ครอบครัวใหม่ ?
“ตามกำหนดคือเสร็จตั้งแต่หกโมงเย็นแล้วครับ แต่มีหลายเรื่องไม่คุยกันไม่ลงตัวก็เลยลากยาวมาจนถึงตอนนี้ ผมเพิ่งจะได้แวบออกพักทานข้าวนี่แหละครับ” คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวบอกเล่าอย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะอธิบายต่อเพื่อให้หญิงสาวเข้าใจมากขึ้น “เหตุผลที่ไม่สามารถยกประเด็นที่เหลือไปประชุมต่อพรุ่งนี้ได้ ก็เพราะวันนี้มีผู้บริหารจากบริษัทพาร์ตเนอร์มาร่วมประชุมด้วย แล้วทางฝั่งนั้นอยากได้ข้อสรุปทุกประเด็นภายในวันนี้ โพรเจ็กต์ด่วนน่ะครับ สถานการณ์ในห้องก็เลยค่อนข้างซีเรียสมากเลยครับ”
“อ๋อ...” สุพรรณวดีพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะถามต่อด้วยความสงสัยและเป็นห่วงเด็กนักเรียนตัวน้อย “คุณเลิกงานดึกขนาดนี้ น้องโอ๊ตไม่ง่วงนอนแย่เลยเหรอคะ ไหนพรุ่งนี้จะต้องไปโรงเรียนแต่เช้าอีก”
“จริง ๆ ผมจ้างแม่บ้านที่เป็นพี่เลี้ยงด้วยดูแลเจ้าโอ๊ตให้ คนที่คุณเอยเห็นตอนไปสอนที่บ้านนั่นแหละครับ” ชายหนุ่มเล่าไปและหั่นไก่ทอดส่งเข้าปากตัวเองไปด้วย และไม่ลืมหันไปสังเกตดูลูกชายที่กำลังรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย “ปกติถ้าผมติดงานหรือรู้ว่าจะต้องกลับบ้านดึก ผมก็จะโทร. ให้แม่บ้านมารับลูกกลับบ้านไปก่อน แต่พอดีช่วงนี้เขาลากลับไปเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัดครับ แล้วผมก็ดันมีประชุมด่วนและสำคัญแทรกเข้ามาพอดี มันก็เลยเป็นอย่างที่คุณเห็นนี่แหละครับ ผมก็เลี่ยงไม่ได้”
ได้ฟังเช่นนี้แววตาของสุพรรณวดีก็หม่นแสงลงเล็กน้อย ไพล่นึกถึงพ่อลูกคู่หนึ่งที่น่าจะมีสถานการณ์คล้าย ๆ กันนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ยิ่งย้ายไปอยู่ไกลจากถิ่นฐานบ้านเกิด ทำให้เธอไม่รู้เลยว่าสองพ่อลูกนั้นจะอยู่อย่างไร และจะมีคนช่วยเลี้ยงลูกยามที่ต้องทำงานจนดึกดื่นหรือไม่
สุพรรณวดีติดตามชีวิตผู้ชายคนนั้นได้จากข่าวในโทรทัศน์กับนิตยสารที่นาน ๆ ครั้งเขาถึงจะให้สัมภาษณ์ ซึ่งข้อมูลพวกนั้นก็จะเกี่ยวกับการทำธุรกิจเสียส่วนใหญ่ น้อยมากที่เขาจะให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว มีพูดถึงลูกแค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้นเอง เธอจึงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาจะมีชีวิตอย่างไร
ครั้นรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะจมดิ่งไปกับความคิดวกวน สุพรรณวดีก็รีบดึงสติตนเองให้กลับมาโฟกัสที่การกินกับการพูดคุยกับชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง ด้วยความสงสารเด็กชายที่ต้องนั่งรอพ่อประชุมงานอย่างโดดเดี่ยว ติวเตอร์สาวจึงรับปากว่าจะอยู่เป็นเพื่อนหนุ่มน้อยจนกว่าการประชุมจะเสร็จสิ้น ส่วนเรื่องที่จะให้อภิวัฒน์ไปส่งหรือไม่ หญิงสาวขอพิจารณาอีกที เพราะถ้าไม่ดึกมากและรถไฟฟ้ายังเปิดให้บริการอยู่ เธอก็จะขอกลับเองเพื่อความสบายใจตนเอง
