ภายหลังจากที่ส่งข้าวส่งน้ำให้กับเจ้าของโรงแรมเสร็จสิ้น ร่างอรชรกลับมาประจำที่ห้องอาหาร ตอนนี้ใกล้จะถึงรอบ Lunch แล้ว อีกไม่กี่นาทีก็คงมีลูกค้าเข้ามาทานอาหาร
หล่อนทำงานที่นี่มาได้ปีกว่า หลังจากที่เจอธาฎาในวันนั้น แม้จะไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โตเพราะไม่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรง ทว่าเพื่อนร่วมงานหลายคน หากมีเรื่องอะไรที่สงสัยหรือขอความช่วยเหลือ หล่อนก็มักจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่ทุกคนนึกถึง ไม่ใช่เพียงเพราะหล่อนเก่ง แต่ยังเป็นเพราะหล่อนสามารถเข้าใจปัญหาของเพื่อนร่วมงานหลายคนได้อย่างตรงจุด
โดยที่ใช้ทัศนคติที่ดีแก้ไขปัญหาร่วมกันกับเพื่อนพนักงานในองค์กร เพราะแบบนี้ถึงได้รับตำแหน่งพนักงานดีเด่นแห่งปีไปครอบครอง
“พี่หนิง เดี๋ยวสักบ่ายโมงมีโต๊ะจอง M20 นะ” เสียงใสจากสาวรุ่นน้องเทรนนีที่เพิ่งเข้ามาฝึกงานในแผนกนี้เอ่ยบอก
“โอเคจ้ะปลา แล้วจองมากี่ที่ เขาพักที่โรงแรมเราไหม?”
“ไม่ได้พักค่ะ พี่จุ๋มเป็นคนรับเรื่องมา เห็นบอกว่าเป็นแขกของคุณธาฎานะคะ” น้องเทรนนีในแผนกมีหน้าที่แค่เดินมาบอกอีกที ส่วนคนที่รับเรื่องนี้มาก็คือจุฑารัตน์ หรือ จุ๋ม สาวโฮสเตสประจำแผนก F*
พอสาวรุ่นน้องพูดชื่อธาฎาขึ้นมา คนฟังเลยอดสงสัยต่อไม่ได้ วันนี้เขามีแขกมาทานมื้อกลางวันที่ห้องอาหาร แล้วเขาล่ะจะทานที่ไหน หากจะมาที่นี่ทำไมถึงไม่บอกหล่อนทั้งที่เมื่อครู่นี้หล่อนเพิ่งจะเข้าไปหาเขาอยู่แท้ๆ หรือว่าเขาอาจจะไปทานมื้อกลางวันข้างนอกก็อาจจะเป็นไปได้
“คุณธาฎา ไม่ได้มาด้วยนะคะพี่หนิง จัดแค่ 3 ที่พอ สำหรับเพื่อนของเขา น่าจะชื่อคุณวิทย์ค่ะ”
“อ่อ... โอเคจ้ะปลา” คุณวิทย์ เตรังธนวัฒน์ หรือ ด็อกเตอร์วิทย์ เป็นเพื่อนของเขาและเป็นอาจารย์หมอที่โรงพยาบาลของคุณหญิงบุษบา
“ปิดบิลเป็น Entertain Owner เลยนะคะ” อธิบายคำสั่งของจุฑารัตน์ให้แก่สาวรุ่นพี่คนสวยได้ฟังแล้วก็เตรียมตัวเดินออกไปจากห้องอาหาร ทว่ากลับมีเสียงจากด้านหลังดังขึ้นมาก่อน
“จ้ะๆ หนูจะลงไปกินข้าวที่แคนทีนใช่ไหม? งั้นพี่ฝากไปเก็บจานห้องคุณธาฎาหน่อยนะ” ป่านนี้เขาคงจะทานอาหารหมดแล้ว ตอนนี้หล่อนเองก็ยุ่งกับการเตรียมของหลายอย่าง หลังจากที่เพิ่งเก็บเบรกฟาสต์ ไหนจะโต๊ะจอง VIP แขกของธาฎาอีก ไหน ๆ ก็มีน้องเทรนนี้มาแล้ว ก็ไว้วานเสียเลย
“เอ่อ... พี่หนิงไปเองดีกว่าไหม ปลากลัว”
จริงสินะ จนถึงตอนนี้แล้ว ก็ยังไม่มีใครกล้าเข้าไปยังห้องนั้น ไม่รู้ว่าเจ้าของห้องจะทำหน้าดุใส่คนอื่นไปถึงไหน เด็กในแผนกหล่อนถึงได้ไม่มีใครกล้าเข้าไปในห้องของเขา
บางทีหล่อนก็รู้สึกว่ามันจะต้องเป็นหล่อนเองทุกครั้งเลยหรือที่เข้าไปในห้องนั้น ทั้ง ๆ ที่คนอื่นก็สามารถทำได้เช่นกัน อย่างที่มาลิกา หัวหน้าแผนกบัญชีบ่นเมื่อเช้า ว่าหากเจอลูกค้าที่เรื่องมากกว่าเจ้าของโรงแรมเด็กๆ ในแผนกหล่อนจะรับกันได้หรือ เพียงแค่นี้ยังเกี่ยงกันเป็นว่าเล่นเลย
