"แต่งเมื่อไหร่กันล่ะคะ หนิงจะได้เตรียมตัว..." "ฉันจะแต่งวันไหนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ" ร่างสูงเบือนหน้าหนีออกทางหน้าต่าง เขาไม่อยากจะมองใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาของคนที่กำลังเรียกร้องสิทธิ์ที่ไม่ควรจะได้ เขากับหล่อนมาได้เท่านี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องทายาทก็สำคัญ ไม่ว่าจะเกิดมาจากผู้หญิงคนไหน เขาก็คือสายเลือดของรักษ์สุขเกษม นั้นคือสิ่งที่เขาต้องการ "ทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุด เด็กคนนี้เขาจะได้ทุกอย่าง ไม่แพ้ลูกในสมรส" นันนลินทร์เงียบไปครู่หนึ่ง หล่อนหน้าชาไปกับคำพูดจากปากเขา หล่อนตัดพ้อเขาทางสายตา คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำคำนี้จากเขา หล่อนไม่อยากเจรจาต่อความยาวสาวความยืดกับเขาในตอนนี้ หล่อนแค่ขอเวลาคิด แต่แน่นอนว่าเจตนาของหล่อนนั้นไม่ได้ต้องการให้ตัวเองและลูกในท้องยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายที่ชื่อธาฎา รักษ์สุขเกษมได้อีกต่อไป หล่อนเจ็บเกินกว่าจะทนเห็นเขา ในวันที่เขาไล่หล่อนออกไปจากชีวิต แล้วพรากลูกไปดูแลเพียงผู้เดียว
View More@Dubai
'เอาเงินนี่ไปนะลูก ตอนนี้แม่ยังไม่พร้อมจริงๆ' ธนบัตร 2-3 ฟ่อนใหญ่ถูกส่งใส่มือลูกสาว ท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินสวนกันอยู่ภายในสถานีรถไฟ หรือ Dubai metro ที่มีจุดเชื่อมต่อไปยังสถานที่ต่างๆ รวมถึงสนามบิน
นันนลินทร์อุตส่าห์เก็บเงินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อหวังพักใจหลังจากการเสียชีวิตของบิดา ด้วยค่าตั๋วเครื่องบินแสนแพง หล่อนแทบเทหมดหน้าตัก เพียงหวังมาพึ่งพาผู้เป็นแม่
นางนิรณีหล่อนหย่าขาดกับพ่อตนมานานนับยี่สิบกว่าปี นิรณีมีชีวิตที่ดีราวกับเจ้าหญิงบนกองทองกับสามีใหม่ของหล่อน
นันนลินทร์ไม่คิดหวังจะให้ผู้เป็นแม่ต้องเลี้ยงดูปูเสื่อหล่อนอย่างดีหลังจากที่ตัดสินใจมาที่นี่ ทว่าเพียงแค่ให้หล่อนได้อยู่ด้วยในบ้านหลังใหญ่ราวกับราชวังนั้น เพียงเท่านี้นิรณีกลับทำให้ลูกสาวไม่ได้ ด้วยเหตุที่ว่าสามีใหม่ที่เป็นชาวอาหรับไม่ยอมรับลูกติดอย่างนันนลินทร์
'ฮึก... ให้หนิงอยู่ที่นี่ด้วยไม่ได้หรอคะแม่? กลับไทยไปหนิงก็ไม่มีใครแล้วนะ'