หลังจากอภิวัฒน์ขอตัวกลับเข้าไปประชุมต่อ สุพรรณวดีก็ชวนเด็กชายคุยเล่น ถามไถ่เกี่ยวกับโรงเรียนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มเข้าสู่บทเรียนกันอย่างผ่อนคลายและเป็นกันเอง หากก็มีความจริงจังอยู่ในที
การเรียนการสอนจบลงได้ราวสามสิบนาที แต่ก็ยังไร้วี่แววว่าพ่อของเด็กชายจะลงมาจากตึก เมื่อสิบนาทีที่แล้วอภิวัฒน์ส่งข้อความมาบอกว่ายังประชุมไม่เสร็จ พร้อมขอโทษที่ทำให้เธอต้องกลับบ้านดึก หญิงสาวรีบพิมพ์ตอบกลับไปว่าไม่เป็นไร ไหน ๆ เธอก็ได้รับปากเขาไปแล้วว่าจะดูแลน้องโอ๊ตให้ เธอก็จะทำให้ดีที่สุด
“หิวไหมครับ หรือว่าง่วงมากกว่า” สุพรรณวดีถามหนุ่มน้อยที่ละสายตาจากการ์ตูนในแท็บเล็ตมามองเธอด้วยแววตาปรือ ๆ คล้ายว่าง่วงเต็มที
“โอ๊ตง่วงแล้วครับ” เด็กน้อยส่งเสียงงอแงเล็กน้อยพร้อมยกมือขึ้นมาขยี้ตา
หญิงสาวก้มมองนาฬิกาบนข้อมือตัวเอง ก่อนจะพยักหน้าให้เด็กชายเพื่อบอกให้แกนอนได้เลย เพราะถ้าให้อยู่รอผู้เป็นบิดาก็คงจะอีกนาน ติวเตอร์สาวที่ทำงานเกินเวลาย้ายตัวเองไปนั่งฝั่งเดียวกับน้องโอ๊ต พร้อมกับจัดแจงที่นอน ยอมให้หนุ่มน้อยใช้ตักตัวเองหนุนแทนหมอน โชคดีที่โต๊ะที่เธอนั่งเป็นโซฟาตัวยาว จึงเหยียดแข้งเหยียดขาได้อย่างสบาย ๆ
หลังจากเด็กชายหลับไปแล้ว ระหว่างรอสุพรรณวดีฆ่าเวลาด้วยการเปิดเว็บไซต์สายการบินเพื่อเช็กราคาในช่วงเวลาที่เธอแพลนไว้ว่าจะบินไปเยือนประเทศฝรั่งเศสอีกครั้ง ทว่าราคาที่ปรากฏขึ้นมาก็ยังสูงกว่าราคาที่เธอเคยจองในครั้งก่อน ๆ หญิงสาวจึงตัดสินใจรออีกหน่อยเผื่อวันอื่นจะมีเที่ยวบินที่ราคาถูกกว่านี้
พอราคาตั๋วเครื่องบินไม่ได้ดั่งใจ คุณแม่ที่ต้องพลัดพรากจากลูกมานานแสนนานก็ถอนหายใจ ด้วยงบการเดินทางที่มีจำกัด ทำให้เธอต้องควบคุมค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้ประหยัดที่สุดเท่าที่จะทำได้
หญิงสาวก้มมองหนุ่มน้อยที่นอนหลับปุ๋ยอย่างไรเดียงสาอยู่บนตัก ริมฝีปากเธอแย้มยิ้มบาง ๆ หากในใจรู้สึกเศร้า จมดิ่งลงไปในภวังค์ความคิดของตนเองอีกครั้ง ลูกของเธออายุน้อยกว่าน้องโอ๊ตแค่หนึ่งปี ขนาดตัวก็น่าจะใกล้เคียงกัน ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าถ้าคนที่นอนหนุนตักเธออยู่ตอนนี้คือลูกชายแท้ ๆ ของเธอเองก็คงจะรู้สึกดีไม่น้อย
คิดถึงจัง ไม่รู้ว่าป่านนี้ลูกของแม่จะทำอะไรอยู่นะ
“คุณเอยครับ คุณเอย”
สุพรรณวดีสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงแรงสะกิดที่หัวไหล่ หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ร้านอาหารฟาสฟู้ดที่ตนนั่งอยู่ก็พบว่าตอนนี้ผู้คนบางตากว่าตอนแรกมาก เหลือนั่งอยู่เพียงแค่ไม่กี่โต๊ะเท่านั้น เธอก้มมองที่ตักก็เห็นว่าเด็กชายยังนอนหลับสบาย จึงเงยหน้าขึ้นไปถามอภิวัฒน์ที่ยืนมองเธออยู่
