ปัจจุบัน
@กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย
“หนิง เสร็จจากเบรกฟาสต์แล้วขึ้นไปหาคุณทิมด้วยนะ” เสียงของผู้จัดการชายคนเก่งบอกกับพนักงานสาวด้วยความสนิท นันนลินทร์กลับมาไทยหลังจากที่หางานในดูไบไม่สำเร็จ นี่ก็ผ่านมาเกือบปีแล้วที่หล่อนกลับมาเริ่มต้นใหม่ที่ไทยด้วยตัวคนเดียว
คุณทิม หรือ ธาฎา ชายหนุ่มเอเชียคนนั้นที่หล่อนเคยเจอเขาในลิฟท์ แท้ที่จริงพอกลับมาไทยหล่อนได้เข้ามาทำงานในโรงแรมแบรนด์เดียวกันกับที่เคยพักอาศัยในดูไบคืนนั้น
และเจ้าของแบรนด์ในเครือคือเขา...
“คุณทิมมาเหรอคะ? เห็นช่วงนี้พี่แหม่มบอกว่าเขายุ่งงานที่บริษัทนี่”
แม้ในใจจะรู้ความเคลื่อนไหวของเขาดีกว่าใคร ทว่าก็ต้องแสร้งถาม ทำเป็นไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับเจ้าของโรงแรม
“ไม่รู้สินะ อ่อ! อย่าลืมกาแฟกับอาหารเช้าของคุณทิมด้วยล่ะ เขาโทรมาสั่งเมื่อกี้”
“ค่ะ”
หญิงสาวน้อมรับคำสั่งจาก F* Manager [1] คนเก่ง บ่อยครั้งที่หล่อนได้ขึ้นไปห้องทำงานของธาฎาด้วยสถานการณ์แอบแฝงแบบนี้
แต่ใครในโรงแรมจะรู้กันล่ะว่าแท้ที่จริงแล้วระหว่างหล่อนกับเขามีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งบางอย่าง
ภายในห้องทำงานชั้นบนเกือบถึงชั้นรูฟท็อปด้านบน หรือ Sky lounge มีแผนกต่างๆ ที่สำคัญอยู่บนนี้ รวมทั้งห้องทำงานห้องใหญ่ ในนั้นมีผู้บริหารระดับสูงหรืออีกตำแหน่งคือ owner เจ้าของโรงแรมแห่งนี้
ปกติแล้วธาฎาจะประจำการอยู่ที่บริษัทธนไทยเกษมซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ ที่นั่นจะดูแลทุกอย่างภายใต้แบรนด์ 'SUKKASEM' สุขเกษม ธุรกิจของเขาครอบคลุมไปทั้งโรงแรม ร้านอาหาร บ้านจัดสรร รวมทั้งคอนโดมิเนียมอีกหลายโครง นี่ยังไม่นับรวมกันกับธุรกิจย่อยที่เขาถือหุ้นส่วนอยู่อย่างโรงบาลของแม่ตนเองอีก แต่นั่นไม่ได้อยู่ในส่วนที่เขาต้องรับผิดชอบหลัก
รายละเอียดเรื่องงานของธาฎา หล่อนค่อนข้างรู้ดีในระดับหนึ่ง ทุกครั้งที่มีปัญหา เขามักจะบ่นกับหล่อน ผู้ซึ่งมีหน้าที่รับฟัง
ร่างอรชรในชุดพนักงานห้องอาหารของโรงแรมหรู เดินเข้าไปยังห้องที่หมายพร้อมด้วยถาดอาหารที่เขาสั่ง
หล่อนเข้ามาในนี้บ่อยจนชิน และคนอื่นก็ไม่ได้เอะใจหรือสงสัย คงจะเป็นเพราะทุกครั้งที่มา ย่อมมีของกินติดไม้ติดมือมาด้วยแบบนี้