หล่อนเพิ่งสูญเสียผู้เป็นที่รักมาแท้ๆ พ่อของหล่อนจากไปด้วยโรคมะเร็งปอดที่คร่าที่ชีวิตคนนับไม่ถ้วน และท่านก็เป็นหนึ่งในนั้น
ตอนนี้หล่อนหวังความอบอุ่นจากผู้เป็นแม่อย่างที่สุด แม้ว่าตลอดช่วงที่ผ่านมาหลายปีนิรณีจะไม่เคยกลับไปดูดำดูดีหล่อนกับอดีตสามีเลยแม้แต่ครั้งเดียว จะมีบ้างที่ส่งเงินกลับไทยให้นันนลินทร์ได้ใช้จ่ายเรื่องการเรียน แต่หารู้ไม่ว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่หล่อนส่งกลับไปนั้น นันนลินทร์นำไปใช้จ่ายเกี่ยวกับค่ารักษานายสมพรผู้เป็นพ่อหมดแล้ว
'หนิง แม่ขอโทษจริงๆ นะที่ให้ลูกอยู่ที่นี่ด้วยไม่ได้' หล่อนมาตัวคนเดียว ตั้งแต่มีเพียงเสื่อผืนหมอนใบ มาทำงานโรงแรมได้เพียงไม่นานก็พบรักกับเศรษฐีชาวอาหรับที่นี่ แม้ว่าสามีใหม่ของหล่อนจะรวยมากแค่ไหน ทว่าชีวิตจริงสำหรับหล่อนที่เข้ามาเป็นภรรยาลำดับที่ 5 ของเขา มันไม่ได้สวยหรูขนาดนั้น
เพียงแค่ทุกวันที่ตื่นเช้าขึ้นมาหล่อนก็ต้องเหนื่อยกับการสู้รบตบมือกับเหล่าเมียๆ ทั้งหลายของเขาแล้ว แม้จะเคยได้ยินมาว่าภรรยาเหล่าเศรษฐีอาหรับจะต้องยอมรับและใจกว้างกับภรรยาตำแหน่งรองก่อนจะได้ตบแต่งเข้ามาอยู่ในบ้าน
ทว่าไม่ใช่กับคฤหาสน์หลังนั้น อีกทั้งสามีใหม่ของหล่อนเองก็ไม่ยอม หากนันนลินทร์จะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับลูกแท้ๆ ของเขาทั้งหลาย มันเลยไม่สวยงามดั่งที่คิดเอาไว้
และไม่ใช่ว่านิรณีจะไม่เคยบอกเรื่องที่หล่อนมีลูกมาก่อน สามีใหม่หล่อนรับรู้ดี ทว่าด้วยความคิดและธรรมเนียมที่ต่างกันนันนลินทร์จึงไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้
'ถ้าหนิงไม่อยากกลับไทย อาบีร์เขายินดีจะให้ที่อยู่แบบอพาร์ทเม้นท์ หรือที่ไหนก็ได้ถ้าหนูโอเค'
ที่ไหนก็ได้ ทว่าไม่ใช่ที่บ้านหลังนี้
'ฮึกกก แต่หนิงมาที่นี่เพื่อมาอยู่กับแม่'
'แม่เข้าใจลูก แต่มันไม่ได้จริงๆ'
'หนิงจะหางานที่นี่ทำ แม่ไม่ต้องห่วง ขอแค่หนิงได้อยู่กับแม่ หนิงจะไม่รบกวนเขา'
การมาที่นี่ของหล่อน ไม่ได้หวังจะมาเกาะนิรณีแต่อย่างใด แม่ของหล่อนไม่ได้ทำงานอะไรเลยด้วยซ้ำนอกจากตื่นเช้าขึ้นมาแต่งหน้าแต่งตาสวย ดูแลจัดการบ้านเรือนตามที่สามีต้องการ หากหล่อนจะมาเบียดเบียนใช้จ่ายเงินของผู้ชายคนนั้น เห็นทีว่าจะไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก และหล่อนก็จะไม่ทำ
'หนิงจะไปหางานที่ไหนลูก? งานที่นี่มันหนักเอาเรื่องอยู่นะลูก หนิงจะไหวเหรอ?'