“กี่โมงแล้วคะ”
“อีกยี่สิบนาทีห้าทุ่มครับ” ชายหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือตัวเองแล้วบอก ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ “ผมต้องขอโทษคุณเอยอีกครั้งนะครับที่ทำให้ต้องลำบาก แต่ถ้าวันนี้ไม่ได้คุณเอย ผมต้องยุ่งมากกว่านี้แน่ ๆ เลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ” สุพรรณวดียิ้มรับ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดมาก
“แล้วนั่นหลับไปนานหรือยังครับ” เขาชี้ไปยังลูกชายที่หนุนตักครูสาวอยู่อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
“หลับไปตอนประมาณสี่ทุ่มนิด ๆ ค่ะ”
“คุณเอยเมื่อยขาแย่เลย”
“นิดหน่อยค่ะ ว่าแต่คุณเสร็จแล้วใช่ไหมคะ” เธอถาม เพราะตอนนี้ก็ถือเป็นเวลาที่ดึกมากพอสมควรสำหรับคนที่ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้าอย่างเขาและเธอ
“ครับ วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นกลับกันเลยไหมคะ” หญิงสาวก้มลงไปมองหนุ่มน้อยที่นอนหลับปุ๋ยอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปถามความเห็นของอภิวัฒน์ “จะให้ปลุกไหมคะ หรือคุณจะอุ้มไปที่รถเลย”
“ผมว่าอุ้มไปดีกว่าครับ ถ้าตื่นมาตอนนี้เดี๋ยวงอแง” เขาว่าอย่างรู้จักนิสัยลูกชายของตนดี อภิวัฒน์วางกระเป๋าแล็ปท็อปและเสื้อสูทลงบนโต๊ะ ปลดกระดุมแขนเสื้อแล้วถลกขึ้นจนถึงศอก ก่อนจะก้าวเข้าไปช้อนตัวเด็กชายตัวน้อยอุ้มขึ้นพาดบ่าโดยมีสุพรรณวดีคอยประคองร่างเล็กขึ้นช่วยอีกแรง “ขาชาไหมครับ”
“ไม่เท่าไรค่ะ” เธอตอบแล้วยิ้มให้
อภิวัฒน์อุ้มลูกด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกข้างคว้ากระเป๋าแล็ปท็อปมาถือ หากก็ยังเหลืออีกสองชิ้นซึ่งเขาคงถือเองไม่ได้จึงขอความช่วยเหลือจากหญิงสาวอีกครั้ง ไหน ๆ ก็ต้องไปทางเดียวกัน เพราะเขาตั้งใจจะไปส่งเธอที่บ้านอยู่แล้ว “รบกวนคุณเอยถือสูทกับกระเป๋าเจ้าโอ๊ตให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ” สุพรรณวดีตอบรับอย่างไม่อิดออดทั้งที่ตั้งใจจะขอแยกกลับตอนนี้ แต่เห็นท่าทางทุลักทุเลของเขาแล้วก็ต้องกลืนคำพูดตัวเองไปก่อน ไว้ค่อยบอกเขาว่าจะเธอจะกลับเองตอนไปถึงรถแล้วกัน
หญิงสาวสะพายกระเป๋าตัวเอง ก่อนจะหยิบกระเป๋านักเรียนของเด็กชายขึ้นมาสะพายไหล่อีกข้าง แล้วคว้าสูทของคนตัวสูงมาถือ ใช้สายตามองสำรวจโต๊ะคร่าว ๆ พอเห็นว่าไม่ลืมอะไรแล้ว เธอจึงหันไปพยักหน้าให้คนที่ยืนรออยู่เพื่อบอกว่าตนพร้อมแล้ว
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากร้านไป โดยมีสุพรรณวดีเดินตามออกไปโดยเว้นระยะห่างเล็กน้อย
ทว่า...