“งั้นปลากินข้าวเสร็จแล้วมารีดผ้าปูโต๊ะแทนพี่หน่อยนะ เดี๋ยวพี่จะไปเก็บจานที่ห้องคุณทิ... เอ่อ คุณธาฎาก่อน”
นักศึกษาฝึกงานที่นี่จะเกรงกลัวเจ้าของโรงแรมอย่างมาก แม้ว่าเขาจะเป็นนักธุรกิจวัยสามสิบต้นๆ ที่หน้าตาหล่อเหลาครบเครื่อง แต่นั้นไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูใจดีเลย ตรงกันข้ามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอันเป็นเอกลักษณ์บวกกับสายตาคมของเขายิ่งทำให้น้อง ๆ ฝึกงานหวาดกลัว จนต้องรักษาระยะห่างให้มากที่สุด แม้แต่การเรียกชื่อจริงแทนชื่อเล่น จนนันนลินทร์ต้องเรียกชื่อจริงตามสาวรุ่นน้อง
“ได้เลยค่ะ พี่หนิงจะให้ปลารีดสักกี่สิบผืนก็ได้ทั้งนั้นค่ะ แต่ขออย่างเดียวคืออย่าให้ปลาเข้าให้คุณธาฎาเลยนะคะ เจ้าที่แรง ปลากลัว”
“เจ้าที่แรง?”
“ค่ะ เจ้าที่แรง ...ขนาดวันที่พี่หนิงหยุด แล้วปลาต้องเข้าไปเก็บจานกับเสิร์ฟอาหารแทนนะ คุณคู่หมั้นของเขายังขลึงตาใส่ปลาราวกับจะฉีกเนื้อออกมาแล่ปลาเป็นชิ้นๆ เลยอ่ะ”
“หมายถึงคุณแพรน่ะเหรอ?”
แปลก ทุกครั้งที่เป็นวันทำงานของหล่อน หล่อนไม่เคยเจอแพรไหมมาที่นี่เลยด้วยซ้ำ น้อยครั้งแทบจะจำได้ว่าหล่อนเข้านอกออกในที่โรงแรมนี้ ทว่าสาวรุ่นน้องกลับพบเจอหล่อนในห้องของธาฎาในช่วงวันผลัดเปลี่ยนเวร
“วันไหนที่พี่หนิงหยุด คุณแพรไหมมาตลอดเลยนะ มาเฝ้าคุณธาฎาทำงาน”
“ก็เขาเป็นคู่หมั้นกันนี่ปลา” ส่วนหล่อนมันแค่คู่นอน จำจนขึ้นใจแล้วล่ะ
“คู่หมั้นอะไรไม่เห็นจะเคมีเข้ากันเลย”
“ปลา!” นันนลินทร์ดุสาวรุ่นน้องไปที กลัวว่าถ้าเกิดคนของเขาเข้ามาได้ยิน หรือเป็นตัวเขาเองที่ผ่านมาได้ยิน อาจจะเป็นเรื่องได้
“พี่หนิงน่ะไม่รู้อะไรไง เพราะนางชอบมาวันที่พี่หนิงหยุด แถมมาแต่ละทีนะ สั่งนั่นสั่งนี่พนักงานทุกแผนกจนแทบหัวหมุนไปตามๆ กัน ขนาดเจ้าของโรงแรมยังไม่ขนาดนี้เลย”
“ถ้าไม่ขนาดนี้ แล้วทำไมถึงยังกลัวคุณทิมเขาอีกล่ะ แล้วทำไมไม่กล้าเข้าห้องเขา วันนี้ก็ไม่มีคุณแพรนี่”
“ยิ่งไม่มีนี่แหละ ยิ่งไม่กล้าเข้า สายสืบนางเยอะ”
“ยัยปลา”
“ก็ปลาพูดจริงนี่ เอาจริงพี่หนิงสวยกว่าคุณแพรไหมตั้งเยอะ”
“อย่าพูดแบบนี้อีกนะปลา เดี๋ยวใครได้ยินเขามันจะไม่ดี” หล่อนส่งสายตาดุๆ ให้รุ่นน้องอย่างจริงจัง
“ก็ได้ค่ะ” ส่วนปานชีวาก็ได้แต่ตกปากรับคำไปอย่างจำนนท์ หล่อนไม่ได้เจตนาใส่ความคู่หมั้นของเจ้านาย เพียงแต่ประสบพบเจอมาด้วยตัวเองแล้ว และยังขุ่นเคืองใจที่โดนคู่หมั้นของเจ้านายกล่าวหาเรื่องมือที่สาม ทั้งๆ ที่หล่อนเองไม่รู้เรื่องเลย กับธาฎาเจ้าของโรงแรมดังหลายสาขา แม้จะหล่อเหลาโปรไฟล์ดีสักแค่ไหน ทว่าก็ยังเป็นคนที่เอื้อมถึงยากอยู่ดี