'ถ้าหนิงหาไม่ได้ หนิงจะกลับไทยเองค่ะ แม่ไม่ต้องห่วง แต่ขอให้หนิงได้ลองดูก่อน' เรื่องภาษาหล่อนพอได้ เพราะระดับเด็กทุนเรียนดีเกียรตินิยมเหรียญทองอย่างหล่อนเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา
'แม่ขอโทษ และรู้สึกผิดต่อลูกจริงๆ' มือของหล่อนกุมมือลูกสาวเอาไว้แน่น
'รับเงินนี้ไว้ และเอานี่ไป... คืนนี้หนิงไปนอนที่นี่ก่อนนะลูก' นามบัตรใบหรูที่สามารถพาหล่อนไปยังสถานที่สุดหรูแห่งหนึ่งในรัฐดูไบถูกยื่นมาพร้อมกันฟ่อนเงินปึกใหญ่ มือบางยอมรับเอาไว้ คราวนี้หล่อนต้องยินยอมรับเอาไว้เพื่อความอยู่รอดของหล่อนเอง เงินที่เก็บสะสมมาจากไทยก็เหลือน้อยนิด หากไม่มีเงินก้อนนี้จากนิรณีหล่อนอาจจะลำบากได้
@โรงแรมแห่งหนึ่ง
โรงแรมแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมานานหลายปี เป็นโรงแรมสัญชาติไทยที่เข้ามาขยายสาขาถึงที่นี่ โรงแรมระดับ 6 ดาว ตั้งตระหง่านสวยอยู่ที่ Mirage beach ของรัฐดูไบ
ไม่รู้ว่านิรณีมีเส้นสายที่นี่ด้วยเรื่องอะไร เพียงแค่หล่อนยื่นนามบัตรนี้ให้เจ้าหน้าที่พวกเขาต่อสายตรงไปหามารดาของหล่อนเลยทันที หรือคงจะเป็นอิทธิจากสามีใหม่ผู้ร่ำรวย แต่อย่างไรก็แล้วแต่คืนนี้หล่อนมีที่ซุกหัวนอนแล้ว
“ห้องนี้อยู่ชั้นที่ 14 นะคะ กระเป๋าเราให้พนักงานนำไปให้แล้ว เชิญตามสบายเลยค่ะ”
ด้วยความที่เป็นโรงแรมสัญชาติไทย ย่อมมีพนักคนไทยอยู่ที่นี่ นับว่าเป็นโชคดีของนันนลินทร์ที่อย่างน้อยการมาอยู่ต่างแดน หล่อนก็ยังได้เจอคนไทยที่นี่อีกด้วย
“เดี๋ยวมีเจ้าหน้าที่ยกสัมภาระที่เหลือขึ้นไปให้นะคะ เชิญคุณนันนลินทร์พักผ่อนตามสบายได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวกำชับกระเป๋าสะพายใบเล็กของตน ทิ้งไว้แต่สัมภาระสี่ล้อลากให้เจ้าหน้าที่จัดการต่อ ก่อนที่จะเดินไปยังลิฟท์หรู เพื่อที่จะขึ้นไปยังห้องพัก
ขณะที่อยู่ในลิฟท์กำลังจะเตรียมตัวกดไปที่ชั้น 14 ก็ดันมีผู้มาใหม่เข้ามาก่อน
“W Wait Wait!”
ชายร่างสูงราวร้อยแปดสิบปลายๆ หลุดเข้ามาในลิฟต์ จากระยะสายตาของนันนลินทร์ที่มอง เขาหน้าตาเหมือนคนเอเชียหุ่นดีราวกับนายแบบที่หลุดออกมาจากนิตยสาร ทว่าสำเนียงภาษาอังกฤษของเขานั้นราวกับเป็นเจ้าของภาษาเอง
มือหนาของเขากดไปยังชั้น 15 ซึ่งห่างจากหล่อนเพียงชั้นเดียว ใบหน้าเพียงครึ่งซีกเดียวที่นันนลินทร์สามารถมองได้ เพียงเท่านี้ก็ทำเอาใจของหล่อนปั่นป่วนเข้าแล้ว
กลิ่นน้ำหอมของเขามีรสนิยมต่างจากชาวอาหรับทั่วไปที่มักจะใช้น้ำหอมกลิ่นแรงแทบฉุนจมูก ทว่ามันกำลังเป็นกลิ่นที่พอดีสำหรับจมูกของหล่อนและกลิ่นนี้มันช่างน่าหลงไหลจนอยากจะขยับตัวเข้าใกล้ให้มากกว่านี้
เสียงสัญญาณในลิฟต์ดังขึ้นบอกให้รับรู้ว่าตอนนี้ถึงที่หมายแล้ว นันนลินทร์ก้าวขาออกจากลิฟท์โดยที่อีกคนเบี่ยงตัวหลบทางให้หล่อนได้เดินสะดวก ทว่ายังไม่ทันได้ออกไปไหนไกลสายตาเจ้ากรรมดันอยากจะหันไปมองหน้าเขา แล้วดันปะทะเข้ากับสายตาคมคู่นั้นอย่างบังเอิญ