“เอ้าหนิง เอาอาหารเช้ามาให้คุณทิมเหรอจ๊ะ”
“ค่ะพี่แหม่ม” มาลิกาเป็นหัวหน้าฝ่ายบัญชีของที่นี่ โต๊ะหล่อนอยู่ไม่ไกลจากหน้าห้องของทิมภพ ทุกครั้งที่มีแขกมาหาเจ้าของโรงแรม ย่อมอยู่ในสายตาของหล่อนเสมอ
“ทั้งห้องอาหารนี่มีแค่หนิงคนเดียวสินะ พี่ไม่เห็นใครเอาอาหารมาเสิร์ฟแทนหนิงเลย” สาวใหญ่แอบแซวอย่างไม่จริงจังนัก ทว่าคนฟังก็ยังแอบสะอึกอยู่เงียบๆ
“น้อง ๆ ไม่กล้ามากันหรอกค่ะ พี่แหม่มก็รู้”
“แหมหนิงก็ ให้พวกนั้นมาสัมผัสเองซะบ้าง จะใช้แต่หนิงทุกวันแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ แล้วแบบนี้ถ้าเจอลูกค้าที่เข้มงวดมากกว่าคุณทิมขึ้นมาจะทำไงกัน? แค่นี้ยังกลัวกันเลย เด็กสมัยนี้นะ”
มาลิกาอดตำหนิเด็กเสิร์ฟในห้องอาหารไม่ได้ แทบจะทุกครั้งที่หล่อนเห็นนันนลินทร์เป็นคนยกถาดอาหารมาเสิร์ฟ ส่วน F* [2] คนอื่นๆ หัวหดกันไปหมด ด้วยความเกรงกลัวเจ้าของโรงแรม
“หนิงขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด”
ก็อกๆๆ
“อาหารค่ะ” ว่าพร้อมกับประเปิดตูเข้ามาด้านใน ก่อนจะนำอาหารวางเอาไว้บนโต๊ะทานข้าวขนาดพอเหมาะสำหรับสองที่นั่ง ภายในห้องทำงานของเขา หล่อนรู้แทบทุกซอกทุกมุมแล้ว
ฟุ่บ!
ฟอด~
“อื้ม! ไม่เอาค่ะ ห้องของคุณไม่ได้ล็อค” ทันใดนั้นหลังจากที่วางถาดอาหารเสร็จ ก็มีแขนแกร่งเข้ามาโอบรอบตัวจากทางด้านหลัง พร้อมกับฝังปลายจมูกคมลงบนที่แก้มนวล
“ก็ตัวเธอหอมนี่”
“คุณทิม แต่คนข้างนอกยังอยู่เยอะค่ะ” แม้จะอยากห้ามธาฎา ทว่าก็รู้ดีว่าคงห้ามอะไรเขาไม่ได้
“บอกแล้วไงว่าไม่มีใครกล้าเข้ามา ถ้าฉันไม่ได้สั่ง” จริงอย่างที่เขาบอก หากไม่ได้รับคำสั่ง ใครก็ไม่มีสิทธิ์เข้าห้องนี้ เว้นก็แต่... ใครบางคนที่สำคัญสำหรับเขา
“วันนี้คุณจะกลับไปนอนบ้านเหรอคะ?”
“อืม คุณแม่ไม่สบาย รบกวนน้องแพรบ่อยๆ ก็ไม่ดี”
“ค่ะ”
แพร หรือว่า แพรไหมที่เขากำลังพูดถึง เป็นคู่หมั้นของเขา และกำลังจะเป็นว่าที่เจ้าสาวในอนาคตของเขา ส่วนหล่อน... เป็นได้แค่คู่นอน ที่ต้องคอยอ้าขาให้เขาเอาบนเตียงทุกคืนที่ต้องการ
‘กลับไปทำงานที่ไทยกับฉันไหม?’
‘ได้เหรอคะ?’
‘ได้สิ... ทำไมจะไม่ได้ ที่นั่นต้องการพนักงานหลายอัตรา’
‘หนิงจะเชื่อคุณได้ยังไง?’
