ์ณาราจึงเปลี่ยนมาเจรจาด้วยความประนีประนอม เอ่ยปากต่อรองอย่างคนใช้สมองมากกว่าที่จะใช้กำลัง พร้อมกันนั้นก็พยายามบิดข้อมือออกจากอุ้งมืออันน่าสะอิดสะเอียน
“ฮะๆๆ ใครเชื่อเธอก็บ้าแล้วคนสวย หากฉันให้เวลาเธอตามที่ขอ เธอก็ชิ่งหนีกันพอดี” เสี่ยงวันชัยแหงนหน้าระเบิดเสียงหัวเราะ ก่อนจะแสดงเจตนาด้วยการพูดกลั้วหัวเราะว่าจะไม่ยอมให้เธอประวิงเวลา
“ได้โปรดเถอะ ฉันไม่เบี้ยวเสี่ยแน่นอน” เมื่อไม่มีทางเลือกลักษณ์ณาราจึงยอมลดศักดิ์ศรี ปรับโทนเสียงให้ดูน่าฟัง เอ่ยขอร้องอาเสี่ยใจร้ายอีกครา
ทั้งที่ไม่รู้ว่าภายในระยะเวลาห้าวันจะไปหาเงินตั้งห้าแสนมาจากไหน แต่เธอก็อยากจะขอยืดลมหายใจของตัวเองออกไปบ้าง เพราะรู้ดีว่าอาเสี่ยใจหยาบคนนี้ไม่เพียงเปิดบ่อนการพนันอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย เขายังทำธุรกิจมืดค้ามนุษย์อีกด้วย ซึ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยในละแวกนี้หลายคนต้องตกเป็นเหยื่อ เพราะคนในครอบครัวติดเงินเสี่ยวันชัยแล้วไม่มีเงินใช้หนี้ และเธอก็กลัวว่าตัวเองจะต้องประสบชะตากรรมเหมือนกับผู้หญิงเหล่านั้นด้วยเช่นกัน
“อย่าพูดมาก เอาตัวไป!” เสียงกระด้างของเสี่ยวันชัยตวาดดังก้อง ชักรำคาญกับความลีลาท่ามากของแม่สาวน้อยวัยกำดัด ก่อนจะบุ้ยใบ้ให้ลูกน้องจัดการอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
ขาดคำของเจ้านายชายหน้าเหี้ยมก็จัดการสาวร่างเล็กทว่าพยศเหลือใจด้วยการโปะผ้าเช็ดหน้าที่ชุ่มไปด้วยยาสลบลงไปบนสันจมูกเชิดรั้น ร่างบางที่ดิ้นรนเอาตัวรอดพลันอ่อนระทวยสิ้นฤทธิ์ในชั่วพริบตา และคงจะล้มลงหัวฟาดพื้นหากลูกน้องของเสี่ยวันชัยไม่ช้อนอุ้มเธอเสียก่อน
จากนั้นผู้กระทำการอุกอาจทั้งสามก็อุ้มร่างไร้สติของลักษณ์ณาราไปขึ้นรถ และขับออกไปจากบ้านหลังน้อยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ว่าไงเฮนรี่” เพียงเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอก็ทำให้อาเสี่ยอารมณ์ดีขึ้นมาเป็นเท่าทวี รีบกดรับสายของอีกฝ่ายแล้วกรอกเสียงลงไปทันที
“ฉันเสียดายจังที่ไม่ได้ลิ้มลองเธอสาวน้อย” หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จเสี่ยวันชัยก็ใช้มือหยาบกร้านลูบไล้แก้มเนียนใสอย่างแสนเสียดาย เหตุก็เพราะว่าผู้ร่วมขบวนการเพิ่งโทรมากำชับว่าห้ามแตะต้องสินค้าให้มีรอยราคี เพราะการประมูลครั้งนี้มีแต่เหล่าบรรดามหาเศรษฐีกระเป๋าหนักซึ่งเงินก็ทำให้เสี่ยวันชัยตาโตจนยอมที่จะละความตั้งใจในการลิ้มรสลักษณ์ณารา