เขามองหล่อนอยู่เช่นกัน จังหวะนั้นไม่มีใครเอื้อนเอ่ยประโยคใดออกมา ก่อนที่หล่อนไล่สะบัดความคิดบางอย่างที่เพิ่งก่อตัวขึ้นในหัว รวบรวมสติได้แล้วพาตัวเองไปยังห้องพักตามที่พนักงานต้อนรับได้บอกเอาไว้
The end6 เดือนต่อมาบรรยากาศที่ต่างจังหวัดแห่งหนึ่งของไทย ที่เขาใหญ่ในช่วงฤดูหนาวเต็มไปด้วยความงดงาม บ้านพักตากอากาศของคุณย่าของธาฎาที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติถูกจัดตกแต่งด้วยดอกไม้สดหลากสีสัน เต็มไปด้วยความอบอุ่นและโรแมนติกสำหรับงานแต่งงานธาฎาในชุดสูทสีขาว เดินตรวจดูความเรียบร้อยของงานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพอใจและความสุขทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบสำหรับวันนี้ เพราะวันนี้ไม่ใช่แค่วันแต่งงานของเขา แต่เป็นวันที่เขาได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้หญิงที่เขารักที่สุดนันนลินทร์ยืนอยู่ในห้องแต่งตัว สวมชุดเจ้าสาวสีขาวเรียบหรูที่มีลูกไม้ประดับอย่างประณีต หล่อนหันมองตัวเองในกระจก มือแตะท้องเบาๆ ราวกับย้ำกับตัวเองว่าทุกอย่างที่ผ่านมาคือเรื่องจริงนางนิรณียืนอยู่ข้างๆ คอยช่วยจัดชายกระโปรงและให้กำลังใจลูกสาว “แม่ภูมิใจในตัวหนิงนะลูก วันนี้ลูกดูสวยที่สุดเลย”นันนลินทร์หันมายิ้ม “ขอบคุณนะคะแม่ ถ้าไม่มีแม่ หนิงคงไม่มีวันนี้”เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่คุณเยาว์และสุชาฎาจะเดินเข้ามา พร้อมกับหยุดมองหล่อนราวกับตกตะลึงในความงาม พวกเธอเดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือออกไปจับมือหล่อนเบาๆ“คุณหนิง…สวยมากเลยค่ะ” นันน
ตอนที่ 32/31 สัปดาห์ถัดมา นางนิรณีมาอยู่ดูแลลูกสาวในช่วงเช้า สัปดาห์ที่ผ่านมาเธอรู้ว่าธาฎาแวะเวียนมาทำคะแนนกับนันนลินทร์ลูกสาวเธอแบบไม่ว่างเว้นเธอเองก็ยอมเปิดทางให้ ถึงได้ไม่ค่อยแวะมาหาลูกสาวที่โรงพยาบาล จนกระทั่งวันนี้มีคำสั่งจากหมอเจ้าของไข้แล้วว่าอาการของนันนลินทร์นั้นดีขึ้นมากแล้ว และสามารถออกจากโรงพยาบาลไปได้ส่วนหลังจากนี้นันนลินทร์อาจจะยังต้องใช้ไม้เท้าเพื่อพยุงตัวไปก่อน จนกว่าอาการจะหายเป็นปกตินางนิรณีนั่งลงข้างเตียง มองสำรวจใบหน้าลูกสาวอย่างพิจารณา “ดูดีขึ้นเยอะเลยนะลูก ดีใจไหมจะได้ออกจากโรงบาลแล้วนะ”คำถามนั้นทำให้นันนลินทร์ชะงัก หล่อนหลุบตาลงมองมือที่วางอยู่บนตัก “ดีใจสิคะแม่”“ดีแล้ว แม่อย่กจะให้หนิงดู ว่าบ้านที่แม่ซื้อไว้ที่นี่นั้นสวยมากแค่ไหน ถ้าหากเราฟ้องศาลชนะ...อัญญามาอยู่ที่นี่กับเรา แม่จะทำห้องสวยๆ ให้อัญญา”นางนิรณีพูดแฝงไปด้วยเลสนัย เธออยากรู้ตอนนี้ในใจของลูกสาวตนเองจะคิดเห็นเช่นไร กับเรื่องที่เคยอยากจะทำ “ธาฎาจะได้รับกรรม เหมือที่หนูเคยบอก” เธอพูดขยี้ให้ลูกสาวได้รู้สึกตัวไปอีก“แม่คะ...คือหนิง”“ว่าไงล่ะลูก? แม่น่ะคุยกับคุณนนท์เขาแล้วนะลูก”คำพูดของผู้เป็นแม่