‘ฉันเป็นเจ้าของโรงแรมแบรนด์นี้ และมีสาขาหลักที่ไทย นี่นามบัตร หากเธอตอบตกลง... ฉันมีอีกข้อเสนอให้เธอด้วย’
ข้อเสนอที่หล่อนยังทำจนถึงทุกวันนี้ก็คือการเป็นนางบำเรอลับๆ หล่อนเขา ที่ผ่านมาธาฎาให้ขอบเขตความสำพันธ์ของหล่อนกับเขาได้แค่เรื่องบนเตียง
หล่อนจะไม่มีสิทธิ์ประกาศเรื่องนี้ให้ใครรับรู้ หรือสร้างความวุ่นวายให้ชีวิตเขาในทุกรูปแบบ
หล่อนจะได้เงินตามจำนวนที่ตกลงกันเอาไว้ ในทุกๆ เดือนจะมีเงินโอนเข้าบัญชีหล่อน 6 หลัก ยังไม่รวมข้าวของเครื่องใช้ หรือกระเป๋าราคาแพงที่เขาซื้อให้อีก นับว่าเดือนๆ หนึ่งหล่อนมีรายได้เยอะมากทีเดียว
และที่สำคัญเมื่อไหร่ที่เขาแต่งงานกับแพรไหมแล้ว เมื่อนั้นสัญญาระหว่างหล่อนกับเขาถือว่าเป็นอันจบสิ้น
F* Manager [1] คือ Food and Beverage restaurant Manger หรือผู้จัดการห้องอาหารและเครื่องดื่ม
F* [2] คือ Food and Beverage มักใช้เรียกแทนพนักงานในแผนกห้องอาหาร
The end6 เดือนต่อมาบรรยากาศที่ต่างจังหวัดแห่งหนึ่งของไทย ที่เขาใหญ่ในช่วงฤดูหนาวเต็มไปด้วยความงดงาม บ้านพักตากอากาศของคุณย่าของธาฎาที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติถูกจัดตกแต่งด้วยดอกไม้สดหลากสีสัน เต็มไปด้วยความอบอุ่นและโรแมนติกสำหรับงานแต่งงานธาฎาในชุดสูทสีขาว เดินตรวจดูความเรียบร้อยของงานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพอใจและความสุขทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบสำหรับวันนี้ เพราะวันนี้ไม่ใช่แค่วันแต่งงานของเขา แต่เป็นวันที่เขาได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้หญิงที่เขารักที่สุดนันนลินทร์ยืนอยู่ในห้องแต่งตัว สวมชุดเจ้าสาวสีขาวเรียบหรูที่มีลูกไม้ประดับอย่างประณีต หล่อนหันมองตัวเองในกระจก มือแตะท้องเบาๆ ราวกับย้ำกับตัวเองว่าทุกอย่างที่ผ่านมาคือเรื่องจริงนางนิรณียืนอยู่ข้างๆ คอยช่วยจัดชายกระโปรงและให้กำลังใจลูกสาว “แม่ภูมิใจในตัวหนิงนะลูก วันนี้ลูกดูสวยที่สุดเลย”นันนลินทร์หันมายิ้ม “ขอบคุณนะคะแม่ ถ้าไม่มีแม่ หนิงคงไม่มีวันนี้”เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่คุณเยาว์และสุชาฎาจะเดินเข้ามา พร้อมกับหยุดมองหล่อนราวกับตกตะลึงในความงาม พวกเธอเดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือออกไปจับมือหล่อนเบาๆ“คุณหนิง…สวยมากเลยค่ะ” นันน
ตอนที่ 32/31 สัปดาห์ถัดมา นางนิรณีมาอยู่ดูแลลูกสาวในช่วงเช้า สัปดาห์ที่ผ่านมาเธอรู้ว่าธาฎาแวะเวียนมาทำคะแนนกับนันนลินทร์ลูกสาวเธอแบบไม่ว่างเว้นเธอเองก็ยอมเปิดทางให้ ถึงได้ไม่ค่อยแวะมาหาลูกสาวที่โรงพยาบาล จนกระทั่งวันนี้มีคำสั่งจากหมอเจ้าของไข้แล้วว่าอาการของนันนลินทร์นั้นดีขึ้นมากแล้ว และสามารถออกจากโรงพยาบาลไปได้ส่วนหลังจากนี้นันนลินทร์อาจจะยังต้องใช้ไม้เท้าเพื่อพยุงตัวไปก่อน จนกว่าอาการจะหายเป็นปกตินางนิรณีนั่งลงข้างเตียง มองสำรวจใบหน้าลูกสาวอย่างพิจารณา “ดูดีขึ้นเยอะเลยนะลูก ดีใจไหมจะได้ออกจากโรงบาลแล้วนะ”คำถามนั้นทำให้นันนลินทร์ชะงัก หล่อนหลุบตาลงมองมือที่วางอยู่บนตัก “ดีใจสิคะแม่”“ดีแล้ว แม่อย่กจะให้หนิงดู ว่าบ้านที่แม่ซื้อไว้ที่นี่นั้นสวยมากแค่ไหน ถ้าหากเราฟ้องศาลชนะ...อัญญามาอยู่ที่นี่กับเรา แม่จะทำห้องสวยๆ ให้อัญญา”นางนิรณีพูดแฝงไปด้วยเลสนัย เธออยากรู้ตอนนี้ในใจของลูกสาวตนเองจะคิดเห็นเช่นไร กับเรื่องที่เคยอยากจะทำ “ธาฎาจะได้รับกรรม เหมือที่หนูเคยบอก” เธอพูดขยี้ให้ลูกสาวได้รู้สึกตัวไปอีก“แม่คะ...คือหนิง”“ว่าไงล่ะลูก? แม่น่ะคุยกับคุณนนท์เขาแล้วนะลูก”คำพูดของผู้เป็นแม่