“สวยและเซ็กซี่อย่างเธอคงทำเงินให้ฉันได้ไม่น้อย” พูดกับตัวเองอย่างพออกพอใจ ยอมรับด้วยสายตาประจักษ์ว่าน้องสาวไอ้อธิปมันสวยชนิดหาตัวจับยากและเซ็กซี่ขยี้ใจ เหมือนที่พี่ชายมันเคยคุยโวโอ้อวดเอาไว้ไม่มีผิด อยากจะพาขึ้นเตียงไปท่องสวรรค์ชั้นฟ้า แต่ก็ต้องหักใจเพราะงานใหญ่และเงินกำลังรออยู่“แล้วเสี่ยจะเอายังไงต่อไปครับ” ผู้ที่นั่งในตำแหน่งคนขับเอี้ยวหน้ากลับมาถามไถ่ผู้เป็นนายเพียงนิด ก่อนจะหันกลับไปมองเบื้องหน้าของท้องถนนดังเดิม“ส่งตัวเธอขึ้นเรือไปสวีเดนทันทีที่ถึงท่าเรือ” สั่งลูกน้องเสร็จเสี่ยวันชัยก็เมินหน้าเหลี่ยมๆ ของตัวเองออกไปมองนอกกระจกรถด้วยเกรงว่าหากจับจ้องที่ใบหน้าสวยสะพรั่งดั่งดอกไม้แรกแย้มของคนที่กำลังนอนหลับตาพริ้มไปนานๆ จะทำให้เขาตบะแตกขึ้นมาได้“ครับเสี่ย” ลูกน้องหน้าเหี้ยมรับคำผู้เป็นนายอย่างแข็งขัน พลางเหยียบคันเร่งตรงไปยังท่าเรือที่เสี่ยวันชัยใช้ในการส่งผู้หญิงไปยังต่างแดนเป็นประจำเมื่อลักษณ์ณารารู้สึกตัวอีกที เท้าน้อยทั้งสองข้างของเธอก็ไม่ได้เหยียบอยู่บนผืนแผ่นดินถิ่นสยามอีกแล้ว สิ่งที่เธอเหยียบอยู่มันคือพื้นของเรือขนส่งสินค้าลำใหญ่ที่กำลังล่องลอยอยู่ในน่านน้ำที่ไหนสักแห่ง
ปึง…ปึง…ปึงเสียงทุบประตูของผู้มาเยือนในเวลาค่ำมืดดังแรงระรัวติดกันสามที ทำให้ร่างงดงามที่นอนแผ่หราเอามือก่ายหน้าผากอยู่บนเตียงนุ่มหลังน้อยถึงกับสะดุ้งโหยง กระเด้งตัวผุดลุกขึ้นจากพื้นเตียง แล้วค่อยๆ ย่องออกจากห้องนอนมายืนชิดประตูบานใหญ่ของบ้าน และเงี่ยหูฟังเสียงคนกระทำการอุกอาจถือวิสาสะบุกรุกบ้านคนอื่นในยามวิกาล ใจดวงน้อยเริ่มเต้นโครมครามจนจะทะลุออกมานอกอกซ้าย หวาดกลัวว่าคนภายนอกจะเป็นโจรผู้ร้าย ครั้นจะเรียกให้เพื่อนบ้านในละแวกนั้นมาช่วย เสียงเคาะประตูด้วยแรงเน้นหนักกว่าเดิมก็ดังขึ้นอีกครา“ไอ้อธิป ฉันรู้ว่าแกอยู่ที่นี่ เปิดประตู!” เสียงตวาดที่ดังขึ้นชิดอีกฟากฝั่งของประตูทำให้คนฟังครั่นคร้าม เรือนกายเพรียวระหงสั่นเทา ยกมือขึ้นปิดปาก เบิกตาโพลง สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้กลับมา ก่อนจะตัดสินใจทำใจกล้าเปิดประตูออกไปเผชิญหน้ากับคนภายนอก เพราะคิดว่าคงหนีไม่พ้นแล้ว ก็อีกฝ่ายเล่นมาจวนตัวเสียขนาดนี้เสียงเปิดประตูแผ่วเบาพร้อมกับใบหน้าพริ้มเพราของลักษณ์ณาราโผล่พ้นขอบประตูออกมาเล็กน้อย พยายามใช้แรงเท่ามดดึงรั้งประตูในฝั่งของตนไม่ให้แง้มมากเกินกว่าที่เธออยากจะให้เป็น แต