อีกด้านของตึกมีร่างสูงของชายคนหนึ่งกำลังยืนมองภาพนั้นด้วยสายตาที่ว่างเปล่า สีหน้าเรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์ ถึงแม้หญิงสาวจะเว้นระยะห่างในการเดินตามหลังพอสมควร ไม่ได้เดินใกล้ชายหนุ่มที่เดินอยู่ข้างหน้า คนอื่นมองเผิน ๆ อาจจะคิดว่าพวกเขาไม่ได้มาด้วยกัน หากไม่ใช่เจ้าของสายตาคมซึ่งมองเห็นทั้งสามคนตั้งแต่อยู่ในร้านและเห็นทุกการกระทำ
หรือต่อให้ไม่เห็นภาพในร้าน และต่อให้เธอเดินห่างจากผู้ชายคนนั้นเป็นเมตรเขาก็ดูออกว่าทั้งสามคนมาด้วยกัน ทุกอย่างมันชัดเจนเสียขนาดนั้น
ทั้งกระเป๋าเด็กที่เธอสะพายไว้บนบ่า ทั้งเสื้อสูทของผู้ชายคนนั้นที่เธอพาดไว้ที่แขน
...ที่แท้เธอก็มีครอบครัวใหม่ไปแล้วนี่เอง
ตอน...พิเศ๊ษพิเศษวันนี้ครอบครัวของสุดโปรดกับสุพรรณวดีถือโอกาสมาทำบุญที่วัด เพื่อระลึกถึงบิดาที่ล่วงลับทั้งสองคน โดยมีคุณแก้วมณีกับคุณสุนีย์เป็นธุระ จัดหาอาหารและข้าวของต่าง ๆ มาถวายพระประเสริฐกับชินภัทรจากไปคนละปี ทว่าจากไปในเดือนที่ไล่เลี่ยกัน ทั้งสองครอบครัวเลยตกลงกันว่าต่อไปนี้จะทำบุญระลึกถึงร่วมกันแบบนี้ทุก ๆ ปี“จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังมีคำถาม สามีฉันผิดอะไร ทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้” แก้วมณีรำพึงขึ้นมาขณะย้ายมานั่งที่ศาลากลางน้ำ มองปุณยวีร์ให้อาหารปลาโดยมีแม่ของแกยืนดูแลความปลอดภัยอยู่ใกล้ ๆ ส่วนคนเป็นพ่อนั้นอุ้มเด็กชายปัญญวัฒน์วัยหกเดือนซึ่งกำลังหลับปุ๋ยพาดบ่าหล่อนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าวันนี้สามียังมีชีวิตอยู่ คงจะมีความสุขไม่น้อยที่ได้เห็นภาพเดียวกับที่หล่อนเห็นในตอนนี้“คุณภัทรไปดีแล้วค่ะ” สุนีย์ปลอบใจ ทั้งที่ตัวเองก็มีคำถามไม่ต่างกัน เพราะประเสริฐถือว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย แต่ยังต้องมารับกรรมที่คนอื่นเหวี่ยงมาให้“ฉันพยายามคิดว่าโชคชะตามันกำหนดมาแบบนี้ แต่บางทีมันก็...เฮ้อ” สุดท้ายก็ต้องผ่อนลมหายใจ เมื่อไม่รู้จะอธิบายความหดหู่ใจของตนเองอย่างไรดี“ฉันเข