ตอนที่ 32/2 หล่อนหลุบตามองพื้นอย่างครุ่นคิด ภายในใจมีทั้งความลังเลและความหวังที่แทรกเข้ามาในเสี้ยววินาที“ฉัน...ฉันยังตอบคุณไม่ได้ตอนนี้หรอก” นันนลินทร์พูดเสียงเบา “ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา คุณเองก็ทำตัวดีๆ ก็แล้วกัน”ธาฎายิ้มบางๆ ก่อนจะพยักหน้า เขาดีใจไม่ใช่น้อยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น นันนลินทร์พูดราวกับว่าหล่อนกำลังบอกกลายๆ ว่าหล่อนให้โอกาสเขาแล้ว“เมื่อกี้เธอหมายความว่าไง?” ร่างสูงผละจากเปลนอนลูกน้อยเมื่อเห็นว่าลูกหลับสนิทแล้ว เขาเดินเข้ามาใกล้คนป่วยบนเตียง นันนลินทร์แอบถอนหายใจ รู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าสู่เขาวงกตแห่งความรู้สึกอีกครั้ง“ก็ตามที่พูด...คุณเข้าใจยากตรงไหน?” “ไม่...หนิง ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหม? เธอให้โอกาสฉันแล้ว” “ให้โอกาสแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำยังไงกับฉันเหมือนเดิมก็ได้”“ผมจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง...ทั้งเธอและลูก”แม้คำพูดของเขาจะดูมั่นคง แต่นันนลินทร์ยังไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองหวังมากเกินไป หล่อนเพียงมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนลงเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะพยายามคว้าเอาไม้เท้าที่อยู่ไม่ไกลนัก เพื่อหวังจะทาง ทว่าหล่อนกลับคว้ามันไม่ถึง จนทำให้เขาต้อง
ตอนที่ 32/1เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงวัน ธาฎาป้อนอาหารลูกอีกครั้งจนอิ่ม โชคดีจริงๆ ที่เตรียมทั้งของใช้และอาหารมาพร้อมทุกอย่าง อัญญาจึงไม่งอแง คุณพ่อมือใหม่จัดการประกอบเปลนอนแบบพกพาสำหรับเด็กขึ้นภายในห้องพักผู้ป่วย เขามุ่งมั่นทำมันด้วยความจริงจัง ขณะเดียวกันที่เจ้าของเปลนอนตัวจริงก็เริ่มตาเยิ้มลงมาก เป็นสัญญาณว่าอัญญานั้นง่วงเต็มที่แล้ว การกระทำของธาฎานั้นอยู่ในสายตาของคนที่กำลังกล่อมลูกนอนบนตัก หล่อนไม่คาดคิดว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่พ่อของลูกมีความใส่ใจและทำทุกอย่างให้ลูกได้มากมาย ทั้งที่หน้าที่แบบนี้ส่วนมากจะเป็นแม่ของลูกทำซะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวไหนก็ตามแต่ สายตาคู่สวยมองเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย หล่อนยังจำภาพในอดีตของผู้ชายคนนี้ได้ดี ภาพของเขาที่เย็นชา ดื้อรั้น และไม่เคยแยแสต่อคำขอร้องใดๆ ของหล่อน แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมากจนขนลุก“คุณทำเองเป็นหมดเลยเหรอ?” หล่อนถามขึ้นในขณะที่ลูบหัวลูกสาวเบาๆ ที่หลับคาตักธาฎาที่กำลังจัดหมอนในเปลให้เรียบร้อย หยุดมือชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแม่ของลูก“ฉันเคยเสียหลักครั้งหนึ่งตอนที่เธอจากไป วันๆ ไม่ยอมไปทำงาน กินแค่เหล้า เสเพไปวันๆ เพียงแค่อย