“นานขนาดนั้นเลยเหรอวะ” พอได้รับรู้ถึงกำหนดกลับของน้องสาว อธิปก็ส่อแววกระวนกระวายในน้ำเสียงที่ส่งมาตามสายโทรศัพท์ ซึ่งคนฟังก็ช่างสังเกตจึงจับพิรุธความผิดปกติได้ไม่ยาก“พี่อธิปมีอะไรหรือเปล่าคะ” ถามคล้ายกับจะชักนำพี่ชายเข้าเรื่อง เพราะคนอย่างอธิปคงไม่แค่โทรมาถามเฉยๆ ว่าเธออยู่ไหน ทำอะไรอยู่เป็นแน่แท้ พี่ชายของเธอเปลี่ยนไปเป็นคนใหม่แล้ว คนใหม่ที่ไร้ความรู้สึกห่วงใยน้องสาวดังเดิม และดูท่าว่าคนเก่าจะกลับมายากเสียเหลือเกิน“พี่อยากได้เงินซักห้าหมื่น” เป็นอย่างที่หญิงสาวคิดไว้ไม่มีผิด อธิปโทรมาคงไม่พ้นเรื่องเงิน หากแต่จำนวนตัวเลขมหาศาลก็ทำให้ลักษณ์ณาราอ้าปากค้างได้เหมือนกัน“ห้าหมื่น!” เจ้าของร่างบอบบางน่ารักทำตาโต อุทานเสียงดัง ดูเหมือนจำนาวนเงินที่พี่ชายขอมาจะเพิ่มระดับขึ้นตามจำนวนครั้งเสียแล้ว“พี่จะเอาเงินไปทำอะไรตั้งเยอะแยะ” ลักษณ์ณาราซักไซ้อีกฝ่ายเสียงแข็ง หัวอกแทบมอดไหม้กับความหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น“พี่จะเอาไปจ่ายหนี้พนันที่ค้างเขาไว้” อธิปสวนกลับอย่างไม่รู้สำนึกที่เอาเงินน้องสาวไปผลาญให้กับอบายมุข ลักษณ์ณาราอยากจะกู่ก้องร้องตะโกนให้สมกับความคับข้องใจนัก“อีกแล้วเหรอคะ พี่อธิป เมื่อ
ดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงรายในปลายเดือนธันวาคมที่อยู่ในช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ หากคนขี้หนาวก็คงบอกว่าหนาวจับขั้วหัวใจ แต่ถึงแม้จะหนาวเหน็บสักเพียงใด ลักษณ์ณารา สุขวิมล สาวน้อยโฉมสะคราญวัยยี่สิบสามปีก็ยังเดินทางออกมาจากรีสอร์ตที่พักในช่วงเวลาเช้าตรู่ ขับรถคันเล็กกะทัดรัดจากค่ายรถยอดนิยมสัญชาติญี่ปุ่นที่ไปหาเช่ามาใช้ในช่วงที่อยู่เชียงราย ขึ้นเขาทางลาดชันอย่างระมัดระวังมาเพื่อทำงาน หลังจากแหกขี้ตาตื่นและล้างหน้าล้างตา แต่งตัวในชุดรัดกุมต้านลมหนาวเรียบร้อยแล้ว ดีที่ที่พักของเธออยู่ไม่ไกลจากทุ่งดอกซากุระเมืองไทยหรือดอกนางพญาเสือโคร่งซึ่งกำลังออกดอกบานสะพรั่ง เพราะถ้าหากขับรถมาในเวลาเช้ามืดที่มีหมอกลงจัดจนทำให้ทัศนวิสัยไม่กระจ่างตา ก็อาจจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ลักษณ์ณาราเป็นจิตรกร หญิงสาวเรียนมาทางวาดภาพจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศไทย ด้วยใจรักจึงเลือกที่จะเรียนสาขาวิชาที่มีความเสี่ยงต่อการกลายเป็นนักวิจัยฝุ่นเพราะตกงาน ค่อนข้างมีรายได้น้อย หากไม่มีชื่อเสียงหรือฝีมือไม่เข้าขั้น ก็อาจจะต้องผันตัวไปทำงานอื่นที่ไม่ตรงกับสายงานที่ได้ร่ำเรียนมา แต่ยังดีที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอไม่โชคร้ายขน