ตอนพิเศษ“พี่โปรด เอยถามได้ไหม ทำไมยังเก็บรูปพวกนี้กับของของเอยเอาไว้” เธอผละออกมาเล็กน้อย แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขา อันที่จริงเธอตั้งใจจะถามหลายครั้งแล้ว หากไม่มีจังหวะได้ถามเลยพอนึกได้เขาก็ไม่อยู่ให้ถาม พอเขาอยู่เธอก็ดันลืม“ทิ้งไม่ลง” เพราะมันเป็นห้องนอนของเราสองคน ข้าวของมากกว่าครึ่งเป็นของสุพรรณวดี เขาทำใจไม่ได้เมื่อจินตนาการว่าของบางส่วนที่เคยอยู่ในห้องนี้จะหายไป และเขากลัวว่าหากทิ้งไปภายในห้องนี้จะไม่มีกลิ่นอายของคนที่เคยเป็นเจ้าของ“ทิ้งไม่ลงหรือเพราะยุ่งจนไม่มีเวลาจัดการกันแน่คะ” เธอเย้าแหย่เขายิ้ม ๆ ด้วยปัจจุบันเธอมีความสุขดีแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกปวดใจแล้วเมื่อพูดถึงอดีต ไม่ว่าเขาจะตอบอย่างไร สุดท้ายมันก็กลายเป็นอดีตอยู่ดี“ถ้าตอบตรง ๆ ก็ประมาณนั้นแหละ ทั้งไม่มีเวลา ทั้งตัดใจทิ้งไม่ลง เลยเอาไว้ก่อน ค่อยตัดสินใจทีหลังว่าจะยังไง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทิ้ง” สุดโปรดกระชับวงแขน กดริมฝีปากลงบนหน้าผากของภรรยาหนึ่งที “ถือว่าเป็นช่วงชีวิตที่แย่สุด ๆ แล้วละ อกหักก็ไม่มีเวลาเสียใจ ปัญหาถาโถมเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน ลูกก็ยังเล็ก”เธอสอดแขนกอดร่างหนา แนบแก้มลงบนแผ่นอกกว้าง “มันผ่านมาแล้วค่ะ”“
ตอนพิเศษ 2“อาทิตย์หน้าพี่ต้องไปฝรั่งเศสนะ รอบนี้ว่าจะพาเอยกับลูกไปด้วย” สุดโปรดเอ่ยขึ้นมาในคืนหนึ่ง หลังจากกินข้าวเสร็จและขึ้นมาอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน เด็กชายปุณยวีร์เห่อนอนกับพ่อแม่แค่ช่วงแรก ๆ เท่านั้น ผ่านไปไม่ถึงเดือนหนุ่มน้อยก็แยกไปนอนห้องของตัวเอง หากก็มีบ้างที่ขอมานอนด้วยอีก แต่ก็ไม่บ่อยนักตอนแรกพวกเขาต้องไป ๆ มา ๆ ระหว่างบ้านของตนกับบ้านของคุณยายสุนีย์ เพราะสุพรรณวดีไม่อยากให้มารดาอยู่คนเดียว แต่เดี๋ยวนี้เธอวางใจมากขึ้นและจะค้างบ้านที่เป็นเรือนหอเสียส่วนใหญ่ สาเหตุมาจากมารดาของเธอรับอุปการะเด็กหญิงคนหนึ่งมาอยู่ด้วยแล้วเด็กคนนี้ชื่ออารียา ชื่อเล่นว่าน้องแอ้ม เป็นเด็กที่อาศัยอยู่ในชุมชุนเดียวกันกับตอนที่เธอและแม่ยังอยู่บ้านเช่า เห็นกันมาตั้งแต่แกอายุห้าขวบ จนตอนนี้น้องอายุได้สิบเอ็ดขวบแล้ว