The end6 เดือนต่อมาบรรยากาศที่ต่างจังหวัดแห่งหนึ่งของไทย ที่เขาใหญ่ในช่วงฤดูหนาวเต็มไปด้วยความงดงาม บ้านพักตากอากาศของคุณย่าของธาฎาที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติถูกจัดตกแต่งด้วยดอกไม้สดหลากสีสัน เต็มไปด้วยความอบอุ่นและโรแมนติกสำหรับงานแต่งงานธาฎาในชุดสูทสีขาว เดินตรวจดูความเรียบร้อยของงานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพอใจและความสุขทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบสำหรับวันนี้ เพราะวันนี้ไม่ใช่แค่วันแต่งงานของเขา แต่เป็นวันที่เขาได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้หญิงที่เขารักที่สุดนันนลินทร์ยืนอยู่ในห้องแต่งตัว สวมชุดเจ้าสาวสีขาวเรียบหรูที่มีลูกไม้ประดับอย่างประณีต หล่อนหันมองตัวเองในกระจก มือแตะท้องเบาๆ ราวกับย้ำกับตัวเองว่าทุกอย่างที่ผ่านมาคือเรื่องจริงนางนิรณียืนอยู่ข้างๆ คอยช่วยจัดชายกระโปรงและให้กำลังใจลูกสาว “แม่ภูมิใจในตัวหนิงนะลูก วันนี้ลูกดูสวยที่สุดเลย”นันนลินทร์หันมายิ้ม “ขอบคุณนะคะแม่ ถ้าไม่มีแม่ หนิงคงไม่มีวันนี้”เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่คุณเยาว์และสุชาฎาจะเดินเข้ามา พร้อมกับหยุดมองหล่อนราวกับตกตะลึงในความงาม พวกเธอเดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือออกไปจับมือหล่อนเบาๆ“คุณหนิง…สวยมากเลยค่ะ” นันน
ตอนที่ 32/31 สัปดาห์ถัดมา นางนิรณีมาอยู่ดูแลลูกสาวในช่วงเช้า สัปดาห์ที่ผ่านมาเธอรู้ว่าธาฎาแวะเวียนมาทำคะแนนกับนันนลินทร์ลูกสาวเธอแบบไม่ว่างเว้นเธอเองก็ยอมเปิดทางให้ ถึงได้ไม่ค่อยแวะมาหาลูกสาวที่โรงพยาบาล จนกระทั่งวันนี้มีคำสั่งจากหมอเจ้าของไข้แล้วว่าอาการของนันนลินทร์นั้นดีขึ้นมากแล้ว และสามารถออกจากโรงพยาบาลไปได้ส่วนหลังจากนี้นันนลินทร์อาจจะยังต้องใช้ไม้เท้าเพื่อพยุงตัวไปก่อน จนกว่าอาการจะหายเป็นปกตินางนิรณีนั่งลงข้างเตียง มองสำรวจใบหน้าลูกสาวอย่างพิจารณา “ดูดีขึ้นเยอะเลยนะลูก ดีใจไหมจะได้ออกจากโรงบาลแล้วนะ”คำถามนั้นทำให้นันนลินทร์ชะงัก หล่อนหลุบตาลงมองมือที่วางอยู่บนตัก “ดีใจสิคะแม่”“ดีแล้ว แม่อย่กจะให้หนิงดู ว่าบ้านที่แม่ซื้อไว้ที่นี่นั้นสวยมากแค่ไหน ถ้าหากเราฟ้องศาลชนะ...อัญญามาอยู่ที่นี่กับเรา แม่จะทำห้องสวยๆ ให้อัญญา”นางนิรณีพูดแฝงไปด้วยเลสนัย เธออยากรู้ตอนนี้ในใจของลูกสาวตนเองจะคิดเห็นเช่นไร กับเรื่องที่เคยอยากจะทำ “ธาฎาจะได้รับกรรม เหมือที่หนูเคยบอก” เธอพูดขยี้ให้ลูกสาวได้รู้สึกตัวไปอีก“แม่คะ...คือหนิง”“ว่าไงล่ะลูก? แม่น่ะคุยกับคุณนนท์เขาแล้วนะลูก”คำพูดของผู้เป็นแม่