ตอนที่ 32/2 หล่อนหลุบตามองพื้นอย่างครุ่นคิด ภายในใจมีทั้งความลังเลและความหวังที่แทรกเข้ามาในเสี้ยววินาที“ฉัน...ฉันยังตอบคุณไม่ได้ตอนนี้หรอก” นันนลินทร์พูดเสียงเบา “ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา คุณเองก็ทำตัวดีๆ ก็แล้วกัน”ธาฎายิ้มบางๆ ก่อนจะพยักหน้า เขาดีใจไม่ใช่น้อยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น นันนลินทร์พูดราวกับว่าหล่อนกำลังบอกกลายๆ ว่าหล่อนให้โอกาสเขาแล้ว“เมื่อกี้เธอหมายความว่าไง?” ร่างสูงผละจากเปลนอนลูกน้อยเมื่อเห็นว่าลูกหลับสนิทแล้ว เขาเดินเข้ามาใกล้คนป่วยบนเตียง นันนลินทร์แอบถอนหายใจ รู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าสู่เขาวงกตแห่งความรู้สึกอีกครั้ง“ก็ตามที่พูด...คุณเข้าใจยากตรงไหน?” “ไม่...หนิง ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหม? เธอให้โอกาสฉันแล้ว” “ให้โอกาสแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำยังไงกับฉันเหมือนเดิมก็ได้”“ผมจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง...ทั้งเธอและลูก”แม้คำพูดของเขาจะดูมั่นคง แต่นันนลินทร์ยังไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองหวังมากเกินไป หล่อนเพียงมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนลงเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะพยายามคว้าเอาไม้เท้าที่อยู่ไม่ไกลนัก เพื่อหวังจะทาง ทว่าหล่อนกลับคว้ามันไม่ถึง จนทำให้เขาต้อง
ตอนที่ 32/1เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงวัน ธาฎาป้อนอาหารลูกอีกครั้งจนอิ่ม โชคดีจริงๆ ที่เตรียมทั้งของใช้และอาหารมาพร้อมทุกอย่าง อัญญาจึงไม่งอแง คุณพ่อมือใหม่จัดการประกอบเปลนอนแบบพกพาสำหรับเด็กขึ้นภายในห้องพักผู้ป่วย เขามุ่งมั่นทำมันด้วยความจริงจัง ขณะเดียวกันที่เจ้าของเปลนอนตัวจริงก็เริ่มตาเยิ้มลงมาก เป็นสัญญาณว่าอัญญานั้นง่วงเต็มที่แล้ว การกระทำของธาฎานั้นอยู่ในสายตาของคนที่กำลังกล่อมลูกนอนบนตัก หล่อนไม่คาดคิดว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่พ่อของลูกมีความใส่ใจและทำทุกอย่างให้ลูกได้มากมาย ทั้งที่หน้าที่แบบนี้ส่วนมากจะเป็นแม่ของลูกทำซะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวไหนก็ตามแต่ สายตาคู่สวยมองเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย หล่อนยังจำภาพในอดีตของผู้ชายคนนี้ได้ดี ภาพของเขาที่เย็นชา ดื้อรั้น และไม่เคยแยแสต่อคำขอร้องใดๆ ของหล่อน แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมากจนขนลุก“คุณทำเองเป็นหมดเลยเหรอ?” หล่อนถามขึ้นในขณะที่ลูบหัวลูกสาวเบาๆ ที่หลับคาตักธาฎาที่กำลังจัดหมอนในเปลให้เรียบร้อย หยุดมือชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแม่ของลูก“ฉันเคยเสียหลักครั้งหนึ่งตอนที่เธอจากไป วันๆ ไม่ยอมไปทำงาน กินแค่เหล้า เสเพไปวันๆ เพียงแค่อย