แม่กับพ่อของอารียาเลิกกันไปตั้งแต่แกยังเล็ก ๆ หนูน้อยจึงต้องอาศัยอยู่กับผู้เป็นพ่อที่หาเช้ากินค่ำกันแค่สองคนทว่าเมื่อหลายเดือนก่อนตอนที่สุนีย์ไปทำเรื่องคืนบ้านเช่า ก็ได้รู้ข่าวว่าบิดาของอารียาโดนตำรวจจับข้อหาเสพและจำหน่ายยาเสพติด ผู้สูงวัยรู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก สิ่งแรกที่หล่อนนึกถึงคือเด็กหญ
ตอนพิเศษ 1หลังจากสังเกตพฤติกรรมการเล่นโทรศัพท์และแท็บเล็ตของลูกชายมาสักระยะ ก็พบว่าปุณยวีร์ชักจะติดงอมแงมมากขึ้นทุกวัน สุดโปรดกับสุพรรณวดีที่ใจอ่อนผ่อนปรนให้ลูกเล่นมาตลอด จึงตกลงกันว่าต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังก่อนที่ลูกจะติดไปมากกว่านี้ ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อตัวลูกในอนาคตโดยวิธีแก้แบบเบสิกที่ทั้งสองคนเห็นพ้องต้องกันก็คือการให้เวลากับลูก ชักชวนแกทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่ใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์น้อยที่สุด หรือถ้ามีเวลามากพอก็อาจจะชวนแกไปเที่ยวจังหวัดใกล้ ๆ เพื่อให้แกสนใจสิ่งรอบตัวมากกว่าสิ่งที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตยอมให้แกเล่นได้บ้าง แต่ก็จะมีชั่วโมงการเล่นที่จำกัด“พ่อ ๆ ส่งมาให้ปลื้มเลยฮะ” ปุณยวีร์ตะโกนเสียงดังบอกบิดาที่กำลังเลี้ยงลูกฟุตบอลอยู่อีกฝั่งของสนามขนาดเล็ก“รับนะ” สุดโปรดส่งสัญญาณ ก่อนจะเตะบอลส่งให้ลูกไม่แรงมากนักเด็กชายเตะประคองลูกกลม ๆ ที่พ่อส่งมาให้ได้ไม่มั่นคงสักเท่าไร เนื่องจากเพิ่งหัดเล่นได้ไม่นาน วรพัฒน์ซึ่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามก็ค่อย ๆ วิ่งเหยาะ ๆ ทำเหมือนจะเข้าไปแย่งบอลจากข้างหลัง หนุ่มน้อยเห็นอย่างนั้นก็กางแขนออกกั้นไว้ หากเท้าก็ยังคงประคองลูกบอลอย่างต่อเนื่อง กระท
ตอนจบพิธีทำบุญขึ้นบ้านใหม่ของสุพรรณวดีผ่านไปอย่างเรียบง่าย แขกที่ถูกเชิญมาร่วมงานมีไม่มากนัก เนื่องจากมีพื้นที่ใช้สอยที่ค่อนข้างจำกัด กอปรกับเจ้าของบ้านอยากจัดแบบเรียบ ๆ จึงชวนแค่เฉพาะคนที่สนิทกันจริง ๆ เท่านั้น“แล้วนี่เอยไม่ย้ายไปอยู่บ้านของคุณสามีเหรอ” มัลลิกาถามขึ้นขณะนั่งดื่มสังสรรค์กันหลังจากเสร็จสิ้นพิธี