ตอนที่ 32/2 หล่อนหลุบตามองพื้นอย่างครุ่นคิด ภายในใจมีทั้งความลังเลและความหวังที่แทรกเข้ามาในเสี้ยววินาที“ฉัน...ฉันยังตอบคุณไม่ได้ตอนนี้หรอก” นันนลินทร์พูดเสียงเบา “ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา คุณเองก็ทำตัวดีๆ ก็แล้วกัน”ธาฎายิ้มบางๆ ก่อนจะพยักหน้า เขาดีใจไม่ใช่น้อยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น นันนลินทร์พูดราวกับว่าหล่อนกำลังบอกกลายๆ ว่าหล่อนให้โอกาสเขาแล้ว“เมื่อกี้เธอหมายความว่าไง?” ร่างสูงผละจากเปลนอนลูกน้อยเมื่อเห็นว่าลูกหลับสนิทแล้ว เขาเดินเข้ามาใกล้คนป่วยบนเตียง นันนลินทร์แอบถอนหายใจ รู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าสู่เขาวงกตแห่งความรู้สึกอีกครั้ง“ก็ตามที่พูด...คุณเข้าใจยากตรงไหน?” “ไม่...หนิง ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหม? เธอให้โอกาสฉันแล้ว” “ให้โอกาสแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำยังไงกับฉันเหมือนเดิมก็ได้”“ผมจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง...ทั้งเธอและลูก”แม้คำพูดของเขาจะดูมั่นคง แต่นันนลินทร์ยังไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองหวังมากเกินไป หล่อนเพียงมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนลงเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะพยายามคว้าเอาไม้เท้าที่อยู่ไม่ไกลนัก เพื่อหวังจะทาง ทว่าหล่อนกลับคว้ามันไม่ถึง จนทำให้เขาต้อง
ตอนที่ 32/1เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงวัน ธาฎาป้อนอาหารลูกอีกครั้งจนอิ่ม โชคดีจริงๆ ที่เตรียมทั้งของใช้และอาหารมาพร้อมทุกอย่าง อัญญาจึงไม่งอแง คุณพ่อมือใหม่จัดการประกอบเปลนอนแบบพกพาสำหรับเด็กขึ้นภายในห้องพักผู้ป่วย เขามุ่งมั่นทำมันด้วยความจริงจัง ขณะเดียวกันที่เจ้าของเปลนอนตัวจริงก็เริ่มตาเยิ้มลงมาก เป็นสัญญาณว่าอัญญานั้นง่วงเต็มที่แล้ว การกระทำของธาฎานั้นอยู่ในสายตาของคนที่กำลังกล่อมลูกนอนบนตัก หล่อนไม่คาดคิดว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่พ่อของลูกมีความใส่ใจและทำทุกอย่างให้ลูกได้มากมาย ทั้งที่หน้าที่แบบนี้ส่วนมากจะเป็นแม่ของลูกทำซะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวไหนก็ตามแต่ สายตาคู่สวยมองเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย หล่อนยังจำภาพในอดีตของผู้ชายคนนี้ได้ดี ภาพของเขาที่เย็นชา ดื้อรั้น และไม่เคยแยแสต่อคำขอร้องใดๆ ของหล่อน แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมากจนขนลุก“คุณทำเองเป็นหมดเลยเหรอ?” หล่อนถามขึ้นในขณะที่ลูบหัวลูกสาวเบาๆ ที่หลับคาตักธาฎาที่กำลังจัดหมอนในเปลให้เรียบร้อย หยุดมือชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแม่ของลูก“ฉันเคยเสียหลักครั้งหนึ่งตอนที่เธอจากไป วันๆ ไม่ยอมไปทำงาน กินแค่เหล้า เสเพไปวันๆ เพียงแค่อย