ตอนที่ 31/3เช้าวันถัดมา แสงแดดอ่อนยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างของโรงพยาบาล ธาฎาก้าวลงจากรถพร้อมลูกสาวตัวน้อยในอ้อมแขน เขาสะพายเป้เล็ก ๆ ที่บรรจุของใช้ของอัญญาไว้เต็มแน่น หลังจากวันนี้อนุญาตให้เรืองฤทธิ์ สุชาฎา และคุณเยาว์ได้ออกไปใช้ชีวิต เที่ยวชมเมืองทะเลทรายแห่งนี้เขาใช้เวลาไม่นานนักก็เดินเข้าไปยังตึกพักฟื้นผู้ป่วยทันที อัญญาในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนยิ้มแย้มแจ่มใส มือเล็ก ๆ จับไหล่ของพ่อแน่น สายตาซุกซนของเธอชำเลืองมองรอบข้างด้วยความตื่นเต้น ธาฎาหันไปมองลูกสาว ยิ้มบาง ๆ ออกมา ถึงแม้ในใจเขาจะเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อมาถึงหน้าห้องพักของนันนลินทร์ เขาหยุดยืนชั่วครู่ สูดหายใจลึกเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะผลักประตูเข้าไปอย่างเบามือนันนลินทร์ที่เพิ่งตื่นและกำลังพยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียงหันไปมองอย่างตกใจเมื่อเห็นเขา“คุณมาทำไมอีก...” หล่อนถามเสียงแผ่ว แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจเขาไม่ได้ตอบในทันที แต่วางอัญญาลงบนเตียงข้าง ๆ หล่อนลูกสาวตัวน้อยแม้จะไม่เจอหน้าแม่มานาน แต่กลับมีความรู้สึกถึงสายใยผูกพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างเหนือความคาดหมายอัญญาโผเข้ากอดนันนลินทร์ หลังจากที่พ่อของเขาปล่อยลงใส่เตียง ใบ
ตอนที่ 31/2 น้ำตาของนันนลินทร์ไหลออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ แม้จะพยายามซ่อนเร้นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจ แต่ในที่สุดทุกอย่างก็แตกออกมาเป็นน้ำตาอย่างไม่รู้ตัว “คุณกลับไปเถอะ...” นันนลินทร์พูดเสียงสั่น พยายามสะกดอารมณ์ให้ตัวเองสงบลง แต่ก็ยากเกินไป หล่อนมองดูสภาพตนเองในตอนนี้ ช่างน่าสมเพชเหลิอเกิน ไม่อยากให้อัญญาจะต้องมาเห็นสภาพแม่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย “ทำไม?” “ก็ฉันบอกให้กลับก็คือกลับไง! พูดไม่รู้เรื่องเหรอ!?” หล่อนพูดทั้งน้ำตา พลางมองไปมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากพยาบาลหรือใครสักคนที่อยู่แถวนี้ “ฉันไม่ได้ตั้งใจมาทำให้เธอรู้สึกแย่นะ ฉันพาลูกมาให้กำลังใจเธอ ขอแค่ฉันกับลูกได้...” “ฮึกกก! กลับไป! อย่าพาลูกมาลำบากที่นี่” “ไม่...หนิง คือฉัน” “คุณพยาบาลคะ! ช่วยด้วยค่ะ!” เสียงเรียกของนันนลินทร์ดึงความสนใจจากพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงและรีบเดินเข้ามาด้วยท่าทางเป็นห่วง “มีอะไรให้ช่วยคะ คุณหนิง?” พยาบาลสาวต่างชาติถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาแสดงความกังวลกับกลุ่มคนไทยตรงหน้าที่กำลังยืนคุยอยู่กับคนไข้ แม้ว่าจะฟังภาษาไทยไม่ออก ทว่าตามความรู้สึกของพยาบาลแล้ว พวกเขาน่าจะพูดยางอย่างให้กระทบกระเท