เจ้าพ่อหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตอย่างเสียไม่ได้ ที่สุดมาร์โบโลก็ต้องยอมจำนนต่อคำอธิบายของแพทย์ด้วยหัวใจเจ็บปวดรวดร้าว ราวกับมีใครกำลังเอามีดมากระหน่ำจ้วงแทงไม่ยั้ง ใจจริงเขาไม่อยากจะสูญเสียใครไปแม้แต่คนเดียว อยากจะเก็บไว้ทั้งน้องสาวและหลานตัวน้อย หากแต่ไม่อาจฝืนชะตาฟ้าลิขิตได้ บางทีเขากับมิเชลอาจจะทำบุญร่วมกันมาเพียงเท่านี้ก็เป็นได้ แต่เขายังหวังว่าจะได้ทำหน้าที่คุณลุง คอยเลี้ยงดูอุ้มชูลูกของมิเชลที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลกแทนผู้เป็นแม่ที่แสนดี หากแต่ไม่มีวาสนาพอที่จะได้อยู่ดูแลแก้วตาดวงใจของเธอด้วยตัวของตัวเอง“ทำเถอะครับหมอ ขอให้ช่วยชีวิตหลานผมไว้ให้ได้ก็แล้วกัน” ท้ายประโยคคล้ายกับการออกคำสั่งเสียงแข็ง ก่อนจะระบายลมหายใจออกมายืดยาว ราวกับจะให้มันช่วยปลดปล่อยความอัดอั้นให้คลายตัวลงเมื่อได้ใบเบิกทางจากมหาเศรษฐีหนุ่ม ทั้งหมอและพยาบาลก็เตรียมเครื่องมือผ่าตัดเอาเด็กในครรภ์ของผู้ป่วยออก ทุกขั้นตอนจะต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างที่สุด เพื่อช่วยชีวิตน้อยๆ ที่มีอายุแปดเดือนในครรภ์มารดาให้ออกมาลืมตาดูโลกด้วยความปลอดภัย“คุณมิเชลคะ เราจะผ่าเอาเด็กออกนะคะ” คนที่กำลังนอนหายใจรวยริ
“นายนั่งรออยู่ในรถสักครู่นะครับ ผมสองคนจะลงไปเคลียร์ทางให้รถวิ่งผ่านไปได้” คาร์ลอสหันมาบอกเจ้านายด้วยท่าทางนอบน้อม แล้วพยักพเยิดให้แก่ฟรานซิส กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถในฝั่งของตน แต่เลขามาดนิ่งก็ต้องชะงักมือไว้เพียงเท่านั้น เมื่อเสียงทรงอำนาจของมาร์โบโลหลุดออกมาจากปาก ที่เพิ่งคลายจากการเม้มสนิทเพราะความไม่ได้ดั่งใจของเจ้าตัว“เปลี่ยนไปใช้เส้นทางลัดแทน” เจ้าพ่อหนุ่มบอกลูกน้องด้วยโทนเสียงราบเรียบติดจะดุ นัยน์ตาที่เครียดขรึมอยู่แล้วมาบัดนี้ยิ่งแดงฉานน่าสะพรึงกลัวสองหนุ่มผู้ต้องคำประกาศิตหันสีหน้าอันสุดแสนกระอักกระอ่วนมาสบสานสายตาซึ่งกันและกันราวกับจะใช้สายตาฟาดฟันประหัตประหารว่าหากใครเพลี่ยงพล้ำ คนนั้นก็จะต้องเป็นฝ่ายทำหน้าที่คัดค้านเจ้านาย ที่สุดฟรานซิสก็พ่ายแพ้ให้แก่หนุ่มมาดนิ่ง เพียงคาร์ลอสใช้สายตาขู่เข็ญแกมบังคับ เขาก็ยอมที่จะเปิดปากห้ามปรามเจ้านายอย่างไม่คิดจะโต้แย้งให้มากความ“แต่ว่าทางนั้นมันมืดนะครับ อีกอย่างถนนก็ไม่ดีด้วย”ใช่ว่าจะใช้เส้นทางที่เจ้านายกำลังกล่าวถึงสัญจรไม่ได้ แต่ฟรานซิสไม่อยากใช้มันในเวลาฝนฟ้าคะนองเช่นนี้ เพราะขนาดในเวลาปกติหากไม่รีบจัดจนเกินไปก็จะหลีกเลี่ยง