ตอนที่ 31/3เช้าวันถัดมา แสงแดดอ่อนยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างของโรงพยาบาล ธาฎาก้าวลงจากรถพร้อมลูกสาวตัวน้อยในอ้อมแขน เขาสะพายเป้เล็ก ๆ ที่บรรจุของใช้ของอัญญาไว้เต็มแน่น หลังจากวันนี้อนุญาตให้เรืองฤทธิ์ สุชาฎา และคุณเยาว์ได้ออกไปใช้ชีวิต เที่ยวชมเมืองทะเลทรายแห่งนี้เขาใช้เวลาไม่นานนักก็เดินเข้าไปยังตึกพักฟื้นผู้ป่วยทันที อัญญาในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนยิ้มแย้มแจ่มใส มือเล็ก ๆ จับไหล่ของพ่อแน่น สายตาซุกซนของเธอชำเลืองมองรอบข้างด้วยความตื่นเต้น ธาฎาหันไปมองลูกสาว ยิ้มบาง ๆ ออกมา ถึงแม้ในใจเขาจะเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อมาถึงหน้าห้องพักของนันนลินทร์ เขาหยุดยืนชั่วครู่ สูดหายใจลึกเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะผลักประตูเข้าไปอย่างเบามือนันนลินทร์ที่เพิ่งตื่นและกำลังพยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียงหันไปมองอย่างตกใจเมื่อเห็นเขา“คุณมาทำไมอีก...” หล่อนถามเสียงแผ่ว แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจเขาไม่ได้ตอบในทันที แต่วางอัญญาลงบนเตียงข้าง ๆ หล่อนลูกสาวตัวน้อยแม้จะไม่เจอหน้าแม่มานาน แต่กลับมีความรู้สึกถึงสายใยผูกพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างเหนือความคาดหมายอัญญาโผเข้ากอดนันนลินทร์ หลังจากที่พ่อของเขาปล่อยลงใส่เตียง ใบ
ตอนที่ 31/2 น้ำตาของนันนลินทร์ไหลออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ แม้จะพยายามซ่อนเร้นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจ แต่ในที่สุดทุกอย่างก็แตกออกมาเป็นน้ำตาอย่างไม่รู้ตัว “คุณกลับไปเถอะ...” นันนลินทร์พูดเสียงสั่น พยายามสะกดอารมณ์ให้ตัวเองสงบลง แต่ก็ยากเกินไป หล่อนมองดูสภาพตนเองในตอนนี้ ช่างน่าสมเพชเหลิอเกิน ไม่อยากให้อัญญาจะต้องมาเห็นสภาพแม่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย “ทำไม?” “ก็ฉันบอกให้กลับก็คือกลับไง! พูดไม่รู้เรื่องเหรอ!?” หล่อนพูดทั้งน้ำตา พลางมองไปมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากพยาบาลหรือใครสักคนที่อยู่แถวนี้ “ฉันไม่ได้ตั้งใจมาทำให้เธอรู้สึกแย่นะ ฉันพาลูกมาให้กำลังใจเธอ ขอแค่ฉันกับลูกได้...” “ฮึกกก! กลับไป! อย่าพาลูกมาลำบากที่นี่” “ไม่...หนิง คือฉัน” “คุณพยาบาลคะ! ช่วยด้วยค่ะ!” เสียงเรียกของนันนลินทร์ดึงความสนใจจากพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงและรีบเดินเข้ามาด้วยท่าทางเป็นห่วง “มีอะไรให้ช่วยคะ คุณหนิง?” พยาบาลสาวต่างชาติถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาแสดงความกังวลกับกลุ่มคนไทยตรงหน้าที่กำลังยืนคุยอยู่กับคนไข้ แม้ว่าจะฟังภาษาไทยไม่ออก ทว่าตามความรู้สึกของพยาบาลแล้ว พวกเขาน่าจะพูดยางอย่างให้กระทบกระเท