ตอนที่ 31/3เช้าวันถัดมา แสงแดดอ่อนยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างของโรงพยาบาล ธาฎาก้าวลงจากรถพร้อมลูกสาวตัวน้อยในอ้อมแขน เขาสะพายเป้เล็ก ๆ ที่บรรจุของใช้ของอัญญาไว้เต็มแน่น หลังจากวันนี้อนุญาตให้เรืองฤทธิ์ สุชาฎา และคุณเยาว์ได้ออกไปใช้ชีวิต เที่ยวชมเมืองทะเลทรายแห่งนี้เขาใช้เวลาไม่นานนักก็เดินเข้าไปยังตึกพักฟื้นผู้ป่วยทันที อัญญาในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนยิ้มแย้มแจ่มใส มือเล็ก ๆ จับไหล่ของพ่อแน่น สายตาซุกซนของเธอชำเลืองมองรอบข้างด้วยความตื่นเต้น ธาฎาหันไปมองลูกสาว ยิ้มบาง ๆ ออกมา ถึงแม้ในใจเขาจะเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อมาถึงหน้าห้องพักของนันนลินทร์ เขาหยุดยืนชั่วครู่ สูดหายใจลึกเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะผลักประตูเข้าไปอย่างเบามือนันนลินทร์ที่เพิ่งตื่นและกำลังพยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียงหันไปมองอย่างตกใจเมื่อเห็นเขา“คุณมาทำไมอีก...” หล่อนถามเสียงแผ่ว แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจเขาไม่ได้ตอบในทันที แต่วางอัญญาลงบนเตียงข้าง ๆ หล่อนลูกสาวตัวน้อยแม้จะไม่เจอหน้าแม่มานาน แต่กลับมีความรู้สึกถึงสายใยผูกพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างเหนือความคาดหมายอัญญาโผเข้ากอดนันนลินทร์ หลังจากที่พ่อของเขาปล่อยลงใส่เตียง ใบ
ตอนที่ 31/2 น้ำตาของนันนลินทร์ไหลออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ แม้จะพยายามซ่อนเร้นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจ แต่ในที่สุดทุกอย่างก็แตกออกมาเป็นน้ำตาอย่างไม่รู้ตัว “คุณกลับไปเถอะ...” นันนลินทร์พูดเสียงสั่น พยายามสะกดอารมณ์ให้ตัวเองสงบลง แต่ก็ยากเกินไป หล่อนมองดูสภาพตนเองในตอนนี้ ช่างน่าสมเพชเหลิอเกิน ไม่อยากให้อัญญาจะต้องมาเห็นสภาพแม่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย “ทำไม?” “ก็ฉันบอกให้กลับก็คือกลับไง! พูดไม่รู้เรื่องเหรอ!?” หล่อนพูดทั้งน้ำตา พลางมองไปมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากพยาบาลหรือใครสักคนที่อยู่แถวนี้ “ฉันไม่ได้ตั้งใจมาทำให้เธอรู้สึกแย่นะ ฉันพาลูกมาให้กำลังใจเธอ ขอแค่ฉันกับลูกได้...” “ฮึกกก! กลับไป! อย่าพาลูกมาลำบากที่นี่” “ไม่...หนิง คือฉัน” “คุณพยาบาลคะ! ช่วยด้วยค่ะ!” เสียงเรียกของนันนลินทร์ดึงความสนใจจากพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงและรีบเดินเข้ามาด้วยท่าทางเป็นห่วง “มีอะไรให้ช่วยคะ คุณหนิง?” พยาบาลสาวต่างชาติถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาแสดงความกังวลกับกลุ่มคนไทยตรงหน้าที่กำลังยืนคุยอยู่กับคนไข้ แม้ว่าจะฟังภาษาไทยไม่ออก ทว่าตามความรู้สึกของพยาบาลแล้ว พวกเขาน่าจะพูดยางอย่างให้กระทบกระเท
Comments