และแขกบางส่วนได้เดินทางกลับไปแล้ว เหลือเพียงแค่ไม่กี่คนที่ยังนั่งคุยและนั่งดื่มกันอยู่บริเวณหน้าบ้านสุพรรณวดีละสายตาจากลูกชายกับเพื่อนของแก ที่เพิ่งวิ่งเข้าไปหาคุณย่ากับคุณยายในบ้านมาตอบสาวใหญ่ที่นั่งข้าง ๆ “ไม่ค่ะพี่มะลิ เอยไม่อยากให้แม่อยู่คนเดียว แต่ก็คงจะไป ๆ มา ๆ แหละค่ะ”มัลลิกาพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะยิ้มแซวแล้วขยับเข้าไปกระซิบ “แหม คุณน้องคะ ไหนตอนแรกบอกพี่ว่าจะไม่กลับไปคืนดีไง” หล่อนพยักพเยิดหน้าไปยังสุดโปรดที่นั่งอยู่อีกข้างของสาวรุ่นน้อง ซึ่งกำลังคุยกับวินทร์และณิชาอยู่ “แบบนี้น้องชายพี่ก็กินแห้วน่ะสิ”หญิงสาวอมยิ้มเขิน ไม่ตอบคำถามแรกเพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร แต่ตอบกลับประโยคหลังแทน “พี่มะลิก็ชงไปเรื่อยเลย เอยกับพี่ภพยังไม่เคยรู้จักกัน จะกินแห้วได้ไงคะ”“ก็พี่จองเอยไ
บทที่ 24ตอนจบ“ทำไมเมื่อคืนนี้แม่แอบไปนอนห้องพ่อล่ะ” ปุณยวีร์ถามขึ้นมาด้วยสีหน้ายุ่ง ๆ ระหว่างนั่งรับประทานมื้อเช้า เด็กชายไม่ได้โกรธที่พ่อแม่นอนด้วยกัน เพียงแต่งอนนิด ๆ เพราะไม่มีใครชวนตนไปนอนด้วยเลยและที่หนุ่มน้อยรู้ ก็เพราะว่าเมื่อเช้านี้แกตื่นมาแล้วไม่เจอใคร จำได้ว่าก่อนนอนยังมีมารดานอนอยู่ข้าง ๆ ทว่าพอตื่นมากลับไม่เจอเสียอย่างนั้น ปุณยวีร์เกิดความสงสัย ทำไมวันนี้ไม่มีใครเข้ามาปลุกเหมือนทุกวันที่ต้องไปโรงเรียน เด็กชายจึงเดินไปเคาะประตูห้องนอนบิดา และยิ่งงงหนักกว่าเก่าเพราะพ่อล็อกห้อง ทั้งที่ปกติไม่ใช่อย่างนี้ปุณยวีร์ยืนเคาะเรียกพ่ออยู่พักหนึ่ง ไม่นานประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออก เด็กน้อยกำลังจะร้องถาม ทว่าพ่อกลับยกนิ้วขึ้นมาแตะปากไม่ให้ส่งเสียง ก่อนจะกระซิบบอกเสียงเบาว่า‘แม่นอนอยู่’จึงทำให้เด็กชายรู้ว่าเมื่อคืนนี้แม่แอบไปนอนห้องพ่อ โดยไม่บอกเขา!สุพรรณวดีที่ถูกลูกยิงคำถามมาเช่นนั้นก็เกิดอาการอึกอัก สายตาเธอล่อกแล่กหลุบมองถ้วยข้าวต้มไม่รู้จะโฟกัสที่จุดใด หากตอนนี้มีเพียงเธอกับเขาและลูกแค่สามคนก็คงจะไม่เป็นอะไร ทว่ายังมีป้ามาลัยกับสาวใช้อีกสองคนที่ยืนยิ้มอยู่ไกล ๆ เมื่อได้ยินคำถามขอ